หลังจากที่เสวี่ยอวี๋ได้หายเข้าไปในไข่มุกจิตวิญญาณและปล่อยให้ฉินหยาง ยังคงแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"เสวี่ยอวี๋ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"
ฉินหยางเอ่ยถาม
เสวี่ยอวี๋เงียบอยู่พักหนึ่งก่อนตอบกลับว่า
"ข้าไม่เป็นอะไรมาก พักสักหน่อยก็ดีขึ้นเจ้าไม่ต้องกังวล ส่วนอาการของแม่เจ้าปล่อยนางนอนพักไม่นานนางจะฟื้นเอง"
พูดจบเสวี่ยอวี๋ก็เงียบหายไปไม่ได้ตอบอะไรกลับมาอีก
ฉินหยางได้ยินดังนั้นก็เบาใจลง เขาหันมองไปยังมารดาของตนที่นอนอยู่ เขายืนมองอยู่สักพักก่อนหันหลังเดินออกจากห้องไป
หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไป 3 วัน ช่วงยามจื่อ (11:00-12:00) ของวันที่ 3 มารดาของฉินหยางที่นอนไม่ได้สติมาตลอด จู่ ๆ เปลือกตาของนางกลับเริ่มขยับเล็กน้อย ก่อนจะลืมตาขึ้นช้าในเวลาต่อมา เผยให้เห็นดวงตาสีดำหม่นประกายแต่ไม่นานต่อมาก็กลับมาเปล่งประกายเเจ่มชัดขึ้นทีละนิดอีกครั้ง
หลังจากลืมตาตื่นได้เต็มที่นางปรายตาสำรวจมองไปรอบ ๆ ไม่พบใครอยู่ในห้องมีเพียงห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ บรรยากาศมืดสลัวและเงียบสงัด นางใช้มือทั้งสองยันที่เตียงก่อนจะพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ในตอนนั้นมีเสียงฝีเท้าจากข้างนอกดังใกล้เข้ามาอย่างช้า ๆ ถัดมาไม่นานก็ได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้น ซึ่งเขาก็คือฉินหยางวันนี้เขาสวมเสื้อผ้าสีขาวเนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ผมสีดำสลวยถูกมัดรวบอย่างดี เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพเจ้าสรรค์สร้าง
ฉินหยางเดินเข้ามาพร้อมกับอ่างใส่น้ำใบเล็กหนึ่งใบกับผ้าขาวหนึ่งผืนเพื่อเตรียมนำมาเช็ดทำความสะอาดร่างกายมารดาของตนเหมือนทุกครั้ง แต่หลังจากที่เขาเข้ามาและพบว่ามารดาของตนฟื้นคืนสติแล้วก็รีบวางข้าวของวิ่งปรี่เข้าไปหาโดยทันที
"ท่านแม่..ท่านฟื้นแล้ว..ท่านฟื้นแล้วจริง ๆ "
ฉินหยางกล่าวพร้อมกุมมือมารดาไว้แน่น ดวงตาที่มองไปเห็นมารดาที่ได้สติกลับมาก็เริ่มมีน้ำใส ๆ เอ่อล้นออกมา ฉินหยางโผเข้ากอดมารดาของตนก่อนปล่อยโฮออกมา
มารดาของเขาเห็นดังนั้นก็ลูบศีรษะของฉินหยางเบา ๆ ด้วยความรักและทะนุถนอมก่อนกล่าวว่า
" หยางเอ๋อร์ แม่ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ๆ "
นางลูบศีรษะของฉินหยางพร้อมปลอบโยนอยู่สักพักหลังจากนั้นไม่นานฉินหยางก็ผละออกจากอ้อมกอด เขาปาดเช็ดน้ำตาแล้วเอ่ยถามมารดาว่า
"ท่านแม่ มันเกิดอะไรขึ้น ใครเป็นคนทำร้ายท่านจนบาดเจ็บเช่นนี้"
มารดาที่ได้ยินสิ่งที่ตนถามก็มีท่าทีตกตะลึงเล็กน้อย แต่เมื่อนางกำลังจะปฏิเสธคำถามของฉินหยาง นางกลับสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง มารดาของฉินหยางเห็นดังนั้นก็อุทานออกมาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจว่า
"หยางเอ๋อร์ นี่หรือว่าลูก…"
ฉินหยางไม่เอ่ยอะไร แต่เขากลับปลดปล่อยพลังปราณออกมาหมุนวนรอบ ๆ ตัว ร่างกายของเขาเรืองแสงสีส้มแดงประกายทองเล็กน้อยออกมา ราวกับว่าเขาเป็นเทพผู้สูงส่งที่อยู่เหนือมวลมนุษย์
"กลิ่นอายปราณศักดิ์สิทธิ์?..นี่มันเป็นไปได้ยังไง?"
มารดาของฉินหยางที่เห็นว่าจู่ ๆ บุตรของตนก็ปลดปล่อยกลิ่นอายปราณศักดิ์สิทธิ์ก็แทบจะลุกพรวดขึ้นมาด้วยความตกตะลึง
"ไม่ผิดท่านแม่ ข้าได้กลายเป็นผู้วิเศษแล้ว และเป็นผู้ที่ครอบครองกายาศักดิ์สิทธิ์และเพลิงศักดิ์สิทธิ์ชำระล้าง"
ฉินหยางกล่าวตอบด้วยความสัจจริงโดยไม่ได้ปิดบังอะไร เนื่องจากฉินหยางรู้ดีว่าหากอยากให้มารดาของตนเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นตนต้องแสดงพลังให้มารดาเห็นเท่านั้น
ฉินหยางจ้องมองไปยังดวงตาคู่งามของมารดาด้วยสีหน้าจริงจังก่อนเอ่ยถามขึ้นว่า
"ท่านแม่ได้โปรดบอกข้าได้หรือไม่ ใครกันที่ทำให้ท่านแม่บาดเจ็บเช่นนี้ การที่ท่านเป็นถึงบรรพชนมนุษย์แต่กลับถูกทำร้ายจนเส้นลมปราณเสียหาย มันต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน
มารดาของฉินหยางได้ยินสิ่งฉินหยางพูดก็ยิ่งตกตะลึงไม่คิดว่าบุตรของตนจะมองเห็นระดับฝึกตนของตนได้ นางทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะถอนหายใจยาวแล้วพูดว่า
"หยางเอ๋อร์ ลูกเติบโตขึ้นแล้วจริง ๆ เท่านี้แม่ก็พอจะวางใจได้แล้ว เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นแม่จะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เจ้าฟัง"
"เรื่องทั้งหมดมันเริ่มจากตอนที่เจ้าอายุได้ 1 ขวบ
ในตอนนั้นบิดาของเจ้า หยาง เทียน ยี่ ได้รับเลือกให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลหยางคนต่อไป แต่ หยาง ลู่ เทียน พี่ชายเเท้ ๆ ของบิดาเจ้าเกิดความไม่พอใจที่ตนไม่ได้รับเลือกให้เป็นผู้สืบทอดทั้ง ๆ ที่ตนเป็นพี่ชายคนโต จึงได้เกิดความขุ่นเคืองต่อบิดาเจ้า ตั้งแต่นั้นมาเขาก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางไม่ให้บิดาเจ้าได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูล
จนกระทั่งวันหนึ่งซึ่งเป็นวันที่ลูกหลานของคนตระกูลหยางทุกคนต้องเข้าพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ เเละทำพิธีเปิดเส้นลมปราณเพื่อค้นหาผู้ที่จะเป็นความหวังใหม่ของคนในตระกูล
แต่ในวันนั้นผลการทำพิธีปรากฏว่าลูกเกิดมาเป็นผู้พิการด้านการฝึกตนหรือก็คือผู้ไม่มีรากปราณไม่สามารถฝึกยุทธได้ ถูกคนในตระกูลมองเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาไร้ค่าคนหนึ่ง ทำให้คนที่เคยสนับสนุนบิดาของเจ้า คัดค้านและจะถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้สืบทอด แต่ท่านปู่ของเจ้า หยาง เฉิน ยู่ว ยืนกรานจะให้บิดาของเจ้าเป็นผู้สืบทอด เรื่องนี้เอง ยิ่งทำให้ พี่ชายของบิดาเจ้าเกิดความไม่พอใจอย่างหนัก
ในตอนนั้นจู่ ๆ ก็มีข่าวว่าลือออกมาว่าบิดาของเจ้าได้สมรู้ร่วมคิดกับตระกูลโจ ตระกูลคู่อริกับตระกูลหยางของเราเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง นั่นจึงทำให้ท่านปู่ของเจ้าโกรธเคืองเป็นอย่างมากจึงได้สั่งปลดบิดาของเจ้าออกจากตำแหน่งผู้สืบทอด ในตอนนั้นแม่และบิดาของเจ้าตัดสินใจจะออกไปอาศัยอยู่ด้านนอกแยกตัวออกจากตระกูล แต่เรื่องราวกลับไม่จบแค่ตรงนั้น
จู่ ๆ วันหนึ่งได้มีกลุ่มคนสวมชุดคลุมดำปรากฏตัวออกมาโดยมีเป้าหมายคือการสังหารเจ้า แม่และบิดาของเจ้าต่างต่อสู้พัวพันกับคนเหล่านั้นอยู่ แต่จู่ ๆ บุคคลที่ไม่คาดคิดก็ปรากฏตัวขึ้นคน ซึ่งเขาก็คือ หยาง ลู่ เทียน พี่ชายของบิดาเจ้าเขาเป็นคนคิดวางแผนลอบสังหารเจ้า ในครั้งนั้นเพื่อไม่ให้บิดาของเจ้าได้มีโอกาสกลับมาสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูล
เนื่องจากกฏของตระกูลเขียนไว้ให้ผู้ที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำตระกูลต้องมีบุตรชายคอยสืบทอดอำนาจ เมื่อบิดาของเจ้ารู้เรื่องนี้เข้าจึงทำให้เขาโกรธแค้นพี่ชายของตนอย่างมาก เขาได้ลงมือทำร้ายจน หยาง ลู่ เทียน พี่ชายของเขาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่นั่น ก็ดูเหมือนจะเป็นแผนการของ หยาง ลู่ เทียนที่จัดฉากเอาไว้ เพื่อจะป้ายความผิดว่าบิดาของเจ้าสมคบคิดกับตระกูลโจนำคนมาลอบทำร้ายตนเพื่อหวังฮุบตำแหน่งผู้นำตระกูลไว้แต่เพียงผู้เดียว
บิดาของเจ้ามองสถานการณ์ออกจึงได้คิดจะเปิดประตูมิติเพื่อที่จะส่งเจ้าและแม่ให้หลบหนี แต่ก็ถูกกลุ่มชายชุดคลุมดำขัดขวาง ในเวลานั้นแม่ถึงใช้ร่างแยกฝ่าวงล้อมพาเจ้าหลบหนีออกมาได้สำเร็จ แต่ก็ถูกกลุ่มชายชุดคลุมดำบางส่วนไล่ล่ามา แต่โชคดีที่มีใครบางคนมาช่วยขัดขวางกลุ่มคนเหล่านั้นไว้ทำให้แม่จะพาเจ้าหลบหนีมายังโลกมนุษย์ได้สำเร็จ
แต่อาการบาดเจ็บที่ได้รับก็ค่อย ๆ เริ่มแสดงอาการทีละน้อยจนเมื่อเดือนที่ผ่านมาอาการก็ทรุดหนักอย่างที่ลูกเห็นอยู่ตอนนี้
เสวี่ยอวี๋เองที่นั่งฟื้นฟูพลังปราณด้านในไข่มุกจิตวิญญาณเขานั่งขัดสามาธิในสถานที่มืดสลัวและได้ยินเรื่องราวที่มารดาของฉินหยางเล่าทั้งหมด เขาหลี่ตาเล็กลงราวกับจะรู้เรื่องราวบางอย่างแน่ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด
ระหว่างนั้นจู่ ๆ กระแสความคิดของฉินหยางก็ดังขึ้นในโสตประสาทของเสวี่ยอวี๋
"เสวี่ยอวี๋ ท่านพอจะรู้เรื่องร่างแยกหรือไม่ ?"
เสวี่ยอวี๋ได้ยินเสียงของฉินหยางก็ตอบกลับว่า
"หึ!! แน่นอนข้าย่อมรู้ ร่างแยกก็ตามชื่อของมันคือร่างที่แยกออกมาจากร่างกายของผู้วิเศษ แต่การจะเรียกใช้ร่างแยกออกมาได้นั้นต้องเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังปราณมากพอที่จะสามารถสร้างกลุ่มก้อนพลังขึ้นมาเป็นเหมือนอีกร่างของตนได้
ร่างแยกสามารถสื่อสารกับร่างหลักได้ผ่านความคิดและหากร่างแยกเกิดเสียชีวิตหรือสูญสลายข้อมูลความคิด สิ่งที่เคยมองเห็นสิ่งที่เคยรับรู้จะกลับสู่ร่างหลักทั้งหมดแต่นั้นก็ต้องแลกระดับขั้นของร่างหลักที่อาจจะลดลง 1-3 ระดับ"
"เช่นนั้นรึ ข้าเข้าใจแล้ว"
ฉินหยางส่งกระแสเสียงตอบกลับก่อนจะเอ่ยกับมารดาของตนว่า
"ท่านแม่ตอนนี้ แล้วตอนนี้ท่านสามารถติดต่อกับร่างหลักของท่านได้หรือไม่"
ฉินหยางเอ่ยถามขึ้น
มารดาของเขาหลังจากได้ยินคำถามก็ยิ่งเกิดความประหลาดใจเนื่องเขาไม่คาดคิดว่าแม้แต่เรื่องของร่างแยกที่มีแต่ผู้ฝึกตนระดับสูงเท่านั้นที่จะรู้เรื่องนี้แต่บุตรของเขากลับรู้แต่นางไม่รู้เลยว่าคนที่บอกเรื่องราวเหล่านร้ให้ฉินหยางรับรู้คือตัวตนในตำนานที่ในอดีตเคยสร้างฝันร้ายไว้ให้ใครหลายคน
มารดาของฉินหยางนั่งนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะส่ายศีรษะและพูดว่า
"หลังจากที่แม่พาเจ้าหลบหนีออกมาได้แล้ว ร่างหลักก็ส่งข้อมูลมาว่า ในตอนท่านปู่ของเจ้าเข้ามาเห็นเหตุการณ์ที่บิดาของเจ้ากำลังลงมือพอดี ท่านปู่โกรธกริ้วเป็นอย่างมาก สั่งให้ผนึกพลังปราณและนำตัวไปคุมขังอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งภายในตระกูลหยาง นั่นทำให้แม่ไม่สามารถสื่อสารกับร่างหลักได้
ฉิหยางได้ยินก็โกรธแค้นยิ่งกว่าเดิมและมากไปกว่านั่นคือความเกลียดชังที่มีต่อคนที่ทำร่ายบิดาและมารดาของตน,
"นี่มันจะมากเกินไปเเล้ว!! เพียงแค่ตำแหน่งผู้นำตระกูลถึงขั้นต้องทำถึงเพียงนี้ "
ฉินหยางลุกพรวดขึ้นพร้อมตะโกนออกมาด้วยความโกรธก่อนจะกล่าวต่อว่า
"ท่านแม่ ข้าต้องไปช่วยร่างหลักของท่านกับท่านพ่อออกมาไม่ว่ายังไงก็ตามตระกูลหยางต้องชดใช้",
"หยางเอ๋อร์ลูกใจเย็นลงก่อนอย่าพึ่งวู่วาม"
มารดาของฉินหยางเอ่ยปลอบให้ฉินหยางสงบสติลง,
แต่ฉินหยางก็ยังถูกไฟความโกรธครอบงำ เขากัดฟันกรอดด้วยความเคียดเเค้นชิงชัง
"เด็กน้อยใจเย็นลงซะ เจ้าไปตอนนี้ก็ตายเปล่า เจ้าลืมที่เจ้าเคยบอกเจ้าไปแล้วงั้นรึ ในโลกของผู้วิเศษความแข็งแกร่งคือทุกสิ่ง ผู้ที่แข็งแกร่งคือผู้ที่ถูกต้อง ไม่ว่าเจ้าต้องการสิ่งใดขอเพียงเจ้าแข็งแกร่งจะไม่มีใครหน้าไหนกล้าขวางเจ้าได้"
เสียงของเสวี่ยอวี๋ดังก้องไปมาอยู่ในโสตประสาทของฉินหยาง หลังจากได้ยินเสียงของเสวี่ยอวี๋ไม่นานฉินหยางก็มีท่าทีสงบลง
เขาเอ่ยสาบานกับตัวเองว่าหลังจากนี้เป็นต้นไปเขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้น แข็งแกร่งจนไม่มีใครสามารถพรากสิ่งที่เขาต้องการไปจากเขาได้
หลังจากที่สติของฉินหยางเย็นลงก็เอ่ยขอโทษกับมารดากับการกระทำเมื่อครู่
"หยางเอ๋อร์ ลูกไม่ต้องกังวลไปต่อให้ร่างหลักของแม่และบิดาของเจ้าถูกคุมขังแต่ทั้งสองยังคงปลอดภัยดีหากร่างหลักของแม่เกิดเป็นอะไรขึ้นมาต่อให้ร่างหลักถูกผนึกพลังปราณไว้แม่ก็ยังจะรับรู้ได้
ฉินหยางได้ยินดังนั้นก็เบาใจลงก่อนเอ่ยถามมารดาตนต่อว่า
"เช่นนั้นท่านแม่หลังจากนี้จะทำเช่นไรกันดี"
"เรื่องนั้น.."
มารดาของฉินหยางก้มหน้าใช้ความคิดสักพักก่อนจะพูดขึ้นว่า
"ในเมื่อลูกกลายเป็นผู้วิเศษแล้วและยังครอบครองกายาศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นลูกจงตั้งใจฝึกฝนอยู่ที่โลกมนุษย์นี่ซะ และหากวันใดที่ลูกคิดว่าลูกแข็งแกร่งมากพอที่จะสามารถช่วยเหลือแม่และบิดาของเจ้าได้แล้วค่อยตามไปยังตระกูลหยางแห่งแดนเซียนแม่จะรอคอยเจ้าอยู่ที่นั้น"
"ท่านแม่แล้วท่านเล่าเหตุใดท่านจึงไม่เดินทางไปข้า"
ฉินหยางเอ่ยถามขัดขึ้น
มารดามาของฉินหยางส่ายศีรษะเบา ๆ ก่อนเอ่ยว่า
"แม่มีเส้นทางที่เเม่ต้องไป ลูกไม่ต้องเป็นห่วงร่างนี้เป็นเพียงร่างแยกของแม่ต่อให้เกิดอะไรขึ้นกับร่างนี้ร่างหลักของแม่ก็จะไม่เป็นอะไร"
ฉินหยางได้ฟังก็เหมือนจะกล่าวบางอย่างแต่เขาก็ตัดสินใจกลืนคำพูดกลับเข้าไป เขาได้แต่ทำหน้าโศกเศร้าออกมาผ่านแววตา
หลังจากพูดจบมารดาของฉินหยางก็หงายฝ่ามือจู่ ๆ ก็มีสร้อยคอที่มีจี้สลักสีญลักษณ์รูปพระอาทิตย์เอาไว้ ปรากฏขึ้นที่ฝ่ามืออย่างไม่มีเค้ารางมาก่อน นางหยิบสร้อยเส้นดังกล่าวจึ้นมาก่อนนำมาสวมใส่ที่คอของฉินหยางด้วยความอ่อนโยนและกล่าวว่า
"สิ่งนี้คือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าลูกคือคนของตระกูลหยาง หากลูกบรรลุได้ถึงแดนเบื้องบนแล้วจงใช้มันสร้อยเส้นนี้ มันจะนำพาลูกไปยังที่ตั้งตระกูลหยางด้วยตัวมันเอง"
หลังจากได้ฟังคำพูดของมารดาฉินหยางก็กุมสร้อยเส้นนั้นเอาไว้แน่นก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
"ข้าสัญญาข้าจะต้องทวงความเป็นธรรมให้ท่านทั้งสองและช่วยท่านทั้งสองออกมาอย่างแน่นอนโปรดรอลูกอีกไม่นาน"
"แม่เข้าใจแล้ว"
นางมองไปยังใบหน้าของฉินหยางด้วยความรักและห่วงใย
"เอาล่ะ ลูกไปเตรียมตัวเถอะพรุ่งนี้ลูกน้องรีบออกเดินทางไปจากที่นี่"
"ท่านแม่แต่ว่า.."
ฉินหยางเหมือนจะพูดบางอย่างต่อ..เเต่เมื่อมองไปยังใบหน้าของมารดาของตนก็เงียบไปก่อนจะเอ่ยตอบว่า
"ขอรับท่านแม่"
หลังจากนั้นฉินหยางก็เดินออกจากห้องไปด้วยสีหน้าโศกเศร้า
มารดาของฉินหยางนั่งอยู่ขอบเตียงใบหน้างดงามรูปไข่หันออกไปทางหน้าต่างและเหม่อมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าครุ่นคิดก่อน
บ่นพึมพำเสียงเบาที่มีแต่ตัวเองได้ยินว่า
"ถึงเวลาที่ข้าเองก็ต้องไปแล้ว"
พูดจบมารดาของฉินหยางก็หลับตาลงช้า ๆ ราวกับกำลังย้อนนึกถึงบางสิ่งบางอย่าง...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 29
Comments