ม่อจื่อ เป็นที่รู้จักในฐานะ จอมปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ หมอตี ม่อตี่ เป็นคนในยุคจั้นกว๋อเกิดที่แคว้นลู่ (มณฑลซานตงในปัจจุบัน) ด้วยวัยไม่ถึง 30 ปีดี ม่อจื่อก็เริ่มเผยแพร่คำสอนของเขาในเรื่อง"ความรักอันไพศาล" การไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ หลักแห่งการไม่รุกราน เขาเป็นคนแรกที่วิสามิการลัทธิหยูของขงจื๊อซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้ ขณะที่ลัทธิหยูเน้นเรื่องลำดับชนชั้น ระเบียบสังคมพิธีกรรม ม่อจื่อกลับเรียกร้องความเรียบง่ายและประโยชน์ของผู้คนมากกว่า
สำนักคิด ม่อจื่อถือกำเนิดขึ้น ม่อจื่อกลายเป็นอาจารย์ที่มีลูกศิษย์ลูกหาติดตามมากมายแต่ใครจะรู้ว่าก่อนม่อจื่อ ปราชญ์เขามีอาชีพอันแสนสามัญนั้นคือ "ช่างไม้" ม่อจื่อเป็นช่างไม้ที่มีฝีมืออันน่าทึ่งครั้งนึงเขาเคยสร้างนกอินทรีย์ไม้ ซึ่งสามารถขึ้นบินได้จริงๆ เขาสร้างเครื่องไม้เครื่องมือทางเกษตร อุปกรณ์ในการทำสงครามหลากหลายชิ้น ทำให้นึกถึงเลโอนโดยดาอินทรีย์ที่ทั้ง จิตรกร ปราชญ์ นักวิทยาศาสตร์ และนักประดิษฐ์ที่ออกแบบสิ่งที่น่าทึ่งมากมาย ส่วน ม่อจื่อเรานอกจากเป็น Blood เมธี เป็นนักการทหารเป็นนักวิทยาศาสตร์และก็เป็นนักประดิษฐ์ตัวยงเช่นถ้ายุคเรเนซองมีดาวินชียุคกลั่นโจ้หวอก็ไม่น่าน้อยเพราะมี ม่อจื่อคู่นี้นี่เองมีผู้กล่าวว่า "หากท่อจื่อไม่หันไปสนใจเรื่องปรัชญาเสียแล้วละก็ ม่อจื่อ อาจเทียบได้กับหลู่ปัน เทพเจ้าแห่งการช่างของจีนเลยทีเดียว"
ทว่าแท้จริงแล้ว ม่อจื่อเคยโค่นหลู่ปันมาแล้ว!
หลู่ปันหรือกงซุปัน เป็นคนร่วมสมัยกับ ม่อจื่อ อัจฉริยะทางช่าง และวิศวกรรมที่หา จับได้ยากจนคนรุ่นหลังยกย่อง หลู่ปันเป็นเทพเจ้า
แต่ในยุคนั้นกว๋อ หมู่ปืนเป็นเพียงขุนนางรับใช้แคว้นฉู่ อยู่มาวันหนึ่ง อู่ฮุยอ๋องดำริจะยกทัพตีแคว้นซ่ง หลู่ปั่นเพิ่งประดิษฐ์ยุทโธปกรณ์ที่มีอานุภาพขึ้นมาใหม่ นั่นคือ บันไดเมฆ ซึ่งสามารถใช้โจมตีข้ามกำแพงเมืองข้าศึกได้อย่างง่ายดาย ฮุยอ๋องมั่นใจว่า ด้วยบันไดเมฆของหมู่ปัน จะช่วยให้พระองค์บดขยี้แคว้นซึ่ง กำชัยมาได้เหมือนพลิกฝ่ามือ
ข่าวการคิดรุกรานแคว้นส่งของอู่ฮุยอ๋อง กระจายออกไปจนมาเข้าหม่อจือ แคว้นซึ่งเป็นเพียงแคว้นเล็ก ๆ ที่ยากจน ไหนเลยจะต้านทานแสนยานุภาพแคว้นอูได้ หากสงครามเกิดขึ้นจริง จะมีผู้คนส้มตายเป็นเบือ
ไม่เชื่อไม่รอช้า เร่งเดินทางถึงสิบวันสิบคืนโดยไม่ทัก หมายไปเจรจาขอร้องให้แคว้นฉู่เลิกล้มความตั้งใจ
ต่อหน้าอู่ฮุ่ยอ๋อง พ่อจือท้าว่าสามารถแก้กลศึกของหมู่ปืน และทำลายบันไดเมฆได้ หลู่ปั่นรับคำท้า พ่อจื่อถอดสายคาดเอวมาวางเป็นวงกลมไว้เสมือนกำแพงเมือง ทั้งสองฝ่ายประจันหน้า ใช้เครื่องมือไม้เล็ก ๆ ยุทธ์แย้งกัน แต่หลู่ปั่นไม่ว่าจะใช้ยุทธวิธีอะไร มือชื่อก็แก้ได้ทุกครั้ง หลู่ปั่นจนหนทาง กล่าวขึ้นว่า
“เห็นทีจะเหลือหนทางเดียว แต่วิธีนี้กระทำไม่ได้
พ่อจื่อตอบว่า “ถึงท่านไม่กล่าวออกมา ข้าก็รู้ว่าวิธีสุดท้ายนั้น
คืออะไร”
ทั้งสองมองหน้ากัน แล้วนิ่งอยู่ฮุยอ๋องอดรนทนไม่ได้ จึงเอ่ยถามขึ้นมาว่า “วิธีอันใดกัน
“เรียนท่านอ๋อง” พ่อจื่อกล่าว “วิธีสุดท้ายของหลู่ปั่นคือ ฆ่าข้า
ชะ เมื่อข้าตาย ก็หามีใครหยุดบันไดเมฆของเขาได้“เช่นนั้น ก็ฆ่าเจ้าซะ” ฮุยอ๋องกล่าว
พ่อจื่อหัวร่อพลางว่า “ฆ่าข้าก็เปล่าประโยชน์ เพราะก่อนจะมาที่นี่ ข้าได้ถ่ายทอดกลศึกต่าง ๆ ที่ข้าแสดงไปเมื่อสักครู่ให้กับคนของช้าหมดแล้ว ยามนี้ คนของข้าสามร้อยคนประจำอยู่ที่แคว้นซึ่ง วันใดแคว้นยกไป นั่นเท่ากับวันปราชัยของพระองค์แม้แต่ไม้ตายสุดท้ายของหมู่ปัน ก็ยังไม่เท่าทันกลยุทธ์ของ
ม่อจื่อ
อู่ฮุยอ๋องได้คิด พระองค์ละเว้นชีวิตพ่อจื่อ และเลิกล้มความตั้งใจทำสงครามกับแคว้นซึ่งในที่สุด
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 17
Comments
Reva Chavan
แอดเป็นที่รักของหลายๆคนเลยนะจ้ะ 😘
2023-07-28
0