"อันตรายเหรอ...ยังไงครับ!" หมอทินถาม "ผมเชื่อว่าพวกคุณก็ได้เห็นแล้วว่ามันทำอะไรได้บ้าง...เชื้อปรสิตพวกนั้นน่ะ" ศาตราจารย์เฒ่าใช้ปากชี้ไปที่แผ่นสไลด์ "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับศพไม่มีหัวล่ะคะ!" ด็อกเตอร์รำมานาถามเสียงขุ่น หมอทินคิดว่าเธอคงจะเหลืออดกับการโยกไปโย้มาของศาตราจารย์สูงวัยไปหลายเบอร์แล้วล่ะมั้ง "คืออย่างนี้ ที่พวกคุณต้องสวมชุดพีพีอีก่อนเข้าไปทำเก็บตัวอย่าง ก็เพื่อปกป้องตัวของพวกคุณไม่ให้ไปสัมผัสกับมันโดยตรงไงล่ะ" คำพูดของชายสูงวัยก็ยังไม่ได้ช่วยตอบคำถามให้กระจ่างอย่างดี "แต่ผมก็ต้องขอบคุณคุณนะคุณผู้หญิง คุณหมอด้วย" เขาหันไปหาหมอทินก่อนจะพูดต่อ "พวกคุณทำให้ข้อกังวลที่ผมมีมาตลอดตั้งแต่เริ่มพบศพเป็นอันตกไป อย่างน้อยเราก็รู้แล้วว่ามันไม่ได้ติดต่อด้วยการสัมผัส" "คุณกำลังจะบอกว่าศพพวกนั้นตายเพราะติดเชื้องั้นเหรอ!" ด็อกเตอร์สาวถามอย่างตื่นตะลึง โดยมีหมอทินผสมโรง "ได้ไง! ถ้าศพติดเชื้อจริง แล้วหัวล่ะ หัวของพวกเขาจะหายไปได้ยังไงถ้าไม่มีใครตัดมันออก!" ในหัวของเขามีคำถามมากมายเกินกว่าที่พรั่งพรูออกมาได้หมดในคราวเดียว
เสียงริงโทนจากโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะการปาฐากถาของชายสูงวัย ศาตราจารย์คงเดชรีบควานหาโทรศัพท์มือถือของเขาและดึงมันออกมาจากกระเป๋าหลังกางเกงยีนหลวมโพรกโดยไม่ได้ตอบคำถามของด็อกเตอร์สาวกับหมอหนุ่มเลยสักคำ เขาจัดการสไลด์รับสายทันที หมอทินเห็นสีหน้าของเขาแล้ว บอกได้เลยว่าคนที่โทรมานั้นต้องมีเรื่องที่ไม่พึงประสงค์มารายงานแน่นอน อึดใจต่อมาชายสูงวัยก็ลดโทรศัพท์ลงจากหู และมองหน้าเขาและด็อกเตอร์สาวด้วยสีหน้าวิตกกังวลเบอร์ใหญ่มาก "เราช้ากว่าพวกมันหนึ่งก้าวเสมอเลย" ศาตราจารย์เฒ่าพึมพำเหมือนพูดกับตัวเอง "เกิดอะไรขึ้นหรือคะ ศาตราจารย์" หญิงสาวเอ่ยถามขึ้น สีหน้าของเธอลดระดับความตึงลงไปเยอะ "พวกมันกลายพันธุ์เร็วกว่าที่เราคิด" ศาตราจารย์เฒ่าตอบ ทำให้หญิงสาวต้องรีบหันมาประชันชิงแชมป์ย่นคิ้วอะวอทชนกันกับหมอทิน
'ติ๊ง' เสียงกระดิ่งเตือนดังขึ้นเบาๆ หลังจากที่พวกเขาเงียบกันไปหลายอึดใจ ด็อกเตอร์รำมะนาหันไปมองที่หน้าจอแล็ปท็อปของเธอโดยมีสายตาของหมอทินตามติดไปด้วย เขาเห็นรูปซองจดหมายเล็กๆ นั่นกระพริบวิบวับอย่างเรียกร้องให้ต้องเปิดอ่าน "ใครส่งอะไรมาอีกล่ะเนี่ย หวังว่าจะไม่ใช่คลิปโป๊หรอกนะ" เธอพึมพำกับตัวเอง พลางคว้าเมาส์แล้วลากเคอร์เซอร์ไปคลิกเปิดมันขึ้นมาทันที แล้วภาพจากคลิปวิดีโอที่ถูกส่งเข้ามาก็ถูกโปรแกรมรันขึ้นโดยอัตโนมัติ
มันเป็นคลิปที่ถ่ายด้วยกล้องมือถือจากภายในรถยนต์ ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นรายละเอียดของสถานที่ชัดเจนอะไรนักเพราะดูเหมือนว่าคนถ่ายคลิปมีความจำเป็นต้องหลบอยู่ในที่กำบังด้วยเช่นกัน แต่ก็ใกล้พอที่จะเห็นภาพและได้ยินเสียงของชายหนุ่มร่างท้วมในชุดยูนิฟอร์มรปภคนนั้น กำลังแหกปากร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด มีอะไรบางอย่างที่มีรูปร่างคล้ายหัวของมนุษย์ลอยอยู่เหนือพื้น มีแสงสีเขียวสลับแดงกระพริบเรื่อเรืองออกมาเป็นจังหวะถี่กระชั้น และดูเหมือนว่ามันจะเคลื่อนที่ได้เร็วมาก มันพุ่งเข้าไปเกาะหนึบอยู่กับต้นคอของชายคนนั้นก่อนที่มันจะสะบัดไปมาจนสิ่งที่คล้ายกับเส้นผมที่ยุ่งเหยิงนั่นสะบัดตาม ชายคนนั้นร้องลั่นและพยายามผลักไสมันออกไปให้พ้นตัว ซึ่งในที่สุดเขาก็ทำได้สำเร็จ อะไรที่เหมือนหัวลอยได้นั่นถูกหยุมหัวกระชากออกจากต้นคอของเขา แต่เขาก็ต้องแลกมันมาด้วยเนื้อต้นคอก้อนโตที่หลุดติดปากมันออกมา เลือดแดงฉานของหนุ่มท้วมฉีดพุ่งออกมาจากบาดแผลสาดกระเซ็นไปทั่วทุกทิศทุกทาง ก่อนที่ร่างของเขาจะล้มลงไปดิ้นเร่าๆ อยู่บนพื้นอยู่ไม่ถึงอึดใจ เสียงร้องโหยหวนของเขาก็เงียบลงพร้อมๆ กับร่างที่หยุดการเคลื่อนไหวลงอย่างสิ้นเชิง แล้วสิ่งที่คล้ายหัวลอยได้นั้นก็ลอยหายไปจากจอภาพ
"บ้าไปแล้ว! เกิดอะไรขึ้นเนื่ย ปกติพวกมันไม่ได้เที่ยวจู่โจมเข้ากัดใครไปทั่วแบบนี้นี่นา!" ศาตราจารย์คงเดชทำหน้านิ่วคิ้วขมวดจนรอยยับบนหน้าผากถูกขับให้เด่นชัดขึ้น ท่าทางของเขาดูจะตกใจและสับสนกับสิ่งที่เพิ่งจะเห็นไป หมอทินเองก็ขมวดคิ้วมองหน้าชายสูงวัยอย่างมีคำถามก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่หน้าจอคอมฯ "ใครส่งคลิปนี้มา" หมอทินถาม ตาของเขายังคงจับจ้องอยู่กับภาพในคลิปที่ยังคงเล่นไปเรื่อยๆ ถึงแม้ความเคลื่อนไหวของชายคนนั้นจะสงบลงไปเกือบจะครบหนึ่งนาทีแล้วก็ตาม "สกุณาค่ะ" ด็อกเตอร์รำมะนาตอบด้วยน้ำเสียงที่บอกว่าเธอรู้สึกไม่ชอบใจนักที่ถูกชายต่างวัยทั้งสองถือวิสาสะโดยที่เธอไม่ได้อนุญาติอย่างนี้ "ฉันจะโทรหายัยนก" นักวิจัยสาวพูดพลางมองหามือถือของตัวเองที่เธอก็จำไม่ได้ว่าเอาไปวางไว้ตรงไหนแล้ว "อย่าโทรนะ!" อยู่ๆ ชายสูงวัยก็ร้องห้ามเสียงตื่น ทำเอาด็อกเตอร์สาวหันขวับไปจ้องหน้าเขาอย่างไม่พอใจ
"ผมเกรงว่าถ้าคุณโทรไปตอนนี้ ผู้ช่วยของคุณอาจจะได้รับอันตรายก็ได้นะ...คุณผู้หญิง" ศาตราจารย์คงเดชพูดโดยไม่ละสายตาออกจากคลิปเช่นกัน "หมายความว่าไงคะ" หญิงสาวถามเสียงกระด้างพลางฟาดสายตาเชือดเฉือนเข้าใส่ชายสูงวัยอย่างเก็บทรงตัวเองไม่อยู่ "คุณดูที่เวลาส่งเมล์นี้สิ ตอนนี้เวลาสองทุ่มสิบแปด แต่คลิปนี่ถูกส่งมาเมื่อสามนาทีก่อน นั่นหมายความว่า ตอนนี้เธออาจจะยังคงแอบซ่อนตัวอยู่ที่เดิมก็ได้ แล้วถ้าคุณโทรหาเธอ เสียงโทรศัพท์ก็อาจจะทำให้เธอได้รับอันตรายจากไอ้ตัวที่เพิ่งโจมตีผู้ชายคนนั้นได้น่ะสิ" เหตุผลของศาสตราจารย์สูงวัยทำให้นักวิจัยสาวนิ่งอึ้งไป "แล้วตัวที่ว่านั่นมันคือตัวอะไรล่ะ" หมอทินถาม "มันคือ...เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ!" ชายสูงวัยขยับปากพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตัว เขายื่นหน้าเอาตาไปจ่อที่หน้าจอ "ตัวเอ๊ะ เดี๋ยวนะเหรอ?...ชื่อมันพิลึกจังนะว่ามั้ย" ชายหนุ่มถามแบบพาซื่อพลางเกาหัวแกรกๆ ทำหน้ายุ่งเหยิง "อะไรน่ะ!" ศาตราจารย์คงเดชอุทานเสียงตื่นพร้อมกับทำตาโตและยื่นหน้าเข้าไปดูภาพเคลื่อนไหวนั่นใกล้เข้าไปอีก จนหัวแทบจะมุดเข้าไปในจอคอมฯ อยู่แล้ว จากนั้นก็เอาแต่พร่ำพูดซ้ำไปซ้ำมาเบาๆ กับตัวเอง "ไม่สิ! เป็นไปไม่ได้! มันไม่ควรเป็นอย่างนี้สิ!"
จู่ๆ ร่างที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดของรปภหุ่นท้วมคนนั้นก็เกิดขยับตัวได้อีก เขาลุกขึ้นมาด้วยท่าทางที่แปลกประหลาด ดูแข็งๆ ทื่อๆ ยังไงพิกลเหมือนคนเป็นเส้นยืดแบบถาวรไปทั่วทั้งตัว และกำลังเดินตรงมาทางหน้าจอ "นั่นเขายังไม่ตายนี่!" ทันทีที่ด็อกเตอร์รำมะนาอุทานจบลง เสียงพูดปนสะอึกสะอื้นของผู้หญิงก็ดังออกมาจากคลิปนั้น "ด็อกเตอร์!...ช่วยฉันด้วย เขามาทางนี้แล้ว!" น้ำเสียงของเธอแสดงความตื่นกลัวและสิ้นหวัง แล้วคลิปก็จบลงไปแบบดื้อๆ นักวิจัยสาวหันมาสบตากับหมอหนุ่มก่อนที่ทั้งคู่จะหันไปหาชายสูงวัยพร้อมกันด้วยความตื่นตระหนก "ศาสตราจารย์!" เป็นอีกครั้งที่ทั้งสองใจตรงกันอย่างน่าตบ "เราต้องไปช่วยเธอ!" หมอทินพูดเสียงแตกตื่น ก่อนจะหันตัวทำท่าจะออกวิ่งไปที่ประตู "เดี๋ยวสิพ่อหนุ่ม!" ศาตราจารย์คงเดชร้องห้ามพร้อมกับคว้าแขนชายหนุ่มเอาไว้ "คุณรู้เหรอว่าเธออยู่ไหน?" เขาถามเร็วปรืํอ "ลานจอดรถข้างใต้ตึกนี้ค่ะ" ด็อกเตอร์รำมะนาชิงตอบอย่างมั่นใจ พร้อมกับลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งนำหน้าไปหาประตูอย่างรวดเร็ว
ประตูลิฟต์ถูกเร่งให้ปิดอย่างร้อนรนทันทีที่ศาตราจารย์คงเดชเดินกึ่งวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่คนอายุปูนนั้นจะทำได้ข้ามาขัางใน ปุ่มปิดประตูถูกรำมะนาจิ้มนิ้วใส่รัวๆ ด้วยความเร็วเกือบจะเท่ากับจักรเย็บผ้าในชั่วโมงเร่งรีบ เธอดูร้อนรนและกระวนกระวายจนหมอทินต้องเอ่ยเตือน "เดี๋ยวปุ่มก็ทะลุกันพอดีสิคุณ ใจเย็นๆ ก่อน" "จะให้เย็นยังไง ยัยนกกำลังตกอยู่ในอันตรายนะ!" เธอหันมาแหวํใส่เขาโดยที่ไม่ยอมหยุดกระหน่ำนิ้วใส่ปุ่ม "ต่อให้คุณจิ้มจนนิ้วหักคาปุ่ม มันก็ไม่ได้จะเร่งปิดให้เร็วขึ้นได้หรอกนะ" ชายหนุ่มพูด พร้อมกับที่ประดูเลื่อนปิดตัวลง นักวิจัยสาวเหลือบมองหน้าเขาด้วยหางตาพร้อมกรตุกยิ้มมุมปากอย่างผู้มีชัย ขณะจิ้มไปที่ปุ่มชั้นB1 "ฉันทำออกจะบ่อยไปค่ะ" ขี้ขิงเสียจริงผู้หญิงคนนี้...หมอทินคิด
ไม่ถึงนาทีต่อมา เกือบจะในทันทีที่ป้ายบอกระดับชั้นB1 สว่างขึ้น ประตูลิฟต์ก็เปิดออกอย่างซื่อสัตย์ ด็อกเตอร์รำมะนาทำท่าจะผลุนผลันออกไปจากตัวลิฟต์ แต่ศาตราจารย์คงเดชก็คว้าแขนเธอเอาไว้เสียก่อน "อย่าเพิ่ง!" เขาทำเสียงกระซิบห้ามปรามเบาๆ หญิงสาวหันขวับไปมองหน้าด้วยดวงตาเขียวปั๊ด "อะไรอี..." เธอตั้งใจจะตะเบงเสียงใส่ชายสูงวัย แต่ก็ถูกหมอทินเอามือมาอุดปากเอาไว้เสียก่อน "อย่าทำเสียงดัง!" ชายหนุ่มกระซิบเสียงเครียด "ดูนั่น" เขาพูดพร้อมกับชี้นิ้วออกไปข้างนอกตัวลิฟท์ สีหน้าจริงจังของเขาทำให้ด็อกเตอร์สาวยอมสงบลง ก่อนที่เธอจะมองออกไปทางที่เขาขี้นิ้ว
รปภหนุ่มร่างท้วมคนเดียวกันกับที่เห็นในคลิปกำลังทำท่าตะกายกระจกข้างรถเก๋งซีดานสีบรอนซ์เงินที่จอดสงบนิ่งอยู่กับที่ในซองจอด ท่าทางของเขาดูแปลกพิกล เวลาขยับตัวก็ดูแข็งๆ ทื่อๆ เหมือนคนที่มีปัญหาข้อต่อเสื่อมสภาพ เสื้อรปภสีฟ้าของเขาถูกย้อมให้กลายเป็นสีแดงของเลือดสดๆ จนชุ่มโชก แล้วสิ่งที่หมอทินหัวใจหล่นวูบแบบไม่คาดคิดก็บังเกิดขึ้น "นี่นาย! ทำอะไรอยู่น่ะ" สุดที่ชายหนุ่มจะห้ามปรามได้ทัน ด็อกเตอร์สาวก็ส่งเสียงตะโกนถามออกไปด้วยเสียงอันดังชนิดเต็มคาราเบลเสียแล้ว "อย่าเสียงดัง!" ศาตราจารย์สูงวัยกระซิบห้าม แต่มันก็สายเกินแก้ไปเสียแล้ว ทันทีที่รปภคนนั้นได้ยินเสียงของเธอ เขาก็สะบัดหัวหันขวับอย่างรวดเร็วไปทางซ้ายทีขวาทีเพื่อมองหาต้นเสียง "คุณพระกล้วยช่วยทอด!" หมอทินอุทานด้วยความตกตะลึงกับสภาพของรปภคนนั้น เลือดแดงฉานชุ่มโชกไปทั้งตัว เนื้อตรงข้างลำคอแหว่งหายไปก้อนใหญ่เหมือนถูกอะไรกัดและกระชากออกไปอย่างรุนแรง กลายเป็นบาดแผลเหวอะหวะที่ฉกรรจ์จนหมอศัลย์ไม่รับซ่อมอย่างแน่นอน ดวงตาขาวขุ่นไร้ซึ่งชีวิตชีวาเบิกโพลงจ้องมองมาอย่างมุ่งร้าย และที่จมูกของเขาก็มีแสงสีแดงสลับเขียวเรื่อเรืองสว่างวูบวาบเป็นจังหวะกระชั้น แยกเขี้ยวยิงฟันตลอดเวลาเหมือนไปโกรธใครมาเป็นร้อยปีจนน้ำลายไหลยืดลงสู่ลูกคาง มีเส้นเลือดสีดำปูดออกมาพาดไปทั่วใบหน้าซีดขาวดูน่าสยองและน่าสะอิดสะเอียนไปพร้อมกัน
"คุณ! อย่า!" ชายหนุ่มร้องห้ามนักวิจัยสาวที่ทำท่าจะถลันออกไปหาด้วยเสียงเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาคว้าแขนเธอไว้ได้ทันและดึงเธอถอยกลับมาข้างในตัวลิฟต์ "จะห้ามฉันทำไม ไม่เห็นเหรอว่าเขาต้องการความช่วยเหลือ เขาบาดเจ็บอยู่นะหมอ!" เธอหันมาโวยวายใส่เขาพร้อมกับขืนตัวและพยายามแกะมือเขาออก หมอทินรีบเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากพร้อมกับทำเสียงจุ๊ๆ เป็นจิ้งจกยักษ์ร้องทักท้วง เพื่อจะห้ามไม่ให้เธอส่งเสียงดัง "เราต่างหากที่ต้องการความช่วยเหลือ คุณผู้หญิง!" ศาตราจารย์คงเดชพูดเสียงเครียดขัดขึ้น "หมายความว่าไง! ก็เห็นๆ อยู่ว่าเขา..." เธอกระชากเสียงถาม "เขาไม่ใช่รปภของคุณอีกต่อไปแล้ว คุณผู้หญิง" คำพูดของชายสูงวัยทำให้นักวิจัยสาวชะงัก ก่อนจะจ้องหน้าเขาเขม็งอย่างมีคำถาม "เขาตายไปแล้ว และผมว่าตอนนี้ศพของเขาก็กำลังติดเชื้ออะไรบางอย่างเข้าแล้ว" ศาตราจารย์ผู้เฒ่าพูดเสียงเครียดหนักขึ้นกว่าเดิมร้อยเท่า "ติดเชื้อเหรอ...เชื่ออะไรอีกล่ะ!" หมอทินถามเสียงตื่น "ผมไม่รู้..." ชายสูงวัยตอบ "แต่ที่แน่ๆ เชื้อนั่นมันทำให้ศพของพ่อหนุ่มคนนั้นกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้งล่ะ"
"อย่าบอกนะว่าเชื้อซอมบี้!" คราวนี้หมอหนุ่มหันไปหรี่ตามองชายสูงวัยอย่างพินิจพิเคราะห์ "ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่รู้...บางทีเราอาจจะต้องเอาตัวเขาไปตรวจพิสูจน์..." เขาพูดค้างไว้แค่นั้น แต่ตาจ้องเขม็งออกไปข้างนอก เมื่อหมอทินเหลียวมองตามไป เขาก็ต้องถึงกับช็อค ดูเหมือนว่ารปภคนนั้นจะจับทางเสียงได้แล้ว และกำลังเดินตัวแข๊งทื่อตรงมาหาพวกเขา "เรื่องใหญ่แล้วสิงานนี้" ศาตราจารย์เฒ่าพึมพำก่อนจะควานหาโทรศัพท์มือถือของเขาและดึงมันออกมาอีกครั้ง เขาจัดการกดหมายเลขและโทรออกทันที อึดใจต่อมาเขาก็พูดกรอกลงไปด้วยน้ำเสียงที่บอกว่ากำลังวิตกกังวลเบอร์ใหญ่มาก เขาใช้นิ้วมือข้างที่ยังว่างเอื้อมไปกดปุ่มสั่งให้ลิฟท์ปิดประตูไปด้วย "คุณเดชา...ฟังนะ ไม่มีเวลาอธิบายตอนนี้ แต่รีบส่งทีมลงมาที่ลานจอดรถชั้นB1 เดี๋ยวนี้เลย!" ชายสูงวัยจบประโยคอย่างเฉียบขาด ในขณะที่ประตูลิฟท์ขยับเลื่อนปิด
แต่ก่อนที่มันจะปิดเข้าที่ พลันก็มีเสียงผู้หญิงตะโกนเสียงดังลั่นแทรกเข้ามาเสียก่อน "ช่วยด้วย ฉันติดอยู่ในระ...!" เสียงของเธอถูกตัดฉับไปทันทีที่ประตูปิดเข้าที่ของมัน "ยัยนก! นั่นเสียงยัยนก!" ด็อกเตอร์รำมะนาละล่ำละลักพูดเสียงตื่น พร้อมกับพุ่งตัวเข้าหาปุ่มเปิดประตูลิฟท์แล้วจิ้มรัวๆ "เห้ยๆๆ คุณทำอะไร!" หมอทินร้องเสียงดังด้วยความตกใจและคาดไม่ถึงว่าเธอจะทำอะไรอย่างนี้ เขารีบพุ่งเข้าไปคว้ามือของเธอและดึงให้ออกห่างจากแผงปุ่มลิฟต์ "ไม่ได้ยินรึไง นั่นเสียงยัยนก!" เธอหันมาตะโกนใส่หน้าเขา พยายามสะบัดมือเพื่อให้หลุดอย่างแรง "ปล่อยนะคุณ!" เธอแยกเขี้ยวใส่เขา ทันใดนั้น ประตูลิฟท์ก็เลื่อนเปิดออกอีกครั้ง ทำให้หมอทินใจหายวาบจนเผลอปล่อยมือหญิงสาวให้เป็นอิสระ "ว๊ายยยย! อย่าตามมานะ ไปให้พ้น! ไป๊!" เสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวดังก้องสะท้อนไปมาอยู่ข้างนอกนั่น ด็อกเตอร์สาววิ่งออกไปจากตัวลิฟท์อย่างรวดเร็ว สุดที่หมอทินหรือศาตราจารย์เฒ่าจะคว้าตัวเธอได้ทัน "อย่าออกไป!...ไป...ไปซะแล้ว!" ชายหนุ่มได้แต่ร้องเรียกตามหลังพร้อมกับมือที่คว้าได้แต่ลม "ปัดโธ่เว้ย!" เขาสบถลั่นอย่่งหัวเสียแล้ววิ่งตามออกจากลิฟต์ตามเธอไป
รปภซอมบี้นั่นกำลังวิ่งไล่กวดผู้หญิงอีกคนที่วิ่งวนอยู่รอบตัวรถซีดานสีบรอนซ์ทองอย่างบ้าคลั่ง เธอก็คือสกุณาผู้ช่วยของด็อกเตอร์รำมะนานั่นเอง ด็อกเตอร์สาววิ่งตรงไปหาเธอและศพคืนชีพนั่นด้วย "ด็อกเตอร์ อย่าเข้าไป!" หมอทินตะโกนเห้าม แต่เธอไม่ยอมหยุดเหมือนไม่ได้ยิน "ด็อกฯ! ช่วยด้วย...อย่าตามมานะ ไอ้บ้า!" สกุณาร้องขอความช่วยเหลือสลับกับร้องไห้ดังลั่นจนเสียงแตก "เข้าไปในรถ ยัยนก! เข้ารถไป!" รำมะนาตะโกนบอก "ด็อกเตอร์! ใกล้เกินไปแล้ว...อย่าเข้าไปใกล้เขา!" หมอทินที่วิ่งตามตูดมาติดๆ ตะโกนไปอีก "ระวัง! อย่าใช้เขากัดนะ!" ศาตราจารย์เฒ่าที่วิ่งรั้งท้ายมาร้องเตือน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันสับสนอลหม่านไปหมด
"แฮ่ร์!" รปภซอมบี้ส่งเสียงขู่ข่มขวัญเมื่อผละจากการวิ่งไล่กวดสกุณาแล้วหันมาหาด็อกเตอร์รำมะนาแทน ดูเหมือนว่าเธอจะเพลิดเพลินกับการวิ่งไปหน่อยจนทำให้เบรคตัวเองไม่ทัน เมื่อศพคืนชีพนั่นหันกลับมาหาเธออย่างกระทันหัน เธอจึงพุ่งเข้าใส่อ้อมแขนของมันอย่างจัง "ว๊าย! ไปให้พ้นนะ!" เธอกรี้ดเสียงลั่นและแหลมเปี๊ยว รปภซอมบี้อ้าปากแยกเขี้ยวโดยเป้าหมายของมันอยู่ที่ต้นคอของหญิงสาว โชคดีที่เธอเอามือทั้งสองข้างยันหน้ามันเอาไว้ได้ทันก่อนที่คอของเธอจะเหวอะ ในขณะที่สกุณาหวีดร้องอย่างเสียขวัญอยู่ที่ข้างรถ "ทำอะไรสักอย่างสิ!" ด็อกเตอร์รำมะนาตะโกนบอกโดยไม่ได้เจาะจงไปที่ใคร หมอทินที่วิ่งตามมาติดๆ ตัดสินใจกระโดดง้างเท้าถีบโครมเข้าไปที่สีข้างของซอมบี้รปภอย่างแรง นั่นทำให้มันปลิวตามแรงไปล้มลงบนพื้น โดยมีนักวิจัยสาวติดไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนตัวมันด้วย เขารีบตามไปคว้าร่างของเธอและดึงออกจากการกอดรัด พร้อมกับกระทืบเท้าลงไปบนหน้าของมันแบบรัวๆ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้สะทกสะท้านกับบาทาของเขาแต่อย่างใด มันกลับตะเกียกตะกายลุกขึ้นมายืนทำหน้าโหดในโหมดทริลเล่อจนได้ หมอทินต้องรีบดึงตัวด็อกเตอร์สาวถอยกรูดออกห่างจากมันอย่างเร็วที่สุด
ทันใดนั้น รถตู้ขนาดใหญ่หน้าตาคล้ายกับรถขนหน่วยสวาทสีดำคันหนึ่งก็พุ่งลงมาตามทางลาด แล้วชนแผงกั้นทางจนหักสะบั้นเป็นสองท่อน ก่อนที่คนขับจะหักพวงมาลัยกระทันหัน ทำให้ล้อรถปัดและตัวรถเบี่ยงมาขวางทางเข้าออกเอาไว้ ก่อนที่จะหยุดกึกลง...เปิดตัวอย่างเท่ห์! รถไม่คว่ำให้เสียฟอร์มไปซะก่อนก็บุญแล้ว! หมอทินถึงกับต้องกระโดดถอยหลังออกห่างด้วยความตกใจไม่ผิดอะไรกับด็อกเตอร์สาว เพราะตัวรถดันไถลมาซะใกล้จนเกินไปหน่อย ส่วนรปภซอมบี้ที่เตรียมพร้อมจะพุ่งเข้าใส่เขาก็มีอันชะงักกึกหันกลับไปดูด้วยเช่นกัน แล้วประตูหลังรถก็ถูกใครบางคนถีบจากข้างในให้เปิดอ้าออก กลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งราวๆ เจ็ดถึงแปดคนวิ่งกรูกันออกมาเหมือนมดแตกรัง พวกเขาอยู่ในชุดที่รัดกุมและทะมัดทะแมง ดูเผินๆ จะคล้ายกับชุดของพวกหน่วยสวาทอีกนั่นแหละ เพียงแต่ตัวอักษรภาษาอังกฤษสีขาวที่สกรีนติดเต็มกลางหลังตัวเบ้อเร่อว่า RCFH สวมหน้ากากกันแก๊สพิษสีดำแบบเต็มหน้า มิดชิดเสียจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร พวกเขามีปืนM16 สะพายอยู่บนหลังและปืนพกติดข้างเอวอีกคนละกระบอก แต่ในมือกลับถืออุปกรณ์ที่ดูเหมือนไม้ง่ามที่พวกตำรวจชอบใช้ในปฎิบัติการสยบคนคลั่งที่ดูอัพเกรดกว่าไม้ง่ามDIYแบบไทยแท้ด้วยด้ามจับยางสีดำหุ้มแกนสแตนเลสแวววาว แถมด้วยแถบป้ายโลหะยาวสีดำที่ติดอยู่ติดกับโคนด้ามจับเขียนด้วยตัวหนังสือสีเงินยาวเหยียดบอกชื่อเต็มของหน่วยงาน แถมยังดูเหมือนจะมีสามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าใส่เป้าหมายได้อีกด้วย ค่อยดูแพงและเป็นอินเตอร์ขึ้มาหน่อยหมอทินคิดขณะที่ขยับเดินมายืนข้างๆ ด็อกเตอร์รำมะนาที่กระโดดถอยหลังมายืนทำหน้างงๆ และมองชายกลุ่มนั้นไม่วางตา "นี่ใจคอจะก๊อปเขามาทั้งดุ้นเลยใช่มั้ยเนี่ย!" ชายหนุ่มพึมพำด้วยความตกตะลึง
ชายกลุ่มนั้นตรงเข้าล้อมรปภซอมบี้ไว้ตรงกลาง ในขณะที่ซอมบี้ก็แยกเขี้ยวขู่อยู่ฟ่อๆ ตลอดเวลา ก่อนที่มันจะตัดสินใจกระโจนเข้าใส่ชายคนหนึ่ง ซึ่งแน่นอกว่ามันไม่สามารถจะเข้าถึงตัวเขาได้เพราะถูกไม้ง่ามสยบมารพุ่งเข้าค้ำคอเอาไว้อย่างทันท่วงทีเสียก่อน หลังจากนั้นรปภผู้กลายร่างเป็นซอมบี้ก็ถูกพวกเขาทำให้ล้มคว่ำหน้าลงกับพื้น ก่อนจะถูกมัดแขนขาตรึงเอาไว้แนบลำตัวอย่างแน่นหนา ได้แต่นอนหันหัวไปมาแยกเขี้ยวส่งเสียงแฮ่ๆ แสดงความดุร้ายใส่คนนั้นทีคนนี้ที กลายเป็นซอมบี้สิ้นลายหมดพิษสงลงไปอย่างง่ายดาย จากนั้นมันก็ถูกหามเป็นหมูขึ้นไปยัดใส่ท้ายรถ หมอทินหันไปมองสบตากับนักวิจัยสาวก่อนที่ทั้งคู่จะหันไปมองหน้าศาตราจารย์เฒ่าที่ตามมายืนอยู่ข้างหลังอย่างพร้อมเพรียง โดยมีดอกเห็ดทรงเควสชั่นมาร์คงอกออกมาเต็มหน้าเต็มตาไปหมด "คนพวกนี้ใช่ไหมที่คุณโทรเรียกเมื่อตะกี้!?" ด็อกเตอร์รำมะนาถาม ศาตราจารย์คงเดชมองเธอแล้วขยิบตาให้พร้อมรอยยิ้ม แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่เคร่งเครียดจริงจังเอามากๆ "ต้องขออภัยที่ทำให้ตกใจนะ คุณผู้หญิง...แต่พูดตามตรงนะ" ชายสูงวัยลังเลอยู่ชั่วอึดใจก่อนจะพูดต่อ "อันที่จริงผมเตรียมทีมมาเพื่อจะรับมือกับอะไรอย่างหนึ่ง แต่กลับต้องมาใช้กับอีกอย่างหนึ่ง นี่มันเกิดคาดจริงๆ" เขาพูดด้วยท่าทีที่หนักใจ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 45
Comments
REIN
ทุกเรื่องของคุณน่าอ่านจริงๆ 💯
2023-08-01
0