เก็บกวาด

ลำแสงขนาดใหญ่สีน้ำเงินใสเจิดจ้าหลายลำสาดเข้ามาภายในและรอบๆ ตัวรถ พลันก็เกิดควันสีม่วงที่เย็นยะเยือกพลุพุ่งมาสัมผัสกับผิวด้านหลังของหมอทินพร้อมด้วยกลิ่นสาบที่เป็นส่วนผสมระหว่างกลิ่นคาวเลือดและเนื้อเน่าที่ถูกไฟเผาผสมกับน้ำยาฟอร์มาดีไฮด์กลิ่นฉุนกึกจนหมอทินแสบจมูกไปหมด แล้วมันก็อุ่นขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นร้อนจัดจนหนังแทบไหม้ภายในเวลาไม่ถึงสามวินาที แต่โชคของเขายังดีอยู่เมื่อแขนที่รัดคอเขาไว้แน่นนั้นคลายออก ปล่อยให้เขาเป็นอิสระเสียก่อนที่เนื้อต้นคอของเขาจะสุกแบบมีเดียมแรร์พร้อมจะราดซอสเกรวี่และกลายเป็นสเต็กคุณหมอหนังกรอบไปเสียก่อน

เสียงกรีดร้องระเบิดขึ้นมาเสียดแทงแก้วหูแทบทะลุ และดูเหมือนจะกระจายตัวออกเป็นวงกว้างอยู่รอบตัวรถ ชายหนุ่มรีบยกมือขึ้นปิดหูพร้อมกับขยับตัวหนีอย่างลนลานออกห่างจากกระจกหลังก่อนจะหันไปมองลอดออกไป เขาก็เจอเข้ากับแสงสีน้ำเงินเสาดเข้าใส่เต็มหน้าจนสองตาจนพร่ามัวไปหมด แต่ถึงกระนั้นก็ยังพอจะทันมองเห็นร่างแข็งทื่อของพวกซอมบี้โพงสามสี่ตัวพากันตะเกียกตะกายลงจากกระบะรถอย่างทุลักทุเลยิ่งกว่าตอนที่ปีนขึ้นเสียด้วยซ้ำ โดยมีกลุ่มควันสีม่วงปะทุออกมาจากผิวหนังคลุมทั่วตัวของพวกมัน แต่มันก็น่าแปลกที่ตาของเขาพร่ามัวได้ถึงขั้นนี้ แต่แล้วเขาก็รู้ถึงสาเหตุเมื่อมือคลำสะเปะสะปะไปเจอแว่นตาของเขาที่หล่นไปอยู่บนเบาะนั่งตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังระงมอยู่รอบๆ ตัวเขาอย่างยาวนานจนหูชาไปหมด หมอทินรีบคว้าแว่นตามาใส่เข้าที่ข้อมัน

มือเล็กๆ นุ่มนิ่มแต่เย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็งเอื้อมมาจับมือของชายหนุ่ม เขาวะดุ้งโหยงหันขวับไปมอง "ริณ!" หมอทินเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าภรรยาสุดที่รักของเขาก็อยู่ในรถนี่ด้วย เขารีบคว้าตัวเธอมากอดเอาไว้เสียงแน่นโดยลืมนึกไปว่าเขาจะทำให้เธอหายใจไม่ออกหรือเปล่า แต่แล้วแผงอกที่ร้อนรุ่มของเขาก็สัมผัสเข้ากับไอเย็นยะเยือกแผ่เข้ามาปะทะ เขาดึงร่างของเธอออกเพื่อสำรวจความผิดปกติที่เกิดขึ้น "ทำไมคุณถึงตัวเย็นขนาดนี้ล่ะ!...คุณเป็นอะไรน่ะ คุณโอเคมั้ยริณ! ไม่...ไม่สิ คุณไม่โอเคแน่ๆ!" ชายหนุ่มถามเองตอบเองเสร็จสรรพ เขาเบิกกว้างมองหญิงผู้เป็นภรรยาอย่างตื่นตระหนก ใบหน้าของเธอขาวซีดอยู่ในแสงสีน้ำเงิน หยดน้ำสีม่วงอ่อนผุดพราวขึ้นเต็มหน้าผาก

"ร้อน...ฉันร้อนค่ะทิน ร้อนเหลือเกิน!" ไอริณกระซิบด้วยเสียงแหบแห้งและอ่อนล้า ท่าทางของเธอดูเหมือนคนไม่ได้นอนมาเป็นอาทิตย์ ก่อนที่เธอจะขืนตัวออกจากอ้อมแขนของหมอทินเพื่อเอนหลังพิงพนัก จากนั้นเธอก็หลับตาลงและนิ่งไป หมอทินรีบดึงร่างอ่อนปวกเปียกของเธอมากอดไว้อีกครั้งเพื่อพบกับความตกใจซ้ำซาก ร่างของไอริณเย็นจัดราวกับว่าเขากำลังกอดก้อนน้ำแข็งเอาไว้แนบอก ทั้งที่เธอเพิ่งจะบอกไปแหมบๆ ว่าร้อน "คะ...คุณเป็นอะไรไปน่ะริณ!" ชายหนุ่มละล่ำละลักถามอย่างร้อนรน ตอนนี้ในหัวของเขาคิดอะไรไม่ออกเลยสักอย่าง ทำได้แค่หันรีหันขวางมองไปรอบๆ เห็นสารวัตรสิทธาและพจน์นั่งตัวแข็งทื่อปากอ้าตาค้างเป็นตำรวจและรปภที่ถูกสตัฟฟ์ มองออกไปนอกตัวรถ

ร่างซอมบี้นับสิบตัวถูกควันสีม่วงห่อคลุมไปทั่วตัวจนมองดูเหมือนก้อนขนมสายไหมสีม่วงที่ดิ้นได้ หลายตัวล้มลงไปแหกปากร้องลั่นกลิ้งเกลือกชักดิ้นชักงออยู่บนพื้น บางตัวกระเสือกกระสนพยายามวิ่งจะหนีออกไปจากแสงสีน้ำเงินให้ได้ แต่มันก็ไม่ได้ไปต่อเพราะเพียงไม่กี่ก้าวก็ล้มลงไปดิ้นกระแด่วตามพรรคพวกไปติดๆ ดูแล้วก็ไม่น่าจะรอดไปได้เลยแม้แต่ตัวเดียว ลำแสงอีกสี่ห้าลำส่องขึ้นไปบนอากาศโดยมีพวกกระสือลอยวูบวาบหลบหนีจากแสงนั้นกันจ้าละหวั่น ระดับความเร็วของมันดูจะเป็นอุปสรรคต่อการสาดไฟให้โดนมันแบบจังๆ มีหลายตัวบินหนีหายเข้าไปในความมืดได้สำเร็จ แต่ก็มีสี่ห้าตัวที่ถูกแสงส่องแบบล็อคเป้าหมายจนไม่อาจจะลอยหนีได้ทัน พวกมันกลายเป็นกลุ่มควันสีม่วงที่ลอยสะเปะสะปะไร้ทิศทางและอ่อนแรงลงเรื่อยๆ จนในที่สุดก็พากันร่วงผลอวลงมาบนพื้นพร้อมเสียงกรีดร้องที่น่าขนหัวลุก ไม่ถึงนาทีต่อมาทุกอย่างก็กลับคืนสู่ความมืดสลัวและเงียบสงบของค่ำคืนแห่งหายนะนี้

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว จนหมอทินปรับอารมณ์แทบไม่ทัน เขารู้สึกถึงความอบอุ่นที่กลับคืนมาสู่ผิวกายของภรรยาสาวในอ้อมกอดของเขาแทบจะในทันทีที่แสงสีน้ำเงินดับวูบลง แต่ทว่าตอนนี้เธอยังคงหลับตานิ่งไม่ติงไหวอยู่ในอ้อมกอดของเขา เหงื่อ เม็ดสีม่วงเริ่มซึมกลับเขาไปในผิวหนังได้อย่างน่าประหลาด ชายหนุ่มก้มมองหน้าเมียรักด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ประเดประดังเข้ามา ทั้งรักใคร่ เศร้าใจและหวาดกลัว เขาไม่ได้กลัวที่เธอกลายเป็นกระสือไปแล้ว แต่เขากลัวตรงที่ความเป็นกระสือของเธอจะมาพรากเธอไปจากเขาต่างหากล่ะ แล้วความจริงที่เขาถูกยัดเยียดให้ยอมรับก็หวนกลับมาในความนึกคิดอีกครั้ง "นี่คุณกลายเป็นกระสือจริงๆ หรือริณ" เขาพูดเสียงแผ่วหวิวผ่านลำคอที่ตีบตัน อันเกิดจากความรู้สึกเศร้าหมองบวกกับความสงสารอย่างจับใจที่เขามีให้เธอ น้ำตาชายหนุ่มหยดลงบนหน้าผากขาวซีดและแห้งสนิทของหญิงสาว เขาเริ่มจะปะติดปะต่อเรื่องเข้าด้วยกันได้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเมียสาวของเขา "เธอเป็นไงบ้างหมอ" เสียงของสารวัตรสิทธาดังขึ้น ฉุดหมอทินให้หลุดออกจากภวังค์แห่งความเศร้าโศก

"ผมไม่รู้...แต่น่าจะดีขึ้นแล้วล่ะ ผมหวังว่างั้นนะ" หมอทินตอบโดยไม่หันไปมอง "น่าจะดีขึ้นงั้นเหรอ...แล้วมันหมายความว่าไงล่ะนั่น" นายตำรวจหนุ่มทวนคำแล้วถามต่ออย่างงงๆ "ไม่มีอะไรหรอกสารวัตร เธอก็น่าจะแค่อ่อนเพลียเกินไปน่ะ" หมอทินพูดออกไปทั้งที่รู้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่เขาพูดเลยสักนิด แต่เขาจะบอกได้ยังไงว่าไอริณเกิดอาการแพ้แสงสีน้ำเงินนั่นเพราะเธอกลายเป็น...คิดมาถึงตรงนั้นชายหนุ่มต้องรีบสะบัดหัวขับไล่ความคิดนี้ออกไป เขาไม่อยากจะตอกยํ้าความจริงที่แสนจะปวดใจไปมากกว่านี้ "มะ...หมอ คุณรินเธอ...เอ่อ ตุยแล้วเหรอครับ!" เสียงไอ้หนุ่มรปภดังแทรกซึ้นพร้อมกับคำถามแสนจะระคายหูหมอเป็นยิ่งนัก หมอทินตาขวางขึ้นทันทีพร้อมกับหันขวับไปมองหน้าพจน์ทันใดอย่างมีปัญหาเบอร์ใหญ่มากและพร้อมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด โทษฐานปากหมาแบบไร้จรรยาบรรณของวิชาชีพรปภขั้นร้ายแรง แต่ไม่ทันที่เขาจะได้เปิดปากพูดอะไร ก็มีเสียงเคาะกระจกดังขึ้นที่ฝั่งที่นั่งของหมอทิน

ชายคนหนึ่งยื่นหน้ามองเข้ามาในรถจากหน้ารถที่โล่งโจ้งไร้กระจกหน้า "คุณคือคุณหมอทินกับสารวัตรสิทธาใช่ไหมครับ" ชายคนนั้นถามด้วยเสียงห้าวๆ ในโทนต่ำ ผมบนหัวถูกโกนจนเกลี้ยงดูวาวใสและโป๊งเหน่งเหมือพระวัดเส้าหลินมาเอง มีหนวดและเคราหนาและดกดำแต่ก็ได้รับการตกแต่งมาเป็นอย่างดี รูปร่างสูงใหญ่กำยำ มีรอยยิ้มแบบผูกมิตรบนใบหน้าแต่กลายเป็นว่ากลับทำให้ดูเหี้ยมเกรียมหนักขึ้นไปอีก นัยน์ตากร้าวแกร่งดุดันและสีหน้าที่เหมือนจะเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลาอย่างนั้น ทำให้หมอทินผวาเล็กๆ ไปเหมือนกัน นี่ถ้าได้เขม่าก้นหม้อมาทาหน้าเสียหน่อยล่ะก็...หน่วยคอมมานโดชัดๆ เขาอยู่ในชุดปฏิบัติการสนามสีดำสนิทแบบเดียวกันกับพวกหน่วยสวาทที่หมอทินคุ้นๆ ว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อนสักที่

"ชะ...ใช่ครับ ผมคือหมอทินและนั่น..." หมอทินตอบและปรายตาไปทางนายตำรวจหนุ่ม "ผมสารวัตรสิทธาครับ" สารวัตรหนุ่มชิงตอบ "ส่วนผม...รปภพจน์ครับ!" ไอ้หนุ่มรปภแนะนำตัวเองแทรกขึ้นมาอย่างต้องการจะมีส่วนร่วมโดยไม่มีใครถาม สาระแนจริงๆ...หมอทินคิดอย่างหมั่นไส้ ชายหน้าเหี้ยมทำหน้าเอ๋อๆ มองรปภพจน์อย่างงงๆ "ออออออ...ครับๆ" เขาพยักหน้างึกงักเป็นเชิงรับรู้ "ผมเดชานะครับ ศาตราจารย์คงเดชส่งผมมาช่วยพวกคุณ กรุณาลงจากรถแล้วตามผมมาทางนี้เลยครับ เราจะพาพวกคุณกลับศูนย์" ชายหน้าโหดพูดจาด้วยความสุภาพอ่อนน้อมผิดกับบุคลิกภายนอกราวฟ้ากับเหว

หมอทินค่อยๆ ประคองไอริณให้เอนหลังพิงเบาะด้วยความนุ่มนวล ทะนุถนอม เขากะว่าจะออกไปดูสถานการณ์ข้างนอกเสียก่อน แล้วค่อยกลับมารับเธอทีหลัง จากนั้นชายหนุ่มก็มุดออกมาจากรถแล้วเดินอ้อมหน้ารถมายืนมองสารวัตรสิทธาที่ยืนคุยกับชายหัวเหม่งหน้าเหี้ยมที่ฝั่งตรงข้าม ส่วนไอ้หนุ่มรปภพอออกจากรถมาที่ฝั่งตรงข้ามได้ก็รีบวิ่งลนลานอ้อมหน้ารถไปรวมกลุ่มกับยายตำรวจหนุ่ม แถว มองมาที่เข้าด้วยสายตาไม่ไว้วางใจเสียอีก น่าเตะจริงๆ...หมอทินคิด เขามองไปรอบๆ บนถนนเต็มไปด้วยซากศพซอมบี้ที่หมดฤทธิ์สิ้นเดชนอนตายแข็งทื่อ และกลุ่มคนจำนวนพอๆ กับนักฟุตบอลพร้อมตัวสำรองสองทีมมารวมเข้าด้วยกัน ครึ่งหนึ่งแต่งกายด้วยชุดสีดำดูรู้ว่าเป็นผู้ชาย เพราะแต่ละนายหนวดเคราครึ้มกันมาแต่ไกล และตัดผมรองทรงสูงหรือไม่ก็สกินเฮดกันทุกคน

แต่อีกครึ่งหนึ่งนั้นหมอทินไม่สามารถระบุเพศได้ว่าชายหรือหญิงเพราะพวกเขาสวมชุดพีพีอีคลุมหัวพร้อมกันกากกันพิษเต็มหน้า แบบเดียวกับที่หมอทินเคยใส่เมื่อตอนที่ไปเก็บตัวอย่างศพไร้หัวปิดบังใบหน้าเอาไว้ พวกเขาเดินกันเป็นคู่ๆ สวนสนามกันคึกคักให้ควั่กไปทั่วทั้งซอยอย่างกับเดินเที่ยวงานกาชาด และรวมถึงซอยฝั่งตรงข้ามนู้นด้วย โดยที่ชายชุดดำทำหน้าที่คุ้มกันให้คนในชุดพีพีอีสีขาวเป็นคนลงมือทำงานกับศพ หมอทินมาถึงบางอ้อก็เมื่อเห็นด้านหลังชุดของพวกเขาสกรีนอักษรภาษาอังกฤษตัวเบ้อเร่อบ้าร่าว่า 'อาร์ซีเอฟเอช' โด่...นึกว่าใครที่น๋วย ถึงว่าชุดมันดูคุ้นๆ...ชายหนุ่มคิดพลางมองดูพวกเขาจัดการเก็บซากที่ขาวซีดและแข็งทื่อของพวกซอมบี้ที่ตาย รวมถึงร่างที่ถูกทิ้งขว้างของพวกกระสือใส่ลงถุงบรรจุศพสีขาวกันอย่างขมีขมันและขะมักเขม้น

หมอทินสะดุดตาเข้ากับคนชุดขาวคนหนึ่งที่เดินมาจากช่วงกลางซอยโดยมีชายชุดดำเดินประกบหลังอยู่ไม่ห่าง สองมือหิ้วอะไรบางอย่างไว้ทั้งสองข้างตรงมาทางพวกเขา และเมื่อเขาเดินมาใกล้มากพอที่จะมองออก หมอทินก็ต้องตาโตด้วยความตกตะลึง มันคือหัวที่ติดกระดูกสันหลังและลำไส้ของกระสือที่กลายเป็นกระสือแดดเดียวเพราะฤทธิ์ไฟฉายยูวีแรงสูงไปแล้วนั่นเอง! "ตกลงว่าสอยมันได้แค่นี้สินะ" ชายหน้าเหี้ยมพูดขึ้น "ครับหัวหน้า พวกมันเร็วมากเลยครับ" ชายชุดดำเป็นคนตอบ "ก็นั่นน่ะสิ...ถ้าเขาอนุญาตให้เราใช้ปืน เราคงจัดการมันได้มากกว่านี้" หัวหน้าเดชาถอนใจเฮือกพลางทำหน้าเหี้ยมให้เซ็งเป็ด

ทันใดนั้นก็มีชายชุดดำอีกคนเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาหัวหน้าหัวโป๊งเหน่งด้วยท่าทางรีบเร่งและร้อนรน ในมือของเขาถือเครื่องมืออะไรบางอย่างหน้าตาคล้ายกับแท็บเล็ตผสมกับเครื่องตรวจอุณหภูมิมาด้วย เขาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดมองเครื่องมือของเขาสลับกับมองมายังรถปิปอัพที่จอดเละเทะอยู่ตรงหน้าเหมือนกับกำลังลังเลและไม่แน่ใจ "มีอะไรอย่างนั้นรึ ไกรสร" ชายหน้าเหี้ยมเอ่ยถาม "ครับหัวหน้า...ผมจับคลื่นความเย็นระดับต่ำกว่าค่าปกติได้ และคิดว่ามันแผ่ออกมาจากเอ่อ..." ชายคนนั้นละท้ายประโยคไว้พร้อมกับใช้สายตานำทางมาที่รถปิกอัพ หัวหน้าหัวเหม่งมองตามพร้อมกับปั้นสีหน้าที่บอกว่าไม่อยากเชื่อทับลงบนหน้าโหดสัดปลัดบอกของเขา อากัปกิริยาของชายทั้งสองทำให้หมอทินเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว่าสองคนนั้นกำลังคิดจะทำอะไรบางอย่างกับรถคันนี้ หรือไม่ก็คนที่ยังคงอยู่ข้างในรถ "มีอะไรรึเปล่าครับ...คุณเดชา" หมอทินตัดสินใจเอายถามออกไปด้วยความเป็นกังวล

เสียงประตูรถถูกเปิดออก ร่างบอบบางของไอริณก็มุดออกมายืนมองไปรอบๆ ท่าทางมึนงงเหมือนคนเพิ่งตื่น "ริณ!" หมอทินอุทานอย่างแปลกใจ เขากระวีกระวาดจะเดินอ้อมรถไปหาเธอ แต่เธอกลับถูกชายชุดดำสองคนที่โผล่มาตอนไหนก็ไม่รู้ ตรงเข้าไปประกบตัวเอาไว้เสียก่อน หมอทินเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วของเมียรักกลายเป็นสีขาวราวกระดาษA4ที่ผ่านการแช่ไฮเตอร์มาทั้งคืน ความตื่นกลัวกำลังเบ่งบานขึ้นบนใบหน้าของเธอ "เฮ้ยๆ! นั่นพวกคุณจะทำอะไรน่ะ!" หมอทินตะโกนถามด้วยความตกใจ เขารีบออกตัววิ่งอ้อมหน้ารถไปอย่างรวดเร็ว วินาทีต่อมาความตกใจของเขาก็แปรเปลี่ยนไปเป็นความโกรธขึ้งขึ้นในพริบตา "ออกไปให้ห่างจากเมียผมนะโว้ย...เดี๋ยวนี้เลย!" เขาสำรากอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมกับเงื้อหมัดปราดเข้าไปหาชายทั้งสอง แต่ก็ถูกชายหน้าเหี้ยมหัวหน้าทีมคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน หมอทินชะงักแล้วหันขวับไปมองตาขวางและเขียวปั้ด นี่มือหรือคีมวะเนี่ย บิดซะแขนแทบหัก...หมอทินคิดพลางหลุบตามองแขนตัวเอง "ใจเย็นก่อนครับคุณหมอ พวกเรากำลังช่วยเธออยู่นะครับ" หัวหน้าเดชาพูดอย่างใจเย็น หมอทินสะบัดแขนอย่างแรงหวังจะออกจากมือแกร่งที่บีบรัดไว้ แต่เขาก็ทำมันไม่สำเร็จ นี่มันมือคนหรือมือกลของหุ่นยนต์พิฆาตกันแน่วะเนี่ย! "ช่วยเหรอ...ช่วยยังไงวะ!" เขาตะคอกถามและหันไปจ้องหน้าโหดระดับเจ็ดนั้นอย่างลืมกลัว ขายหัวเหม่งไม่ตอบแต่กลับส่งโทรศัพท์มือถือในมือให้แทน ชายหนุ่มมองโทรศัพท์นั้นอย่างงุนงงสลับกับหน้าเหี้ยมเกรียมที่เปื้อยรอยยิ้มอวดฟันขาววับราวกับเพิ่งอมน้ำยาฟอกขาวมาหมาดๆ ของหัวหน้าเดชา ก่อนจะรับมันมาแนบหู "ฮัลโหล" เขาพูด

"ดีใจที่ได้ยินเสียงคุณอีกครั้งนะ คุณหมอ" เสียงคุ้นหูจากอีกฟากฝั่งคู่สายดังขึ้น "ศาตราจารย์!" ชายหนุ่มอุทาน "และผมแน่ใจว่าพวกคุณทุกคนก็ปลอดภัยดีแล้วเช่นกัน ต่อจากนี้ ทีมของผมจะทำหน้าที่อารักขาพวกคุณทุกคนให้กลับมาที่ศูนย์ของเราอย่างปลอดภัย" ชายสูงวัยพูดน้ำเสียงอบอุ่นนุ่มนวลแบบที่คุณปู่คุยกับหลานชาย "แต่เรามีความจำเป็นที่จะต้องแยกตัวภรรยาของคุณออกมาเสียก่อน..." "ทำไม! ทำไมต้องแยกด้วย เธอไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย!" หมอทินตะคอกถามเสียงกร้าวอย่างลืมตัว เหลือบมองไปที่ไอริณที่ยืนตัวสั่นอยู่ระหว่างชายสองคนที่ประกบเธอไว้

"ใจเย็นพ่อหนุ่ม ผมยังไม่ได้พูดว่าเธอผิดอะไรเลยไม่ใช่หรือ ไม่...คุณหมอ เธอไม่ได้มีความผิดอะไรเลยสักนิด เพียงแต่ทีมงานของผมตรวจพบคลื่นความเย็นที่ผิดปกติแผ่ออกมาจากร่างกายของเธอเท่านั้นเอง" ศาตราจารย์เฒ่าพยายามอธิบาย "อะไรนะ!" เครื่องหมายอัศเจรีย์พลัสเควสชั่นมาร์คอันใหญ่มากผุดขึ้นกลางหน้าผากหมอทิน นึกย้อนไปถึงความรู้สึกเย็นจัดเมื่อครู่ใหญ่ที่เขากอดเธอไว้ในอ้อมแขน ประกอบเข้ากับเครื่องมือหน้าตาแปลกๆ ที่ลูกน้องของชายหน้าเหี้ยมถือมารวมถึงสีหน้าท่าทางของพวกเขา หมอทินก็พอจะเข้าใจแล้วว่าศาตราจารย์เฒ่ากำลังพูดถึงอะไร

"เรามีเครื่องตรวจจับคลื่นความเย็นที่พัฒนามาเพื่อใช้ตรวจหาผู้ติดเชื้อ ก็ใช้หลักการเดียวกันกับเครื่องจับความร้อนนั่นแหละ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนอะไรนิดหน่อยเกี่ยวกับแุณหภมิเป้าหมายเท่านั้นเอง" ชายสูงวัยอธิบาย "แล้วไง..." ชายหนุ่มถามห้วนๆ เขารู้สึกหงุดหงิดกับคำอธิบายจากชายสูงวัยเสียเหลือเกิน ไม่ว่าศาตราจารย์เฒ่าจะพูดอธิบายเรื่องไหน มันก็มักจะทำให้เขามึนตึ้บไปเสียหมดทุกเรื่องเลย และมันก็มาพร้อมกับความกังวลใจที่ขยายขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอย่างรวดเร็วอีกต่างหาก "ความหนาแน่นของคลื่นความเย็นที่ว่านี้ มันจะแผ่ออกมาจากร่างกายของคนที่...เอ่อ ผมต้องขออภัยที่จำเป็นต้องพูดตรงๆ ด้วยนะคุณหมอ ภรรยาของคุณติดเชื้อเคอคูมาเนียพาราไซทิสเข้าไปแล้วล่ะ แต่อย่าเพิ่งตกใจไป..." "เดี๋ยวๆๆ เชื้ออะไรของคุณน่ะ? ชื่อพิลึกเชียว!" หมอทินขัดขึ้นด้วยคำถาม "อ๋อ...สำหรับเรื่องนั้น พูดง่ายๆ ตามประสาชาวบ้านก็คือ เธอติดเชื้อกระสือเข้าไปแล้วไงล่ะคุณหมอ" คำตอบของศาสตราจารย์คงเดชทำให้ชายหนุ่มหน้าชา หัวใจหล่นวูบและสตั้นไปสามวินาที เขาไม่ได้ตกใจที่ชายสูงวัยบอกว่าไอริณเป็นกระสือ แต่เขาแปลกใจเสียมากกว่าที่ศาตราจารย์เฒ่ารู้เรื่องที่เธอเป็นกระสือ แถมยังพูดอย่างกับว่ากระสือเป็นโรคติดต่อธรรมดาทั่วไปงั้นแหละ

ชายหนุ่มมองหน้าภรรยาของเขาที่ยืนก้มหน้าก้มตาด้วยท่าทางเศร้าสร้อยและดูหวาดกลัวแล้วให้สะท้อนใจ เขาสงสารเธอใจแทบขาดแต่กลับไม่รู้จะช่วยเธอได้อย่างไร "ถ้าอย่างนั้น เอ่อ...คุณพอจะช่วยเธอได้บ้างไหมครับ ศาตราจารย์" หมอทินตัดสินใจลดความเกรี้ยวกราดของตัวเองลงก่อนจะถามออกไป "แน่นอนสิคุณหมอ เรา ช่วยเธอได้อย่างแน่นอน แต่คุณต้องยอมให้ทีมของผมพาเธอไปตรวจเช็คร่างกายเสียก่อนนะ" เสียงของชายสูงวัยฟังแล้วนุ่มนวลราวกับตั้งใจพูดเพื่อปลอบประโลมเขา "แล้วเธอจะเป็นยังไงต่อไป พวกคุณจะทำอะไรกับเธอ แล้วพวกคุณจะรักษาเธอได้ใช่ไหม" เขารัวคำถามที่ผุดขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงสวัสดิภาพและความปลอดภัยของเมียรัก "อย่าห่วงไปเลยคุณหมอ เธอมีเชื้อกระสืออยู่ในเลือดก็จริงอยู่ แต่ยังเป็นสายพันธุ์ดั้งเดิม เราสามารถควบคุมมันได้ ถึงแม้จะยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดก็ตาม แต่เซรุ่มที่เรามีจะช่วยยับยั้งกระบวนการเปลี่ยนร่างของเธอเอาไว้ พูดง่ายๆ ก็คือยาต้านการกลายร่างนั่นเอง และเชื่อผมเถอะว่ามันจะได้ผลอย่างแน่นอน เรามีเคสคนที่ติดเชื้อเคอคูมาเนีย อยู่เป็นร้อยๆ เคส และพวกเขาก็ไม่ได้กลายร่างอีกเลยหลังจากได้รับเซรุ่มเป็นประจำทุกสิบห้าวัน" มันคือความหวังที่ชายสูงวัยหยิบยื่นมาให้เขา ถึงแม้ว่าหมอทินยังรู้สึกว่ายังไม่เพียงพอสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว

"หมายความว่าเธอจะไม่หายขาดอย่างนั้นหรือครับ" หมอทินกล้ำกลืนความขมขื่นลงคอไปเมื่อถามคำถามที่เขาหวังว่าจะมีคำตอบที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาเพิ่งจะถามออกไป "เรากำลังวิจัยและพัฒนาเซรุ่มที่มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิมและมีเปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้ว่าจะสำเร็จสูงถึง87% ในการกำจัดเชื้อออกจากร่างกายอย่างถาวรได้" มันเป็นเหมือนประกายความหวังเล็กๆ ถูกจุดขึ้นในความมืดมิด หมอทินมองหน้าภรรยาสาวของเขาอีกครั้ง ด้วยดวงตาร้อนผ่าวกับความรู้สึกเต็มตื้นที่เออท้นขึ้นมา "ผมเชื่อใจคุณได้ใช่ไหม ศาตราจารย์" เขาหลับตาลงรอคอยคำตอบ น้ำตาอุ่นๆ หยดหนึ่งไหลลงอาบแก้ม "แน่นอนสิคุณหมอ ผมให้สัญญา" ศาสตราจารย์เฒ่าตอบมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม "ได้โปรดวางใจเถิดคุณหมอ ผมเอาชีวิตของผมเป็นประกันเลยว่า ภรรยาของคุณจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดจากทีมของเรา เพราะฉะนั้น ได้โปรดปล่อยเธอไว้ให้เป็นหน้าที่ของคุณเดชาเถอะนะ แล้วผมจะอธิบายให้คุณฟังอีกครั้งเมื่อคุณกลับมาถึงศูนย์วิจัยแล้ว"

เลือกตอน
1 งานเลี้ยงวันเกิด
2 เก็บตัวอย่าง
3 ห้องปฏิบัติการปรสิตวิทยา
4 ผู้ติดเชื้อ
5 เทียบเชึ
6 ศูนย์วิจัยอาร์ซีเอฟเอช
7 งานวิจัย
8 รายงานข่าวด่วน
9 ทางลัด
10 การกระจายพันธุ์
11 ความลับที่ถูกเปิดเผย
12 กองกอย
13 หมู่บ้านชลัดดาวิลล์
14 ไอริณ
15 S.O.S
16 กระสือและซอมบี้
17 เก็บกวาด
18 ทางเลือกจองคุณหมอ
19 การสอบสวน
20 ความแตกต่าง
21 องค์กรคู่ปรปักษ์
22 เทอเทิลแอนด์สเนล
23 สะกดรอยตาม
24 ปฏิบัติการปริศนา
25 ฐานวิจัยลับ
26 ทะลายรัง
27 โคตรว่านโพง
28 พ่อ แม่ ลูก
29 การลักพาตัว
30 ด็อกเตอร์ธานินทร์
31 คนทรยศ
32 คลังแสง
33 กองกอยวอริเออร์
34 พี่น้องเคลียร์ใจ
35 ล่าถอย
36 ปั๊มน้ำมัน
37 ด่านทหาร
38 หอพักหญิง
39 อุโมงค์ซิตี้
40 บันไดหนีไฟ
41 จตุรัสกลางเมือง
42 ทหารรับจ้าง
43 อุโมงค์ระบายน้ำ
44 ตึกใบหนาด
45 บนดาดฟ้า
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 45

1
งานเลี้ยงวันเกิด
2
เก็บตัวอย่าง
3
ห้องปฏิบัติการปรสิตวิทยา
4
ผู้ติดเชื้อ
5
เทียบเชึ
6
ศูนย์วิจัยอาร์ซีเอฟเอช
7
งานวิจัย
8
รายงานข่าวด่วน
9
ทางลัด
10
การกระจายพันธุ์
11
ความลับที่ถูกเปิดเผย
12
กองกอย
13
หมู่บ้านชลัดดาวิลล์
14
ไอริณ
15
S.O.S
16
กระสือและซอมบี้
17
เก็บกวาด
18
ทางเลือกจองคุณหมอ
19
การสอบสวน
20
ความแตกต่าง
21
องค์กรคู่ปรปักษ์
22
เทอเทิลแอนด์สเนล
23
สะกดรอยตาม
24
ปฏิบัติการปริศนา
25
ฐานวิจัยลับ
26
ทะลายรัง
27
โคตรว่านโพง
28
พ่อ แม่ ลูก
29
การลักพาตัว
30
ด็อกเตอร์ธานินทร์
31
คนทรยศ
32
คลังแสง
33
กองกอยวอริเออร์
34
พี่น้องเคลียร์ใจ
35
ล่าถอย
36
ปั๊มน้ำมัน
37
ด่านทหาร
38
หอพักหญิง
39
อุโมงค์ซิตี้
40
บันไดหนีไฟ
41
จตุรัสกลางเมือง
42
ทหารรับจ้าง
43
อุโมงค์ระบายน้ำ
44
ตึกใบหนาด
45
บนดาดฟ้า

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!