เขาผู้ถูกใส่ร้าย

เช้าวันนี้เกิดคดีสะเทือนขวัญ เมื่อมีข่าวการจับกุมเด็กชายอายุเพียงสิบสี่ปี ในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเด็กหญิงวัยสิบสอง ทั้งๆที่หลักฐานไม่เพียงพอ แต่กุมในทันที พร้อมกับใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ถูกชาวโซเชียลตามหากันจนเจอ เสียงด่าและสาปแช่ง รุมประณามและตัดสินเขาทันที รวมถึงครอบครัวของเด็กหนุ่มที่โดนกระแสสังคมโจมตีอย่างหนัก

"ท่านสารวัตรค่ะ สรุปนายวีรยุทย์ เป็นผู้ลงมือกระทำจริงๆไหมคะ" นักข่าวสาวคนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปสัมภาษณ์แทบจะทันที รวมถึงกลุ่มนักข่าวที่รอทำข่าวกันเต็มหน้าโรงพัก

"ก่อนจะเอ่ยชื่อเขาออกไป กรุณารอความจริงให้กระจ่างก่อนนะครับ เด็กยังเป็นผู้ต้องสงสัยเท่านั้น และยังเป็นเพียงเยาวชน กรุณาใช้คำพูดที่เหมาะสมด้วย" สารวัตรไพบูลย์เอ่ยเตือน

"แล้วตอนนี้ ความคืบหน้าของคดีละครับท่าน" นักข่าวชายช่องดังตะโกนถาม

"เดี๋ยวผมได้ผลสรุปการสอบสวนยังไง เดี๋ยวผมจะแถลงการณ์อีกที ตอนนี้ยังไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆได้ เดี๋ยวจะมีผลกับคดี" พูดจบ สารวัตรไพบูลย์ก็เดินออกไปทันที ทิ้งให้นักข่าวส่งเสียงเรียกกันอยู่ตรงนั้น

"ตามผู้กองเผด็จกับหมวดคเชนทร์มาหาพบผมด่วน" สารวัตรหนุ่มใหญ่กล่าวกับร้อยเวร ก่อนจะเดินไปรอที่ห้องทำงาน

"เอามากันแล้ว เชิญนั่งก่อนผู้กอง หมวด" เขาผายมือเชิญทั้งสองคนให้นั่งลง 

"ผมจะให้พวกคุณตามสืบคดีนี้ ผมดูแล้วมันมีความผิดปกติมาก มีความเป็นไปได้ว่าจะมีการจับผิดตัวกันเกิดขึ้น" พูดจบก็ยื่นเอกสารให้ผู้กองเผด็จและหมวดคเชนทร์คนละชุด

"เอาไปอ่านดู เรื่องนี้พวกคุณจะต้องสืบกันอย่างลับๆเข้าใจไหม" สารวัตรหนุ่มใหญ่กำชับ

"ครับท่าน"ทั้งคู่รับคำอย่างแข็งขัน

"ผมก็รู้สึกแปลกๆกับคดีนี้ มันเหมือนจะมีอะไรที่มากกว่านี้แน่ๆ" ผู้กองเผด็จพูดออกมาพร้อมมองหน้าหมวดคเชนทร์ที่มีความรู้สึกไม่ต่างกัน เรื่องนี้มันจะต้องมีอะไรมากกว่าที่ตาเห็น

"ผมจะทำคดีนี้อย่างสุดความสามารถครับ ถ้าเด็กมันผิดจริงทำจะถือว่าเซนต์ของผมมันทำงานผิดพลาดเอง" ผู้หมวดหนุ่มกล่าวออกมา ทั้งสองต่างก็คุยรายละเอียดกับสารวัตรหนุ่มใหญ่ ก่อนจะเตรียมไปพบเด็กที่สถานพินิจ

หลังจากที่หมวดคเชนทร์และผู้กองเผด็จมาถึง ก็ขอเข้าพบกับเด็กหนุ่มทันที ซึ่งผู้หมวดหนุ่มก็เห็นความผิดปกติของผู้ดูแล ที่มีสายล่อกแล่กอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าไม่อยากให้เขาได้เขาไปคุยกบเด็กยังไงยังงั้น

"วีรยุทย์เธอช่วยเล่าเหตุการณ์คืนนั้นให้ฉันฟังอีกรอบได้ไหม มันเพื่อตัวเธอเองนะ ฉันมั่นใจในตัวเธอ ขอแค่พูดความจริง" เด็กชายไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เด็กหนุ่มร้องขอสมุดและปากกา และเด็กชายก็เริ่มเขียนเรื่องราวทั้งหมดลงไปในนั้น

ย้อนกลับไปในวันที่15 พฤษภาคม พศ. 25xx ในเย็นวันนั้นเด็กหนุ่มกำลังเดินกลับจากบ้านเพื่อนในละแวกที่ไม่ได้ไกลนัก เขาปั่นจักรยานไปจนถึงหน้าโรงเรียนที่เขากำลังเรียนอยู่ ก่อนที่เขาจะพบกับเด็กหญิงแพรว ซึ่งเป็นรุ่นน้องของตัวเอง 

"เธอถามผมว่า ช่วยปั่นจักรยานไปส่งได้มั้ย แพรวมันบอกว่านัดกับเพื่อนไว้ตรงสี่แยก เพื่อที่จะไปเดินหาอะไรกินที่ตลาดโต้รุ่ง ผมเห็นว่าแพรวมันเป็นน้อง ที่สำคัญเป็นเด็กผู้หญิงด้วย ผมก็เลยไปส่ง ตอนนั้นน่าจะประมาณหกโมงตรงนะครับ ตอนที่ผมไปส่งแพรวถึงที่แล้ว" เด็กหนุ่มเขียนบรรยายออกมา พร้อมกับมองตำรวจทั้งสองคน ที่เหมือนที่พึ่งสุดท้ายของเขาแล้วจริงๆ

วันนั้นจนดึกดื่น พ่อแม่ของแพรวก็ยังไม่เห็นลูกสาวกลับมาบ้าน ดังนั้นสองสามีภรรยาจึงได้รีบไปแจ้งความ เช้าวันรุ่งขึ้น เจ้าหน้าที่ ที่รับทำคดี ได้ระดมกำลังปูพรมออกเดินค้นหา ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่ผู้กองเผด็จและหมวดคเชนทร์หยุดพักพอดี ผ่านไปสองวันในป่าพื้นที่รกร้าง ซึ่งห่างจากจุดที่เด็กหนุ่มไปส่งเหยื่อไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร พวกเขาก็พบศพของเด็กหญิงแพรว ที่ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า และถูกเข็มขัดของตัวเองรัดคอจนเสียชีวิต เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว จึงทำให้ศพมีสภาพเน่าเปื่อย จากคดีเด็กหายจึงกลายเป็นคดีฆาตกรรมทันที

"จู่ๆวันก่อนโน้นตำรวจก็เข้ามาหาผมที่โรงเรียน โดยไม่ได้แจ้งให้พ่อแม่ผมทราบเลย แล้วก็ไม่ได้จัดหาทนายให้ผม ผมก็เล่าทุกๆอย่างในวันนั้นให้เขาฟังว่าเหตุการณ์มันเป็นยังไง ผมส่งแพรวแล้วผมก็กลับทันที" เด็กชายหยุดคิดไปนิดหนึ่งก่อนจะจดลงในกระดาษต่อ

"ผมหันหลังกลับไปมอง ก็เห็นว่าแพรวขึ้นรถเก๋งสีดำ เป็นรถรุ่นใหม่ที่ราคาน่าจะแพงมาก รถคันนั้นมีสปอยเลอร์หลังและไฟท้ายขนาดใหญ่ ผมยืนอยู่ตรงทางเพียงชั่วครู่ ก่อนจะขับรถเข้าซอยไปเพื่อกลับบ้าน" เด็กหนุ่มจดลงในสมุดอย่างใจเย็น

"แต่ยังไม่ทันได้กลับบ้าน ผมก็เจอกลุ่มเพื่อนๆที่ชวนไปเตะบอล ผมจึงไปเตะบอลต่อพักหนึ่ง จนผมได้ยินเสียงนาฬิกาขนาดใหญ่ของโรงเรียนดังขึ้นว่าเป็นเวลาสองทุ่ม พวกผมจึงพากันแยกย้ายกันกลับบ้าน วันนั้นตำรวจเค้นถามผมถึงเจ็ดชั่วโมง แล้วเขาก็ถามชื่อกลุ่มเพื่อนที่ไปเตะบอลด้วยกัน ซึ่งผมก็ได้บอกไปจนหมดแล้ว" เด็กหนุ่มแสดงสีหน้าออกมาอย่างขมขื่น

"ตำรวจบอกว่าเขามีพิรุธหลายอย่าง แล้วพูดว่าผมไม่ได้ไปส่งแพรว แต่พาแพรวไปอีกทาง เพื่อข่มขืนและฆ่าเธอ แล้วจู่ๆก็มีเพื่อนของแพรวออกมาบอกว่าผมเคยคบกับเขา ทั้งๆที่พอจะรู้จักผ่านแพรวบ้าง เธอหาว่าผมขอมีอะไรกับเธอ ทั้งๆที่มันไม่เป็นความจริงสักนิด" เด็กหนุ่มได้แต่ร้องไห้ออกมา แล้วมองไปที่หมวดคเชนทร์และผู้กองเผด็จอย่างสื่อความหมาย

"เด็กคนนั้นเล่าว่า เขาชวนเธอไปในป่าที่เจอศพแพรว เพราะป่านั้นไม่ค่อยมีคนเข้าไป และเงียบมากซึ่งผมก็คงไม่ชวนเธอเข้าไปแน่ๆ เธอให้การไปแบบนี้ ผมเลยกลายเป็นเลวทันทีทั้งที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิด มีคนที่เห็นอีกคนบอกว่าผมพาแพรวเขาไปในป่านั้น ทั้งๆที่ผมไม่ได้พาไปเลย"

ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะเขียนจบ ผู้คุมก็เข้ามาบอกหมดเวลาแล้ว เด็กหนุ่มมองทั้งคู่อย่างอ้อนวอน พร้อมกับพูดออกมาว่า

"ช่วยผมด้วยนะครับ ผมไม่ได้ทำ" ก่อนที่เด็กหนุ่มจะถูกพาตัวออกไป

"หลังจากที่อ่านข้อมูลแล้วมันดูแปลกๆ ตั้งแต่มีเด็กสาวมาบอกเรื่องเคยคบกับวีรยุทย์แล้ว เหมือนคดีถูกเร่งทำให้จบๆไป งานนี้จะมีตำรวจในพื้นที่ของเราช่วยปกปิดหรือเปล่าต้องสืบกันต่อไป" ผู้กองเผด็จกล่าวออกมาในที่สุด 

Trrrrrrrrrrr....

"ครับจ่าพิชิต ไปเช็คกล้องจุดเกิดเหตุมาได้แล้วใช่ไหม ครับขอบคุณมากจ่า" ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา

"ดูท่างานนี้มันจะไม่ง่ายเสียแล้ว กล้องตรงจุดเกิดเหตุดันมาพังไปแล้ว" ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

"เอานะ รอผลตรวจจากสถาบันนิติเวชก่อน เผื่อเราจะได้เบาะแสเพิ่มเติม" ผู้กองหนุ่มพูดให้กำลังใจ

"เท่าที่อ่านคำพูดจากพยาน มีหลายคนมากที่คำให้การขัดแย้งกันเอง พวกเขายังเด็กมากไป บางครั้งก็อาจจะถูกชักจูงได้ ถึงจะบอกว่าเด็กสมัยนี้มันร้าย แต่ก็ใช่ว่าเด็กมันจะรู้เท่าทันผู้ใหญ่นะผู้กอง" ผู้หมวดหนุ่มยกมือขึ้นนวดขมับของตัวเอง

"ผมรู้สึกว่ามีพยานในนี้กำลังโกหกอยู่ เดี๋ยวผมจะไปสอบปากคำเพิ่มเติม เชื่อเถอะให้การไม่ตรงกันกับครั้งแรกแน่ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง" ผู้กองเผด็จพยักรับอย่างเห็นด้วย เด็กบางคนก็คงจะไม่รู้ว่าคำพูดโกหกของตนเองจะทำให้ชีวิตของใครพัง แต่กับคดีดังกล่าวตำรวจกลับเลือกที่จะเชื่อ โดยไม่ได้สืบหาความจริงอะไรเลย

"ว่างยังไงหมู่องอาจ ครับขอบใจมากหมู่ ตอนนี้หมู่อยู่ที่ไหน เดี๋ยวหมู่มารอผมกับผู้กองเผด็จนะ รอตรงนั้นเลย" เมื่อวางสายจากหมู่องอาจแล้วชายหนุ่มก็พูดเรื่องข้อมูลที่ได้รับมาใหม่ในวันนี้

"เห็นว่าพ่อของวีรยุทย์ไม่ถูกกับตำรวจที่รับทำคดี เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะใช้เด็กเป็นเครื่องมือแก้แค้น" หมวดคเชนทร์กล่าวออกมา

"แปลกนะ นายตำรวจคนนี้ เท่าที่ผมทราบมาเขาค่อนข้างอัธยาศัยดีอยู่นะหมวดเชนทร์" ผู้กองเผด็จแย้ง เพราะเขาค่อนข้างรู้จักคนๆนี้อยู่พอสมควร จะเป็นไปได้หรือที่จะมีใครแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออก

"คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจนะครับผู้กอง" เผด็จนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

เมื่อมารวมตัวกันแล้ว ผู้กององอาจก็อ่านข้อความทั้งหมดที่วีรยุทย์ได้เขียนลงไปให้ทุกคนได้ฟัง 

"แปลกจริงๆนะครับผมว่า ถ้าเด็กมันไม่ผิดจริงๆ ก็ไม่เท่ากับทำลายอนาคตและฆ่าเด็กมันทางอ้อมหรอกหรือ" หมู่องอาจพูดออกมาอย่างเห็นใจ

"นั้นสิแปลกมาก แทนที่จะทำการสอบสวนให้ดีก่อน ก็ไปจับกุมผู้ต้องสงสัยทันที มีพิรุธหลายอย่างมาก วันนี้เราจะไปพบครอบครัวของเหยื่อและครอบครัวผู้ต้องสงสัยด้วย" ทุกคนได้แต่เห็นด้วยกับคำพูดของหมวดคเชนทร์

"ผมทราบมาว่าหลังจากพบศพของเด็กหญิงแพรวแล้ว เขาก็เข้าจับกุมนายวีรยุทย์ทันที เมื่อสอบปากคำครบสี่สิบแปดชั่วโมง ก็ทำเรื่องฟ้องว่าเด็กมันมีความผิด โดยไม่ทันได้สืบพยานอย่างถี่ถ้วนเลยด้วยซ้ำ แล้วอีกอย่างคำให้การของเด็กๆที่เห็นเหตุการณ์ก็ไม่สามารถนำใช้ได้เลย" ทุกคนได้แต่คิดหนัก เพราะคำพูดพวกนั้นไม่สามารถใช้เป็นพยานในชั้นศาลได้ ผู้หมวดคเชนทร์จึงเริ่มคิดดูไทม์ไลน์ทั้งหมดในหัวทันที

เลือกตอน
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 29

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!