"นะ..นี่มัน..!!"
"เม็ดยาปราณแท้ระดับสุดยอด!! ปะเป็นไปได้อย่างไรกัน"
เสวี่ยอวี๋อุทานออกมาด้วยเสียงติด ๆ ขัด ๆ เขายังคงไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเองว่าตรงหน้าของเขาในตอนนี้จะเป็นเม็ดยาปราณแท้ระดับสุดยอดจริง ๆ แถมยังมีถึง 5 เม็ดอีกด้วย
"เสวี่ยอวี๋ เจ้าเป็นอะไรของเจ้า เม็ดยาที่ข้าปรุงมันมีปัญหางั้นรึ?"
ฉินหยางที่สังเกตุเห็นท่าทีของเสวี่ยอวี๋ก็ไม่เข้าใจจึงได้เอ่ยถามขึ้น
"ไม่ใช่เม็ดยานี่มันไม่ได้มีปัญหาแต่มันเป็นเม็ดยาปราณแท้ระดับสุดยอดต่างหากล่ะ"
"เม็ดยา..ระดับสุดยอดงั้นรึ?"
ฉินหยางยังคงกล่าวถามขึ้นด้วยความงุนงง
"เจ้าคงไม่รู้สินะว่าเม็ดยานั้นก็มีการแบ่งระดับ เช่นกัน โดยการแบ่งระดับของเม็ดยาจะเเบ่งออกเป็นระดับ1-5 หลักซึ่งระดับ 1 เป็นระดับที่ต่ำสุดเป็นเม็ดยาปรุงออกมาแล้วมีสิ่งเจือปนอยู่ในตัวยามากจนเกินไป ระดับ 2 3 4 เป็นการไล่ระดับตามความบริสุทธิ์และประสิทธิภาพของตัวเม็ดยาโดยระดับ 5 คือ เม็ดยาที่มีความบริสุทธิ์และปรุงออกมามีประสิทธิภาพตามมาตรฐานที่วางไว้
ส่วนเม็ดยาระดับสุดยอด เป็นระดับที่ตัวยาถูกกลั่นจนเหลือแต่ความบริสุทธิ์และมีประสิทธิภาพกว่ามาตรฐานที่โดยทั่วไปอย่างเทียบไม่ติดเรียกได้ว่าหากสามารถกลั่นเม็ดยาปราณเเท้ให้เป็นระดับสุดยอดได้นั้นต้องเป็นระดับปรมจารย์ด้านการปรุงยาที่ขำนาญในการปรุงยามานานหลายร้อยปี และนอกเหนือจากระดับสุดยอดแล้วยังมีเม็ดยาที่ระดับสูงขึ้นไปกว่านั้นอีก 2 ระดับ คือ ระดับอัศจรรย์ และระดับตำนานที่ตัวยาจะเเปลงสภาพเป็นผลึกสีดำ และว่ากันว่าเม็ดยาผลึกสีดำจะมีประสิทธิภาพมากกว่ายาระดับ 5 ถึง 100 เท่า แต่การที่เจ้าสามารถปรุงมันออกมาได้ด้วยการพยามเพียงครั้งเดียวทั้งยังได้ออกมาถึง 5 เม็ด เจ้านี่มันเป็นสัตว์ประหลาดน้อยชัด ๆ
เสวี่ยอวี๋กล่าวอธิบายให้ฉินหยางฟังอย่างละเอียดแต่ใบหน้ายังคงมีความตกตะลึงแฝงอยู่ไม่จางก่อนจะพูดต่อว่า
"เอาล่ะเจ้าลองกลืนมันลงไปสิ"
เสวี่ยอวี๋ที่พูดพร้อมสะบัดมือเม็ดยาปราณแท้เม็ดหนึ่งที่ลอยอยู่กลางอากาศสั่นสะเทือนหมุนวนเล็กน้อยก่อนจะลอยไปหยุดอยู่ตรงหน้าของฉินหยาง
ฉินหยางเห็นดังนั้นก็ไม่ได้เอ่ยอะไร เขาหยิบยาเม็ดนั้นยัดเข้าปากเเล้วนั่งขัดสมาธิโคจรพลังโดยทันที
ผ่านไปเพียงชั่วอึดใจจู่ ๆ รอบตัวฉินหยางก็มีพลังปราณแผ่ทะลักออกมาก่อนจะเกิดเสียงระเบิดดังออกมาจากร่างกายของเขา 3 ครั้งติด
ตู้มม..ตู้มม..ตู้มม!!!
เสียงระเบิดดังขึ้น พลังปราณในร่างกายฉินหยางทะลักออกมาและสาดซัดคลื่นปราณไปทั่วบริเวณ
ดูดซับลมปราณขั้นที่ 3
ดูดซับลมปราณขั้นที่ 4
ดูดซับลมปราณขั้นที่ 5
ภายในร่างกายของฉินหยางมีจุดแสงอยู่สองจุดจากเมื่อครั้งที่เเล้วที่เขาบีบอัดพลังปราณหลอมรวมจุดจุดแสง 4 จุดเข้าด้วยกันทำให้ร่างกายของเขาในตอนนี้มีจุดแสงใหญ่อยู่ 1 จุดและจุดเล็กอีก 1 จุด แต่หลังจากที่ฉินหยางกลืนเม็ดยาปราณแท้เม็ดแรกเข้าไปทำให้ร่างกายของเขามีจุดแสงเพิ่มขึ้นมาอีก 3 จุด นั่นหมายความว่า ปัจจุบันเขามีระดับพลังอยู่ที่ระดับดูซับลมปราณ ขั้นที่ 5
แต่ไม่นานฉินหยางก็ได้ทำแบบเดียวกับที่เคยทำเมื่อครั้งนั้น คือ เขาได้ทำการบีบอัดหลอมรวมจุดแสง 4 จุดเข้าด้วยกันจนรวมเป็นหนึ่ง พลังปราณรอบตัวของฉินหยางเริ่มค่อย ๆ เปลี่ยนเเปลงหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ เเม้ว่าเขาจะหลอมรวมระดับพลังจนเหลือแค่ระดับดูดซับลมปราณขั้นที่สองเท่านั้น แต่พลังปราณที่เขาแผ่ออกมาให้ความรู้สึกไม่ต่างจากขั้นดูดซับลมปราณขั้นที่ 5 เลยก็ว่าได้
หลังจากเขาบีบอัดพลังปราณจนอยู่ในระดับดูดซับลมปราณขั้นที่ 2 แล้ว ก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ เผยให้เห็ ดวงตาสีดำส่องประกายแวววาวคมกล้า
"เป็นอย่างไรบ้างวิเศษไปเลยใช่หรือไม่?"
เสวี่ยอวี๋กล่าวถาขึ้นพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ
ฉินหยางพยักหน้าตอบรับก่อนพูดว่า
"อื้ม..นี่มันวิเศษจริง ๆ แค่เม็ดเดียวระดับพลังข้าขึ้นมาถึง 3 ระดับในชั่วพริบตา"
แน่นอนนี่คือความวิเศษเม็ดยาระดับสุดยอดยังไงล่ะหากเป็นเม็ดยาระดับทั่วไปเจ้าอาจจะต้องกินมันลงไปเป็นสิบเป็นร้อยถึงจะสามารถเลื่อนระดับได้หนึ่งระดับ"
เสวี่ยอวี๋พูดถึงตรงนี้ก็เงียบไปสักพักก่อนจะวาดมือทำให้เม็ดยาปราณแท้ที่เหลือทั้ง 4 เม็ด ลอยเข้าไปหาฉินหยางแล้วพูดขึ้นว่า
เอาละกลืนทั้งหมดนี่ลงไปแล้วทำการดูซับซะหลังจากพรุ่งนี้เราจะเริ่มออกเดินทางไปยังป่ามรณะทันที
ฉินหยางยังคงรับเม็ดยาทั้ง 4 มาโดยไม่ปริปากก่อนจะกลืนลงไปรวดเดียวแล้วนั่งหลับตาดูซับพลังจากเม็ดยา ไม่ถึง 2 ลมหายใจต่อมา บรรยากาศรอบตัวของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปอีกครั้งระดับพลังปราณของเขาพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเวลาต่อมาปราณรอบตัวฉินหยางเริ่มหมุมวนและกรรโชกอย่างรุนแรงก่อนจะมีเสียงระเบิดดังต่อเนื่องออกมาจากร่างกายเขาอีกครั้ง
ตู้มม..ตู้มม..ตู้มม
ระเบิดภายในร่างกายของเขาปลดปล่อยพลังปราณออกมาสาดซัดไปทั่วทั้งห้อง ทั้งโต๊ะเกาอี้และโคมไฟต่างพากันไหวเอนตามแรงลมไปมา
ตู้มม..ตู้มม.ตู้มม..ตู้มมม!!!
เสียงระเบิดในร่างกายของฉินหยางยังคงดังออกมาเรื่อย ๆ ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่งทั้งห้องพัก
จุดแสงดวงที่ 1 จุดแสงดวงที่ 2 ดวงที่ 3 ดวงที่ 4 ดวงที่ 5 ดวงที่ 6 จุดเเสงภายในร่างกายของฉินหยางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องราวกับดอกไม้ที่แบ่งบานท่ามกลางฤดูใบไม้ผลิ จนกระทั่งเวลาผ่านไปราว 1 ก้านธูป "ตู้มมม" เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งพร้อมจุดแสงที่ 12 ที่ปรากฏขึ้นมาภายในร่างกายของฉินหยางก่อนเสียงระเบิดเสียงสุดท้ายจะค่อย ๆ จางหายไป
ในตอนนี้ภายในร่างกายของเขามีจุดแสงทั้งหมด 14 ดวง ซึ่ง 2 ดวงใหญ่ที่สว่างจ้ากว่าดวงอื่น ๆ เกิดจากการบีบอัดจุดแสงเข้าด้วยกัน นั่นหมายความว่าในตอนนี้มีจุดแสงทั้งหมด 14 ดวง ซึ่งหมายความว่าในตอนนี้เขาอยู่ในระดับดูซับลมปราณขั้นที่ 14 ซึ่ง ไม่เคยมีใครในโลกใบนี้สามารถทำแบบนี้ได้ และถ้าหากผู้วิเศษคนอื่นรู้เรื่องนี้เข้าจะต้องตกใจจนวิ่งหนีไปแล้วแน่ ๆ เพราะว่านี่มันเป็นการขัดต่อกฏฟ้าดินจนอาจจะเรียกได้ว่าเขาได้เดินไปบนเส้นทางการฝึกตนที่ต่างไปจากผู้วิเศษคนอื่นแล้วก็ว่าได้
หลังจากที่จุดแสงได้หยุดการเพิ่มจำนวนลงฉินหยางก็สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะตะโกนขึ้นในใจว่า
"บีบอัด"
หลังจากนั้นไม่มานาน จุดแสงภายในร่างกายของเขาก็เริ่มหมุนวนโคจรและบีบอัดเข้าหากันอย่างช้า ๆ
ร่างกายของฉินหยางเริ่มเรืองแสงออกมาจาง ๆ พลังปราณที่สัมผัสได้รอบตัวเขาเองก็เริ่มบีบตัวหนาแน่นขึ้น จนเวลาผ่านไป 1 กาน้ำชา จู่ ๆ ร่างกายของเขาก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมร่างกายที่เรืองแสงสีเหลืองสว่างจ้าไปทั่วทั้งห้อง จนแทบจะไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้
หลังจากนั้นไม่นานร่างกายของเขาเริ่มหรี่แสงลงอย่างช้า ๆ ฉินหยางยังคงนั่งหลับตาอยู่อย่างสงบ แต่ พลังปราณที่หมุนวนโคจรรอบตัวของเขาในตอนนี้กลับมีการเปลี่ยนแปลงไปราวกับเกิดใหม่ ฉินหยางนั่งกำหนดลมหายใจปรับสภาพกับพลังใหม่ไม่นานเขาก็ลืมตาตื่นขึ้นมา ดวงตาสีดำคู่งามทอประกายแวววาวราวกับดวงดาวระยิบระยับ
เขามองสำรวจร่างกายตัวเองอย่างละเอียดแม้ว่ามองผิวเผินอาจจะได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากแต่ฉินหยางสังเกตได้ว่าร่างกายของเขามีความแข็งแกร่งมากขึ้นอย่างมาก อีกทั้งผิวที่เคยหยาบกร้านกลับมาเนียนละเอียดราวกับหยก ร่างกายของเขามีคราบสีดำเปรอะเปื้อนร่างกายเนื่องจากการขับของเสียออกระหว่างยกระดับ ฉินหยาง ส่งเสียง "ฮื้ม" ออกมาเบา ๆ คราบเหนียวสีดำดังกล่าวก็สลายหายไป หลังจากสำรวจดูร่างกายตัวเองแล้วเขาก็ยกยิ้มพึ่งพอใจออกมาก่อนจะลุกขึ้นแล้วพูดกับเสวี่ยอวี๋ว่า
"สุดยอดจริง ๆ ข้ารับรู้ได้ถึงพลังที่เอ่อล้นออกมาจากร่างกายได้อย่างชัดเจนแต่ว่า มันยังคงไม่พอ!! คงใกล้จะได้เวลาที่เราจะออกเดินทางกันแล้ว ข้าต้องรีบแกร่งขึ้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ "
ฉินหยางกล่าวกับเสวี่ยอวี๋ด้วยเสียงขรึม
"เช่นนั้นก็ดี เจ้ารีบเตรียมตัวซะ เราจะต้องรีบออกเดินทางกันแม้ว่ากลุ่มชายชุดคลุมดำจะไม่ออกตามล่าเจ้าในช่วงนี้แต่ก็ยังคงไม่อาจวางใจได้ การที่เราอยู่ที่นี่นานเกินไปไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก"
"ข้าเห็นด้วย..แต่ก็อื่นข้าต้องไปขอบคุณหลงอี้เทียนก่อนแม้ว่าเขาจะไม่ได้มาหาเลยตั้งแต่วันนั้นแต่เสี่ยวเอ้อของโรงเตี้ยมก็ดูแลข้าเป็นอย่างดีโดยที่ข้าไม่ได้ทำอะไรให้เลย"
ฉินหยางกล่าวขึ้นกับเสวี่ยอวี๋
"ถ้าเช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้าจงรีบจัดการเรื่องราวและเตรียมออกเดินทางซะ"
พูดจบเสวี่ยอวี๋ก็ไม่กล่าวอันใดต่ร่างกายของเขาเรืองเเสงสีขาวสว่างวาบและหายวับไป
ฉินหยางเห็นดังนั้นก็ครุ่นคิดอะไรอยู่สักพักก่อนจะตั้งใจเดินออกจากห้องไป โดยเขาตั้งใจว่าจะไปถามเสี่ยวเอ้อเรื่องที่อยู่ของหลงอี้เทียน แต่เมื่อเขาเดินลงมาถึงห้องโถ่งที่ไว้รับรองเเขกของโรงเตี้ยมก็พบว่าหลงอี้เทียนกำลังคุยกับเสี่ยวเอ้อคนที่คอยดูแลเขาอยู่พอดี แต่สภาพของหลงอี้เทียนกลับดูอ่อนล้าจนสังเกตได้
หลงอี้เทียนที่กำลังคุยบางอย่างกับเสี่ยวเอ้อมองเห็นฉินหยางเดินลงมาก็รีบปรี่ตัวไปหาทันที
แต่ตอนที่หลงอี้เทียนกำลังจะเดินมาถึงตัวฉินหยางเขาสำผัสได้ถึงแรงกดดันที่ปล่อยออกมาจากฉินหยาง นั่นทำให้เขาตกตะตึงและแปลกใจ แต่ก็ปั่นหน้ายิ้มแย้มก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วพูดว่า
"พี่ชายฉินหยางท่านเป็นอย่างไรบ้าง ข้าต้องขออภัยที่ไม่ได้มาพาท่านเดินชมเมืองตามที่สัญญาไว้"
หลงอี้เทียนกล่าวอย่างสุภาพ เขาเองก็รู้สึกผิดเนื่องจากเป็นคนรับปากไว้ว่าจะพาฉินหยางเดินเที่ยวชมเมืองแต่ก็ผิดคำพูดเสียเอง
"เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดมากไป จริง ๆ ใจแล้วเจ้าไม่จำเป็นต้องดูแลข้าดีถึงขนาดนี้ก็ได้ข้าเองยังไม่ได้ถูกพี่ชายเจ้าทำอะไรให้บาดเจ็บเสียด้วยซ้ำ"
ฉินหยางตอบกลับด้วยเสียงสุภาพเช่นเดียวกัน
"เรื่องนั้นถึงแม้พี่ชายของข้าจะไม่ได้ทำอะไรท่านแต่เรื่องที่ตั้งใยดักทำร้านท่านแต่เรื่องที่ทำก็ยังคงทำให้ชื่อตระกูลเสื่อมเสียชื่อเสียงอยู่ดี ข้าเองที่เป็นหนึ่งในคนของตระกูลจึงต้องเป็นคนที่รับผิดชอบ แล้วอีกอย่าง ตัวข้ารู้ถูกชะตากับพี่ชายจึงอยากทำความสนิทสนมด้วยก็เท่านั้น"
หลงอี้เทียนกล่าวตอบตามความจริง
เช่นนั้นงั้นรึถ้าเช่นนั้นข้าก็ต้องขอบคุณเจ้ามากที่คอยดูแล ว่าแต่เจ้ามีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่ข้าสังเกตเห็นสีหน้าเจ้าดูไม่ค่อยสู้ดีตั้งแต่ข้าลงมาข้าล่างนี่แล้ว
จู่ ๆ ฉินหยางก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาโดยถามถึงสิ่งที่เขาสงสัยตั้งแต่สังเกตเห็นใบหน้าของหลงอี้เทียน
"เรื่องนั้น..."
หลงอี้เทียนอ้ำอึ้งไปสักพักก่อนจะถอนหายใจพูดขึ้นต่อว่า
"จริง ๆ แล้วที่ข้าไม่ได้มาพาท่านไปเดินชมเมืองเนื่องจากว่าจู่ ๆ อาการป่วยของท่านพ่อข้าก็ทรุดลง จริง ๆ แล้วก่อนหน้านี้ท่านมีอาการป่วยเรื้อรังมานาน ข้าพยายามหาหมอที่ดีที่สุดมารักษาแต่ก็ไม่มีใครสามารถรักษาได้ ในครั้งนี้ท่านพ่อข้าอาการทรุดหนักลงอย่างมากข้าเลยตั้งวิ่งวุ่นตามหาหมอที่จะมารักษาและอยู่ดูแลท่านอย่างใกล้ชิด "
หลงอี้เทียนกล่าวความจริงออกมาโดยไม่ได้ปกปิดฉินหยางเลยแม้แต่น้อย เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาที่อยู่ต่อเด็กหนุ่มที่ดูอายุไม่น่าจะต่างจากเขามากนัก แต่กลับรู้สึกถึงคามกดดันบางอย่างที่แผ่ออกมารอบตัวฉินหยางอย่างบอกไม่ถูก แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกลัวแต่อย่างใดกลับกับเขากลับรู้สึกเชื่อใจเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่ทราบสาเหตุ
"เป็นเช่นนั้น แล้วอาการของบิดาของเจ้าในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?"
ฉินหยางถามออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
เสวี่ยอวี๋ได้ยินดังนั้นก็หน้าหม่นหมองลงก่อนถอนหายใจแล้วพูดว่า
"อาการของท่านพ่อข้าตอนนี้น่าเป็นห่วงมากหากเป็นเช่นนี้เกรงว่าท่านคง..."
พูดมาถึงตรงนี้หลงอี้เทียนก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มลงมาและไม่มีเสียงร้องไห้ใด ๆ ฉินหยางเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วลงเล็กน้อยและนั่งครุ่นคิดบางอย่างก่อนจะส่งกระแสเสียงเอ่ยถามเสวี่ยอวี๋อวี๋ที่อยู่ในไข่มุกจิตวิญญาณว่า
"เสวี่ยอวี๋เจ้าพอจะช่วยอะไรได้หรือไม่?"
ฉินหยางกล่าวถถามขึ้นด้วยคงามหวัวเพราะเสวี่ยอวี๋เคยช่วยให้มารดาของเขาที่ล้มป่วยหายได้มาแล้ว
เรื่องนั้นข้ายังให้คำตอบเจ้าไม่ได้ เนื่องจากพลังของข้าในตอนนี้ยังไม่ฟื้นตัวกลับมาเท่าใดนัก แต่ข้าสามารถช่วยตรวจหาสาเหตุของการป่วยได้ ส่วนที่เหลือก็เป็นหน้าที่เจ้าที่ต้องตัดสินใจ"
เสวี่ยอวี๋กล่าวอธิบาย
ฉินหยางครุ่นคิดอะไรบางอย่างก่อนพูดขึ้นว่า
"พาข้าไปหาบิดาเจ้าได้หรือไม่?"
ฉินหยางถามขึ้นเสียงขรึม
"เอ๋ เมื่อกี้พี่ชายฉินหยางพูดว่าอะไรงั้นรึ?"
หลงอี้เทียนที่ได้ยินคำถามของฉินหยางก็งุนงงจึงเอ่ยถามซ้ำเพื่อความมั่นใจ
"ข้าถามว่าเจ้าพาข้าไปหาบิดาของเจ้าได้หรือไม่ อีกไม่นานนี้ข้าต้องเดินทางออกจากเมืองเเห่งนี้แล้ว ข้าอยากจะตอบเเทนเจ้าที่คอยดูแลข้าตลอดเวลาที่ข้าอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้น่ะ"
ฉินหยางพูดออกสีหน้าจริงจัง
"พี่ชายฉินหยางท่านหมายความว่า.."
หลงอี้เทียนยังคงไม่เข้าใจในความหมายของคำพูดที่ฉินหยางพูดออกมาจึงได้เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
"แน่นอน ข้าจะบอกกับเจ้าว่าข้าอาจจะสามารถรักษาอาการป่วยของบิดาของเจ้าได้ เจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่..."
ฉินหยางกล่าวพรางจ้องใบหน้าของหลงอี้เทียนด้วยสีหน้าจริงจัง
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 29
Comments