บทที่1 แรกพานพบ 3

กาลเวลาล่วงเลยฤดูกาลผันแปร วสันต์ฤดูเวียนบรรจบกว่า300รอบ ในที่สุดฮวาหลันก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง ยามนี้ฮวาหลินหลิงเปลี่ยนแปลงไปมากนัก ฮวาเหลียนเผชิญด่านเคราะห์เมฆาอัสนีเลื่อนขั้นเป็นเทพ ผูกสัมพันธ์รักลึกซึ้งกับเทพเฟิงฉีได้หมั้นหมายใกล้แต่งงานกัน ด้านฮวาหูเตี๋ยได้พบคู่ครองตนหมายอยากใกล้ชิดสนิทสนมจึงไม่ค่อยอยู่ที่วังเฟิงเป่าตามติดนางอยู่อย่างนั้น ฮวาหลันยินดียิ่งนักยามได้ข่าวมงคลเช่นนี้ จึงหมายอยากมอบสุราผกาหยาดน้ำค้างแข็งที่ใช้เวลาหมักกว่า700ปีแสดงความยินดี สุราผกาหยาดน้ำค้างแข็งนี้หากเทียบกับสุราจากผกากาลสีชาดหอมหมื่นลี้ในวังของนางนับว่าไม่แรงมากนัก เหมาะสำหรับฮวาเหลียนเจี่ยเจียที่ดื่มสุราไม่เก่ง 

"ข้าแสดงความแสดงความยินดีกับท่านเทพเฟิงฉี ท่านพี่หญิงฮวาเหลียน สุราผกาหยาดน้ำค้างแข็งนี้ข้ายกให้ท่านทั้งสอง" ฮวาหลันรินให้คู่บ่าวสาวจอกหนึ่ง ให้ตนจอกหนึ่ง แล้วยกดื่ม สุรานี้กลิ่นหอมสดชื่นยิ่ง เอกลักษณ์เฉพาะตัวเช่นนี้สามารถบ่งบอกได้ทันทีว่าผู้ใดเป็นคนหมักขึ้นมา

"รสชาติละมุนลิ้นยิ่งนัก สิ่งนี้เจ้าหมักขึ้นเองใช่หรือไม่"

"ใช่" เมื่อเห็นว่าพี่สาวนางพึ่งพอใจกับของขวัญจากตนเองเช่นนี้ ลอยยิ้มเล็ก ๆ ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้างามของฮวาหลัน สุราจอกแล้วจอกเล่าถูกยกขึ้นดื่มอย่างรื่นภิรมย์ ทั่ว8ปฐพี4สมุทรล้วนแสดงความยินดีกับงานมงคลในครานี้ คู่บ่าวสาวนั้นงดงามเหมาะสมดังนกยวนยางไม่อาจพลัดพราก หลังจากส่งคู่บ่าวสาวเข้าเรือนหอหลายชั่วยามงานเฉลิมฉลองนี้ก็ถูกจัดต่ออีก7วัน7คืน

"พี่หญิงของเรางดงามยิ่งนัก เจ้าเห็นด้วยหรือไม่อาหลัน"

"เป็นเรื่องจริงท่านพี่หูเตี๋ย 4สมุทร8ปฐพีนี้ ไม่มีผู้ใดเทียบเคียงกับพี่หญิงของเราได้ แม้จะเป็นเผ่ามัจฉาที่ว่าเลอโฉมที่สุดในแดนเทพก็ตาม" ฮวาหลันเอ่ยขึ้นอย่างปรีดา เป็นเรื่องจริงที่เซียนสตรีมากมายในใต้หล้านี้เผ่ามัจฉานับว่างดงามไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้ แต่นั่นเทียบกับฮวาเหลียนเจี่ยเจียที่ทั้งเลอโฉมและอ่อนโยนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย 

"คาดว่าท่านเทพเฟิงฉีคงเป็นบุรุษที่น่าริษยาที่สุดเสียแล้ว" เมื่อได้ยินพี่ชายตนกล่าวเช่นนั้น นางจึงพยักหน้าเห็นด้วย ใต้หล้านี้มีบุรุษมากมายหมายปองพี่หญิงของนางถึงขั้นต่อสู้แย่งชิงหวังได้รับความรัก ใครจะคาดคิดว่าผู้ที่พี่สาวนางหลงรักจะเป็นเทพที่รักสงบและอยู่ใกล้ชิดที่สุดถึงเพียงนี้

"ช่างน่าสงสารท่านเทพที่หลงรักพี่หญิงของเราจริง ๆ"

"พูดเรื่องพี่หญิงแล้วต่อไปถึงคราวเจ้า ตอนนี้อายุเจ้าถึงยามออกเรือนได้แล้ว มีเทพเซียนท่านใดต้องตาเจ้าหรือไม่" เมื่อได้ยินดังนั้นสีหน้าของฮวาหลันแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด ตัวนางในตอนนี้นั้นยังไม่อยากมองชายใดมาเป็นคู่ครอง ฮวาหูเตี๋ยเห็นดังนั้นจึงลูบหัวนางเบา ๆ

"เอาล่ะ ถือว่าข้าไม่เคยพูดเรื่องนี้ เรื่องคู่ครองนั้นเผ่าบุปผาเช่นพวกเราหาได้สนใจไม่ ต่อให้จากนี้อีกหมื่นแสนปีเจ้าจะยังไร้คู่ครองในฮวาหลินหลิงแห่งนี้ก็ไม่มีผู้ใดว่าร้ายเจ้าอยู่ดี ชีวิตตนตนเป็นผู้กำหนดเองเข้าใจหรือไม่"

"ข้าเข้าใจ" ใครจะคิด บุปผาน้อยที่เคยร่าเริงสดใส ก่อปัญหาให้เหล่าเทพเซียนน้อยใหญ่ในฮวาหลินหลิงเช่นนางจะเศร้าซึมเช่นนี้ เหตุการณ์ครั้งไปเที่ยวเล่นที่โลกมนุษย์ครานั้นคงส่งผลกระทบต่อนางไม่น้อย

"เช่นนั้นฮวาหลัน สหายข้าในเผ่าสวรรค์พึ่งส่งข่าวมาว่าน้องชายของเขาคลอดแล้ว เจ้าเป็นตัวแทนจากฮวาหลินหลิงไปแสดงความยินดี ดีหรือไม่" ฮวาหูเตี๋ยหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ เดิมทีสิ่งนี้เป็นจดหมายเชิญที่ถูกส่งมาให้เขา แต่เมื่อเห็นน้องสาวตนไม่ร่าเริงดังแต่เก่าจึงหมายให้นางได้พักผ่อนสักระยะหนึ่ง

"สหายท่านพี่ หมายถึงรัชทายาทเผ่าสวรรค์ใช่หรือไม่"

"ถูกต้อง" ท่านพี่ฮวาหูเตี๋ยรู้จักกับรัชทายาทเผ่าสวรรค์เมื่อ5,000ปีก่อน เพราะเป็นศิษย์สำนักเดียวกันจึงทำให้เป็นสหายกันตั้งแต่นั้นมา ที่กลับมาร่วมงานมงคลของท่านพี่ฮวาเหลียนได้เช่นนี้เป็นเพราะอาจารย์ของเขาถูกเชิญไปยังงานเฉลิมฉลองประสูติองค์ชายรองที่จัดต่อเนื่องยาวนานถึง3เดือนเท่านั้น ฮวาหลันรับจดหมายมาเปิดดู ตราประทับนี้เป็นของตำหนักสวรรค์แน่นอน

"ตกลง งานเลี้ยงครานี้ข้าเป็นตัวแทนจากเผ่าบุปผาเอง" ใช้เวลาเตรียมตัว3วัน และเวลาเดินทางจากฮวาหลินหลิงไปยังตำหนักสวรรค์อีก7วัน ในที่สุดฮวาหลันก็มาถึงที่หมาย เมื่อนางลงมาจากเกี้ยวเหลียวมองไปทางซ้ายก็พบบุรุษผู้หนึ่งยืนอยู่ อาภรณ์สีม่วงเข้มและใบหน้าดุดันเฉกเช่นนักรบเช่นนี้ตรงกับรูปลักษณ์ที่พี่ชายนางว่าไว้

"คารวะรัชทายาท"

"ยืนขึ้นเถอะ ไม่จำเป็นต้องมากพิธี" ฮวาหลันทำความเคารพบุคคลที่อยู่ตรงหน้า นิสัยหยาบกระด้างไม่เหลียวแลเซียนสตรีเช่นนี้ก็ตรงกับที่พี่ชายนางว่าไว้เช่นกัน

"ในครั้งนี้พี่ชายเจ้าฝากเจ้าไว้ให้ข้าช่วยดูแล เช่นนั้นเจ้าพักที่ตำหนักไป๋เหมยที่วังของข้าจัดเตรียมไว้ให้ ให้คนของเจ้านำของไปเก็บไว้ที่นั่น ตอนนี้งานเริ่มขึ้นแล้วเจ้ารีบตามข้ามา" ว่าจบรัชทายาทเผ่าสวรรค์ย่างเท้านำไปอย่างรวดเร็ว ฮวาหลันจึงรีบเดินตามโดยไม่ลืมสั่งให้คนของตนนำของไปเก็บไว้ ตำหนักสวรรค์นั้นช่างใหญ่โตนัก ทุกสิ่งล้วนประดับด้วยสีขาวและทองคำไร้ซึ่งสีสันหากเทียบกับฮวาหลินหลิง นางหมายจะเพิ่มมวลบุปผาตามสองข้างทางทว่าในตอนนี้พวกเขาได้มาถึงท้องพระโรงที่ใช้จัดงานแล้ว ฮวาหลันนำจดหมายเชิญให้ผู้เฝ้าประตู ทันทีที่รับจดหมายเชิญนั้นคำประกาศการมาถึงของตนและรัชทายาทเผ่าสวรรค์ก็ดังก้องไปทั่วบริเวณ

"องค์ไท่จื่อเสวี่ยหานและฮวาหลันซ่างเซียนประมุขแห่งฮวาหลินหลิงมาถึงแล้ว"

ฮวาหลันเดินไปยังตำแหน่งโต๊ะของตนเมื่อสิ้นคำประกาศนั้น เสียงกระซิบจากเทพเซียนทั่วทั้งท้องพระโรงตามไล่หลังทุกครั้งที่นางเยื้องย่าง อย่างไรเสียนางในตอนนี้คือตัวแทนจากฮวาหลินหลิง ทุกการกระทำของนางล้วนส่งผลต่อเผ่าบุปผาทำให้นางไม่อาจเสียมารยาทแสดงท่าทีหงุดหงิดใจต่อเสียงเหล่านี้ได้

"ประมุขน้อยจากฮวาหลินหลิงงั้นหรือ"

"ได้ข่าวว่าเทพปฐพีหวงแหน จนไม่ยอมให้ออกไปนอกฮวาหลินหลิงมิใช่เหรอ"

"งดงามสมกับคำล่ำลือจริง ๆ"

"แม้แต่ธิดาเผ่ามัจฉาก็เทียบไม่ติดแม้แต่น้อย" ฮวาหลันเลิกสนใจเสียงอื้ออึงนั้น เมื่อพบที่ของตนที่อยู่ถัดจากที่อยู่ถัดจากเทพท่านหนึ่งจึงทำความเคารพ

"คารวะเทพวารี คารวะเทพปักษา"

"ลุกขึ้นเถอะ" เมื่อได้ยินดังนั้นฮวาหลันจึงเงยหน้าขึ้นแล้วเดินไปนั่งยังที่ของตน

"เจ้าเป็นตัวแทนจากฮวาหลินหลิงใช่หรือไม่"

"ใช่ เพราะท่านเทพติดภารกิจสำคัญไม่อาจมาได้จึงส่งข้ามาแทน" ขณะที่ฮวาหลันตอบคำถามของเทพวารี เสียงเจื้อยแจ้วของเหล่าเทพเซียนทั้งหลายยังคงดังเข้าสู่โสตประสาท ทำให้ฮวาหลันรำคาญมากยิ่งขึ้น ตอนนี้นางหมายจะเดินออกจากที่แห่งนี้เสียให้พ้น

"เงียบ" น้ำเสียงเย็นเยียบไร้อารมณ์ดังขึ้นทั่วทั้งท้องพระโรงส่งผลให้เสียงเซ็งแซ่ที่เคยดังเงียบลงทันตาเห็น บุรุษผู้สวมอาภรณ์ดำเกศาขาวนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก มหาเทพเทียนซี ผู้อยู่จุดสูงสุดของเหล่าเทพเซียนในใต้หล้านี้

"คารวะมหาเทพ" เหล่าเทพเซียนน้อยใหญ่ต่างทำความเคารพบุคคลที่นั่งอยู่เบื้องหน้า นานมากแล้วที่มหาเทพไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็นเช่นนี้ ตั้งแต่เมื่อ30,000ปีก่อนที่เกิดความขัดแย้งกับสหายของตน มหาเทพมองภาพเหล่าเทพเซียนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์อยู่ครู่หนึ่งจึงสั่งให้ลุกกลับไปนั่งที่ของตนดังเดิม

เมื่อนั่งลงฮวาหลันก็ไม่ได้สนใจสิ่งใดอีกนอกจากสุราที่อยู่ตรงหน้า เมื่อลองลิ้มรสสุราจอกหนึ่งจึงรับรู้ว่าหากเทียบกับสุราที่วังเหลินตงของฮวาเหลียนที่ว่าอ่อนแล้ว สุราของเผ่าสวรรค์นั้นก็เทียบได้น้ำเปล่า

"หากเทียบกับสุราที่วังของเจ้าแล้ว สุราของเผ่าสวรรค์นี้ไม่ได้เรื่องเลยใช่หรือไม่ เอิ๊ก" ผู้ที่เอ่ยขึ้นมานั้นนั่งถัดจากเทพวารีเล็กน้อย เขาพูดด้วยสีหน้าแดงกร่ำดวงตาหยาดเยิ้มด้วยฤทธิ์สุรา ราวกับจะล้มฟุบได้ตลอดทุกชั่วยาม

"เจ้าดื่มมากไปแล้วหรงหยาง"

"อะราย\~ ลู่เฟย\~ เจ้าหาว่าข้าเมาเหรอ เอิ๊ก" บุคคลนี้ไม่ใช่เทพเซียนท่านไหน แต่เป็นเทพที่ฮวาหลันรู้จักดี หรงหยาง เทพปักษาผู้ชื่นชอบสุราทว่าดื่มไม่เก่งแม้แต่น้อย

"เจ้าเมาแล้ว เลิกดื่ม"

"ข้าไม่เมานะ!!!" เทพวารีแย่งจอกสุราในมือเทพปักษามา เมื่อเทพปักษาเห็นดังนั้นจึงเข้ามาแย่งกลับคืนทว่าเขากลับฟุบหลับคาโต๊ะของตนเสียอย่างนั้น

"หากกล่าวว่าสุราจากฮวาหลินหลิงรสชาติดียิ่งนักเช่นนั้นรบกวนประมุขน้อยฮวาหลันดวลสุรากับข้าสักหนึ่งไหได้หรือไม่" ผู้ที่ท้าดวลสุรานี้นั่งถัดจากนางเล็กน้อย ในเมื่อกล้าท้าทายนางเอกก็กล้ารับเช่นกัน ใช้เวลาเพียง5จอก เทพท่านนี้ก็ฟุบลงกับโต๊ะกว่าจะฟื้นคงอีก3วันให้หลัง

"เทพท่านนี้ช่างใจกล้านัก ที่มาดวลกับเจ้าผู้ชื่นชอบสุรายิ่งกว่าผู้ใดในแดนบุปผา คงเพราะยังคงแค้นเคืองเมื่อครั้งเคยแพ้ดวลสุรากับเฟิงฉี จึงคิดจะทำให้เจ้าผู้เป็นตัวแทนต้องอับอาย" เทพวารีมองเทพท่านนั้นด้วยท่าทีหน่ายใจ หากเทียบกับสุราทั่วไปในแดนเทพ สุราจากแดนบุปผานี้นับว่ามีฤทธิ์แรงยิ่ง โดยเฉพาะสุราจากวังตี้อวี้ของฮวาหลัน ที่หากผู้ใดไม่เคยลิ้มลองรสสุรานั้นจะหลับใหลไปนานนับเดือน แม้จะคุ้นเคยอยู่แล้วก็ยังคงหลับนานถึง3วันอยู่ดี

"เพราะที่ผ่านมาข้าแทบไม่เคยออกจากฮวาหลินหลิงแม้แต่ก้าวเดียวนับตั้งแต่เหตุการณ์ที่เกิดเมื่อครั้งข้าไปยังเมืองมนุษย์แล้วหลับไปกว่า300ปี ไม่แปลกใจนักหากไม่คุ้นเคย" ฮวาหลันมองภาพสาวงามที่ร่ายรำอยู่เบื้องล่างโฉมงามที่อยู่กึ่งกลางนั้นคือบุตรีจ้าวสมุทรทักษิณจากเผ่ามัจฉา เพียงแค่มองใบหน้านางก็ราวกับต้องมนต์ให้หลงใหล

"งดงามใช่หรือไม่"

"งดงามยิ่ง"

"ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์หนิงเย่ชิง ไม่ซ่อนจุดประสงค์ตนหวังให้บุตรสาวเข้าตาเทพสักองค์สินะ" เทพวารีกล่าวด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่นางกล่าวถึงคงไม่พ้นเจ้าสมุทรทักษิณผู้แสวงหาในอำนาจพร้อมใช้ทุกอย่างกระทั่งสายเลือดของตนเพื่อให้ไปถึงจุดหมายนั้น

"คงหวังจะให้บุตรสาวผู้นี้ได้หมั้นหมายกับรัชทายาทเผ่าสวรรค์สินะ" ทว่าการทำเช่นนี้มีเพียงความขายหน้าเท่านั้น รัชทายาทเผ่าสวรรค์หาได้สนใจเซียนสตรีนางใดใน4สมุทร8ปฐพีนี้ ช่างน่าสงสารเซียนน้อยนางนี้จริงแท้ที่ถูกบิดาตนหลอกว่ารัชทายาทจะชมชอบนาง

ระยะเวลาผ่านไปหลายชั่วยามงานเฉลิมฉลองในวันนี้จึงจบลง ฮวาหลันพกสุราจอกหนึ่งย่างเท้าออกจากท้องพระโรงอย่างเชื่องช้า นางเดินเหม่อลอยไปไกลจนไม่รู้ทิศทาง รอบข้างเต็มไปด้วยดอกท้องดงามตระกาลตาไปไกลถึงสิบหลี่

"งดงามนัก ไม่รู้เทพองค์ใดปลูกต้นท้อมากมายถึงเพียงนี้" นางนั่งริมลำธารเย็นเยียบในป่าท้อนั้นพลางนึกถึงอดีตของตน

"ข้าเจ็บปวดเหลือเกินเสี่ยวชาง เหตุใดจึงทรยศข้าไปคบชู้กับอาอวี๋ หรือเพราะสวรรค์ไม่ได้กำหนดให้เราได้ครองคู่กันเช่นนั้นเหรอ" แม้สำหรับผู้อื่นฤดูกาลจะแปรผันมา300รอบแล้ว ทว่าสำหรับฮวาหลันที่หลับมาอย่างยาวนานนั้นกลับเป็นระยะเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ยามนี้นางยังไม่อาจทำใจได้ หยดน้ำสีใสไหลลงมาจากดวงเนตรหยดหนึ่ง ในใจนางเหมือนถูกบดขยี้จนแตกสลายกลายเป็นเศษผง

"หรือนี่จะเป็นบทลงโทษที่ข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์กัน สวรรค์ช่างใจร้ายนัก ข้าเพียงรักคนผู้หนึ่งเท่านั้นเอง" นางกล่าวเช่นนั้นจึงยกสุราไหสุดท้ายขึ้นดื่ม ทว่าสุราในไหนี้กลับหมดสิ้น

"แม้แต่สุรายังทอดทิ้งข้า ปล่อยให้ข้าเปล่าเปลี่ยวใจอยู่ผู้เดียว" กล่าวจบนางจึงผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้น โดยไม่ทันสังเกตเห็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ที่งีบหลับอยู่บนต้นท้อใกล้ ๆ นาง

"ผู้ใดกล้าเข้ามายังป่าท้อของข้ากัน"

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!