ณ สถานที่แห่งหนึ่งท่ามกลางความสันโดษที่มีเพียงป่าไม้และสัตว์ป่า แต่นั้นเองก็มีตึกอาคารหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางของป่าที่แห่งนั้นคือ สถานีวิจัยโคโคเลียสาขาอเมริกาใต้
ภายในสถานที่แห่งนี้คือ สถานีวิจัยเพื่อสร้างอาวุธในคราบมนุยษ์ที่แข็งแกร่งเหนือกว่าวาลคิรี่ภายในชื่อ[ซากุระ:S.A.K.U.R.A.•|•Soldier Ability Kukulcan Unbreakable Ruler Authenticity]โปรเจคพิเศษของผู้บังคับบัญชาโคโคเลียแห่งแอนตี้-เอ็นโทรปี::Anti-Entropy
และภายในห้องที่เต็มไปด้วยเหล่าเด็กนับพันที่ถูกลักพาตัวมา เพื่อทำการทดลองพวกเธอเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นเด็กสาวที่อายุยังน้อยร่างการค่อนข้างซูบผอมเนื่องจากส่วนใหญ่เด็กเหล่านี้คือ เหล่าเด็กยากไร้และขอทานที่ถูกทิ้งภายในสังคมอันโหดร้าย
“ครบจำนวนแต่ร่างกายพวกเธออ่อนแอเกินไป”
เมื่อมองขึ้นไปยังด้านบนอีกฝั่งหนึ่งของกระจกที่กั้นระหว่างห้องสังเกตการณ์กับห้องที่เหล่าเด็กทั้งหลายหลับนอนอยู่สายตาของหญิงสาวอันงดงามจับจ้องไปยังเหล่าเด็กๆ ที่จะใช้ในการทดลองด้วยความไม่พอใจที่สภาพของเด็กเหล่านี้ช่างอ่อนแอและเปราะบางเหลือเกิน
แต่ถึงอย่างของเธอก็ได้ไปสบตาเข้ากับเด็กสาวอยู่คนหนึ่งที่ดูโดดเด่นเป็นพิเศษแม้จะมีเด็กนับพัน แต่เด็กคนนั้นก็ยังคงโดดเด่นด้วยเส้นผมสีขาวเงินสีที่เปล่งประกายแม้อยู่ภายในความมืด รูปลักษณ์ที่ดูสมบูรณ์แบบเปรียบเหมือนเด็กคนนั้นเป็นเทพธิดาที่หลุดออกมาจากภาพวาด
“หืม…เหมือนว่าจะมีของที่ใช้ได้อยู่นิงั้นเลี้ยงให้พร้อมกว่านี้อีกหน่อยก็แล้วกัน”
โคโคเลียเธอนั้นตัดสินใจที่จะเลี้ยงดูเด็กเหล่านี้ภายในฐานแห่งนี้ เพื่อทำให้เด็กทั้งสามพันนั้นพร้อมสำหรับการทดลองเธอนั้นจะมอบทั้งอาหารและที่พักพร้อมให้การศึกษาทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างตัวทดลองที่สมบูรณ์แบบ
[เดือนต่อมา]
ในสวนธรรมชาติจำลองของสถานีวิจัยเหล่าเด็กสาวนับพันคนนั้นต่างพากันวิ่งเล่นกันอยู่อย่างมีความสุขเท่าที่เด็กทั่วไปควรได้รับ แต่สำหรับคนอื่นจะมองว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรแต่สำหรับเด็กเหล่านี้สิ่งที่ได้รับมามันช่างเป็นความสุขที่พวกเธอไม่เคยไร้รับหรือมีโอกาสได้รับชั่วชีวิต
แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าตนเองนั้นจะถูกนำไปทดลองมีโอกาสที่จะตายได้ในระหว่างการทดลองและในตอนนี้เองเพียงแค่ การเตรียมตัวให้พวกเธอทั้งหใดพร้อมในทดลองเพียงเท่านั้น
“แต่มันสำคัญเหรอพวกเราน่ะไม่มีบ้านให้กลับไม่มีคนสำคัญให้คิดถึง การที่เราได้อยู่ที่นี่มันดีกว่าชีวิตของพวกเราตอนที่เรานอนขดตัวอยู่ในตรอกตั้งเยอะ”
และนั่นคือความคิดอันเป็นหนึ่งเดียวที่เด็กหลายพันคนต่างเห็นด้วย ที่แห่งนี้นั้นมีทั้งหมดที่พวกเธอทั้งหลายปรารถนาบ้านอาหารและครอบครัว
สถานที่แห่งนี้มีทั้งหมดที่พวกเธอต้องการมาตลอดพวกเธอรู้ดีถึงชะตากรรมในวันข้างหน้า เพียงแต่ตอนนี้มันยังไม่มาถึงนั่นจึงทำให้พวกเธอนั้นคิดเพียงว่าขอมีช่วงเวลาดีๆ ก่อนที่จะแยกจากกันไป
และที่ใต้ต้นไม้ใหญ่นั้นเองก็มีเด็กสาวคนหนึ่งที่ดูโดดเด่นเหนือกว่าเด็กคนไหนๆ ที่อยู่ภายในที่แห่งนี้ซึ่งก็คือ กามะนั่นเองที่ในตอนนี้เธอเลือกที่จะปลีกตัวออกห่างจากเหล่าเด็กสาวที่ในขณะกำลังเล่นสนุกกันอยู่แต่ กามะเธอนั้นกลับมาแอบนั่งอ่านหนังสือที่ขโมยมาอ่านอยู่ใต้ต้นไม้
“โดนจับตัวมาทดลองแท้ๆ แต่ทำไมคนพวกนั้นถึงยังร่าเริงอยู่ได้กันนะ...”
เธอนั้นเหลือบตามองไปยังกลุ่มเด็กทั้งหลายอย่างสงสัยจนไม่อาจระวังตัวจากเด็กสาวคยหนึ่งที่อยู่บนต้นไม้ต้นเดียวกันกับที่กามะนั่งอยู่
แกร๊ก~!!
“หวา!!”
“อะ-!!”
ไม่นานนั้นเองเด็กสาวที่อยู่บนต้นไม้นั้นในขณะที่เธอกำลังเอื้อมมือไปคว้าเจ้าแอปเปิ้ลสีแดงฉ่ำน่ากิน กิ่งไม้เล็กที่บอบบางบางนั้นก็ได้หักส่งร่างของเด็กสาวร่วงลงมาจากต้นไม้แต่ยังดีที่เธอนั้นหล่นลงมาใส่ตัวของกามะพอดี
“โอ้ยโอ้ยโอ้ย..เจ็บไปหมดเลยไม่น่าเลยเรา”
“นั่นมันเป็นคำพูดของฉันต่างหากลุกไปได้แล้วยัยเด็กนี่!”
กามะที่ถูกทับร้องโวยวายพยายามขยับพลิกตัวไล่เด็กสาวที่นั่งทับอยู่เหนือร่างให้ออกไป แต่ทางเด็กสาวผู้นั้นเธอก็ได้ลุกขึ้นออกมาจากตัวของกามะแล้วก็จริงแต่สายตาของเธอนั้นก็ยังคงจับจ้องไปที่กามะอยู่
“นี่เธอเป็นโรคจิตรึไงถึงได้จ้องฉันแบบนั้นน่ะ”
เมื่อผละตัวออกจากเด็กสาวคนนั้นได้กามะนั้นรู้ว่ากำลังถูกจ้องอยู่ ก็ได้ขยับถอยมาพิงลำต้นหนาและมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยสิหน้าที่ดูหวาดระแวงพร้อมนำหนังสือภาพที่อ่านนั้นมาบังเว้นระยะห่างของตนเอง
“โอะ..ขอโทษฉันไม่ระวังน่ะ-…เดี๋ยวนั่นหนังสือใช่หรือเปล่า!!”
เด็กสาวคนนั้นพุ่งพลวดเข้าใส่กามะอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ก็ถูกหนังสือในมือของกามะนั้นดันกลับไป ไม่ให้เข้ามาใกล้เกินโดยที่ทางฝั่งกามะเธอนั้นตอนนี้รู้สึกสับสนและงงงวยกับเด็กสาวตรงหน้า
“ใช่แล้วมันจะทำไม..ฉันไม่ให้เธอหรอกนะขอบอกไว้ก่อนเลย!”
“เอ้! ทำไมล่ะ”
“เพราะนี่น่ะมันคือของๆ ฉันเป็นของที่ฉันเอามาได้เพราะงั้นไม่ให้หรอก!! ถ้าอยากได้ก็มาแย่งจากฉันมันก็แค่นั้น”
กามะนั้นเมื่อคลานถอยหลังจนไม่รู้จะคลานไปที่ไหนต่อ ก็ได้ยันตัวลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นดินและใบไม้ที่ตกใส่ตอนที่ถูกเด็กสาวตรงหน้าร่วงลงมาใส่ก่อนที่จะหันหน้ามองหาที่นั่งใหม่และเดินแยกตัวออกมา
“เดี๋ยวก่อนสิรอฉันด้วย!”
เด็กสาวเธอนั้นได้รีบลุกขึ้นวิ่งตามกามะไปในทันที ถึงแม้กามะนั้นจะมีท่าทีที่รำคาญและพยายามหนีและออกห่างจากเด็กสาวคนนั้นอย่างชัดเจนชนิดที่ว่าเคยแอบไปอยู่ในที่ๆ คนปกตินั้นไม่เข้ามาอย่างห้องฝึกซ้อมจนไปถึงห้องทำงานของคนที่คุมที่แห่งนี้แต่ผลที่ได้ก็คือ
“นี่นี่—กามะทำไมเธอถึงได้มาอยู่ในที่อันตรายแบบนี้ล่ะไม่ไปเล่นกับคนอื่นจริงๆ เหรอ”
นั่นแหล่ะก็อย่างที่เห็นว่าเด็กสาวนั้นเป็นคนที่มีความพยายามเข้าหากามะเป็นอย่างมากเลยทีเดียว แต่ในทุกรอบที่เธอนั้นพยายามเข้าหาและชักชวนกามะไปเล่นกับเด็กคนอื่นๆ ก็ถูกกามะนั้นหลบหน้าและเดินออกห่างไปเองแต่ทุกวันนี้นั้นเพียงแค่นั้นมันไม่พอที่จะรับมือไหว เธอก็เริ่มใช้กำลังตั้งผลัก,เตะ,ถีบ,ต่อยในการทำให้เด็กสาวนั้นคิดว่าตนเป็นพวกหัวรุนแรงจนเลิกมายุ่ง
“อึก…เพราะเด็กคนอื่นมันน่ารำคาญไงยัยขี้ตื้อนี่”
แต่ถ้าถามว่าได้ผลไหมนน่ะเหรอ ไม่!! มันไม่ได้ผลเลยขนาดตอนนี้เธอได้มานั่งเล่นอยู่ต้นไม้ที่โอบล้อมไปด้วยงูพิษอันตรายแต่นังเด็กนี่ก็สามารถแอบปีนและหลีกหนีจากพวกงูจนมาอยู่ตรงหน้าฉันได้เป็นเด็กที่น่ารำคาญจนไม่มีแะไรมาเทียบได้เลย
“ลงไปซะและอย่ามายุ่งกับฉัน ยังไงฉันก็จะไม่ยุ่งกับเด็กคนอื่นหรอก”
“เอ๋—! ทำไมกันล่ะกามะจัง”
“ก็ฉันบอกไปแล้วไงว่าเด็กคนอื่นมันน่ารำคาญ!”
กามะที่ตอนนี้ความรู้สึกรำคาญใจก็ได้เปลี่ยนเป็นความโกรธจนเธอนั้นลุกขึ้นพลวดและน่าจะลืมว่าตนเองนั้นยืนอยู่บนกิ่งไม้เพราะงั้นเธอจึงลื่นเข้ากับกิ่งไม้ที่ทั้งชื้นและแฉะจนจะตกลงจากต้นไม้สูง แต่นั้นเองก็มีมือข้างหนึ่งควาจับแขนของกามะเอาไว้จนเธอนั้นได้มาห้อยตัวอยู่ใต้กิ่งไม้
“กามะจังฉันเองก็บอกเธอไปแล้วนะว่าตรงนี้มันอันตรายเห็นไหม”
เป็นเด็กสาวคนนั้นเองที่เป็นคนที่ช่วยกามะเอาไว้แต่เธอก็ไม่ได้ดึงตัวของกามะขึ้นมาอยู่บนต้นไม้ โดยที่เธอนั้นก็แอบเหลียวมองไปยังสีหน้าที่เหมือนกำลังกลัวของกามะที่อยู่ในกำมือของตนเอง
“นี่เธอมัวทำอะไรอยู่รีบดึงฉันขึ้นเดี๋ยวนี้เลย!”
ฟ่อ—!
กามะเธอนั้นร้องตะโกนเรียกบอกให้เด็กสาวที่เป็นทางรอดจากเหล่าอสรพิษที่อยู่ตามกิ่งไม้รอบๆ ที่พยายามที่จะพุ่งเข้ามาฉกตนเองถึงแม้กามะนั้นจะเป็นผู้เกิดใหม่แต่เธอนั้นไม่เหมือนผู้เกิดใหม่แต่ทั่วไป เพราะเธอนั้นในตอนนี้เป้นเพียงแค่เด็กสาวคนหนึ่งเท่านั้นทั้งจิตใจและร่างกายนั้นยังคงเป็นเด็กที่มีความทรงจำจากชาติก่อนอยู่เล็กน้อยเท่านั้น
ฟ่อ—!
“อ๊าาาา!! มันจะฉกฉันแล้วยัยบ้ารีบดึงฉันขึ้นไปซักที!”
“ถ้าฉันช่วยกามะจังจะยอมไปกับฉันหรือเปล่าล่ะ”
ในตอนที่ได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของกามะเริ่มบิดเบี้ยวและจ้องไปยังในตาของเด็กสาวตรงหน้าก็ทำให้เธอรู้ในทันทีเลยว่า “นังเด็กนี่มันคิดแผนนี้มาก่อนแล้ว” ไม่คาดคิดเลยเด็กน่ารำคาญที่ตนเองเคยคิดว่าเป็นแค่คนโง่ที่บ้าเท่านั้นแต่นี่มันก็ผิดคาดไปเลยเมื่อตกมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
“……อืม”
“หา—กามะจังพูดอะไรอยู่น่ะไม่เห็นได้ยินเลย”
“อึก!..เออ! ฉันยอมไปเล่นกับพวกเธอก็ได้เพราะงั้นพาฉันออกไปได้แล้ว!”
“ค่า—ค่า—จะพาออกไปเดี๋ยวนี้เลยล่ะนะคะ~”
เมื่อเด็กสาวเธอนั้นได้รับคำตอบที่น่าพอใจแล้วเธอนั้นก็ดึงตัวของกามะขึ้นมาโอบกอดอุ้มดั่งเจ้าหญิง ก่่อนที่จะเอนตัวทิ้งตนเองดิ่งลงมาจากต้นไม้สูงที่ห้อมล้อมไปด้วยอสรพิษเธอนั้นทั้งหลบและโดดผ่านกิ่งไม้ลงมา
แม้จะมีอสรพิษบางตัวที่พยายามพุ่งฉกเข้ามานั้นก็ถูกเด็กสาวนั้นเบี่ยงตัวเตะออกไปหลายตัวบางตัวนั้นก็พุ่งฉกเข้ามาพร้อมๆ กันเธอเองก็เบี่ยงตัวหลบให้มันพุ่งชนกันเองและหลังจากกระโดดผ่านกิ่งไม้ลงมาถึงพื้นเด็กสาวก็เดินออกห่างจากต้นไม้ใหญ่ก่อนที่จะมีซากงูหล่นลงมากองกับพื้น
“ฟู่—ทำตัวปวดตัวใช่เล่นเลยนะเมื่อกี้นี้”
“เมื่อกี้นี้เธอทำมันได้ยังไง”
เด็กสาวนั้นสบัดหัวไล่เหงื่อออกในขณะที่กามะเธอนั้นมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจในสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทั้งการขยับตัวปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายนี่มันไม่ใช่ของเด็กทั่วไปแล้ว
“เพราะฉันเก่งยังไงล่ะ~”
“ชิ…ตอนนี้เธอน่ะเริ่มทำตัวน่าหมั่นไส้แล้วนะยัยน่ารำคาญนี่”
“ฉันไม่ใช่ยัยน่ารำคาญซักหน่อยชิกิต่างหาก ชิ-กิ พวกเราเป็นเพื่อนกันเพราะงั้นเรียกชื่อกันดีกว่านะกามะจัง”
“ฉันจะเรียกยังไงก็เรื่องของฉัน…”
ในช่วงเวลาที่ดูเหมือนผ่อนคลายนี้ในขณะที่เด็กสาวไม่สิ ชิกิเธออุ้มตัวของกามะเดินออกไปจากป่าจำลองกลับไปยังสวนธรรมชาติที่เด็กคนอื่นๆ นั้นต่างพากันเล่นสนุกและพักผ่อนอย่างสุขสบายในขณะเดียวกันนั้นกามะเองก็ได้จับตามองไปที่ชิกิอย่างไม่วางตา
‘นาสุ’
[ระบบType-Moon]
[ดำเนินการตรวจสอบค่าสถานะ….]
[ดำเนินการเสร็จสิ้น]
[หน้าต่างสถานะ]
[ชื่อ::ฮิเมกิโนะ ชิกิ]
[เพศ::หญิง]
[เผ่าพันธุ์::มนุษย์]
[ฉายา::----------]
[ค่าสถานะพารามิเตอร์::ความแข็งแกร่ง:E+•|•ความคงทน:E•|•ความเร็ว/คล่องตัว:E+•|•พลังงานมานา<ฮงไค>:E•|•โชค:D•|•Np:---]
[ความสามารถเฉพาะตัว]
[Natural Body::ร่างกายตามธรรมชาติ|ระดับ::C|ร่างกายอันสมบูรณ์แบบแม้ว่าจะไม่ได้รับการฝึกฝนเธอนั้นก็มีความแข็งแกร่งของร่างกายที่เหนือมนุษย์ ที่สำคัญไม่ว่าเธอจะกินเข้าไปกี่แคลอรี่รูปร่างของเธอก็จะไม่เปลี่ยนแปลงนอกเหนือจากนี้เองก็สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายให้ทะลุขีดจำกัดได้ชั่วคราว]
[Mind’s Eye (Fake):ตาแห่งจิต(เทียม)|ระดับ::A|ความสามารถที่ทำให้เธอรับรู้ถึงอันตรายได้ด้วยสัญชาติญาณและสามารถมองคาดเดาการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้โดยเรียกง่ายๆ คือ สัมผัสที่หกถึงแม้จะไม่สามารถพัฒนาได้ถึงแม้จะมีประสบการณ์มากแค่ไหนแต่ประสบการณ์เหล่านั้นสามารถทำให้ความสามารถนี้เฉียบคมขึ้น]
‘ยัยนี่เป็นพวกที่มีพรสวรรค์สูงเหรอเนี่ยไม่อยากจะเชื่อ’
หลังจากที่ได้เห็นหน้าต่างค่าสถานะของชิกิแล้วนั้นกามะเธอได้มั่นใจในความคิดตนเองแล้วว่า ตัวของชิกินั้นเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่สูงจนแม้แต่เธอเองก็ไม่มั่นใจเลยว่าจะเอาชนะชิกิได้
“มองฉันแบบนั้นหรือว่ากามะจังจะชอบฉันเข้าให้แล้วสินะ~”
“เธอนี่มันอัจฉริยะเรื่องคิดไปเองรึไงและก็รีบปล่อยฉันลงได้แล้วฉันจะเดิน”
“ม่าย—ถ้าปล่อยลงกามะจังก็จะหนีน่ะสิ”
“ชิ...รู้มากจริงนะ”
ไรต์ผู้ชอบหนีงานและจอมขี้เกียจคนกลับมาแล้วจ้า~ ในตอนนี้กว่าจะเข้าเนื้อเรื่องหลักอาจจะอีกสองตอนเป็นการปูเนื้อเรื่องให้กามะจังของเราฟาร์มกันหน่อยนะ~
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments
ฟิวแห่งแสงจันทรายามค่ำคืน☆
อัพ
2023-09-08
0