อดีตของข้างั้นรึ? ถ้าหากเจ้าอยากรู้ เช่นนั้นข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง"
เสวี่ยอวี๋เงียบไปสักพักก่อนจะทำหน้าจริงจังและกล่าวขึ้นว่า
อดีตของข้าเมื่อนานมาแล้วเรื่องราวมันมีอยู่ว่า ...
เมื่อราว ๆ 1,200 ปีก่อน ข้าเป็นเด็กหนุ่มที่เกิดมาในตระกูลสูงศักดิ์ตระกูลหนึ่ง ข้าถูกตั้งความหวังไว้ให้เป็นผู้ที่จะนำพาตระกูลสู่ความรุ่งโรจน์อย่างที่ไม่เคยมีใครในตระกูลเคยทำได้มาก่อน เนื่องจากข้าเป็นผู้ที่เกิดมาพร้อมกายาศักดิ์สิทธิ์และพลังผลึกเหมันต์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นอัจฉริยะที่เกิดมาในรอบหลายพันปี ผู้คนต่างยกย่องสรรเสริญในความอัจฉริยะและความแข็งแกร่งของข้า
ฉินหยางที่ได้ยินว่าเสวี่ยอวี๋ที่เป็นผู้ครอบครองกายาศักดิ์สิทธิ์และพลังศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกับตนก็ตะลึงอยู่ในใจแต่ไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดขัดออกมาปล่อยให้เสวี่ยอวี๋เล่าเรื่องราวต่อไป
แต่ข้านั้นโชคร้ายแม้ว่าข้าจะมีกายาศักดิ์สิทธิ์แต่ร่างกายของข้าก็ไม่สามารถรองรับพลังของผลึกเหมันต์สวรรค์ที่มีมากเกินไปได้นั่นจึงทำให้ข้าเจ็บปวดทรมาน ราวกับร่างกายจะถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ข้าได้ทนทุกข์ทรมานอยู่นานหลายปีแต่อยู่มาวันหนึ่งก็ได้บังเอิญไปพบกับเคล็ดวิชาลับบางอย่างเข้า ข้าได้แอบฝึกเคล็ดวิชานั้นอย่างลับ ๆ ผลของมันนั่นช่างวิเศษยิ่ง ตั้งแต่นั้นมาข้าไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ อีกเลยมันราวกับข้าได้หลุดพ้นจากความทรมานอันยาวนาน
พูดถึงตรงนี้เสวี่ยอวี๋ก็เงียบไปสักพักราวกับหวนระลึกถึงวันเวลาที่แสนเจ็บปวดเหล่านั้นก่อนจะพูดต่อว่า
แต่ว่าสิ่งที่ข้าไม่รู้คือ ยิ่งข้าฝึกฝนและทำความเข้าใจเคล็ดวิชาดังกล่าวมากเพียงใดข้าก็จะยิ่งสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น จนสุดท้ายก็ว่าวันที่ข้าจะรู้สึกตัวก็สายไปเสียแล้ว ข้าได้สูญเสียตัวตนของข้าและกลายเป็นมารร้ายกระหายเลือด
เล่าถึงตรงนี้เสวี่ยอวี๋ก็แสยะยิ้มชั่วร้ายขึ้นก่อนจะพูดต่อว่า
"ข้าได้ฆ่าล้าง บิดา มารดา พี่ชาย น้องสาวและผู้คนทั้งหมดในตระกูลข้าจนสิ้น ไม่เหลือแม้แต่คนเดียวจนถูกผู้คนตั้งสมญานามว่าจอมมารไป่ผู้เหี้ยมโหด ข้าได้ก่อเรื่องสร้างวีรกรรมฆ่าล้างผู้คนจนถูก 7 ตระกูลใหญ่ร่วมมือกันสังหารข้าและผนึกข้าไว้อย่างนี้ยังไงละ
เสวี่ยอวี๋พูดถึงตรงนี้เขาก็แสยะยิ้มชั่วร้ายออกมาอีกครั้งก่อนจะปล่อยปราณความตายรอบตัวออกมาลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
ฉินหยางที่จู่ ๆ ก็สัมผัสปราณความตายได้ก็ขนลุกชี้ชันในหน้าซีดเผือด มังกรน้อยที่ผงาดชี้ชันอยู่ใต้น้ำกลับสู่การหลับไหลทันที เขากลืนน้ำลายดังอึกก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าตื่นตกใจว่า
"เสวี่ยอวี๋...นะ..นี่..เจ้า..."
ฉินหยางกล่าวได้เพียงเท่านี้ก็ชะงักค้างไปโดยไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดต่อ
เสวี่ยอวี๋ที่เห็นปฏิกิริยาฉินหยางเป็นดังนั้นก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้ากลับมาเป็นปกติ แล้วพูดว่า
"ฮ่า ๆ ๆ !! เด็กน้อยดูสีหน้าเจ้าตอนนี้สิ ช่างน่าขำเสียจริง ฮ่า ๆ ๆ โอ้ย ข้าหัวเราะจนปวดท้องหมดแล้ว ฮ่า ๆ ๆ เจ้าเชื่อเรื่องที่ข้าเล่ามาจริง ๆ เช่นนั่นรึ?"
เสวี่ยอวี๋กล่าวหยอกล้อพร้อมหัวเราะ
"เสวี่ยอวี๋นี่เจ้า!!"
ฉินหยางที่โดนเสวี่ยอวี๋พูดหยอกล้อก็ไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไรจึงได้แต่พูดออกไปว่า
"ช่างเถอะหากเจ้าไม่อยากเล่าให้ข้าฟังก็ไม่เป็นไร"
พูดจบฉินหยางก็รีบอาบน้ำขัดตัว ก่อนจะลุกพรวดขึ้นจากอ่างอาบน้ำทำให้มังกรน้อยที่นอนหลับอยู่ตรงกลางหว่างขาโผล่พ้นขึ้นมาจากน้ำและสายไปมาในระดับสายตาของเสวี่ยอวี๋พอดี
"เด็กน้อย!!!...นี่เจ้าช่างลามกเสียจริง"
เสวี่ยอวี๋ร้องขึ้นด้วยความแตกตื่นและขุ่นเคือง
"ฮ่า ๆ ๆ ใครบอกให้เจ้าแกล้งข้าก่อนกันเล่า"
พูดจบฉินหยางก็เดินโป๊เปลือยออกจากอ่างน้ำไปอย่างผ่าเผยก่อนจะเช็ดตัวสวมเสื้อผ้าเดินออกไปจากห้องน้ำปล่อยให้เสวี่ยอวี๋นั่งหน้าบูดบึ้งอยู่ในอ่างอาบน้ำเพียงลำพัง
หลังจากฉินหยางออกจากห้องน้ำไปได้ไม่นานเสวี่ยอวี๋ก็บ่นพึมพำอะไรบางอย่างก่อนลอยตัวขึ้นเหนืออ่างอาบน้ำ ร่างกายของเขาเรืองแสงสว่างวาบก่อนจะปรากฏว่าเขาสวมชุดสีขาวอีกครั้ง ต่อมาร่างกายของเขาก็เลือนหายไปจากอ่างน้ำแล้วปรากฏตัวอีกครั้งด้านหลังฉินหยาง
"เด็กน้อย เรื่องในวันนี้ข้าฝากไว้ก่อนแล้วกัน"
จู่ ๆ เสวี่ยอวี๋ก็พูดขึ้นแล้วร่างของเขาก็หายวับไปอีกครั้ง กลับเข้าไปในไข่มุกจิตวิญญาณ
ฉินหยางเห็นดังนั้นก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดเขาทำเพียงยกยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินกลับห้องไปอย่างช้า ๆ
หลังจากฉินหยางกลับมาถึงห้องก็ทิ้งตัวลงนอนและผล็อยหลับไปในทันที
.....................................................
"เด็กน้อย...นี่เจ้าเด็กน้อย...ข้าอยู่ตรงนี้...เจ้าได้ยินเสียงของข้าหรือไม่"
ในระหว่างที่ฉินหยางกำลังหลับลึกอยู่ในภวังค์จู่ ๆ ก็มีเสียงล่องลอยของเสวี่ยอวี๋เอ่ยดังขึ้น ฉินหยางที่กำลังหลับอยู่ตื่นขึ้นมามองด้วยความงัวเงียก็หันมองตามเสียงไปรอบ ๆ พบว่าที่ปลายเตียงร่างผมบางของเสวี่ยอวี๋ยืนเปลื้องผ้าเปลือยท่อนบนอยู่
"สะ เสวี๋ยอวี๋ เจ้าจะทำอะไรของเจ้า?"
ฉินหยางที่เห็นภาพเสวี่ยอวี๋ยืนเปลือยท่อนบนอยู่ก็กล่าวขึ้นด้วยความตกใจ
"ทำอะไร? ตอนที่เจ้าอาบน้ำเจ้าทำ อะไรกับข้าไว้ล่ะ เจ้าไม่คิดจะรับผิดชอบมันงั้นรึ "
เสียงล่องลอยของเสวี๋ยอวี๋พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนก่อนจะโน้มตัวลงมายื่นหน้าเข้าไปใกล้ฉินหยาง
"ขะ ข้าทำอะ..สะ..เสวี่ยอวี๋ เจ้า..อือ.."
ฉินหยางพูดไม่ทันจบก็ถูกริมฝีปากเรียวบางของเสวี่ยอวี๋ประกบเข้าทำให้เขาพูดออกมาด้วยเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอ แต่หลังจากฉินหยางตกใจได้ไม่นานเขาก็หลับตาเคลิ้มบรรจงจูบตอบโต้กลับอย่างเร้าร้อน ริมฝีปากของทั้งสองบดกันไปมาแนบชิดราวกับจะเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ลิ้นตวัดพันรัด ผลัดกันชิมรสชาติกันไปมา
ฉินหยางโอบเอวบางของเสวี่ยอวี๋ที่เปลือยกายท่อนบนไว้ก่อนจะจับพลิกตัวให้ตนอยู่ด้านบนเเทน เขาจับจับร่างบางของเสวี่ยอวี๋กดลงกับที่นอนอย่างอ่อนโยนก่อนจะบรรจงพรมจูบไปทั่วร่างกาย เสวี่ยอวี๋ส่งเสียงครางกระเส่าในลำคอออกมาอย่างทรมานราวกับจะทนไม่ไหว ฉินหยางเหมือนจะรับรู้ถึงความรู้สึกของเสวี่ยอวี๋จึงผละออกจากการพรมจูบก่อนจะดันตัวขึ้นมาบดจูบริมฝีปากกันอีกครั้ง
ระหว่างจูบกันอย่างดูดดื่มฉินหยางก็เอื้อมมือใหญ่หยาบกร้านไปสัมผัสบีบเค้นเม็ดมันของเสวี่ยอวี๋จนครางเสียงออกมาในลำคอราวกับจะขาดใจ ฉินหยางที่ได้ยินก็ยิ่งได้ใจ เขาสัมผัสแรงขึ้นและบดจูบกันรุนแรงขึ้น หลังจากต่างฝ่ายต่างถุงจุดที่ถวิลหาฉินหยางจึงเบื่อนมือใหญ่ลงไปข้างล่างอย่างช้า ๆ ผ่านหน้าท้องและสะดือก่อนจะลงไปหยุดอยู่ที่ร่องสวรรค์ของเสวี่ย ฉินหยางค่อย ๆ ใช้นิ้วบรรจงสัมผัสราวกับเกรงว่า คนที่ตนรักจะเจ็บปวด เขาใช้นิ้วมือเขี่ยสัมผัสร้องสวรรค์ ไปมาจนเสวี่ยอวี๋ร้องครวญครางเสียงสั่นแต่ในระหว่างที่ฉินหยางกำลังจะประกบนิ้วเพื่อเตรียมทะลวงผ่านร่องสวรรค์ของเสวี่ยอวี๋อยู่นั้น
เฮ้ย!!!
ฉินหยางตะโกนขึ้นพร้อมสะดุ้งตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง ด้วยสายตางุนงง พบเพียงห้องที่มืดสลัวมีแสงจันทร์ลอดผ่านบาง ๆ เขาหอบหายใจถี่รัวใบหน้าของเขามีเหงื่อผุดซึมออกมาไม่หยุด หลังจากตั้งสติอยู่สักพักเขาก็ก้มมองสำรวจร่างกายพบว่าบริเวณที่เป็นที่นอนของมังกรน้อยกลับมีน้ำบางอย่างสีขาวขุ่นเปียกชุ่มไปทั่วบริเวณ
"นะ นี่มัน หรือว่า.นี่มันบ้าอะไรกันเหตุใดข้าถึง.."
ฉินหยางสบถด่าตัวเองดัง ๆ ในใจเมื่อนึกได้ว่าสถานการณ์เช่นนี้มันคือสิ่งใด เขาลุกขึ้นจากที่นอนก่อนจะวิ่งลงไปทำความสะอาดร่างกายและกลับขึ้นมาบนห้องและพยายามจะขมตาให้หลับแต่ก็ไม่สามารถทำได้ เขาจึงตัดสินใจลุกขึ้นมานั่งรวบรวมสติอีกครั้งก่อนพูดกับตนเองในใจว่า
"ข้า..หรือว่า..เหตุใดข้าถึงได้ฝันแบบนั้นกัน นี่หรือว่าข้าจะ.."
ฉินหยางคืดมาถึงตรงนี้ก็รีบส่ายหัวสลัดความคิดดังกล่าวทิ้งทันทีก่อนจะพูดขึ้นว่า
"ไม่ได้ข้าในตอนนี้จะมัวคิดถึงเรื่องอย่างนั้นไม่ได้ ข้าถูกชายชุดคลุมดำตามล่าอยู่ ในตอนนี้สิ่งที่ข้าต้องทำคือพยายามแข็งแกร่งขึ้นให้เร็วที่สุด หลังจากคิดได้ดังนั้นฉินหยางก็ฝั่งเรื่องราวความฝันในคืนนี้เก็บไว้ในส่วนลึกภายในจิตใจของตัวเองโดยไม่บอกให้ใครรับรู้
หลังจากที่เขาตกลงกับตัวเองได้แล้วแต่ยังไม่สามารถข่มตาให้นอนหลับลงได้เขาจึงตัดสินใจ นั่งทำสมาธิฝึกฝนการกลั่นหยาดน้ำสุริยันอยู่อย่างเอาจริงเอาจังเพื่อทำให้ตนเองไม่คิดถึงเรื่องที่ฝันไปเมื่อสักครู่
เสวี่ยอวี๋ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในสถานที่มืดสลัวสัมผัสได้ถึงการกระทำของฉินหยางจึงเกิดความสงสัยก่อนร่างกายจะเปล่งเเสงสว่างวาบและออกมาปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าของฉินหยาง
ในตอนนี้เป็นยามอิ๋น (03:00-04:59) เสวี่ยอวี๋ที่เห็นว่าฉินหยางกำลังนั่งสมาธิกลั้นหยาดน้ำสุริยันอยู่จึงเปิดปากเอ่ยถามขึ้น
"เด็กน้อย เจ้าเป็นอะไรของเจ้า เหตุใดจึงตื่นขึ้นมาเวลานี้"
แม้จะยังคงโกรธเคืองเรื่องราวในห้องน้ำแต่เสวี่ยอวี๋ก็ยังคงถาขึ้นด้วยความเป็นห่วง
ฉินหยางที่ได้ยินเสียงของเสวี่ยอวี๋ดังขึ้นก็เอ่ยตอบด้วยเสียงติด ๆ ขัด ๆ และพยายามไม่สบสายตาและพูดว่า
"เอ่อ...คือข้านอนไม่หลับน่ะ"
นอนไม่หลับ? เหตุใดจึงนอนไม่หลับกัน เจ้ากังวลเรื่องชายชุดคลุมดำงั้นรึ"
เสวี่ยอวี๋กล่าวถามอีกครั้ง
"เอ่อ..อ๋อใช่ ข้าแค่กังวลว่าข้าในตอนนี้นั้นอ่อนแอเกินไปหากพวกชายชุดคลุมดำปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง ข้าอาจไม่มีชีวิตรอดไปช่วยท่านพ่อท่านแม่ข้าหรือแม้แต่ช่วยเจ้าตามหาจิตวิญญาณที่เหลือได้"
"เด็กน้อย เช่นนั้นเจ้าก็ต้องรีบแข็งแกร่งขึ้นให้ได้โดยเร็ว หากเจ้าอยากมีชีวิตที่อิสระ หากเจ้าไม่อยากถูกตามล่า หากเจ้าอยากให้คนที่เจ้ารักอยู่อย่างปลอดภัยและมีความสุข เจ้าจงรีบแข็งแกร่งขึ้น แกร่งจนไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้าได้"
เสวี่ยอวี๋กล่าวประโยคนี้ออกมาอีกครั้งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
"อื้ม ข้าเข้าใจแล้วหากข้าอยากทำอะไรตามใจที่ข้าอยากทำก็มีเพียงแต่จะต้องแข็งแกร่งขึ้นสินะ"
ฉินหยางกล่าวพึมพำออกมา
"ถูกต้องสิ่งที่เจ้าต้องทำในตอนนี้คือรีบทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว เอาล่ะข้าจะถ่ายทอดวิธีการปรุงโอสถให้เจ้าเดี๋ยวนี้ จงนำไปศึกษาดูซะ หากเจ้าสามารถปรุงโอสถด้วยเพลิงที่เจ้าครอบครองอยู่ได้แล้วละก็มันจะยิ่งทำให้ระดับพลังของเจ้าพุ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดนและเจ้ายังได้ขัดเกลาการใช้เพลิงได้มากขึ้นด้วย"
เสวี่ยอวี๋กล่าวอธิบาย
"อื้ม ข้าเข้าใจแล้ว"
ฉินหยางตอบกลับพร้อมพยักหน้า
"ถ้าเช่นนั้นข้าจะเริ่มเลยเเล้วกัน"
พูดจบเสวี่ยอวี๋ก็นิ้วชี้และนิ้วกลางแตะที่หน้าผากของตนก่อนจะมีแสงที่ขาวสว่างจ้าขึ้นที่ปลายนิ้วเสวี่ยอวี๋ขยับปากพึมพำบางอย่างก่อนจะค่อย ๆ ดึงมือออกจากหน้าผาก หลังจากนั้นจู่ ๆ ก็มีตัวอักษรเรืองแสงแปลกประหลาดไหลออกมาจากหน้าผากของเขา
เสวี่ยอวี๋วาดนิ้วมือไปมาเป็นลักษณะบางอย่างก่อนจะนำอักษรเรืองแสงเหล่านั้นแตะลงที่หน้าผากของฉินหยาง หลังจากนั้นอักษรเรืองแสงก็ค่อย ๆ เคลื่อนไหวหลั่งไหลเข้าสู่สมองของฉินหยางด้วยความรวดเร็ว
ฉินหยางรู้สึกราวกับตนถูกสิ่งของบางอย่างเจาะทะลวงเข้ามาในเซลล์ประสาททำให้เขาเกิดความเจ็บปวดจนต้องขมวดคิ้ว แต่หลังจากนั้นไม่นานใบหน้าของฉินหยางก็หลับมาเป็นปกติก่อนที่ในความนึกคิดของเขาจะมีภาพ ๆ หนึ่งปรากฏขึ้นในหัว ซึ่งเป็นภาพที่ชายชราเคราขาวกำลังนั่งปรุงโอสถบางอย่างอยู่
"เจ้าเห็นแล้วใช่หรือไม่ ภาพเหล่านั้นที่ปรากฏขึ้นอยู่ในความคิดของเจ้าคือภาพความทรงจำบางส่วนของข้าที่ได้พบเจอมาในอดีต ซึ่งมันเป็นภาพกระบวนการการปรุง ยาปราณแท้ ที่ถูกปรุงขึ้นโดยอาวุโสเซียนยาที่ข้าเคยพบ
ยาปราณแท้เป็นยาขั้นพื้นฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในโลกของผู้วิเศษ เนื่องจากเป็นตัวยาที่ช่วยเพิ่มพลังปราณในระหว่างการทำสมาธิเพื่อบำเพ็ญเพียร ส่วนเรื่องระเอียดยิบย่อยอื่น ๆ ไว้ เจ้าเข้าไปยังโลกของผู้วิเศษอย่างแท้จริงเจ้าก็จะได้รู้เรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยตนเอง "
"เอาล่ะนอกจากภาพกระบวนการปรุงยาแล้วข้าจะถ่ายทอดวิธีและขั้นตอนการปรุงยาปราณแท้ตามที่ข้าพอรู้มาให้เจ้าฟังเพื่อเป็นแนวทางให้เจ้าได้ศึกษา แม้ว่าข้าจะไม่ใช่นักปรุงยาแต่ข้าก็พอจะรู้เรื่องราวเหล่านี้อยู่บ้าง เจ้าจงจำข้อมูลเหล่านี้มาทำความเข้าใจและศึกษาให้ดี หากเจ้าสามารถปรุงยาเหล่านี้ได้สำเร็จด้วยตนเองพวกเราจะออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังป่ามรณะตามจุดหมายเเรกที่เราตั้งเอาไว้ทันที"
หลังจากพูดจบเสวี่ยอวี๋ก็สบัดปลายนิ้วชี้ก่อนจะมีอักขระเรืองแสงมากมายไหลออกมาจากนิ้วของเขาเข้าสู่สมองฉินหยางอีกครั้งไม่นานในความคิดของฉินหยางก็มีข้อมูลปรากฏขึ้นมา 2 ส่วน คือ ตัวมีตัวหนังสือเรืองแสงเขียนกำกับไว้ว่า คำภีร์แปลงจิตสัมผัสและขั้นตอนการปรุงยาปราณแท้
"จงทำความเข้าใจข้อมูลเหล่านี้ซะ..แล้วก็รับนี่ไปเสียสิ"
พูดจบเสวี่ยอวี๋ก็สบัดข้อมืออีกครั้งจู่ ๆ ก็มีเตาสีดำใบหนึ่งสภาพดูค่อนข้างเก่าแก่ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศก่อนจะลอยเข้าไปหาฉินหยางอย่างช้า ๆ หลังจากนั้นร่างกายของเสวี่ยอวี๋ก็เปล่งแสงสว่างวาบและหายไปจากจุดที่เขายืนอยู่
ฉินหยางเห็นดังนั้นก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรเขารับรู้ได้ในทันทีว่าสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้คือเตาที่ใช้สำหรับการปรุงยา
หลังอยากเงียบไปสักพักฉินหยางก็สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะนั่งลงหลับตาดำดิ่งเข้าสู่จิตสมาธิ......
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 29
Comments
ฟิวแห่งแสงจันทรายามค่ำคืน☆
อัพอีกนะคับ~
2023-08-09
1