บทที่1 แรกพานพบ 2

"อาอวี๋นำของมาส่งให้ข้าก่อนเจ้ามาถึงครู่นึง ไม่คาดคิดว่าชั่วประเดี๋ยวฝนก็กระหน่ำลงมา" อาอวี๋เป็นบุตรสาวของหมอหยาง ไม่ใช่เรื่องแปลกนักหากนางจะนำของมาส่ง กระนั้นความคลางแคลงนี้ก็ไม่ได้หายไปแม้แต่น้อย

"เป็นเช่นนั้นหรือ"

"ใช่ เจ้าเปลี่ยนชุดก่อน เดี๋ยวจะล้มป่วย" ได้ยินคำเป็นห่วงนั้น ความแคลงใจที่มีอยู่ก่อนหน้าก็หายเป็นปลิดทิ้ง อย่างไรเสียเสี่ยวชางก็รักและห่วงหานางถึงเพียงนี้ เหตุใดต้องระแวงเขาด้วย ฮวาหลันทำตามอย่างว่าง่าย เปลี่ยนอาภรณ์ชั่วประเดี๋ยวก็กลับมาร่วมโต๊ะอาหารดังเดิม

"ดูท่าคืนนี้ฝนคงไม่หยุดตก เช่นนั้นอาอวี๋ เจ้าพักที่นี่ดีหรือไม่" เมื่อฮวาหลันได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักเล็กน้อย ทว่าอาอวี๋กลับสังเกตเห็น

"เกรงว่าแม่นางฮวาคงไม่ยินดี"

"เจ้าคิดเห็นอย่างไร ฮวาหลัน"

"นี่เป็นบ้านของเจ้า จะถามข้าได้อย่างไร อีกทั้งค่ำมืดเช่นนี้อันตรายนัก เช่นนั้นให้แม่นางอวี๋นอนที่นี่ดีแล้ว" เมื่อได้ยินดังนั้นอาอวี๋ก็แสดงสีหน้ายินดีอย่างเห็นได้ชัด ทว่าราตรีนี้ยังอีกยาวไกลนัก เป็นเพราะให้อาอวี๋ยืมใช้อีกห้องหนึ่ง ทำให้คืนนี้ชายหนุ่มและเซียนสาวต้องใช้ห้องร่วมกัน แสงสว่างจากตะเกียงนั้นมากพอจะให้เห็นใบหน้านวลอยู่ลาง ๆ

"เจ้ารักข้าหรือไม่ฮวาหลัน" เสียงกระซิบข้างกายฮวาหลันชวนจักจี้หู ไม่รู้เพราะบรรยากาศเป็นใจหรือไม่ แม้ภายนอกจะหนาวเย็นทว่าภายห้องนี้กลับร้อนยิ่งนัก กลิ่นกำยานที่หอมฟุ้งทั่วห้องนั้นยิ่งทำให้บรรยากาศน่าหลงใหลยิ่งขึ้น เสี่ยวชางเอนกายมาจุมพิตฮวาหลันอย่างแผ่วเบาพร้อมปลดผ้าที่ผูกเรือนผมสีขาวของฮวาหลันออกช้า ๆ แผ่สยายเต็มเตียงนอนของทั้งคู่

"แน่นอนว่าข้ารักเจ้า" อาจเพราะความหลงใหลหรืออย่างไร ฮวาหลันเอี้ยวตัวเข้าหา เสี่ยวชางเห็นดังนั้นจึงจุมพิตริมฝีปากสีกุหลาบของนางอย่างแผ่วเบา เมื่อเห็นว่าฮวาหลันไม่ผลักไสเขาจึงลุกล้ำเข้าไปชิมน้ำหวาน ตัวฮวาหลันกระตุกเล็กน้อยอย่างไม่คุ้นเคย จุมพิตร้อนแรงเช่นนี้นางไม่เคยสัมผัสมาก่อน ร่างกายไร้ซึ่งเรี่ยวแรงนอนราบกับเตียงทันที ไม่ทันทั้งตัวผ้าที่ผูกอาภรณ์ก็ถูกปลดออกเสียแล้ว อาภรณ์ที่เคยสวมใส่ค่อย ๆ ร่นลงตามแรงโน้มถ่วงโลก เหลือเพียงผ้าขาวบางปกคลุมกายที่เผยให้เห็นเนินอกอวบอิ่มที่เคยถูกปกปิดไว้เพียงเท่านั้น  เมื่อเห็นใบหน้าหวานของนางเริ่มเปลี่ยนสีแดงระเรื่อ เสี่ยวชางจึงหยุดให้นางได้พักหายใจชั่วครู่ เสียงหอบหายใจของทั้งสองห้องทั่วห้องผสานเข้ากับสายฝน เสี่ยวชางจึงถอดอาภรณ์ตนเผยให้เห็นแผ่นอกกว้าง ร่างกายเขาเต็มไปด้วยบาดแผลสมกับเป็นนายพราน แล้วจัดการลุกล้ำเข้าไปสัมผัสสะโพกขาวใต้ชายผ้าของฮวาหลัน เมื่อนางสัมผัสได้ถึงนิ้วเย็นนั้นก็สะดุ้งทันที

"นี่เจ้าจะทำสิ่งใด" ฮวาหลันที่ได้สติผลักเสี่ยวชางที่กำลังคร่อมบนกายตนออก ไม่รู้เหตุใดเมื่อครู่นี้ตนจึงหลงเคลิ้มไปกับเสี่ยวชางได้ อีกทั้งร่างกายที่ร้อนระอุดุจไฟเผานี้นางยิ่งไม่คุ้นชิน ราวกับกำลังมึนเมาบางสิ่งอยู่อย่างนั้น

"ชายหญิงอยู่ในห้องเดียวกันเจ้าไม่รู้งั้นหรือ คนรักกันย่อมต้องสานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น ไม่ใช่ว่าตัวเจ้าเองก็รักข้าหรอกหรือ" เสี่ยวชางที่ถูกผลักไสเอนกายเข้าไกลฮวาหลันอีกครั้ง พร้อมลูบไล้ต้นขาอ่อนจนนางสะดุ้งอีกหน

"ไม่ได้ อย่างไรก็ไม่ได้"

"เหตุใดจึงไม่ได้"

"เพราะเจ้าและข้า เราสองคนยังไม่ได้แต่งงานกัน" เมื่อเสี่ยวชางได้ยินดังนั้นก็แสดงสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด แล้วหันมาใส่อาภรณ์ตนดังเดิม

"แต่งงานสินะ เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะออกไปนอนข้างนอก เจ้าอย่าได้เป็นกังวล" เขาสบถออกมาเล็กน้อยแล้วเปลี่ยนท่าทีเป็นเช่นแต่ก่อน เมื่อจัดอาภรณ์เรียบร้อยจึงหยิบหมอนหนุนใบหนึ่งออกไปนอกห้องปล่อยนางทิ้งไว้อย่างนั้นทั้งคืน เมื่อรุ่งเช้ามาถึงเสี่ยวชางและอาอวี๋ก็ไม่อยู่แล้ว

"เสี่ยวชาง..." นางเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา เป็นเพราะปฏิเสธเขาอย่างนั้นหรือ เป็นเพราะทำให้เขาหงุดหงิดใจอย่างนั้นหรือ เหตุใดเขาจึงจากไปโดยไม่ทักทายกันเช่นนี้ ความกระอักกระอ่วนใจเป็นเช่นนี้อยู่หลายวันจนกระทั่งเสี่ยวชางยอมเอ่ยปากพูดกับนางก่อน

"ฮวาหลัน ข้าต้องการขมิ้นชัน เจ้าไปซื้อให้ข้าได้หรือไม่ เช่นนั้นซื้อเนื้อสัตว์นิดมาสักนิดก็ดี จะได้ตากแห้งไว้กินนาน ๆ"

"ได้สิ รอสักเดี๋ยวข้าจะรีบกลับมา" ฮวาหลันได้ยินดังนั้นก็ตอบรับอย่างยินดีพร้อมเตรียมตัวลงเขา ดูท่าเสี่ยวชางจะหายโกรธนางแล้วช่างน่ายินดียิ่ง เพราะเตรียมตัวด้วยความรีบร้อนทำให้นางไม่ทันสังเกตเห็นพายุฝนลูกใหญ่ที่มืดครึ้มมาแต่ไกล เป็นเวลาเดียวกันที่อาอวี๋ขึ้นเขามาทำให้ทั้งสองคลาดกัน

"เสี่ยวชางข้ามาแล้ว" เสียงหวานเอื้อนเอ่ยหาคนในบ้าน เมื่อเสี่ยวชางได้ยินเสียงคุ้นเคยจึงเปิดประตูต้อนรับทันทีพร้อมดึงนางเข้าในอ้อมแขน

"แม่นางฮวาไม่อยู่เหรอ"

"นางลงไปซื้อของให้ข้า อย่างไรเสียคงติดพายุฝน วันนี้ไม่อาจกลับได้"

"งั้นเหรอ เช่นนั้นวันนี้คงไม่มีผู้ใดมาขัดขวางเราใช่หรือไม่"

"ใช่" ประตูยังไม่ทันปิดสนิทดี เสี่ยวชางก็คร่อมอาอวี๋ลงบนพื้น มือข้างหนึ่งปลดอาภรณ์เผยให้เห็นยอดอกสีอ่อน มืออีกข้างลุกล้ำเข้าไปสัมผัสกลีบกุหลาบใต้ชายผ้า นางร้องออกมาเล็กน้อย แล้วโน้มกายเสี่ยวชางลงมาจุมพิตอย่างดูดดื่ม

"รีบร้อนเสียจริง รึว่ากำยานที่ข้าให้ยังไม่หมดฤทธิ์อีกเหรอ" อาอวี๋เอ่ยพลางปลดอาภรณ์คนตรงหน้าจนหมดสิ้น เผยให้เห็นความเป็นชายสุขภาพดีที่ถูกซ่อนไว้ นางสัมผัสสิ่งนั้นอย่างแผ่วเบา เสียงหอบหายใจของทั้งสองสอดประสานใบหน้าเริ่มเปลี่ยนสี หยาดน้ำตาเริ่มไหลรินเมื่อสิ่งนั้นลุกล้ำเข้ามาในตัวนาง เสี่ยวชางที่หงุดหงิดกับผ้าผืนบางจึงฉีกกระชากอาภรณ์นางทิ้งเสีย

"เป็นเจ้าที่ยั่วยวนข้า" เอ่ยจบ ทั้งสองจึงบรรเลงเพลงรักทั้งอย่างนั้น แม้ฟ้าครึ้มฝนมาแต่ไกลทว่าพวกเขาหาได้สนใจไม่ สิ่งเหล่านี้ไม่อาจขัดขวางพวกเขาในยามนี้ได้ ใครเล่าจะกล้า

ทางด้านฮวาหลันไม่ทันลงถึงหมู่บ้านฝนก็กระหน่ำลงมาทำให้ร่างกายเปียกปอน เมื่อไปถึงตลาดก็ถูกเก็บจนหมดสิ้นนับว่าโชคดีนักที่หมอหยางผ่านมาเห็นจึงพานางเข้ามาพักในร้าน

"แม่นางฮวา เหตุใดจึงเดินตากฝนเช่นนี้ ไม่เห็นหรือว่าเมฆครึ้มฝนมาแต่ไกล" หมอหยางยื่นผ้าสะอาดให้นางผืนหนึ่ง แล้วเดินไปหยิบสมุนไพรที่นางสั่งไว้

"ไม่เห็นจ้ะ"

"จะว่าไปเหตุใดเสี่ยวชางถึงให้เจ้ามาซื้อขมิ้นชันอีกรอบกัน" หมอหยางเอ่ยขณะหยิบขมิ้นชันใส่ห่อผ้า ฮวาหลันที่ได้ยินดังนั้นจึงมองพื้นด้านล่างตนด้วยแววตาสั่นไหว

"หมายความว่าอย่างไร"

"ไม่กี่ชั่วยามก่อนหน้าเจ้าจะมาถึง อาอวี๋นางเพิ่งนำของที่เสี่ยวชางสั่งไว้ไปส่ง ในนั้นมีขมิ้นชันอยู่ด้วยหรือของจะไม่พอกัน" ราวกับฟ้าผ่ากลางใจ ยามนี้หยาดพิรุณสาดซัดรุนแรงนัก เสียงฟ้าร้องดังก้องผืนนภา เฉกเช่นเดียวกับสภาพจิตใจของนางในยามนี้ หมอหยางยังไม่ทันได้ว่าต่อฮวาหลันก็วิ่งออกไปทันที ทิ้งตะกร้าใส่ของและขมิ้นชันไว้อย่างนั้นโดยไม่ฟังคำเตือนของหมอหยางที่ไล่หลังมา

"แม่นางฮวา เจ้าจะไปไหน ยามนี้ขึ้นเขาไม่ได้นะ!!!" นางขึ้นเขาด้วยความทุลักทุเล เศษดินโคลนเปรอะเปื้อนอาภรณ์และใบหน้า รอยขีดข่วนที่เกิดจากกิ่งหนามตามเส้นทางนั้นทำให้นางแทบไม่เหลือเค้าลางเซียนสาวผู้สง่างามดังเช่นแต่ก่อน

"ข้าขอร้อง เสี่ยวชาง อย่าได้เป็นอย่างที่ข้าคิด โอ้ย" นางสะดุดล้มอีกรอบหนึ่ง หัวเข่าและข้อเท้านางทั้งสองข้างยามนี้เต็มไปด้วยบาดแผล หยาดน้ำตาไหลออกมาจากดวงเนตรทั้งสองข้างผสมกับฝนที่กระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย นางลุกขึ้นอีกครั้งแล้วค่อย ๆ เดินขึ้นเขาไปตามทาง เวลาเนิ่นนานในที่สุดก็ถึงจุดหมาย นางแทบทรุดลงกับพื้นทันทีเมื่อเห็นภาพบาดตา คราบสีขาวและเศษผ้าหญิงสาวที่ถูกฉีกขาดทำให้นางแทบใจสลาย ราวกับคอยย้ำเตือนความจริงนี้ เสียงกระเส่าเอ่ยคำหวานเรียกชื่อคู่นอนตนทำเอาฮวาหลันใจแทบฉีก

"อร๊างงง เสี่ยวชางข้า...ข้าจะเสร็จแล้ว"

"แฮ็ก แฮ็ก ข้าก็เช่นกันอาอวี๋"

"เจ้ารักข้าหรือไม่เสี่ยวชาง"

"แน่นอน ข้ารักเจ้า"

"แม่นางฮวาเล่า"

"ข้าเพียงหลงใหลใบรูปลักษณ์นางชั่วครู่หนึ่งเท่านั้น หญิงโง่ที่แค่เอ่ยคำหวานเพียงเล็กน้อยก็หลงเชื่อเช่นนั้นข้าไม่อยากได้มาครองคู่ ที่นี่ตอนนี้ในใจข้ามีเพียงเจ้าเท่านั้นอาอวี๋" สิ้นคำนั้นฮวาหลันทรุดลงกับพื้นทันที ไร้ซึ่งเสียงร่ำไห้ หยดน้ำตาที่เคยรินไหลกลับแห้งเหือด ลุกขึ้นอีกคราหนึ่งเรียกคืนพลังเซียนผลัดเปลี่ยนอาภรณ์กลับไปเป็นประมุขน้อยแห่งฮวาหลินหลิง

"ใช่แล้ว แม้ว่าจะมีข้าเข้ามาแทรกแซง สุดท้ายแล้วพวกเจ้าทั้งสองก็ได้ครองคู่กัน ผิดที่ข้าเองที่ไปขวางเส้นทางรักของพวกเจ้า ข้าไม่มีสิทธิ์ไปตำหนิพวกเจ้าแม้แต่น้อย" แม้จะเอ่ยออกมาเช่นนั้นทว่าความจริงในใจที่ถูกคนรักหักหลังไปมีสัมพันธ์กับสหายตนช่างเจ็บแสบยิ่ง นางวางสุราลืมเลือนขวดหนึ่งแสดงความยินดีให้คู่รักคู่นี้ หวังว่าสุรานี้จะทำให้พวกเขาลืมสิ้นเรื่องของตน

"สุรามงคลนี้ข้ามอบให้เป็นของขวัญแต่งงานของพวกเจ้า ข้าขอลา" ฮวาหลันหวนคืนสู่แดนเทพอีกครา ทว่า1ปีของมนุษย์หากเทียบกับแดนเทพพึ่งผ่านไปเพียง1วันเท่านั้น เมื่อกลับไปถึงงานเลี้ยงครบรอบที่ตนถือกำเนิดก็ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้ว

"ท่านประมุขน้อย ท่านไปที่ใดมาจึงไม่เข้าร่วมงามเฉลิมฉลองของท่าน" องุ่นน้อยนางหนึ่งที่อยู่แถวนั้นถามขึ้นมาขณะที่เห็นฮวาหลันเดินผ่านตน

"ข้าเพียงไปเที่ยวเล่นเหมือนยามปกติเท่านั้น" นางลูบผมภูติองุ่นน้อยเบา ๆ สภาพร่างกายนางตอนนี้ไม่สู้ดีนัก เพียงลมพัดผ่านร่างกายนางก็ทรุดลงกับพื้นทันที

"ท่านประมุขน้อย ท่านประมุขน้อย" เสียงภูติองุ่นดังก้องไปไกล ชั่วพริบตารอบข้างนางก็เต็มไปด้วยภูติพฤกษาที่อยู่แถวนั้น เทพเฟิงฉีที่ได้ยินข่าวเรื่องการล้มป่วยของฮวาหลันจึงรีบมาเยี่ยมทันที

"ท่านหมอเฉิงเจียงอาการป่วยของหลานสาวข้าเป็นอย่างไรบ้าง" เฟิงฉีเอ่ยถามอาการผู้เปรียบเสมือนหลานสาวตน สีหน้าออกอาการเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อผ่านมา3วันแล้วฮวาหลันยังไม่ฟื้น

"เลวร้ายยิ่งท่านเทพ ไม่เพียงล้มป่วยจากฝนที่มีฤทธิ์เย็นซึ่งขัดกับธาตุไฟของประมุขน้อยเท่านั้น ไม่รู้เพราะเหตุใดพลังเซียนนางถึงหายไปหลายส่วน ในวันนั้นประมุขน้อยไปที่ไหนมากันแน่" เมื่อเทพเฟิงฉีและประมุขน้อยฮวาเหลียนได้ยินดังนั้นก็นึกสาเหตุออกทันที เป็นเพราะพวกเขาปล่อยให้นางยุ่งเกี่ยวกับชะตากรรมมนุษย์จึงทำให้นางสูญเสียพลังเช่นนี้ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดของพวกเขา

"เฟิงฉีซ่างเสิน ฮวาเหลียนเจี่ยเจีย ดูเหมือนท่านทั้งสองจะรู้สาเหตุที่อาหลันล้มป่วยเช่นนี้ ข้าขอรบกวนท่านทั้ง2ช่วยอธิบายให้ข้าเข้าใจแล้วล่ะ" หมอเฉิงเจียงเห็นท่าไม่ดีจึงรีบออกจากที่แห่งนี้ทันที ด้านเทพเฟิงฉีและฮวาเหลียนไม่คิดปิดบังจึงเล่าให้ฟังว่าแต่เดิมตนต้องการให้ฮวาหลันเรียนรู้ถึงผลของการที่แอบหนีมาเที่ยวเล่นเท่านั้น ไม่คาดคิดว่านางจะหลงรักมนุษย์จนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชะตากรรมของพวกเขาจนสูญเสียพลังเซียนเช่นนี้ ฮวาหูเตี๋ยได้แต่ถอนหายใจกับการตัดสินใจของทั้งสองคน แต่นี่ก็เป็นบทเรียนสำคัญของฮวาหลันเช่นกันเขาจึงไม่อาจบ่นได้

"กว่าพลังเซียนนางจะฟื้นคืนกลับมาคงใช้เวลาหลายปี"

ฮอต

Comments

Uchiha Itachi

Uchiha Itachi

ไม่สามารถรอได้อีกแล้ว แอดจะเขียนต่อไหม?

2023-08-02

0

Gái đảm

Gái đảm

ตามหานิยายแบบนี้มานาน

2023-08-02

0

ทั้งหมด

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!