จักรพรรดิเพลิงทะยานสวรรค์
ณ โลกใบเล็กใบหนึ่งที่ลอยเคว้งอยู่ท่ามกลางอวกาศอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ทั่วทั้งตัวอาบย้อมไปด้วยเลือดและบาดแผลกำลังนอนหายใจโรยรินนอนอยู่ในก้นเหวลึก
"ทะ..ท่านแม่…ข้าต้องกลับไป..ข้าต้องกลับไปหาท่านแม่"
เด็กหนุ่มที่นอนหายใจโรยรินอยู่บนพื้น บ่นพึมพำเสียงเบาพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นด้วยความทุลักทุเล
ย้อนเวลากลับไปก่อนหน้านี้ เด็กหนุ่มคนนี้มีนามว่า "ฉินหยาง" อายุ 15 ปี ไว้ผมสีดำขลับยาวสลวยถูกปล่อยยาวถึงกลางหลัง ใบหน้าคมเข้ม คิ้วโค้งดุจคันศร จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้า ดวงตาแวววาวสีดำสามารถทำให้ผู้พบเห็นไม่ว่าจะเพศใดสั่นไหวราวกับต้องมนต์สะกด
แต่เขากลับสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ ธรรมดาราวกับชนชั้นสูงที่แต่งตัวเป็นคนไร้บ้าน เขาอาศัยอยู่ในบ้านไม้เล็ก ๆ กับมารดาเพียงลำพังสองคน แต่อยู่มาวันหนึ่งมารดาของเขาเกิดล้มป่วยกระทันหันนอนสิ้นสติไม่รู้สึกตัว ฉินหยางที่ต้องการช่วยเหลือมารดาของตน
จึงได้ตัดสินใจออกเดินทางขึ้นเขาเพื่อตามหาสมุนไพรตามตำนานที่ว่ากันว่าสามารถรักษาได้ทุกโรค เพื่อหวังว่าจะช่วยรักษาอาการของมารดาตนได้ แต่ในระหว่างทางขึ้นเขาเพื่อตามหาสมุนไพรนั้น เขาเกิดพลัดตกลงไปในเหวลึกอย่างไม่คาดคิด
แต่โชคยังดีที่บริเวณปากเหวแห่งนั้น มีเถาวัลย์งอกเงยอยู่เป็นจำนวนมากจึงช่วยลดแรงกระแทกลงไปได้ส่วนหนึ่งแต่ถึงอย่างนั้นอาการของเขาก็ยังเรียกว่าสาหัส ขาและเเขนของเขาหักไปหนึ่งข้าง เขานอนหายใจโรยรินอยู่กับพื้นมาราว 2 ชั่วยาม หลังจากนั้นอาการของเขาก็เริ่มทรุดหนักลงเรื่อย ๆ จากการสูญเสียเลือดเป็นจำนวนมาก เขาได้แต่ภาวนาหวังให้ใครสักคนผ่านมาเห็น
แต่นั่นมันก็เป็นได้แค่เรื่องเพ้อฝัน สถานที่เเห่งนี้คือก้นหุบเหวลึกคงไม่มีคนสติดีที่ไหนลงมาเดินเล่นผ่านไปผ่านมาเเถวนี้ เวลาผ่านเลยไปอีก 1 ชั่วยาม เขายังคงนอนนิ่งรอปาฏิหาริย์แต่ร่างกายของเขากลับเริ่มหายใจช้าทีละนิด
"ทะ..ท่านแม่..ท่านแม่ข้า…"
ฉินหยางพยายามเปล่งเสียงเพื่อกล่าวบางอย่างออกมาแต่เขาก็ไม่สามารถทำได้ สติของเขาเริ่มเลือนลาง เปลือกตาของเขาเริ่มปิดลงที่ละน้อย ลมหายใจของเขาเองก็แผ่วจางลงทุกขณะ แต่ในช่วงเวลาที่ลมหายใจสุดท้ายของเขากำลังจะหมดลงอยู่นั้น จู่ ๆ ท้องฟ้าก็เกิดการเปลี่ยนแปลง สภาพอากาศเหนือบริเวณที่ฉินหยางนอนอยู่เกิดลมกรรโชกรุนเเรง เมฆสีดำทมิฬพัดปกคลุมเหนือท้องฟ้าจนมือสนิท เกิดฟ้าร้องฟ้าผ่าดังกึกก้องสนั่นไปทั่วท้องฟ้าราวกับจะกู่ก้องร้องตะโกนไปถึงสรวงสวรรค์
ตึก ๆ!! ตึก ๆ!!
จู่ ๆ ก็มีเสียงเต้นเป็นจังหวะของบางสิ่งดังขึ้นมาภายในร่างกายของฉินหยาง จุดตันเถียรของเขาที่เเต่เดิมว่างเปล่ากลับมีจุดแสงเล็ก ๆ ก่อตัวขึ้น พร้อมทั้งสั่นกระเพื่อมและปล่อยระลอกคลื่นออกมาห่อหุ้มฉินหยางเอาไว้
ตึก ๆ! ตึก ๆ! ตึก ๆ!
เสียงดังกล่าวยังคงดังขึ้นเป็นจังหวะถี่ขึ้นและถี่ขึ้น บรรยากาศรอบตัวของฉินหยางเริ่มหมุนวนเกิดเป็นกระแสคลื่นน้ำวนดูดซับเอาพลังงานฟ้าดินเข้าสู่ร่างดายของฉินหยางอย่างบ้าคลั่ง
ตู้ม!! ตู้ม!! ตู้ม!! ตู้ม!!
เสียงระเบิดดังขึ้นที่ภายในร่างกายของเขาดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและปลดปล่อยคลื่นพลังออกมาสาดซัดไปทั่วบริเวณ
ดูดซับลมปราณ ขั้นที่ 1
ดูดซับลมปราณ ขั้นที่ 2
ดูดซับลมปราณ ขั้นที่ 3
ดูดซับลมปราณ ขั้นที่ 4
จนมาหยุดอยู่ที่ระดับดูดซับลมปราณขั้นที่ 5 พายุสายฟ้าที่โหมกระหน่ำเสียงดังกึกก้องไปทั่ว 7 ชั้นฟ้า 5 ชั้นดินราวกับเป็นการเฉลิมฉลองต่อการการถือกำเนิดของเทพราชันย์ผู้ยิ่งใหญ่ ชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต่างตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พากันออกจากบ้านมารวมตัวเพื่อมายืนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความกังวล ด้วยความกลัวจะมีภัยพิบัติใหญ่ถือกำเนิด
นอกเหนือจากชาวบ้านที่ยืนดูเหตุการณ์ด้วยความกังวลใจแล้ว ในสถานที่ที่มืดสลัวเเละเงียบสงัดเเห่งหนึ่งที่ไม่รู้ว่าอยู่ใกล้หรือไกล เห็นร่างเลือนรางของชายคนหนึ่งนั่งหลับตาขัดสมาธิอยู่ด้วยความเงียบสงบ เหมือนจะรับรู้อะไรได้บางอย่างเปลือกตาเขาขยับเคลื่อนไหวเล็กน้อยก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ปรากฏให้เห็นดวงตาสีน้ำทะเลที่เปล่งประกายวาววับดูราวกับเป็นอัญมณีกำลังจองมองไปยังทิศทางทิศที่เกิดเหตุการณ์
"อัสนีร้องคำรน เมฆฝนพัดแปรปรวน หอมรัญจวนปราณฟ้าดิน หนึ่งเดียวจุติมลายสิ้นผืนดินพสุธา"
"นี่มันคือปรากฏการณ์การถือกำเนิดของอัจริยะที่จะสั่นคลอนโลกทั้งใบ ใครกันที่เป็นอัจฉริยะเหนือสวรรค์คนนั้น'
ชายลึกลับเอ่ยขึ้นกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะหลับตาขยายจิตสัมผัสกวาดหาเพื่อรับรู้เหตุการณ์ตรงหน้า และพบเข้ากับฉินหยางที่กำลังหมดสติอยู่กับพื้นโดนมีม่านแสงจาง ๆ ปกคลุมตัวเขาอยู่
" เด็กคนนี้งั้นรึ..หืม
..เดี๋ยวก่อน นี่มันกลิ่นอายปราณศักดิ์สิทธิ์แถมยังเป็นปราณเพลิง หรือว่าเด็กคนนี้จะ…"
ฮ่า ๆ ๆ ๆ !! นี่มันช่างวิเศษจริง ๆ สวรรค์ยังคงไม่ทอดทิ้งข้างั้นสินะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ "
หลังจากกวาดจิตสัมผัสประเมินฉินหยางแล้ว จู่ ๆ ชายลึกลับดวงตาสีฟ้าก็หัวเราะออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
หลังจากหัวเราะอยู่สักพักชายลึกลับดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ก่อนจะส่งกระแสเสียงหาฉินหยาง
"เด็กน้อย..เด็กน้อยเจ้าได้ยินเสียงข้าหรือไม่"
เสียงของชายลึกลับดังขึ้นอยู่ภายในความคิดของฉินหยาง น้ำเสียงของเขาฟังดูเลื่อนลอยเหมือนดังขึ้นมาจากสถานที่ไกลแสนไกล เขาเอ่ยเรียกซ้ำราวสามครั้งฉินหยางจึงเริ่มรู้สึกตัวและตื่นจากภวังค์
เขาตื่นมาด้วยความรู้สึกสับสนประดังประเดเข้ามาจนเขาต้องเอามือกุมศีรษะด้วยความเจ็บปวด
ก่อนจะหมดสติไปเขาจำได้เพียงว่าเขาได้เกิดอุบัติเหตุพลัดตกลงมาในก้นเหวลึกและคงคิดว่าคงไม่มีทางรอดแล้ว
"เด็กน้อย เจ้าจะตอบข้าได้หรือยัง เจ้าได้ยินเสียงข้าหรือไม่"
เสียงของชายลึกลับดังขึ้นในความคิดของฉินหยาง น้ำเสียงของเขาเริ่มแฝงความไม่พอใจเล็ก ๆ ในด้านของฉินหยางที่จู่ ๆ ก็มีเสียงใครบางคนดังขึ้นมาก็สะดุ้งตัวลุกขึ้นด้วยความตกใจในทันที
"คะ..ใครกัน"
ฉินหยางหันมองซ้ายขวาแต่ก็ไม่พบสิ่งใด รอบตัวมีเพียงความว่างเปล่าและเงียบสงัด
"ใครกัน ปรากฏตัวออกมาซะ"
ฉินหยางเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมพร้อมกับชักอาวุธมีดข้างเอาออกมา
" เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าไม่ได้มีเจตนาจะทำอะไรเจ้าแต่อย่างใด ข้าแค่อยากจะพูดคุยกับเจ้าก็เท่านั้น"
ชายลึกลับเอ่ยเจตนารมณ์ของตัวเองออกมาเพื่อให้ฉินหยางคลายความระแวงลง
"พูดคุย? เจ้าเป็นใครต้องการพูดคุยกับข้าเรื่องอะไร?"
"ก็เริ่มจากแนะนำตัวก่อนเป็นยังไง เจ้าเป็นใคร มาจากไหน ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ เหอะๆ อย่าพึ่งกังวลไปข้าติดอยู่ที่นี่คนเดี ยวมานาน แค่อยากหาเพื่อนคุยแก้เบื่อก็เท่านั้น"
ฉินหยางเริ่มคลายความกังวลก่อนเก็บอาวุธมีดเข้าฝักแล้วถามว่า
"ก่อนจะให้คนอื่นแนะนำตัว เจ้าควรแนะนำตัวเองก่อนหรือไม่"
ฉินหยางตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
"หึ!!เด็กน้อยเจ้ากล้าดีอย่างไรพูดกับข้าด้วยน้ำเสียงเช่นนั้น หากเจ้ารู้ว่าข้าเป็นใครรับรองว่าเจ้าต้องวิ่งหนีหางตุกตูดฉี่ราดกางเกงอย่างแน่นอน"
เสียงของชายลึกลับเริ่มมีโทสะเล็กน้อย
"เจ้าเป็นใครเหตุข้าต้องสนใจ เจ้าคิดกุเรื่องหลอกเด็กกับข้าวรึอย่าได้ฝัน"
ฉินหยางเบะปากตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
"นี่เจ้า!! หึ!!! เอาเถอะวันนี้ข้าอารมณ์จะยอมไม่ถือสาสักวัน เช่นนั้นข้าจะแนะนำตัวก่อน
นามของข้าคือ ไป่ เสวี่ยอวี๋ ผู้คนต่างเรียกขานข้าว่า จอมมารไป่จอมกระหายเลือด หึหึ เป็นอย่างไร ได้ยินชื่อข้าแล้วอย่ามากลัวทีหลังละกัน
ชายลึกลับกล่าวอย่างภาคภูมิใจราวกับเชื่อมั่นว่าหากฉินหยางได้ยินจะต้องตกใจกลัวจนปัสสาวะราดกางเกงอย่างแน่นอน แต่เขากลับต้องผิดหวังฉินหยางทำหน้าซังกะตายไม่ได้รับรู้ถึงความน่ากลัวใด ๆ
"เจ้า ทำหน้าอย่างนั้นหมายความว่าอย่างไร เจ้าไม่รู้รึว่าจอมมารไป่น่ากลัวเพียงใด"
"ข้าไม่เห็นจะเคยได้ยินชื่อจอมมารไป่อะไรนั่น อีกอย่างเจ้าคิดว่าจอมมารอะไรนั่นจะมีตัวตนอยู่จริงงั้นรึ"
ฉินหยางโต้กลับ ใครจะเชื่อจอมมารอะไรนั่นกัน
"เหอะ ๆ !! แล้วเจ้าคิดว่าการที่เจ้าพูดคุยกับข้าโดยผ่านกระแสเสียงอยู่นี่คนธรรมดาทั่วไปจะทำได้รึ?
สิ่งที่เจ้าไม่เคยรู้ใช่ว่าจะไม่มีตัวตนอยู่จริง โลกที่เจ้ายืนอยู่ตอนนี้มันกว่าใหญ่กว่าที่เจ้าคิดนัก แต่ก็เอาเถอะ ข้าไม่ต่อปากต่อคำกับเจ้า เอาเป็นข้าแนะนำตัวไปเเล้วทีนี้ก็ถึงตาเจ้าบ้าง "
ไป่ เสวี่ยอวี๋ กล่าวด้วยน้ำเสียงราวกับตนเป็นผู้อยู่เหนือกว่า
"ข้า เอ่ออ.."
หลังจากที่ฉินหยางคิดทบทวนตามคำที่ไป่ เสวี่ยอวี๋พูดก็จะเป็นเช่นนั้น เขาอั้มอึ้วอยู่สักพักก่อนตอบด้วยน้ำเสียง รู้สึกผิดว่า
"ข้าชื่อฉินหยาง ข้าอาศัยอยู่ในหมู่บ้านใกล้ ๆ นี่"
"ฉินหยาง? ดี แล้วเข้าขึ้นมาทำอะไรบนเขาแห่งนี้
ไป่ เสวี่ยอวี๋ถามต่อ
"ข้า..เอ่อ..ข้าขึ้นมาหาสมุนไพรเพื่อไปรักษาแม่ของข้า แต่โชคไม่ดีข้าเลยตกมาข้างล่างนี้ ตอนแรกข้าคิดว่าข้าตายไปแล้วแท้ ๆ แปลกจริง ๆ "
ประโยคสุดท้ายฉินหยางพึมพำเสียงที่มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่ได้ยิน
เขาชะงักอยู่ชั่วครู่ก่อนตอบทุกอย่างตามความเป็นจริง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม จู่ ๆ ก็มีความรู้สึกว่าผูกผันกับชายลึกลับที่สนทนาด้วยทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเสียงของชายลึกลับที่เขาได้ยินดู ๆ ไปแล้วก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไรเขาจึงตอบทุกอย่างตามความจริงโดยไม่ปิดบัง
ชายลึกลับนามไป่เสวี่ยอวี๋ได้ยินคำตอบของฉินหยางแอบประหลาดใจเล็กน้อย เนื่องจากเขาสัมผัสได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของเด็กหนุ่มตรงหน้าที่เปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน
"หรือว่าจะเป็นเจ้าจริง ๆ "
ไป่ เสวี่ยอวี๋พูดพำเสียงเบากับตัวเอง เขาเงียบไปสักพักก่อนจะพูดโพร่งขึ้นว่า
"ข้าอยากทำข้อตกลงบางอย่างกับเจ้าสนใจหรือไม่
เขาพูดพร้อมยกยิ้มมุมปากราวกับมีแผนการณ์บางอย่างในใจ...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 29
Comments
Thảo thân thiện thông thái
ว้าวว เค้าทำให้ฉันติดใจเรื่องนี้ แต่ต้องการอ่านต่อเจ้าแอดค่ะ
2023-08-02
1