คเชนทร์กับคดีปริศนาฆาตกรรม
เสียงความวุ่นวายภายในบ้านร้างหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านคนรวย หมู่บ้านใจกลางเมืองกรุง เมืองที่ไม่เคยหลับใหลเลยสักครั้ง ร่างสูงของ"ร้อยตำรวจตรี คเชนทร์ นาถเสถียร"เดินก้าวเข้ามาในจุดเกิดเหตุ ด้านนอกมีเหล่าบรรดาไทยมุงมายืนออกันเต็มไปหมด นักข่าวสายอาชกรรมต่างพากันยืนรอทำข่าวด้วยใจจดจ่อ
"สวัสดีครับผู้หมวด นั้นคือนายสงวนเจ้าของบ้านคนใหม่ครับ" จ่าพิชิตรีบรายงานทันที
"สอบปากคำแล้วหรือยัง" ชายหนุ่มถาม
"เขารอคุยกับผู้หมวดครับ ไม่ยอมปริปากอะไรเลย" ผู้หมวดหนุ่มจึงเดินเข้าไปหาพยานสำคัญ
"สวัสดีครับ คุณสงวน" ชายหนุ่มเดินเข้าทัก
"สวัสดีครับผู้กอง ผมสงวนเป็นเจ้าของใหม่ที่นี่"
"คุณสงวนพอจะเล่าได้ไหมครับ ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นยังไง"
นายสงวนมีท่าทีนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดถึงเหตุการณ์ที่ตนได้ไปพบเจอ พร้อมกับลูกน้องสองสามคน
ย้อนกลับไปก่อนเกิดเหตุการณ์
"อ้าวสวัสดีครับคุณสงวน สรุปว่าคุณสนใจจะซื้อบ้านหลังนี้ใช่ไหมครับ" นายธานี นายหน้าจัดซื้อบานและที่ดินเข้ามากล่าวทักทาย ว่าที่เจ้าของบ้านคนใหม่
"บ้านหลังนี้ ถ้าซ่อมแซมก็คงจะซ่อมไม่เยอะเท่าไหร่ ผมให้ลูกน้องเข้ามาสำรวจและถ่ายรูปไปให้ดูก่อนหน้านี้แล้ว ผมชอบนะ ผมเอาเลยก็แล้วกัน" นายธานีมีท่าทีดีใจอย่างปิดไม่มิด เมื่อรู้ว่าตัวเองขายบ้านหลังนี้ได้
"ถ้างั้นเรามาเซ็นสัญญาการโอนกรรมสิทธิ์กันได้เลยครับ" นายธานีหยิบเอกสารสำคัญทั้งหมดออกมา นายสงวนก็อ่านข้อมูลในเอกสารทั้งหมดอย่างพึงพอใจ ก่อนจะจรดปลายปากกาลงเซ็น
เขาเล่าให้นายตรวจหนุ่มฟังพร้อมกับแนะนำ ให้เรียกนายธานีมาสอบปากคำด้วย
"นายธานีเป็นนายหน้าหาบ้าให้ผม ลองไปถามเขาดูเพิ่มเติมนะครับผู้หมวด" คเชนทร์จึงเรียกจ่าพิชิต พร้อมกับกระซิบบอกงานที่จะให้ไปทำ จ่าพิชิตรับทราบและรีบออกไปดำเนินการตามคำสั่งทันที
"จริงๆผมกะจะเข้ามาทำความสะอาดตั้งอาทิตย์ก่อน แต่ก็ต้องมีเรื่องให้เลื่อนออกไป เห็นว่าบ้านหลังนี้มีห้องใต้ดิน ผมกะจะทำห้องเก็บไวน์ แต่ดันไปเจอถังเหล็กนี้เสียก่อน" นายสงวนหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเล่าเหตุการณ์ต่อ
"ผมกะจะขยับถังเหล็กนี้ออก แต่ว่ามันกลับมีน้ำหนัก ที่หนักมาก แถมตัวถังก็มีการปิดที่มิดชิดเป็นอย่างดี ผมสงสัยก็เลยให้ลูกน้องผมงัดฝาถังออก ก็นั่นแหละครับผู้หมวด แค่คิดก็สยองแล้ว" แค่คิดก็สยดสยองแล้ว เขาจำได้ติกดตาติดใจเลย
"ดูท่านะครับหมวด ถังนี้คงถูกเก็บมานานมากแล้ว สนิมจับจนเขรอะเลยละครับ" เขายังพูดถึงสิ่งที่ได้เห็นมาให้ผู้หมวดหนุ่มฟัง สายตาก็มองหน่วยพิสูจน์หลักฐาน ที่กำลังเก็บรวบรวมหลักฐานอยู่
"ผู้หมวดครับ หมอเปรมจะเอาถังนี้ไปตรวจสอบที่ห้องแล็บครับ เห็นแกบอกว่า ศพที่พบน่าจะโดนฆาตกรรมมาหลายปี เขาไม่อยากจะสูญเสียเบาะแสสำคัญ ถ้ายังจะตรวจสอบที่นี่ครับ"
"ให้เคลื่อนย้ายไปที่สถาบันนิติเวชได้เลย ยังไงก็ต้องเอาไปที่นั่นอยู่แล้ว"
นายตำรวจหนุ่มรับคำ ก่อนจะเดินไปแจ้งหมอเปรมว่าสามารถย้ายไปได้เลย เหลือไว้แค่เจ้าหน้าที่บางส่วนที่ยังคงเก็บหลักฐานแวดล้อมอยู่ หมอหนุ่มและทีมแพศย์จึงได้ทำการเคลื่อนย้ายศพออกไป ฝ่ายนักข่าว เมื่อเห็นว่ามีการย้ายถังออกมา ก็รีบถ่ายรูปกันแทบจะทันที เสียงฮือฮาดังไปทั่วบริเวณ
ทางด้าน"นายแพทย์ เปรม อัศวมนต์"นายแพทย์นิติที่รับผิดชอบชันสูตรในคดีนี้ เขาและผู้ช่วยเริ่มนำศพของเหยื่อออกมา สภาพศพ เป็นผู้หญิงในชุดเต็มตัว เป็นเสื้อผ้าสไตล์เก่าที่เป็นที่นิยมในยุคประมาณยี่สิบปีก่อน ภายในถังเหล็กพบเม็ดพลาสติกกลมสีดำและขาวเป็นจำนวนมาก และยังมีของเหลวสีเขียวจำนวนมาก จากการตรวจสอบพบว่า ของเหลวชนิดนี้ เป็นสีย้อมชนิดหนึ่ง สิ่งของที่แช่อยู่ในของเหลวนั้นมีกระเป๋าถือนั้นมีเครื่องสำอาง หวีและที่ดัดขนตา สมุดบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ และแหวนสองวง หนึ่งในแหวนสลักคำว่า"นีรนุช"อยู่บนตัวแหวน และมีจี้โลหะอีกหนึ่งอัน "ซึ่งตัวอักษรเริ่มรางเลือนไปแล้ว
"เป็นอย่างไรบ้างคะคุณหมอ" อนงค์นาถ แพทย์หญิงที่เป็นผู้ช่วยถามอย่างสนใจ
"คงต้องตรวจอย่าละเอียดนะแหละครับ แต่คงจะยากนิดนึง เพราะศพถูกแช่มานานจนมีบางส่วนเสียหายไปแล้ว" หมอพูดอย่างใช้ความคิด เขามองศพที่ถูกชำระล้างออกแล้วอย่างชั่งใจ
"ตอนนี้พยานหลักฐานที่สำคัญ ก็คือสมุดบันทึกโทรศัพท์นี้ หากเราสามารถเห็นสิ่งที่เขียนข้างในได้ อย่างน้อยเราก็มีโอกาสที่จะยืนยันตัวตน ของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่เนื่องจากสมุดโทรศัพท์ถูกแช่ในของเหลวมานานมากมาหลายปี ถ้าเราจะกู้เนื้อหา ก็คงจะยากมาก" หมอหนุ่มคิดอย่างถอดถอนใจ
หลังจากลงมือผ่าชันสูตร หมอเปรมก็พบกับเรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่า เมื่อเขาพบว่า มีศพทารกอยู่ในครรภ์ของเหยื่อด้วย และที่สำคัญมีอายุครรภ์ได้เก้าเดือนแล้ว
"จากการตรวจสอบ เธอโดนของแข็งทุบตีที่ด้านหลังศีรษะหลายครั้ง จนเธอเสียชีวิต" ชายหนุ่มได้แต่คิดสงสารผู้ตาย ที่ต้องมาจบชีวิตลงแบบนี้ ทั้งที่กำลังตั้งครรภ์จนใกล้จะคลอดแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีการยืนยันตัวตนของเหยื่อออกมา จากรายชื่อผู้สูญหายเมื่อประมาณปีพุทธศักราช 2530 พวกเขาไปค้นหาผู้หญิงที่มีรูปร่างผอม มีส่วนสูงประมาณ 160เซนติเมตร อย่างไรก็ตาม จากการเงื่อนไขคัดกรองดังกล่าว ก็ยังไม่เพียงพอ มีผู้สูญหายมากมายที่มีลักษณะแบบนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงฝากความหวังไว้กับหลักฐานในถังเหล็ก ดังนั้นทางตำรวจจึงปรับทิศทางการสืบสวนใหม่
"ถังเหล็กมีความจุ 55 แกลลอน ในตัวถังมันยังมีตัวเลขที่พิมพ์ไว้อยู่ แล้วก็มีชื่อโรงงานพิมพ์ไว้ด้วย โรงงานตั้งอยู่แถวลาดกระบังนี้เอง" คเชนทร์พูดอย่างมีความหวัง หลังจากนั้นเขาจึงเตรียมมุ่งหน้า ไปยังโรงงานนี้ทันที
เมื่อมาถึงโรงงาน หมวดหนุ่มก็แจ้งความประสงค์ออกไป เจ้าของโรงงานก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
"สวัสดีครับผู้หมวด มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ" เจ้าของโรงงานคนปัจจุบันถามอย่างสงสัย คเชนทร์ก็ยื่นภาพถังใบนั้นให้เจ้าของโรงงานดู หนุ่มแว่นก็รับมาดูแบบงงๆ
"้อ้อ อันนี้นะครับ มันคือปีที่ผลิต ซึ่งมันผลิตในปี 1985 ครับ นับจากวันนั้นมาก็สามสิบกว่าปีได้มั้งครับ ถังเหล็กนี้ ใช้บรรจุสีย้อมผ้าชนิดหนึ่งนะครับผู้หมวด เห็นว่าสีย้อมชนิดนี้หลังปี 1993 ก็ไม่ได้ผลิตออกมาอีกแล้วครับ" วิชิตเจ้าของโรงงานพูดอธิบายอย่างใจเย็น
เมื่อได้คำตอบแล้ว คเชนทร์ก็เชิญธานีและสงวนมาสอบปากคำใหม่ ซึ่งธานีก็บอกไม่รู้เลย เขาไม่เคยลงไปในชั้นใต้ดินสักครั้ง ฝ่ายสงวนก็บอกว่า เขาเห็นมันครั้งแรก ตอนที่แจ้งความไปนั่นแหละ เมื่อไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม เขาก็ปล่อยตัวไป แต่ก่อนจะไป ธานีก็ให้ข้อมูลสำคัญมาว่า
"ผู้หมวดครับ ลองไปถามคุณทรงกลดดูนะครับ เขาเป็นเจ้าของคนก่อนคุณสงวน เห็นเขาว่าภรรยาเจ้าของเก่าหายไป เห็นว่าหนีตามชู้ ลองไปสอบถามดูนะครับ" ธานีราวกับชี้ทางให้ชายหนุ่ม คเชนทร์ขอบคุณธานี ก่อนจะปล่อยนายหน้าหนุ่มใหญ่ไป
"ผู้หมวดครับ ผมไปตรวจสอบมาว่า ก่อนบ้านหลังนี้จะถูกขายมาถึงนายสงวน บ้านหลังนี้เคยมีเจ้าของมาแล้วสี่รายครับ" ชายหนุ่มยื่นมือไปรับรายชื่อเจ้าของบ้านทั้งสี่รายมาอ่านดู
"ขอบใจมากนะจ่า เดี๋ยวมีความคืบหน้ายังไง มาแจ้งผมด้วย" ชายหนุ่มกล่าวออกมา ก่อนที่จ่าพิชิตจะออกไป
เมื่อชายหนุ่มมาไล่เรียงเจ้าของบ้านคนที่สี่ นายทรงกลดก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
"จะว่าอย่างไรดีละครับ ตั้งแต่ผมซื้อบ้านหลังนี้มา มันก็มีของมันมาอยู่แล้ว และผมก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับมันเลย"ทรงกลดพูดพลางเอามือลูบแขน เขารู้สึกขนหัวลุก เมื่อได้รู้ว่า ตัวเองได้อยู่ในบ้านที่มีศพมานานหลายปี
"คุณลองติดต่อไปที่คุณพจน์นะครับ ผมซื้อบ้านมาจากเขาแหนะ" ทรงกลดแนะนำนายตำรวจหนุ่ม เมื่อเห็นว่าสอบถามแล้วไม่ได้อะไรเพิ่มเติม ชายหนุ่มก็ปล่อยนายทรงกลดให้กลับไป
เมื่อคเชนทร์และทีมสืบสวน ตรวจสอบไปเรื่อยๆก็ทราบได้ว่า ถังเหล็กใบนี้มีมาตั้งแต่เจ้าของบ้านคนแรกแล้ว นั้นก็คือ "นายเปรมชัย ชลธรรม" เจ้าของสถานบันเทิงชื่อดังในสมัยก่อน ปัจจุบัน กิจการของนายเปรมชัยก็มีนายเปรมปรีดิ์ ชลธรรม ลูกชายคนโตบริหารอยู่ หลังเกษียณตัวเอง นายเปรมชัยก็ย้ายไปพำนักที่จังหวัดลำปางกับภรรยา
"เราต้องลองสอบถามเพื่อน และผู้อาศัยใกล้เคียงดู เผื่อได้อะไรบ้าง เผื่อจะมีใครรู้จักครอบครัวนี้" ชายหนุ่มพูด ก่อนที่ทุกคนจะลองไปสอบถามชาวบ้านละแวกนั้น
"อุ้ย..คุณตำรวจมาถูกที่แล้วค่ะ ดิฉันก็พอรู้มาบ้างว่า" แล้วหญิงข้างบ้านคนนั้นก็เล่าสิ่งที่พอจะรู้ให้ผู้หมวดหนุ่มฟัง
"เนี่ยตอนนั้นคุณเปรมชัยมาชวนสามีดิฉันลงทุนเรื่องการทำโรงงานพลาสติกนะคะ สามีดิฉันก็ร่วมลงทุนไปไม่น้อยเลยตอนนั้น แต่ก็ทำได้ไม่นาน ก็มีเรื่องการทุจริตนะคะ สามีดิฉันก็เลยถอนหุ้นออก ตอนนี้ได้ยินแค่ว่า โรงงานปิดกิจการไปแล้ว"
หลังจากสอบถามพอได้ข้อมูลที่มีประโยชน์มาบ้าง คเชนทร์พยายามคิดว่ามีจุดไหนที่มันจะสามารถเชื่อมโยงกันได้บ้าง
"ผู้หมวดครับ เท่าที่ผมทราบมาว่า โรงงานของนายเปรมชัย เมื่อก่อนทำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับดอกไม้เทียม หญ้าเทียม และผลิตภัณฑ์อื่นๆด้วย ทั้งถ้วยชามพลาสติกก็ใช่ครับ เห็นว่าสินค้าค่อนข้างไม่ได้มาตรฐาน ก็เลยโดนสั่งปิดไปในปี2530ครับ" ดาบบัญชาพูดรายงานเกี่ยวกับสิ่งที่เขาไปได้ได้ข้อมูลมา
"จับตามองนายเปรมชัยต่อไป เราอาจจะได้เบาะแสชิ้นสำคัญก็ได้" ดาบบัญชาและจ่าพิชิตต่างก็รับคำอย่างแข็งขัน ชายหนุ่มตั้งมั่นเอาไว้ว่า เขาจะทวงความยุติธรรมให้กับเหยื่อรายนี้ให้จงได้ เขาขอสัญญา
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 29
Comments