ยุทธภพช่างวุ่นวายข้าขอตัวไปเขียนนิยายก่อน..
มืดชะมัด
นี่คือความคิดแรกเมื่อได้สติขึ้นมา
ไม่ทราบว่าใครมาปิดไฟอ่ะ
มองไม่เห็นอะไรเลย
เปิดไฟเดี๋ยวนี่!!
เสียงตะโกนออกมาตามความคิดทันที หากแต่เสียงที่ออกมานั้น
"แอ้ แอ้"
หืม..เสียงเด็ก
เด็กมาจากที่ไหนเล่าแถวนี้ไม่น่าจะมีเด็กนะ เป็นโรงพยาบาลที่แปลกจริง แล้วทำไมตอนนี้ถึงยังลืมตาขึ้นมาไม่ได้
"นะ..น้องหญิง ลูกของเรา ลูกของเราร้องออกมาแล้ว ขอบคุณ ขอบคุณสวรรค์"
เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังของชายคนหนึ่งดังขึ้นข้างๆ ใบหู ซึ่งมันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นปนดีใจอย่างล้นเหลือกับหญิงสาวคนรักที่ยังพักผ่อนจากการคลอดบุตรอยู่บนเตียงนอนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลลงมา
"จริงรึเจ้าค่ะ ขอข้าดูหน้าลูกของเราหน่อยท่านพี่" เสียงหวานปนแหบของหญิงสาวผู้เป็นมารดาของเด็กน้อยตัวแดง เอ่ยขึ้นขอดูหน้าบุตรจากอ้อมแขนของชายคนรักทันที
'เดี๋ยวก่อนนะ นี่มันเสียงใครกันพูดตอบโต้กันไปมาไม่หยุดเลย แล้วทำไมร่างกายถึงได้รู้สึกเหมือนประหนึ่งลอยไปลอยมาแบบนี้ เหมือนหนึ่งถูกคนนู้นอุ้มทีคนนี้อุ้มทีแปลกจริงๆ'
'อ่า..ลืมตามตาขึ้นมาได้ล่ะถึงจะไม่ชัดก็เถอะ โอ๊ะ ผู้หญิงคนนี้สวยจัง.. ส่วนผู้ชายอีกคนก็หล่อเหลาสุดๆ'
'นั่นไม่ใช่ประเด็นนะ ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ตอนนี้อยู่ที่ไหนและก่อนหน้านั้นทำอะไรอยู่ต่างหากก่อนที่จะมาอยู่ที่นี่'
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้หลังจากที่ทำงานให้คุณปู่เสร็จงานหนึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน ตั้งใจว่าจะขึ้นเหนือเพื่อไปเที่ยวเขาเพียงลำพัง เพราะเป็นคนชอบธรรมชาติมากไม่ว่าจะป่าที่ไหนถ้าว่างก็จะดั้นด้นเดินทางไปทันทีแม้จะมีอุปสรรคนิดหน่อยก็ไม่เป็นปัญหา
หลังจากที่เดินทางไปถึงก็จัดการกับสัมภาระสะพายเดินตามคนอื่นที่มาถึงก่อนหน้า เพราะทางที่ขึ้นไปบนนั้นเป็นเส้นทางเดียวที่จะสามารถเดินทางขึ้นไปบนดอยได้ หลังจากที่เดินทางเป็นชั่วโมง แม้จะมีเหงื่อที่ไหลลงมาบ้างแต่พอขึ้นมาเห็นวิวแล้วทำให้คนหายเหนื่อยได้ดีทีเดียว ก่อนที่จะหาพื้นที่สำหรับกางเต็นท์สำหรับคืนนี้
เช้ามืดร่างบางลุกออกจากเต้นท์ล้างหน้าล้างตา เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้น เพราะเคยมีคนพูดกันมากว่าที่นี้พระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าสวยมากแถมมีหมอกที่กั้นท้องฟ้ากับภูเขาเหมือนทะเลซึ่งมันสวยมากทีเดียว และมันไม่ทำให้ตนผิดหวังจริงๆ
จากตอนแรกที่วางแผนไว้ว่าจะอยู่เที่ยวที่นี่อีกสักสองวันจึงลงจากบนเขา แต่สุดท้ายก็ถูกเลื่อนออกไปเป็นในวันที่ห้าแทน ฉะนั้นจึงทำการแยกตัวออกมาจากกลุ่มนักท่องเที่ยว ห้าวันที่ผ่านมาเด็กสาวเดินสำรวจป่า ต้นไม้ที่รู้จักบ้างและที่ไม่รู้จักบ้าง รวมทั้งพบเจอพืชสมุนไพรที่เคยเห็นแต่ในหนังสือและดูสัตว์ป่าต่างๆ พลางสำรวจวิถีชีวิตของพวกมันไปด้วยอย่างสนุกสนาน เพราะนานๆ ครั้งวีแกนถึงจะได้เข้าป่าแบบนี้เหมือนสมัยเด็กๆ ที่ผู้เป็นพ่อเคยพาไปฝึกการต่อสู้อยู่บ่อยๆ
วันนี้ร่างบางของหญิงสาวตัดสินใจเดินทางย้อนกลับลงไปจากบนเขา ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักในจุดแรกถึงห้ากิโลเมตร ซึ่งที่ไม่กลัวหลงป่านั้นก็เป็นเพราะเป็นคนมีความจำที่แม่นยำและชอบสำรวจ เก็บรายละเอียดของทุกพื้นที่ที่ผ่านมา พอถึงเบื้องล่างที่เป็นตลาดเล็กๆ ของชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง ตั้งใจว่าจะซื้อของไปเป็นที่ระลึกสำหรับทุกคน จึงเดินเลือกซื้ออยู่เป็นเวลานานเพราะเลือกไม่ถูก สุดท้ายก็ได้แต่ของเล็กๆ น้อยๆ กลับไปให้พอเป็นพิธีจะได้ไม่ถูกบ่น หลังจากได้ของที่ระลึกครบจึงเดินไปรอรถบัสที่จะขึ้นมาทุกๆ ชั่วโมง
หลังจากนั่งรอไปสักพักจึงสังเกตเห็นถึงก้อนเมฆบนท้องฟ้าเริ่มตั้งเค้าทำท่าว่าฝนจะตกลงมาแล้ว ฉับพลันลมก็เริ่มแรงขึ้นทำให้ใบไม้ใบหญ้าปลิวว่อน และฝุ่นกระจัดกระจาย พอเหลียวมองด้านหน้าอีกทีบนถนนก็เริ่มมองเห็นรถบัสใกล้เข้ามาแล้ว
"เฮ้อ!มาสักที"
เปรี้ยง!!
อยู่ๆ สายฟ้าผ่าลงมาพร้อมกับสายฝน ทำให้ผู้คนรีบหาทีหลบฝนทันทีเนื่องจากฝนเริ่มตกหนักขึ้น ส่วนวีแกนก็รีบสะพายกระเป๋าขึ้นไปรถทันทีที่รถบัสวิ่งมาถึง
หลายชั่วโมงผ่านไปตอนนี้กำลังนั่งรถบัสกลับกรุงเทพฯอย่างสบายใจพร้อมฮัมเพลงไปด้วยเบาๆจากหูฟังพร้อมทั้งนั่งมองรถราสวนกันไปมาอย่างเพลิดเพลิน โดยไม่อาจรู้ว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้ากำลังจะมีเรื่องอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับตัวเองในไม่ช้า
ในเวลาต่อระหว่างที่รถบัสคันนี้กำลังที่เตรียมที่จะเลี้ยวเข้าท่ารถเพื่อส่งผู้โดยสารลงยังปลายทางอยู่นั่น ได้มีรถตู้คันหนึ่งขับสวนมาด้วยความเร็วสูงเนื่องจากฝ่าสัญญาณไฟแดงทำให้ทั้งสองฝ่ายชนกันอย่างแรงจนรถของทั้งสองฝ่ายพลิกคว่ำ
ปัง!! โครมม!!
"อะไร/กรี๊ด/อ๊าก/ช่วยด้วย"
เสียงผู้คนกรีดร้องดังระงม ทั้งตกใจ หวาดกลัว เจ็บปวด ร้องไห้จนวีแกนฟังไม่ได้ศัพท์ เพราะมันดังเหมือนแมลงหวี่ที่อยู่ในหูมันอื้อไปหมด
"กะ..เกิดอะไรขึ้นเนี่ย"
เพราะเหตุการณ์เมื่อกี้มันเกิดขึ้นเร็วจนทำให้วีแกนไม่ทันตั้งตัว และสายตาเริ่มพร่าจากอาการเลือดไหลเข้าดวงตา ร่างทั้งร่างก็รู้สึกปวดระบมไปหมด เพราะถูกกระแทกจนถึงตอนนี้วีแกนเริ่มไม่มีสติแต่ก็ยังพอรู้สาเหตุแล้วว่าเพราะอะไร
"อ่า รถชนงั้นหรอเนี่ย.."
สักพักหน่วยปฐมพยาบาลก็มานำร่างคนเจ็บที่ติดอยู่ออกมาจากข้างในรถและนำไปส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนเพราะคนไข้เสียเลือดมาก อาการปวดหัวก็มีมากขึ้นด้วย จนกระทั่งมาถึงโรงพยาบาลจึงค่อยๆหมดลมหายใจ!!
....................
...........
...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments