ฉินหยางเดินทางออกจากหุบเหวโดยมีเสวี่ยอวี๋ที่อาศัยอยู่ในลูกแก้วจิตวิญญาณคอยใช้จิตสัมผัสกวาดหาเส้นทางออกจากหุบเหวเนื่องจากทางออกจากสถานที่ผนึกค่อนข้างมีภูมิประเทศที่ซับซ้อนหากใช้วิธีเดินทางโดยการเดาสุ่มมีหวังคงหลงติอยู่ในสถานที่แห่งนี้อีกนานเป็นแน่
ฉินหยางใช้เวลาเดินทางออกจากหุบเหวอยู่ราว ๆ 1 ชั่วยาม หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เดินทางต่อมาถึงเชิงเขาเล็ก ๆ เเห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว บริเวณนี้เป็นเนินเขาไม่สูงมาก แต่สามารถมองเห็นทิศทัศน์เบื้องล่างได้อย่างชัดเจน
ห่างออกไปจากเชิงเขาออกไปราว 5 ลี้ เขามองเห็นหมู่บ้านเล็ก ๆ มีคนอาศัยอยู่ประมาณ 30 หลังคาเรือน
หมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อว่า "หนานกู่" (หมู่บ้านตีนเขา) ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ฉินหยางและมารดาของเขาอาศัยอยู่ ฉินหยางเดินทางลงจากเชิงเขาโดยใช้เวลาไม่ถึง 1 ก้านธูป เขาก็เดินทางมาจนถึงบริเวณทางเข้าหมู่บ้าน ขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็มีแสงสีขาวสว่างวาบ ปรากฏเป็นชายผมยาวสีขาวสวมเครื่องเงินประดับศีรษะและสวมชุดคลุมสีขาว มีร่างกายโปร่งใสดูราวกับเทพสูงศักดิ์ เขาก็คือ เสวี่ยอวี๋ ชายลึกลับที่ฉินหยางช่วยออกมาจากผนึกภายในหุบเหว ฉินหยางที่เห็นว่าจู่ ๆ เสวี่ยอวี๋ ก็ปรากฏตัวออกมาจึงเอ่ยถามด้วยความตกใจ
"เสวี่ยอวี๋ เจ้าปรากฏตัวออกมาเช่นนี้ ชาวบ้านจะแตกตื่นเอาได้นะ"
"แตกตื่น?...แตกตื่นเรื่องอะไรกัน มนุษย์ธรรมดาไม่อาจมองเห็นข้าได้หรอก เจ้าไม่ต้องกังวลไป"
เสวี่ยอวี๋กล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉย
"เอ่อ..งั้นรึ..ถ้าเช่นนั้นข้าก็ว่างใจ งั้นไปกันเถอะ บ้านของข้าตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้านห่างออกไปไม่ไกล"
ฉินหยางพูดพร้อมก้าวเท้าเดินเข้าไปในหมู่บ้าน แต่ในระหว่างทางฉินหยางสังเกตเห็นสายตาของผู้คนโดยรอบมองมาด้วยความหวาดระแวงสงสัย
"นี่ เสวี่ยอวี๋เจ้าแน่ใจงั้นรึว่าพวกเขาไม่สามารถมองเห็นเจ้าได้ ถ้าเช่นนั้นเหตุใดผู้คนเหล่านี้ถึงมองมาด้วยสายตาเช่นนั้นกัน"
ฉินหยางส่งกระแสเสียงไปทางเสวี่ยอวี๋
"มองข้า? เด็กน้อยคนพวกนี้เขามองเจ้าต่างหากละ มองดูสารรูปเจ้าตอนนี้สิ"
เสวี่ยอวี๋เดินเอามือไขว้หลังก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
ฉินหยางได้ยินก็มองสำรวจตัวเองพบว่าเป็นอย่างที่เสวี่ยอวี๋พูดสภาพของเขาในตอนนี้ดูราวกับศพเดินได้ก็ไม่ปาน เขาส่วมใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ขาดวิ่นอาบย้อมไปด้วยคราบเลือดสีแดงแห้งกรัง เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นดินดูราวกับขอทานข้างถนนฉินหยางที่เห็นสภาพของตัวเองก็ได้แต่ทำหน้าตาเขินอายก่อน จะรีบสาวเท้าอย่างเร่งรีบออกไปจากบริเวณดังกล่าว
ไม่นานทั้งสองก็เดินทางมาหยุดอยู่หน้าบ้านไม้หลังเล็ก ๆ หลังหนึ่ง
ก๊อก ๆ ๆ
ฉินหยางเดินไปเคาะประตูอยู่ราว 3 ครั้ง ก็ถอยออกมายืนรออยู่หน้าบ้าน ผ่านไปไม่นานมีเสียงฝีเท้าจากภายในบ้านดังขึ้นกำลังเดินมาทางประตู ต่อมาราว 3-4 ลมหายใจประตูก็ถูกเปิดออกพบว่าเป็นหญิงวัย 70 กลาง ๆ สวมเสื้อผ้าธรรมดา ๆ แบบเดียวกับชาวบ้านทั่ว ๆ ไปในหมู่บ้านนี้เขาจ้องไปที่ฉินหยางอยู่ครู่หนึ่ง
"ฉินหยาง เจ้าเองงั้นรึข้าก็นึกว่าเจ้าจะไม่รอดกลับมาเสียแล้ว แล้วทำไมสภาพเย้าถุงเป็นเช่นนี้เจ้าไม่เป็นอะไรมากใช่หรือไม่"
หญิงชราเห็นสภาพของฉินหยางที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดก็ตกใจเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง หญิงชราคนนี้ก็คือเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่บ้านใกล้กันตอนที่ฉินหยางจะออกเดินทางไปตามหาสมุนไพรได้อ้อนวอนให้หญิงชราคนนี้คอยเป็นธุระดูแลมารดาของเขาให้ยาเขาไม่อยู่
"ข้ายังสบายดีไม่ได้เป็นอะไรมาก ขอบคุณท่านยายที่เป็นห่วง ว่าแต่ข้าไม่ได้อยู่หลายวัน ท่านแม่อาการเป็นยังไงบ้าง"
ฉินหยางเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะถามถุงอาการของมารดาตน เนื่องจากตนออกเดินทางไปตามหาสมุนไพรจนตอนนี้ก็ผ่านไป 3 วันแล้ว
"เจ้าไม่ต้องกังวล แม้ว่านางจะยังไม่ได้สติแต่อาการยังคงเหมือนเดิม"
หญิงชรากล่าวตอบกลับเพื่อคลายความเป็นห่วงของฉินหยาง
"เช่นนั้นข้าขอเข้าไปดูอาการท่านแม่หน่อย"
พูดจบฉินหยางก็ก้าวเท้าเข้าไปภายในบ้านโดยมีร่างโปร่งแสงของเสวี่ยอวี๋ที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉินหยางมาตลอดเดินตามหลังเข้าไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด
ภายในบ้านมีขนาดไม่ใหญ่นัก ฉินหยางเดินเข้ามาเพียง 6-7 ก้าวก็มาถึงประตูหน้าห้องที่มารดาของเขาพักอยู่ เขาผลักประตูเข้าไปอย่างเบามือภายในห้องเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า มุมซ้ายมือมีเพียงเตียงไม้ขนาด 3.5 ฟุต อยู่หนึ่งหลัง บนเตียงมีหญิงคนหนึ่งมีใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด ผมยาวสลวยกลับถูกย้อมเป็นสีขาวราวดอกเลา นอนหมดสติไม่รู้สึกตัว
เขาก็คือมารดาของฉินหยางที่จู่ ๆ ก็ล้มป่วยไม่ได้สติอย่างไม่ทราบสาเหตุ จนทำให้ฉินหยางต้องออกไปตามหาสมุนไพรเพื่อนำมารักษาและพบเป็นโชคชะตาที่นำพาไปพบกับเสวี่ยอวี๋
ฉินหยางเดินเข้าไปนั่งลงที่ขอบเตียง เขาเอื้อมมือไปกุมมือของมารดาตนไว้และไม่ได้พูดสิ่งใด เขามองไปที่ใบหน้าของมารดาตนที่นอนหลับไม่ได้สติก็น้ำตาคลอเบ้า เขาพยายามข่มกลั้นอารมณ์ไม่ให้ร่ำไห้ออกมา ก่อนจะส่งกระแสเสียงไปหาเสวี่ยอวี๋
"เสวี่ยอวี๋ ข้าขอร้อง..ช่วยแม่ข้าด้วย"
กระแสเสียงที่ส่งมาเต็มไปด้วยความวิงวอนและคาดหวัง เสวี่ยอวี๋ที่ยืนเงียบไม่ได้เอยอะไรตั้งแต่เข้ามาหลังจากได้ยินเสียงของฉินหยางก็ขมวดคิ้วหลี่ตาลง ก่อนจะมองสำรวจร่างกายมารดาของฉินหยางไม่นานเหมือนเขาจะค้นพบบางอย่าง เสวี่ยอวี๋วาดมือขวาขึ้นเป็นสัญลักษณ์แปลกประหลาดก่อนจะหลับตาลงและทาบนิ้วชี้และนิ้วกลางลงบริเวณหว่างคิ้ว
ทันใดนั้น หว่างคิ้วของเขาปรากฏลวดลายสัญลักษณ์แปลก ๆ คล้ายดวงตาปรากฏขึ้น สัญลักษณ์ที่ปรากฏขึ้นเปล่งแสงสว่างวาบ ก่อนจะหายไป 3 ลมหายใจต่อมาเสวี่ยอวี๋ก็ถอนมือออกจากหน้าผากพร้อมลืมตาขึ้นก่อนจะพูดกับฉินหยางว่า
"อาการค่อนข้างสาหัส จุดตันเถียรของนางได้รับความเสียหายอย่างหนัก เส้นลมปราณเองก็ฉีกขาดอยู่หลายจุด"
"เสวี่ยอวี๋ท่านหมายความว่า"
"ไม่ผิดแม่ของเจ้าเป็นผู้วิเศษ และเป็นผู้วิเศษที่ทรงพลังมากคนหนึ่ง ดูจากพลังปราณที่อัดแน่นอยู่ในจุดตันเถียรน่าจะอยู่ในระดับจักรพรรดิมนุษย์ไม่สิ อาจจะเป็นบรรพชนมนุษย์เลยก็เป็นได้ แต่การที่นางลาดเจ็บสาหัสมาขนาดนี้ข้าเองก็ไม่อยากคาดเดา"
"ระดับบรรพชนมนุษย์ นี่มันเรื่องอะไรกันเหตุใดท่านแม่จึง…"
ฉินหยางยังคงสับสนต่อเรื่องราวที่ได้ยิน
"เรื่องนั้นไว้มารดาเจ้าฟื้นค่อยถามก็ไม่สายตอนนี้ต้องช่วยนางให้เร็วที่สุด หากปล่อยไว้นานกว่านี้อาจถึงแก่ชีวิตได
เสวี่ยอวี๋กล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"เช่นนั้นต้องทำอย่างไรดี"
ฉินหยางกล่าวถามด้วยความกังวล
"การจะรักษานางนั้นไม่ยากแต่ข้าจำเป็นต้องให้เจ้าช่วย เนื่องจากข้าเป็นเพียงจิตวิญญาณไม่สามารถสัมผัสสิ่งของได้ แต่ข้าจะบอกขั้นตอนในการรักษาให้กับเจ้า ตกลงหรือไม่"
เสวี่ยอวี๋ส่งกระแสเสียงเอ่ยถามฉินหยาง
"ได้ เจ้าจะให้ข้าทำอะไร บอกข้ามาได้เลย"
ฉินหยางตอบตกลงแบบไม่ต้องคิด
"เช่นนั้นก็ดี งั้นบอกให้ยายเฒ่าออกไปก่อนเจ้าจำเป็นต้องใช้สมาธิ"
เสวี่ยอวี๋กล่าวบอกฉินหยางผ่านกระแสเสียง
ฉินหยางตกลงในใจก่อนจะหันมองไปหญิงชราคนนั้นก่อนเอ่ยว่า
"ท่านป้า คือว่าข้าขอเวลาอยู่กับท่านแม่ข้าตามลำพังสักครู่ได้หรือไม่"
หญิงชราพยักหน้าแต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดก่อนจะเดินออกไปจากห้องอย่างเงียบ ๆ
หลังจากที่หญิงชราเดินออกไปจากห้องเสวี่ยอวี๋ก็กล่าวขึ้นว่า
"ตั้งสมาธิให้มั่นคงซะ หลังจากนี้เจ้าจะต้องทำตามที่ข้าบอกให้ดี อย่าเสียสมาธิระหว่างการรักษาเป็นอันขาด"
เสวี่ยอวี๋กล่าวเตือนฉิหยางก่อนจะเริ่มการรักษา
"ข้าเข้าใจแล้ว"
ฉินหยางพยักหน้าตอบรับหนักแน่น
"เช่นนั้นก็ดีงั้นมาเริ่มกันเลย ข้าจะให้เจ้ากดจุดเส้นลมปราณที่เสียหายตามจุดต่าง ๆ เพื่อปิดกั้นไม่ให้ลมปราณที่เหลือรั่วไหลออกไปมากกว่านี้ สิ่งที่เจ้าต้องทำคือถ่ายเทพลังปราณจากจุดตันเถียรไปยังปลายนิ้ว แล้วคอยฟังตำแหน่งที่จะกดจุดจากข้าให้ดี เอาล่ะ เริ่มได้ "
หลังเสวี่ยอวี๋พูดจบก็นำนิ้วชี้และนิ้วกลางจิ้มไปที่หน้าผากเกิดแสงสว่างสีขาวสว่างวาบ ปรากฏเป็นสัญลักษณ์แปลกคล้ายดวงตาปรากฏขึ้นอีกครั้ง
"เนตรเหมันต์จุติ"
เสวี่ยอวี๋ร้องขึ้นในใจ เขาใช้เนตรเหมันต์มองสำรวจจุดที่ลมปราณเสียหายก่อนจะบอกให้ฉินหยางรับรู้
"จุดซูทั้ง5"
"จุดเหอล่าง"
"ต่อไปจุดเหวียน"
"ต่อไปจุดลั่ว "
เสวี่ยอวี๋ร้องบอกจุดต่าง ๆ แก่ฉินหยางอย่างต่อเนื่อง
ฉินหยางเองก็กดเส้นลมปราณตามจุดต่าง ๆ ที่เสวี่ยอวี๋บอกได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน เขาทำทุกอย่างได้อย่างราบลื่นไม่มีผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย จนแม้แต่เสวี่ยอวี๋เองก็อดตกตะลึงไม่ได้
"เด็กนี้มันไม่ใช่มนุษย์แล้ว เข้าถึงสมาธิได้ถึงขั้นนี้ทั้งที่พึ่งทำเป็นครั้งแรก นี่มันสัตว์ประหลาดชัด ๆ "
เสวี่ยอวี๋สบถขึ้นในใจ ก่อนจะส่งกระแสไปหาฉิหยางว่า
"จุดสุดท้าย จุดกวนหยวน"
ฉินหยางได้ยินก็วาดมือออกก่อนจะกดไปยังตำแหน่งที่เสวี่ยอวี๋บอก
"ปัก!! สำเร็จ!"
เสียงกดจุดตำแหน่งสุดท้ายดังขึ้นพร้อมกับที่ฉินหยางตะโกนขึ้นในใจ เขาคลายสมาธิออกก่อนถอดหายใจออกมายาว ๆ เฮือกหนึ่ง
"เด็กน้อยเจ้าทำได้ไม่เลว ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะสามารถเข้าสู่ภาวะจอตสงบได้ถึงขั้นนี้ "
ถึงปากจะเอ่ยชมแต่ในใจเสวี่ยอวี๋ยังคงตกตะลึงและสบถด่าถึงความเป็นสัตว์ประหลาดของฉินหยางอยู่ไม่จาง
"เอาล่ะ เท่านี้มารดาเจ้าคงพ้นขีดอันตรายแล้วต่อไปเป็นขั้นตอนสุดแล้วเจ้าถอยออกมาจากตรงนั้นซะ"
เสวี่ยอวี๋ส่งกระแสเสียงบอกฉินหยาง
ฉินหยางได้ยินก็เดินถอยออกมาจากจุดนั้นยืนมองสิ่งที่เสวี่ยอวี๋อย่างุนงง
หลังจากที่ฉินหยางถอยออกมาแล้วเสวี่ยอวี๋หลับตาลงประสานมือเป็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ ก่อนจะตะโกนขึ้นในใจว่า
"เคล็ดวิชาลับต้องห้ามกลืนกินฟ้าดิน "
หลังจากนั้นก็ปรากฏวงแหวนเวทย์สีดำทมิฬขนาดใหญ่ปรากฏอยู่เหนือหลังคาบ้านของฉินหยางเสวี่ยอวี๋เห็นดังนั้นก็สะบัดฝ่ามือไปทางด้านหน้า
ก่อนออกคำสั่งว่า
"กลืนกิน"
หลังจากเสี่ยอวี๋พูดจบวงเเหวนสีดำทมิฬด้านบนเหนือหลังคาบ้านก็เริ่มหมุนวนและเรื่องแสงออกมา ทำให้พลังปราณฟ้าดินในบริเวณโดยรอบรัศมี 10 ลี้ รอบบ้านของฉินหยางถูกดูดกลืนเข้ามาอย่างบ้าคลั่งเกิดเป็นกระแสพลังหมุนวนหลั่งไหลเข้าไปยังรจุดตันเถียรของมารดาฉินหยางอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งลมหายใจ สองลมหายใจ สามลมหายใจ
ยิ่งเวลาผ่านไปใบหน้าของเสวี่ยอวี๋ยิ่งดูไม่บิดเบี้ยวมากขึ้น เขาฝืนประคองไว้จนถึงสิบลมหาย ก็กัดฟันพูดขึ้นว่า สลาย พร้อมวาดมือไปทางด้านหน้าอีกครั้งวงแหวนที่อยู่เหนือหลังคาบ้านของฉินหยางก็แตกสลายหายไป
ร่างกายของมารดาฉินหยางเริ่มเรืองแสงออกมาจาง ๆ ใบหน้าที่เคยซีดเซียวกลับมามีเลือดฝาดอีกครั้ง ผมสีขาวราวดอกเลาถูกย้อมกลับมาเป็นสีดำขลับอีกครั้ง
แต่ในอีกด้านหนึ่งเอาสวี่ยอวี๋ในตอนนี้กลับหอบหายใจหนัก ร่างกายของเขาที่โปร่งแสง ยิ่งโปร่งเเสงมากกว่าเดิม แต่ไม่ทันที่เขาจะพักหาใจจู่ ๆ ก็มีสายฟ้าเส้นหนึ่งที่ไม่รู้ปรากฏออกมาจากที่ใดฟาดใส่ร่างจิตของเสวี่ยอวี๋จนเขาต้องร้องโอดครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด เสวี่ยอวี๋ฝืนประคองสตก่อนจะตะโกนบอกฉินหยางว่า
"ปกป้องไข่มุกจิตวิญญาณถ่ายเทพลังลงไปในนั้นซะ เร็วเข้า"
อ๊ากก
เสวี่ยอวี๋กรีดร้องขึ้นอีกครั้งเพราะความเจ็บปวดจากสายฟ้าที่แทรกซึมเข้ามา
ฉินหยางที่กำลังตื่นตกใจกับสถานการณ์ตรงหน้าหลังจากได้ยินเสียงของเสวี่ยอวี๋เขาก็ไม่รอช้าหยิบไข่มุกจิตวิญญาณออกมาจากอกเสื้อก่อนจะถ่ายเทพลังปราณเข้าไป
ร่างกายของเสวี่ยอวี๋กำลังจะค่อย ๆ จางหายไปเริ่มกลับมามองเห็นชัดขึ้นอีกครั้ง เหตุการณ์นี้เกิดต่อเนื่องเป็นเวลา 1 กาน้ำชาทุกอย่างก็สงบลง ร่างจิตของเสวี่ยอวี๋ซวนเซดูไร้เรี่ยวแรง
"เสวี่ยอวี๋เจ้าเป็นอะไรหรือไม่"
ฉินหยางที่สังเกตเห็นอาการของเสวี่ยอวี๋ก็ตะโกนถามขึ้น
เสวี่ยอวี๋โบกมืปัดเป็นสัญญาณบอกว่าไม่เป็นอะไร ก่อนร่างกายจะเรืองแสงสว่างวาบและหายลับไป...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 29
Comments