บทที่2 อาจารย์และศิษย์ 3

ฮวาหลันเร่งรุดเข้าโจมตีอสรพิษสีนิลอยู่สามกระบวนท่าจึงช่วยหนิงลี่อินออกมาได้ ทว่าขณะที่กำลังวางนางลงพื้นนั้นกลับถูกอสรพิษร้ายฟาดหางใส่ช่วงเอวกระเด็นไปชนต้นไม้จนหักถึงสามต้น ฮวาหลันกระอักเลือดออกมาเล็กน้อยเพราะพลังเซียนยังไม่แกร่งกล้าพอที่จะต่อกรกับอสูรตนนี้ เมื่อเหลือบไปมองสตรีที่ตนปกป้องแล้วพบว่านางปลอดภัยดีจึงโล่งใจไปเปราะนึง

ตัดมาอีกด้านหนึ่ง มหาเทพและเทพอัคคีรวมถึงศิษย์ทั้งสองกำลังหารือเรื่องบางอย่างด้วยความเคร่งเครียด

“ท่านอาจารย์ ตามที่ข้าไปสืบมาในขณะนี้เผ่ามารกำลังรวบรวมกำลังพล คงไม่พ้นเตรียมทำสงครามกับพวกเราเผ่าเทพ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ให้ข้าเป็นผู้นำทัพดีหรือไม่

“เกี่ยวกับเรื่องนั้น…” ในขณะที่มหาเทพกำลังเอ่ยตอบศิษย์ของตนอยู่นั้น ก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วผืนป่า พร้อมกับภูติรับใช้เผ่ามัจฉาสามตนที่วิ่งมาแต่ไกล เหล่าเทพเซียนทั้งสี่ที่อยู่ในศาลาหกเหลี่ยมซึ่งล้อมรอบไปด้วยพุ่มไม้และลำธารสายเล็กที่อยู่ถัดไปไม่ไกลนักสามารถรู้ได้ทันทีว่าเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น

“ทะ ท่าน ท่านเทพ ช่วยองค์หญิงของข้าด้วย ฮึก ฮึก”

“มะ มีสัตว์ประหลาด คะ คาบ คาบ ฮึก ฮือ”

“แล้ว ประมุขน้อย ประมุข ฮือ ฮือ” ภูติน้อยทั้งสามพูดพร้อมกันพร้อมร่ำไห้ออกมา เสียงสะอึกสะอื้นปนคราบน้ำตาและน้ำมูกนั้นทำให้ทั้งสี่ฟังไม่รู้ความแม้แต่น้อย

“เงียบก่อน ลองเล่าให้ข้าฟังอีกทีว่าเกิดสิ่งใดขึ้น” ต้าเหนิงซักถามภูติมัจฉาทั้งสามอีกครั้งหนึ่ง เมื่อทั้งสามตนได้ยินดังนั้นจึงรีบเช็ดน้ำตาตนแล้วตอบกลับ

“มีอสรพิษสีดำตัวใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่งบุกเข้ามาในลำธารที่พวกข้าเล่นน้ำอยู่แล้วมาโฉบเอาองค์หญิงของพวกข้าไป ตอนนี้ประมุขน้อยแดนบุปผากำลังต่อกรกับมันอยู่ ได้โปรดช่วยเหลือองค์หญิงและประมุขน้อยด้วยเพคะ” หลังจากที่ภูติมัจฉากล่าวจบก็ได้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับหมู่เมฆาสีดำทมิฬประกายสีเหลืองทองที่เริ่มแผ่ขยายเป็นวงกว้าง มหาเทพรู้ได้ทันทีว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นจึงสั่งให้ภูติมัจฉาเข้าไปในตำหนักส่วนตนรีบไปยังจุดที่ฮวาหลันอยู่ทันที

“พวกเจ้ารีบเข้าไปหลบซะ”

เมื่อทั้งสี่ไปถึงจุดที่ฮวาหลันและหนิงลี่อินอยู่กลับพบว่าอสรพิษสีนิลถูกกำจัดไปเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับเปลวเพลิงที่เผาไหม้ผืนป่าแถบนั้นราบเป็นหน้ากอง ฮวาหลันอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสภายในอ้อมแขนของหนิงลี่อิน เมื่อทั้งสี่เห็นดังนั้นจึงรีบเข้ามาดูอาการ

“อาหลัน เหตุใดจึงบาดเจ็บหนักเช่นนี้” มหาเทพอุ้มนางขึ้นมาอย่างแผ่วเบา ร่างกายนางตอนนี้บาดเจ็บสาหัสต้องรีบรักษาอย่างเร่งด่วน ทางด้านหนิงลี่อินนั้นมีต้าเหนิงคอยดูแลเป็นห่วงเป็นใยอยู่ไม่ห่าง เมื่อเห็นว่าอสนีบาตใกล้ตกลงมาอยู่รอมร่อ เทพทั้งสี่จึงรีบกลับตำหนักทันที

“ยามนี้นางสูญเสียพลังเซียนไปมาก ทั้งยังใช้เปลวเพลิงจากหัวใจตนมาแผดเผาอสรพิษสีนิลตนนั้น ฮวาหูเตี๋ย เจ้าเป็นพี่ชายของฮวาหลัน จากนี้ต้องฝากเจ้าดูแลนาง รักษาแผลให้หายดี” มหาเทพค่อย ๆ วางนางลงบนเตียงแล้วเสกผ้าและอุปกรณ์ทำแผลออกมาจากแขนเสื้อตน

“มหาเทพ นี่ท่านคิดจะไปรับเมฆาอัสนีแทนน้องสาวข้าเหรอ” เขาไม่ตอบสิ่งใดกลับไปแล้วเดินออกมาทั้งอย่างนั้น จากนั้นจึงเขียนเขตแดนขึ้นมาไม่ให้สิ่งใดเล็ดลอดเข้าไปได้ เมื่ออสนีบาตตกลงมายังร่างของเขานั้นมันเจ็บปวดราวกับร่างกายนี้ได้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ทว่าอัสนีบาตครั้งนี้พึ่งครั้งแรกเท่านั้น เขายังต้องรับเคราะห์สวรรค์ในด่านนี้อีกสองหนจึงจะผ่านด่านเคราะห์นี้ไปได้

อสนีบาตสีเหลืองทองส่องแสงแวววับตัดกับเมฆาสีดำทมิฬอีกคราหนึ่ง เขารู้ได้ทันทีว่าอสนีบาตกำลังจะผ่าลงมาอีกครั้ง เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงเคลื่อนร่างกายตนขึ้นไปบนอากาศแล้วยื่นมือขึ้นไปรับอสนีบาตที่ตกลงมา

สายลมเริ่มพัดรุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดราวกับเทพวายุกำลังพิโรธ อาจเป็นเพราะผูกได้ไม่ดีนักทำให้ผ้าผูกผมสีแดงเข้มที่เคยผูกไว้บนเกษาสีดอกฝ้ายของมหาเทพปลิวไปไกลไม่อาจหาได้พบ อสนีบาตครานี้ทำให้เขาเกิดบาดแผลมีโลหิตไหลซึมออกมาตามเนื้อผ้ากลืนไปกับอาภรณ์สีดำของเขา เส้นเกศาของเขาพันกันยุ่งเหยิงตามกระแสลมพัดพร้อมกับอสนีบาตที่ผ่าลงมาอีกครั้งจนเขากระอักเลือดออกมาจนเปรอะเปื้อนอาภรณ์ไปหมด เมื่อเขาสัมผัสถึงความรู้สึกอุ่นในโพรงจมูกและลองสัมผัสทำให้รู้ว่านั้นคือโลหิตที่ไหลลงมาอย่างเชื่องช้า เขาค่อย ๆ ลงสู่พื้นอย่างช้า ๆ เมื่อเท้าแตะถึงพื้นจึงรีบเร่งเข้าไปดูอาการฮวาหลันทันทีโดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตน

“ฮวาหลันนางเป็นอย่างไรบ้าง ฮวาหูเตี๋ย” เสียงหอบหายใจอย่างฝืดเคืองดังขึ้นมาด้านหลังของฮวาหูเตี๋ย เมื่อเขาหันไปมองด้านหลังก็ตกใจกับสภาพของมหาเทพที่บาดเจ็บมีโลหิตสีแดงอาบย้อมไปทั่วร่าง สภาพร่างกายที่เห็นภายนอกยังบาดเจ็บถึงเพียงนี้ มิใช่ว่าได้รับบาดเจ็บไปถึงแก่นเซียนและดวงจิตของเขาเลยเหรอ แม้ว่าฮวาหูเตี๋ยคิดเช่นนี้จะไม่ดีต่อน้องสาวตน ทว่าฮวาหลันนางเป็นเพียงกล้วยไม้เพลิงโลกันต์ดอกหนึ่ง ซึ่งจับพลัดจับผลูได้มาเป็นคู่หมั้นและศิษย์ของมหาเทพเท่านั้น แน่นอนว่าแต่เดิมนั้นทั้งสองไม่ได้รู้จักกัน ไม่รู้เพราะเหตุใดเขาจึงได้หวงแหนและห่วงใยนางราวกับสมบัติล้ำค่าที่ไม่ต้องการให้ผู้ใดได้พบเจอเช่นนี้

“นางปลอดภัยดี ทว่าข้าคิดว่าท่านควรเป็นห่วงตัวท่านรักษาบาดแผลให้หายดีเสียก่อน หากนางตื่นขึ้นมาพบว่าท่านบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้นางจะไม่โศกเศร้าหรอกเหรอ” ฮวาหูเตี๋ยเชิญมหาเทพนั่งลงข้าง ๆ ตนเพื่อทำแผลให้เบื้องต้น ยังมิวายมหาเทพยังเอื้อมมือไปลูบหัวนางเบา ๆ อีก

“งั้นเหรอ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องปลอดภัย”

หลังจากผ่านเหตุการณ์อสรพิษบุกโจมตี ด่านเคราะห์อัสนีมาเยือน ระยะเวลาก็ผ่านมาแล้วเจ็ดวัน ฮวาหลันที่ได้เลื่อนขั้นเป็นเทพนั้นได้ลืมตาตื่นขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อย ร่างบอบบางที่ถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลขยับร่างกายลุกออกจากเตียงอย่างเชื่องช้าโดยมีจุดมุ่งหมาย คือห้อง ๆ หนึ่งซึ่งอยู่ถัดจากห้องของตน เส้นเกศาสีขาวที่ถูกปล่อยไว้ไร้ซึ่งการจัดแต่งใด ๆ ปลิวไสวยามสายลมพัดผ่านเรือนร่าง นางมองภาพทิวทัศน์ที่ถูกบดบังด้วยหยาดฝนกระหน่ำพลางกระชับผ้าคลุมสีสีชาดตัดกับอาภรณ์ที่ขาวที่สวมใส่อยู่ขณะนี้

ไม่นานนักก็มาถึงจุดหมาย เมื่อนางย่างเท้าเข้าไปในห้องก็พบร่างของบุรุษผู้หนึ่งนอนอยู่บนเตียงในสภาพบาดเจ็บสาหัสจากด่านเคราะห์อัสนีนางได้แต่ตั้งคำถามทั้งยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงรับอสนีบาตแทนนางเช่นนี้ เป็นเพราะนางบาดเจ็บไม่ได้สติงั้นเหรอ หรือเป็นเพราะนางเป็นศิษย์ของเขากัน หากเป็นเพราะการหมั้นหมายนั้นไม่มีทางเป็นไปได้เพราะเขาและนางไม่ได้มีความรักใคร่ให้แก่กันแม้แต่น้อย

“ท่านคิดสิ่งใดอยู่กันแน่ เหตุใดจึงทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ ดูสิจนป่านนี้ยังไม่ได้สติตื่นขึ้นมาเลย เทศกาลชมหิ่งห้อยใกล้จะจบแล้วนะ ท่านพาข้ามาที่นี่เพราะเหตุนี้ไม่ใช่เหรอ” นางนั่งลงบนเตียงพลางหยิบผมของมหาเทพขึ้นมาเล่น ในหน้านวลของนางในอารมณ์เศร้าโศกเจือปนอยู่อย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่นางไม่ทันสังเกตดูนั้นมือข้างหนึ่งได้โอบเอวนางไว้และดึงลงมาแนบชิดแผงอกแกร่ง นางมีอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัดทั้งพยายามดีดดิ้นออกจากอ้อมกอดนี้แต่ก็ไม่เป็นผล

“ทะ ท่านอาจารย์ โปรดปล่อยข้า”

“อาหลัน…ข้าขอร้องเจ้า…” เมื่อฮวาหลันได้ยินเสียงละเมอเรียกชื่อตนก็หยุดดีดดิ้น พลางเงยหน้ามองใบหน้าที่ปรากฏให้เห็นถึงความทุกข์ทรมานจากฝันร้าย หยาดน้ำสีใสที่ไหลอาบแก้มนั้นเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าอาจารย์ของนางนั้นกำลังเป็นทุกข์เพราะฝันร้ายอยู่

ไม่นานนักด้วยความตกใจมหาเทพสะดุ้งตื่นจากฝันนั้นพร้อมเอื้อมมือออกมาราวกับจะคว้าบางสิ่งบางอย่างไว้ เขาหอบหายใจรุนแรงก่อนจะค่อย ๆ สงบลงพร้อมหยาดเหงื่อเต็มใบหน้า เมื่อได้สติกลับคืนมาจึงสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นบางอย่างอยู่ข้างร่างกายตน เส้นเกศาสีดอกฝ้ายคุ้นตานั้นทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าคือผู้ใดที่หลับอยู่ข้างกายเขา

“อาหลัน…ข้าสัญญา ครั้งนี้ข้าจะปกป้องเจ้าให้ได้” เขาหยิบปอยผมของนางขึ้นมาจุมพิตอย่างแผ่วเบาใบหน้าของเขาอ่อนลงทั้งยังมีแววตาเศร้าโศกอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อยามอาทิตย์อัสดงจันทรามาเยือน เทพอัคคีได้พาพวกเขาไปยังริมธารน้ำแห่งหนึ่งซึ่งจัดงานเทศกาลชมหิ่งห้อยอยู่ ฮวาหลันหยุดอยู่ที่ร้านปิ่นปักผมร้านหนึ่งพลางพินิจมองปิ่นลายดอกกล้วยไม้สีแดงส้มอยู่นานจนมหาเทพสังเกตเห็น พ่อค้าที่เห็นหญิงงามสนใจในสินค้าตนจึงรีบแนะนำทันที

“แม่นางสนใจปิ่นปักผมชิ้นไหนเหรอ ข้าจะช่วยแนะนำให้”

“ข้าเพียงเห็นว่างดงามจึงแวะชมเท่านั้น ขออภัยเถ้าแก่ที่ข้ามาขวางหน้าร้านท่าน”

“ไม่เป็นไร ๆ แค่หญิงงามเช่นแม่นางแวะชมร้านข้าข้าก็ดีใจแล้ว” เมื่อออกจากร้านปิ่นปักผม ฮวาหลันจึงผละตัวออกมายังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยเหล่าบุปผางามจากนั้นจึงใช้พลังเซียนตนทำให้บุปผาเบ่งบาน เหล่าหิ่งห้อยบินช้า ๆ ดุจดวงดาราบนฟากฟ้าสะท้อนแสงจันทรายิ่งส่งผลให้ทิวทัศน์ในยามนี้งดงามมากขึ้นอีกนางหยิบไหสุราออกมาจากแขนเสื้อพร้อมเชยชมทิวทัศน์นี้

“ร่ำสุรา ชมบุปผา ดาราส่องแสง ช่างน่าอภิรมย์ยิ่ง”

“เทศกาลไม่สนุกเหรอ เหตุใดจึงหลบออกมาเช่นนี้” นางหันไปมองตามเสียงเรียก เส้นเกศาสีขาวคู่กับอาภรณ์สีดำนั้นนางจดจำได้เป็นอย่างดี เขาเข้ามานั่งข้าง ๆ นางจากนั้นจึงเสียบบางอย่างไว้บนเส้นผมสีดอกฝ้าย

“คิดไว้แล้วว่าต้องเหมาะกับเจ้า” นัยน์ตาสีเพลิงของนางสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อสัมผัสถึงปิ่นปักผมเล็ก ๆ ชิ้นหนึ่ง นางจึงหยิบสุราอีกไหออกมาแล้วยื่นไปทางเขา

“ท่านอาจารย์ ท่านสนใจร่ำสุรากับข้าหรือไม่”

“มิใช่ว่าพวกเรามาชมหิ่งห้อยหรอกเหรอ” มหาเทพเอ่ยพลางรับไหสุราจากนาง พร้อมทั้งจ้องมองใบหน้างามที่เริ่มขึ้นสีเล็กน้อย ฮวาหลันลุกขึ้นช้า ๆ มหาเทพเห็นดังนั้นจึงเรียกกู่เจิงออกมาเพื่อบรรเลงเพลงให้นางได้ร่ายรำ แม้จะไม่ชำนาญมากนักแต่ก็นับว่างดงามสำหรับการร่ายรำครั้งแรก ทุกครั้งที่นางขยับตัวกลีบบุปผาสีขาวต่างปลิวไสวลอยละล่องสู่ผืนฟ้า ภาพตรงหน้าซ้อนทับกับภาพหนึ่งในความทรงจำครั้งแรกที่พานพบกันเมื่อนานมาแล้วกระนั้นกลับยังคงแจ่มชัดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันไม่มีผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย

“ขอบคุณท่านอาจารย์ที่บรรเลงเพลงให้แก่ข้า การร่ายรำเมื่อครู่นี้ถูกใจท่านหรือไม่" เมื่อบทเพลงบรรเลงจบฮวาหลันจึงหยุดแล้วกลับมานั่งข้าง ๆ เขา ทั้งสองร่ำสุราชมจันทร์ต่อทว่าหากเทียบกันนั้นมหาเทพคออ่อนกว่าฮวาหลันมากจึงฟุบหลับไปทั้งอย่างนั้น โดยมีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองพวกเขาอยู่ เมื่อเจ้าของสายตาคู่นั้นเห็นว่ามหาเทพฟุบหลับไปแล้วอีกทั้งฮวาหลันที่อยู่ข้าง ๆ มีอาการเมามายจึงได้ปรากฏสู่สายตาของนาง

“ประมาทเสียจริง เป็นถึงมหาเทพแท้ ๆ แต่กลับปล่อยตัวจนเมามายถึงเพียงนี้แล้วชิงหลับไปทิ้งสตรีที่อยู่เคียงข้างไว้เช่นนี้อย่างนั้นเหรอ”

“เจ้า!!! เหตุใดเผ่ามารเช่นเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่กัน” นางตั้งท่าสู้เตรียมชักกระบี่ทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังงานดำมืดมาจากบุคคลตรงหน้า ทว่าเมื่อออกตัวโจมตีนั้นกลับพบเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น ชายผู้นั้นเข้ามาประชิดข้างหลังนางในขณะที่นางกำลังหันไปหานั้นเขาจึงใช้พลังทำให้นางหลับแล้วอุ้มนางขึ้นมา

“เป็นความผิดของเจ้าเองนะเทียนซีที่ไม่ยอมดูแลคู่หมายของตนให้ดี แต่ตัวเจ้านั้นไม่รู้จักการรักใครสักคนนี่นะ เช่นนั้นข้าขอพาชายาเจ้าไปก่อน หวังว่าเราจะไม่ได้พบกันอีก”

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!