บทที่1 แรกพานพบ4

"ที่แท้ก็คือเซียนน้อยผู้นี้" เขาพินิจมองบุคคลที่อาจหาญเข้ามานอนในสถานที่ของตนอยู่ครู่หนึ่ง แต่เดิมที่แห่งนี้ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้ามากล้ำกราย คาดว่าเซียนน้อยผู้นี้คงหลงเข้ามากระมัง

"ช่างเหมือนกันจริงแท้ เจ้าคิดหรือไม่ฮวาหลินหลิง" เขาสัมผัสบุคคลตรงหน้าอย่างแผ่วเบาราวกับจะแตกสลายทิ้งทั้งอย่างนี้ แล้วย่อตัวลงไปอุ้มเซียนน้อยที่หลับใหลไม่รู้ความขึ้นมา ยามไหสุราที่เคยโอบกอดตกลงสู่พื้น นางจึงไขว่คว้าหาความอบอุ่นจนโอบกอดไหล่กว้างของเขาเอาไว้ ทว่าคนผู้นี้หาได้สนใจไม่ จึงได้พานางไปส่งที่ตำหนักไป๋เหมยที่วังรัชทายาท เหล่าเทพเซียนน้อยใหญ่ที่ได้เห็นภาพนี้ต่างตะลึงงั้น ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นเทพผู้สูงส่งเช่นเขาโอบอุ้มเซียนสตรีทั้งยังเป็นประมุขน้อยจากฮวาหลินหลิงเช่นนี้ เหตุการณ์ในครานี้ถูกล่ำลือไปทั่วทั้งแดนเทพ 8ปฐพี 4สมุทรนี้ไม่มีผู้ใดที่ไม่รู้ ยกเว้นเซียนน้อยนางหนึ่งที่กำลังหลับใหลภายในตำหนักไป๋เหมย

นางพลิกตัวคราหนึ่งแล้วลืมตาตื่นอย่างเกียจคร้าน อาการปวดหัวเช่นนี้นางคุ้นเคยจนเป็นนิสัย เมื่อมองสำรวจรอบกายตนไม่คุ้นตาจึงนึกได้ว่าตนอยู่สวรรค์เก้าชั้นฟ้า ไม่รอให้นางในเข้ามา นางล้างหน้าด้วยน้ำที่ถูกเตรียมไว้แล้วลุกไปหยิบหวีหน้าคันฉ่องมาสางเกศาสีขาวที่ยุ่งเหยิงของตนแล้วจึงมวนผมด้วยปิ่นดอกกล้วยไม้สีแดง จากนั้นถึงผลัดเปลี่ยนอาภรณ์กลับเป็นสีเพลิงแสนคุ้นเคย นางสำรวจตนเองอย่างพอใจ จึงคิดสงสัยว่าเมื่อคืนเกิดสิ่งใดขึ้น แล้วนางกลับมายังตำหนักไป๋เหมยได้อย่างไร

"เซียนชุดดำที่มาส่งข้าคือผู้ใดกัน" ความทรงจำนางช่างย่ำแย่ยิ่งนัก ทั้งยังมีอาภรณ์สีปีกกานี้ติดมือยามนางตื่นอีก ยิ่งคิดเท่าใดสิ่งที่นางจำได้กลับมีเพียงสีอาภรณ์ของเขาเท่านั้น เซียนชุดดำใต้หล้านี้มีมากมายนัก หากใช้เวลาตามหาเพื่อกล่าวขอบคุณคงใช้เวลาหลายร้อยปีเป็นแน่ เมื่อคิดได้ดังนั้นฮวาหลันจึงนำอาภรณ์ผืนนี้พับเก็บไว้อย่างดี เฝ้าหวังให้สักวันได้นำไปคืนแก่เจ้าของ

"งานเลี้ยงในตำหนักสวรรค์ช่างยาวนานและน่าเบื่อ จากนี้คงไม่พ้นถูกทาบทามขอแต่งงานเป็นแน่" การเลือกคู่ครองช่างเป็นเรื่องยากสำหรับนางนัก หากเป็นแต่ก่อนที่เฝ้าฝันความรักแสนหวานและงดงามนางคงยินดีตอบรับความรักของเหล่าเทพเซียนที่มาสู่ขอ แต่ตอนนี้นางได้รู้ว่าความรักนั้นย่อมมีความขมขื่นควบคู่ด้วยเช่นกัน  หนึ่งวันผ่านไปอย่างเบื่อหน่ายทั้งอย่างนั้น

เมื่อรุ่งเช้าของวันถัดมามาถึง นางมองภาพทิวทัศน์เบื้องหน้าทว่าในหัวกลับว่างเปล่า แม้นจะงดงามเหมาะแก่การพักผ่อนแต่กลับเงียบเหงา ไร้ซึ่งมิตรสหายไว้คุยเล่น เมื่อไร้ความสนใจจากทิวทัศน์ตรงหน้าแล้ว นางจึงเดินอ้อยอิ่งออกจากตำหนักไป๋เหมยอย่างไร้จุดหมายจึงมาหยุดอยู่หน้าศิลาก้อนหนึ่งที่ถูกยื่นออกมาลอยอยู่กลางอากาศ เมื่อเห็นศิลาก้อนนี้นางรู้สึกคุ้นเคย เสี้ยวหนึ่งในความทรงจำนึกย้อนกลับไปยามนางเรียนที่ฮวาหลินหลิง อาจเป็นเพราะสูญสิ้นศรัทธาในรักแล้วเมื่อเห็นชื่อของตนที่ไร้ซึ่งคู่ครองจึงทำการลบชื่อตนทิ้งเสียตรงนั้น

"ความรักนั้นแสนไร้ค่ายิ่ง ดุจดั่งน้ำผึ้งหวานซึ่งแอบแฝงไปด้วยพิษร้าย" สิ่งที่นางทำนั้นได้สั่นสะเทือนทั่วทั้งตำหนักสวรรค์ ส่งผลให้เซียนท่านหนึ่งที่กำลังยุ่งอยู่กับกองคัมภีร์ต้องรีบเร่งมาหานางทันที

"ประมุขน้อย ที่แท้เป็นท่าน" เซียนอาภรณ์ฟ้าท่านหนึ่งวิ่งออกมาจากตำหนักที่อยู่ไม่ไกลจากนางนักด้วยความเร่งรีบ หยาดเหงื่อที่ไหลลงตามขอบหน้าและเสียงหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้าน่าเวทนายิ่ง ดูท่าสิ่งที่นางทำกับศิลาก้อนนี้จะสร้างความลำบากแก่เขาไม่มากก็น้อย

"ท่านทำสิ่งใดกับศิลาลิขิตสวรรค์รู้ตัวหรือไม่" เมื่อลมหายใจคงที่เขาสอบถามฮวาหลันที่เต็มไปด้วยรอยไหม้จากเมฆาอัสนี ผู้อยู่เพียงคนเดียวในสถานที่แห่งนี้ ไม่ต้องสงสัยนางเป็นผู้ร้ายที่ทำให้ตำหนักสวรรค์สั่นสะเทือนจากการยุ่งเกี่ยวกับชะตารักของผู้อื่นจนถูกเมฆาอัสนีฟาดใส่อย่างแน่นอน

"ข้าเพียงลบชื่อตนออกจากศิลาลิขิตสวรรค์เท่านั้น" เมื่อเซียนชุดฟ้าได้ยินดังนั้นมือไม้ของเขาจึงอ่อนแรงจนแทบทรุด นานมากแล้วที่ไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ยามมีเหตุอีกครั้งผู้ก่อกลับเป็นเซียนน้อยนางนี้เสียอย่างนั้น

"ท่านประมุขน้อย ท่านรู้หรือไม่หากลบชื่อตนออกจากศิลาลิขิตสวรรค์นั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านมากน้อยเพียงใด"

"แน่นอนว่าข้ารู้ แล้วเจ้าเป็นผู้ใดจึงกล้ามาถามข้ามากมายเช่นนี้"

"ข้าเจาเหยียน เทพผู้ชะตากรรมผู้เขียนบันทึกชะตากรรมของสรรพชีวิตทั่วทั้ง4สมุทร8ปฐพี ยินดีที่พบท่านประมุขน้อยแห่งฮวาหลินหลิง" เจาเหยียนกล่าวแนะนำตัวด้วยความเคารพ แม้นางจะเป็นเพียงเซียนน้อยหากเทียบกับเขาที่เป็นเทพผู้บันทึกชะตากรรม แต่ด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ประมุขน้อยแห่งฮวาหลินหลิงนั้นสูงส่งมากกว่าเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

"ข้าฮวาหลันจากฮวาหลินหลิงไม่จำเป็นต้องนอบน้อมกับข้ามามากนัก เพราะนับจากนี้เจ้าคือสหายข้า ไม่จำเป็นต้องมีพิธียุ่งยากให้มากความ" กล่าวจบฮวาหลันก็พาเจาเหยียนออกจากที่แห่งนี้ทันทีโดยทิ้งปัญหาเรื่องศิลาลิขิตสวรรค์ไว้เบื้องหลัง

"เจาเหยียน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเซียนท่านใดใส่อาภรณ์สีดำ" ฮวาหลันถามขึ้นมาขณะจิบชายามบ่าย เกินกว่าที่นางคาดมากนักว่าจะมีเซียนบุรุษมากมายต่อแถวร้องขอความรักจากนางจนเต็มศาลาไป๋เสวี่ย แต่กลับไร้ซึ่งวี่แววแม้แต่เงาตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หรือจะเป็นเพราะข่าวลือเรื่องเซียนสตรีนางหนึ่งซึ่งถูกให้สนใจจากมหาเทพถึงขั้นอุ้มนางมาส่งถึงตำหนักด้วยตนเองกัน 

"4สมุทร 8ปฐพีนี้เซียนชุดดำมีมากมายนักท่านประมุขน้อย ทว่าในสวรรค์9ชั้นฟ้านี้กลับมีเพียงหนึ่ง"

"ท่านผู้นั้นเหรอ"

"ใช่ คาดว่าท่านคงได้ยินข่าวลือทั่ว4สมุทร8ปฐพีตลอด1เดือนที่ผ่านมานี้แล้ว ท่านไม่คิดสนใจเลยหรือว่าเซียนสตรีนางใดที่มหาเทพให้ความสนใจ และระหว่างที่ท่านเมามายท่านไปอยู่ที่แห่งใด" เมื่อฮวาหลันได้ยินดังนั้นจึงนึกย้อนกลับไปในคืนนั้นอีกครา มือที่สัมผัสหางตานางอย่างแผ่ว เกศาสีขาวที่ถูกรวบไว้หลวม ๆ และอาภรณ์สีดำที่ทาบทับแผ่นอกอุ่นนั้นยิ่งเด่นชัดขึ้น กระทั่งยามนางเหนี่ยวรั้งโอบกอดเขาไว้ทั้งคืนจนต้องถอดอาภรณ์ชั้นนอกทิ้งเอาไว้เพื่อเลี่ยงคำครหาก่อนสุริยันจะขึ้นสู่ผืนฟ้าเพียง1ก้านธูปยิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่นางทำนั้นช่างน่าอายนัก เมื่อคิดได้ดังนั้นใบหน้านางจึงขึ้นสีทันตาเห็น ดูท่านางจะทำให้ฮวาหลินหลิงขายหน้าเสียแล้ว

"ที่แท้เป็นข้า" ไม่ทันไรใบหน้าที่เคยขึ้นสีก็ซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด ในแปดปฐพีสี่สมุทรนี้ไม่มีผู้ใดไม่ชื่นชมและชื่นชอบมหาเทพ ตัวนางเองก็เช่นกัน นางชื่นชมการใช้ศัสตราวุธของเขา ทั้งยังมีคำล่ำลือที่เทพเซียนทุกองค์ต่างเข้าใจตรงกันว่ามหาเทพหาได้สนใจเซียนสตรี แม้คิดยั่วยวนก็ไม่พ้นจับโยนออกมาจากวังไท่หยาง ไม่รู้มหาเทพนึกสนุกอันใดหรือรู้สึกสมเพชเซียนน้อยนางนี้ที่เมามายเพ้อถึงอดีตคนรักจนหลับใต้ต้นท้อกันแน่ แต่คาดว่าเรื่องในครานี้คงไม่พ้นถูกเซียนสตรีทั่วทั้งสี่สมุทรแปดปฐพีริษยาอย่างแน่นอน

"เช่นนั้นข้าควรทำอย่างไรดี" นางใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเหลือบไปเห็นพงหญ้าข้าง ๆ ศาลาไป๋เสวี่ยสั่นไหวอยู่เล็กน้อย จากจึงปรากฏเห็นมือเล็ก ๆ ข้างหนึ่งโผล่ออกมา ที่แท้เป็นภูติดอกบัวจากฮวาหลินหลิงมาส่งจดหมายด่วนให้นาง เมื่อส่งจดหมายเสร็จสิ้นภูติตนนั้นก็กลับเป็นกรีบดอกบัวดังเดิม นางเปิดจดหมายอ่าน ใช้เวลาเพียงไม่นานเนื้อหาในจดหมายทำให้ใบหน้านางซีดเผือดอีกครา

"มีเรื่องอันใดรึ"

"ข่าวลือในครานี้ถึงหูท่านเทพเฟิงฉีแล้วน่ะสิ" เนื้อหาจดหมายกล่าวถึงข่าวลือในคราวนี้ ในคืนนั้นได้มีนางในนางหนึ่งพบเห็นมหาเทพอุ้มฮวาหลันเข้าไปในตำหนักไป๋เหมยตั้งแต่ยามรัตติกาลมาถึง แล้วออกมาจากตำหนักก่อนสุริยันสาดแสงไม่นานนักด้วยสภาพอาภรณ์ไม่เรียบร้อย เทพเฟิงฉีคิดอยากได้คำอธิบายถึงเหตุการณ์ในครานี้จึงได้มายังตำหนักสวรรค์ตั้งแต่เมื่อสามวันก่อนเพื่อพบมหาเทพ เมื่อคำนวณถึงระยะเวลาที่ภูติดอกบัวใช้เวลาเดินทางถึง3วัน ในตอนนี้เทพเฟิงฉีคงไปถึงวังไท่หยางเพื่อเจรจากับมหาเทพ เมื่อคิดได้ดังนั้นนางจึงเร่งรุดติดตามทันที

"คารวะมหาเทพ คารวะท่านเทพเฟิงฉี" โชคดีนักเมื่อนางมาถึงพวกเขานั้นได้พบกันหน้าประตูวังพอดี มหาเทพหาได้สนใจคำทักทายนั้นแล้วเดินนำเข้าไปยังตำหนักของตน

"ลุกขึ้นเถอะ เจ้ามาก็ดี ตามพวกข้าเข้ามาซะ" เมื่อได้ยินเทพเฟิงฉีกล่าวดังนั้นฮวาหลันจึงเงยหน้าขึ้นมอง สีหน้าของท่านเทพในยามนี้ช่างสงบนิ่งไร้อารมณ์ใด ๆ ในใจของฮวาหลันก็หายวาบไปครู่หนึ่ง แม้ยามปกติจะมีเหลียนเจี่ยเจียและหูเตี๋ยเกอเกอคอยหนุนหลังตามจัดการปัญหาต่าง ๆ ที่นางก่อไว้ให้ แต่ดูท่าปัญหาคราวนี้ใหญ่เกินจะรับไหวคงพึ่งพวกเขาไม่ได้อีกแล้ว

"ค่ะ ท่านเทพ" ฮวาหลันเดินตามอย่างว่าง่ายโดยมีเจาเหยียนติดตามมาด้วย เรื่องครานี้นางต้องถูกลงโทษแน่นอน

"แนะนำตัวสิ"

"ข้าฮวาหลันจากฮวาหลินหลิง คารวะมหาเทพ" นางทำตามคำของเฟิงฉีอย่างว่าง่าย ใครเล่าจะกล้าขัดเขาในยามนี้

"ลุกขึ้น" เมื่อได้ยินดังนั้นฮวาหลันจึงเงยหน้ามองบุคคลตรงหน้าแล้วนั่งลงยังที่ของตน มหาเทพช่างหล่อเหลาสมคำล่ำลือนักไม่แปลกใจที่เซียนสตรีทั้งหลายจะหมายปองตำแหน่งมหาเทวีข้างกายเขา

"มหาเทพ ข้าต้องการคำอธิบายกับเรื่องในครานี้" เทพเฟิงฉีกล่าวอย่างไม่เกรงกลัว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสนิทสนมระหว่างเขาและมหาเทพ ฮวาหลันมึนงง หากท่านเทพและมหาเทพสนิทกันถึงเพียงนี้เหตุใดนางจึงไม่เคยเห็นมหาเทพไปเยี่ยมเยียนที่ฮวาหลินหลิงสักครา

"ข้าเพียงพบนางในป่าท้อหลังวังของข้าจึงได้พามาส่งแค่นั้น" มหาเทพอธิบายเพียงแค่นั้นแล้วเงียบลง ไร้ซึ่งเสียงใด ๆ สายลมที่เคยพัดผ่านก็หยุดนิ่ง ในใจนางตอนนี้ความคิดมากมายไหลผ่านเข้ามาในหัว ความคิดหนึ่งอยากอธิบายถึงเหตุในครานี้ ความคิดหนึ่งอยากแก้ตัวถึงเหตุการณ์ในครานี้ อีกความคิดหนึ่งก็อยากหลบหนีจากสถานการณ์นี้เสีย

"เป็นเรื่องจริงเหรอ" เทพเฟิงฉีตบพับกับมือตนครั้งหนึ่งจึงหันมาถามฮวาหลัน

"เป็นเรื่องจริงท่านเทพ"

"เช่นนั้นเรื่องที่มหาเทพอยู่ที่ตำหนักไป๋เหมยกับเจ้าทั้งคืนจะอธิบายอย่างไร"

"เป็นเพียงความเข้าใจผิด เพราะข้าไม่ยอมปล่อยอาภรณ์มหาเทพ จึงทำให้เขาติดอยู่กับข้าทั้งอย่างนั้น ข้าและเขาไม่ได้มีสัมพันธ์กันแม้แต่น้อย" เมื่อเทพเฟิงฉีได้ยินดังนั้นจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ปัญหานี้ช่างใหญ่หลวงนัก หากจัดการไม่ดีคงกลายเป็นที่ครหาส่งผลกระทบต่ออนาคตของนางอย่างใหญ่หลวง ใครเล่าจะอยากให้หญิงของตนมีสัมพันธ์กับชายอื่นที่ไม่ใช่ตน

"แม้เราจะรู้ความจริงนี้แต่ไม่ใช่กับเหล่าเซียนทั่วทั้งสี่สมุทรแปดปฐพี คงไม่พ้นส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของเจ้า ดูท่าวังไท่หยางและฮวาหลินหลิงคงต้องเกี่ยวดองกันแล้ว" เมื่อทั้งคู่ได้ยินดังนั้นจึงชะงักเล็กน้อย 

"ข้าไม่แต่ง"

"ข้าเองก็ไม่อยากแต่งเช่นกันท่านเทพ ท่านจะตัดสินเรื่องนี้แทนข้าไม่ได้ ข้าไม่ยอม" เมื่อเทพเฟิงฉีได้ยินดังนั้นจึงกุมขมับ คนหนึ่งไม่รู้คิดสิ่งใด อีกคนเอาแต่ใจตนจนเป็นนิสัย ในยามนี้แม้เขาจะใจเย็นสักเพียงใดในใจย่อมมีครุกรุ่นบ้างเช่นกัน

"เช่นนั้นข้าขอเสนอความคิดสักเล็กน้อยได้หรือไม่" เทพเจาเหยียนที่เงียบมาแต่ต้นเอ่ยขึ้น 

"ว่ามา"

"ในเมื่อมหาเทพและประมุขน้อยฮวาหลันไม่ประสงค์จะเกี่ยวดองกัน เช่นนั้นให้หมั้นหมายก่อนดีหรือไม่ แม้ตอนยกเลิกงานหมั้นจะส่งผลต่อชื่อเสียงของประมุขน้อยฮวาหลันอยู่บ้าง แต่ก็ยังดีกว่าอยู่กันไปแล้วหย่าล้างทีหลัง" คำพูดของเจาเหยียนทำให้ทั้งเซียนทั้งสามครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง อย่างไรเสียชื่อเสียงของฮวาหลันตอนนี้ก็แทบป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดีอยู่แล้ว เพิ่มอีกสักอย่างจะเป็นไร

"เจ้าคิดเห็นอย่างไรฮวาหลัน"

"หากเพียงหมั้นหมายมิใช่แต่งงานข้าก็ไม่ปฏิเสธ อย่างไรเสียชื่อเสียงข้าก็ส่งผลกระทบต่อฮวาหลินหลิง เหตุใดข้าต้องปฏิเสธด้วย"

"มหาเทพ ท่านคิดเห็นเช่นไร"

"ถ้าเจ้าว่าเช่นนั้นข้าเองก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน" เมื่อได้ข้อสรุปเช่นนี้ เฟิงฉีและมหาเทพจึงได้พูดคุยเรื่องการหมั้นหมาย พิธีการนั้นช่างมากมายนักมีหลายส่วนที่นางไม่เข้าใจ ไม่นานหลังจากนั้นข่าวการหมั้นของนางและมหาเทพก็ถูกประกาศไปทั่วสี่สมุทรแปดปฐพี เสียงล่ำลือแพร่กระจายไปทั่วไม่อาจหยุดยั้ง

บ้างกล่าวว่ามหาเทพและประมุขน้อยช่างเหมาะสมกัน

บ้างกล่าวว่ามหาเทพเพียงรับผิดชอบต่อข่าวลือที่เคยเกิดขึ้น

บ้างกล่าวว่าบ้างกล่าวว่าประมุขน้อยฮวาหลันช่างใฝ่สูง

บ้างกล่าวว่ามหาเทพและประมุขน้อยไม่เหมาะสมกันแม้แต่น้อย

ความริษยาของเซียนสตรีทั่วแปดปฐพีสี่สมุทรต่างเพ่งเล็งมาทางฮวาหลัน ซึ่งนางเองก็รู้สึกได้เช่นกัน อย่างไรเสียเซียนสตรีเหล่านั้นแต่เดิมไม่มีแม้ความกล้าจะมองมหาเทพด้วยซ้ำ ในเมื่อเป็นเช่นนี้พวกนางจะกล่าวโทษสิ่งใดได้

"ช่างน่าขัน เพียงเพราะไม่มีความกล้าจะเผชิญหน้ากับคนที่ตนชื่นชมจึงทำได้เพียงเฝ้ามองด้วยความริษยาอยู่อย่างนั้น" ฮวาเหลียนมองจดหมายข่มขู่ที่ถูกส่งมาจากทั่วทั้งแปดปฐพีสี่สมุทรก็คิดหัวเราะในใจ เพราะการรักษาความปลอดภัยบนสวรรค์9ชั้นฟ้าช่างแน่นหนาเกินกว่าจะลอบส่งจดหมายข่มขู่เข้าไปได้หากไม่ใช้ภูติบุปผาเช่นนาง เหล่าเซียนสตรีที่คิดริษยาในตัวฮวาหลันจึงได้ส่งจดหมายมาที่ฮวาหลินหลิง

ทางด้านฮวาหลัน หลังจากที่ข่าวการหมั้นของนางถูกประกาศออกไป2เดือน นางได้รับหน้าที่จากเฟิงฉีมาอย่างหนึ่ง นั่นคือระหว่างที่การหมั้นหมายของนางและมหาเทพอยู่นั้นให้เรียนรู้วิชาต่าง ๆ มาจากมหาเทพเสีย เป็นเพราะที่ฮวาหลินหลิงนั้นมีฮวาเหลียนและฮวาหูเตี๋ยคอยให้ท้ายนางอยู่อย่างนั้นทำให้นางไม่ตั้งใจเรียน เขาจึงคิดให้นางดัดนิสัยระหว่างที่อยู่วังไท่หยางนี้

"มหาเทพ ข้าขอพักสักประเดี๋ยวมิได้หรือ" นางกล่าวขณะยืนอยู่บนยอดหินปลายแหลมก้อนหนึ่งกลางทะเลสาบที่เกิดจากธารา10ชาติภพ รอบข้างรายล้อมไปด้วย บงกชเหมันต์ และดอกท้อสีชาด มหาเทพนั่งอ่านคัมภีร์เล่มหนึ่งซึ่งถูกเขียนโดยฮวาหลัน ตอนนี้นางและมหาเทพอยู่ที่สวนพฤกษาชาติแก้วมรกตที่ตั้งวังของเฟิงฉี เพราะต้องการหลบหนีจากเหล่าเซียนสตรีที่พยายามบุกวังมหาเทพยามค่ำคืนพวกเขาจึงหนีมายังที่แห่งนี้

"ไม่ได้" เมื่อได้ยินดังนั้นฮวาหลันจึงได้แต่ถอดใจ นางยืนอยู่เช่นนี้มาครึ่งวันแล้วเพราะถูกทำโทษที่แอบหนีไปเที่ยวเล่น

"นี่ก็มืดค่ำแล้ว ขอข้าพักจิบชาสักประเดี๋ยวไม่ได้เหรอ" ท่าทีดื้อดึงของฮวาหลันอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ดูท่าวิธีลงโทษของเขาจะได้ผล จึงยอมให้ฮวาหลันลงมาจากหิน ฮวาหลันได้ยินดังนั้นดีใจยิ่งเร่งรีบลงจากหินไม่ทันระวังจึงตกทะเลสาบ

"ว้าย!!!" โชคดีนักมหาเทพที่สังเกตเห็นเข้าไปช่วยได้ทันทำให้นางไม่เปียกแม้แต่น้อย

"ขอบคุณมหาเทพที่ช่วยข้า" เขาวางนางลงเมื่อเหยียบถึงพื้น แล้วยื่นตำราเล่มหนึ่งให้ ฮวาหลันรับมาแล้วเปิดอ่านแล้วยิ้มออกมา สิ่งนี้คือตำราเพลงกระบี่ของมหาเทพ เป็นสิ่งมีค่ายิ่งทั่วทั้งแปดปฐพีสี่สมุทรนี้มีหลายคนนักอยากครอบครองเพื่อศึกษา และอีกหลายคนนักที่อยากครอบครองเพื่อหาจุดอ่อนของมหาเทพ

"ให้ข้าจริงหรือ"

"เราสองหมั้นหมายในนาม ผลการเรียนเจ้าไม่ถือว่าย่ำแย่ ข้าถูกใจเจ้าจึงคิดอยากรับเจ้าเป็นศิษย์" เมื่อได้ยินดังนั้นในใจนางก็เต้นไม่หยุดราวกับจะหลุดออกมาทั้งอย่างนั้น แปดปฐพีสี่สมุทรนี้ใครเล่าจะมีโอกาสคารวะมหาเทพเป็นอาจารย์ นางได้รอช้ารีบทำความเคารพทันที

"ข้า ฮวาหลัน ทำความเคารพอาจารย์"

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!