กูกูจิ้นตัวสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัว เหงื่อของนางไหลอาบออกมาอย่างเห็นได้ชัด ลำคอของนางราวกับมีที่มองไม่เห็นบีบอยู่จนนางรู้สึกหายใจไม่ออก
"องค์ไท่จื่อเพค่ะ ได้โปรดพระเมตตาหม่อมฉันด้วย" ยิ่งนางพูดออกไปแรงกดดันยิ่งเพิ่มเท่าทวีคูณ
"หึ ทำไมหรือกูกูจิ้นตอนเจ้ามาใช้อำนาจตรงวังของเปิ่นกง เจ้าก็ยังไม่เห็นหัวของเปิ่นกงเลยนี่"
"องค์ไท่จื่อได้โปรดเถิด อย่างน้อยหม่อมฉันก็เป็นคนของไทเฮานะเพค่ะ" นางรีบอ้างถึงผู้เป็นนายทันที
"อย่างนั้นหรอกหรือ เห็นทีเปิ่นกงก็ควรจะไปพูดคุยกับไทเฮาเสียหน่อยแล้ว แต่ขอเป็นหน้าพระพักตร์องค์เต้ เจ้าว่าเป็นอย่างไร คุมตัวนางไป รวมทั้งเชิญองค์ไทเฮาไปที่ตำหนักจงเหอด้วยละ" นางหน้าซีดปากสั่นทันตาเห็น ก่อนที่จะโดนคนของไท่จื่อลากไป ตลอดทางนางก็เอาแต่อ้างถึงไทเฮา โดยหวังว่าหนิงหลงจะยอมปล่อยนาง
"ทูลฝ่าบาท องค์ไท่จื่อขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ" ฮ่องเต้จ้าวห่าวอู๋ทรงวาง
"ให้เข้ามาได้" สิ้นคำอนุญาต ร่างสูงสง่าของโอรสของตนก็ก้าวเข้ามา พร้อมกับคนของไทเฮา ไม่นานไทเฮาก็เสด็จมาถึงพอดี
"ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ เอาละเมื่อมาถึงกันครบแล้ว หม่อมฉันมีเรื่องอยากจะทูลถามพระองค์ทั้งสองหน่อย การที่บ่าวไพร่ทำตัวเหิมเกริมต่อผู้เป็นนาย ฝ่าบาทคิดว่าควรทำยังไงกับบ่าวผู้นั้นดี"
"หืม.. บ่าวตีตนเสมอนายยิ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ยิ่งมีโทษหนักเลยนะสิ" เพียงคำพูดนั้นกูกูจิ้นก็ยิ่งหน้าซีดมองไทเฮาอย่างของความช่วยเหลือ
"มีเรื่องอันใดที่ทำให้องค์ไทจื่อมิพอใจอย่างงั้นหรือ" นางแสร้งถามออกไป
"ตำหนักบูรพาใช่สถานที่ผู้ใดก็สามารถเข้าไปได้หรือ หม่อมฉันขอทูลถามไทเฮาหน่อยเถิด" ร่างสูงจ้องเขม็งไปยังไทเฮาที่พยายามสกัดกั้นอารมณ์อยู่
"ข้าเพียงเห็นว่าองค์ไท่จื่อจะเสด็จกลับจึงให้นางไปช่วยดูแลเพียงเท่านั้น หาได้มีเจตนาอื่นไม่"
"อย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นหม่อมขอขอบพระทัย ที่พระองค์ทรงห่วงใยความเป็นอยู่ของหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันได้บอกกล่าวกับผู้คนแล้วว่าห้ามมิให้มีผู้ใดย่างกรายเข้าไปยังตำหนักบูรพา แล้วนางก็บังอาจมาใช้วาจาลบหลู่หม่อมฉัน องค์ไทเฮาเห็นว่าควรจัดการกับนางไพร่ผู้นี่อย่างไรดี" หนิงหลงถามต่ออีกทันที
"เมื่อนางหมิ่นพระเกียรติขององค์ไท่จื่อ ถ้าอย่างนั้นก็ลงโทษนางโดยการโบยสิบไม้ก็แล้วกัน" สิ้นคำตัดสินของฮ่องเต้ กูกูจิ้นก็ได้แต่หลั่งน้ำตาออกมา ก่อนที่จะโดนลากตัวออกไป ไทเฮาได้แต่เจ็บแค้นในใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
"เมื่อหมดธุระแล้ว หม่อมขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ" ร่างสูงก้มคำนับทั้งสองก่อนจะค่อยๆหลังเดินออกมา
"เจ้านี่น่ากลับมาวังหลวงวันแรกก็เริ่มเลยนะ สงสัยจิ้งจอกเฒ่านั้นคงจะแค้นเจ้าน่าดู" องค์หญิงใหญ่ที่ดักรอพบน้องชายก็เดินออกมาขวางทางร่างสูงเอาไว้
"ถ้าไม่มีอะไรก็อย่ามาขวางทางข้า" หนิงหลงพูดอย่างไร้อารมณ์
"อะไรกันเจ้าน้องชายบ้านี่ ข้าเป็นพี่สาวของเจ้านะ ข้าแค่อยากเห็นเฟยหินเล่นฉินเฉยๆเถอะเลยกะจะมาขอเจ้า" ชายหนุ่มปรายตาพี่สาวของตัวเองอย่าวงรำคาญ
"จะไปก็ไป อย่าพูดมากข้ารำคาญ" ร่างสูงเดินนำหน้าองค์หญิงใหญ่ไป
"นี่หนิงหลง รอข้าด้วยสิ" ภาพองค์หญิงใหญ่ที่วิ่งตามองค์ไท่จื่อไป เป็นภาพที่คุ้นตาเป็นอย่างดี แม้ในอดีตจะเป็นภาพที่ผู้เป็นน้องวิ่งไล่ตามผู้เป็นพี่ก็ตาม
ร่างสูงที่ก้าวเข้ามาในตำหนักบูรพา สายตามองเห็นเฟยหลินที่กำลังอะไรบางอย่างตรงสวนดอกไม้ โดยมีซูเหมยและบ่าวรับใช้อีกจำนวนหนึ่งคอยช่วยเหลือ
"องค์ไท่จื่อเสด็จกลับมาแล้ว" เสียงของขันทีที่ดูแลวังบูรพากล่าวออกมา ทุกคนลุกขึ้นทำความเคารพองค์ไท่จื่อและองค์หญิงใหญ่
"เฟยหลินมานี่มา ข้าอยากฟังฉินขอเจ้าอีกครั้งได้หรือไม่" เฟยหลินมองหน้าร่างสูงเพื่อขออนุญาต หนิงหลงพยักหน้ารับเพียงไม่นานฉินก็ถูกนำมามอบให้ร่างบาง ตำหนักกลางสวนถูกห้อมล้อมไปด้วยนางกำนัลและขันที มีประมุขก็คือเจ้าของจวนและองค์หญิงใหญ่ เฟยหลินนึกถึงบทเพลงภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่เขาชอบมาก เป็นความรักต้องห้ามระหว่างสนมนางหนึ่งและแม่ทัพใหญ่ แม้ตัวตายจากกันก็ยังคงมีรักที่มั่นคง ฝ่ายหญิงก็เฝ้ารอเพียงชายคนนั้นที่สุสานอย่างโดดเดี่ยวมานานนับทศวรรษ มือบางเริ่มบรรเลงเพลงนั้น เสียงเพลงแว่วหวานแต่ก็มีความเศร้าโศกแฝงอยู่
"เพลงเพราะมากเหลือเกิน แต่แฝงไปด้วยความเศร้าของการจากลา ถ้าหากเฟยหลินมีคนในใจเพลงนี้ก็คงเป็นเพลงที่บ่งบอกความในใจของผู้ที่สูญเสียคนรัก แบบที่ว่าชาติคงไม่ได้พบหน้าแล้ว" พระนางยกผ้าขึ้นซับน้ำตาเบาๆ หลายคนที่ฟังเพลงนี้ก็อดที่จะเห็นด้วยกับองค์หญิงใหญ่ไม่ได้ อยากรู้นักว่าผู้ใดที่ได้ใจคุณชายเกอรูปงามผู้นี่ไปกัน ผู้ที่ทำให้เขาถึงกับบรรเลงเพลงรักที่ทั้งเศร้าและขมขื่นนี่
"เอาละฟังเพลงจบแล้วพวกเจ้าก็กลับไปได้แล้ว"
"อะไรกันข้าพึ่งมาเถอะ นี่ๆเฟยหลินข้าได้ยินมาว่าเจ้าทำอาหารเป็นใช่หรือไม่" พระนางเมินคำพูดของผู้เป็นน้องชาย ก่อนจะหันมาถามเฟยหลินอย่างร่าเริง
"หม่อมฉันทำแค่พอทานได้พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง ไม่ได้มีฝีมือสู้พ่อครัวของวังหลวงมิได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ" ร่างบางกล่าวออกมาอย่างถ่อมตน
"เดี๋ยววันนี้ข้าเข้าครัวกับเจ้าดีกว่า ไปกันเฟยหลิน" ร่างบางหันไปหาร่างสูงอย่างขอความเห็น ชายหนุ่มได้แต่ถอนใจอีกรอบกับความดื้อรั้นของพี่สาว
"ไม่ต้องไม่สนใจเจ้าก้อนหินนั้นหรอกน่า ไปกับข้าเร็วๆ" เฟยหลินลุกขึ้นแล้วเดินตามองค์หญิงใหญ่ไปเงียบๆ ส่วนหนิงหลงก็กลับเข้าห้องทรงงานเมื่อเห็นว่าอู๋อี้ฟานมาถึงแล้ว
"กราบทูลฝ่าบาท ตอนนี้มีข่าวเรื่องขององค์ชายลู่หลินแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทางฮ่องเต้แห่งแคว้นฉินได้ประทานสมรสให้กับองค์ชายเจ็ดไปแล้ว และคณะทูตจากแคว้นฉีก็พึ่งกลับมาถึงเมื่อวานนี้พ่ะย่ะค่ะ" หัวหน้าองครักษ์อู๋อี้ฟาน รายงานเรื่องขององค์ชายเจ็ดทุกอย่าง รวมถึงความสัมพันธ์ขององค์เจ็ดที่มีแต่แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นฉินด้วย
"ดูเหมือนข่าวลือเรื่องนั้นที่องค์ชายเจ็ดรู้จะเป็นเรื่องเท็จพ่ะย่ะค่ะ แม่ทัพเจินหลิวหยางมิเคยนอกพระทัยองค์ชาย ตอนนี้ดูเหมือนว่าตระกูลเจินเองก็ยอมรับองค์ชายเจ็ดไม่น้อยเลย"
"น้องชายข้ามีความสุขดีใช่หรือไม่" หนิงหลงถามต่อ ตอนนั้นเขาโกรธหลิวหยางอย่างหนัก จึงใช้กำลังข่มเหงรังแกร่างบางไปหลายครั้ง รู้ทั้งรู้ก็ยังกระทำลงไป ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลย
"พ่ะย่ะค่ะ องค์ชายเจ็ดทรงมีความสุขดี แม่ทัพเจินหลิวหยางก็เอาใจใส่ดีพ่ะย่ะค่ะ" เมื่อเรื่องของชายกระจ่างใจแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่เรื่องของคนตัวเล็กที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาจะเอายังไงดี แม้นไม่ได้รักชอบพออีกฝ่าย แต่เขาก็ไม่อยากที่จะให้เฟยหลินห่างสายตา ยิ่งคิดถึงเรื่องเพลงที่คนตัวเล็กเล่นแล้ว ใจของชายหนุ่มยิ่งร้อนรุ่ม อยากรู้ว่ามันคนนั้นคือใคร แต่เท่าที่เขารู้มาทั้งชีวิตของเฟยหลินไม่เคยออกจากจวนเลยสักครั้ง แล้วอย่างนั้นใครคือคนในใจของเฟยหลินกัน
ช่วงนี้มีไฟนิดนึง ย้ำแค่นิดดดนึง55555
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 52
Comments