บรอนล่ามององค์หญิงนาน่าด้วยสายตาสงสัยเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ แม้หน้าที่ของเธอคืออัศวินผู้พิทักษ์ แต่วันนี้กลับต้องมาสอนการต่อสู้แทน
“เอ๋ วันนี้องค์หญิงจะให้มาสอนการต่อสู้ให้หรอคะ ก็ได้อยู่หรอกนะคะ”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย แต่ดวงตากลับแฝงความสงสัยว่าทำไมองค์หญิงจึงต้องการฝึกต่อสู้ในวันนี้
“ท่านนาน่ามีอาวุธหรือเปล่าคะ? แบบว่าการฝึกต่อสู้ต้องมีอาวุธด้วยนะคะ เช่น ดาบ มีด น่ะค่ะ”
นาน่าขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางครุ่นคิด ‘อาวุธหรอ...’
ทันใดนั้นเอง เคียวสีเลือดปรากฏขึ้นที่มือของเธอ! พลังเวทย์จากร่างกายของเธอรวมตัวกันอย่างเป็นธรรมชาติ นาน่าจังมองอาวุธที่ปรากฏขึ้นด้วยแววตาเป็นประกาย
“ดูนี่สิคะ เคียวได้ออกมาจากมือของหนูด้วยค่ะ!”
บรอนล่าพยักหน้าพลางยิ้มบางๆ
“นั่นเป็นอาวุธพื้นฐานของเผ่าเลือดค่ะ”
บรอนล่าปรับท่ายืนของตัวเองอย่างมั่นคง สายลมพัดผ่านอย่างแผ่วเบา แต่บรรยากาศรอบตัวกลับเต็มไปด้วยแรงกดดัน
“เอาล่ะค่ะ! เตรียมใจไว้เลยนะคะ ฉันจะบุกเข้าไปแล้วนะคะ!”
เพียงแค่พริบตาเดียว ร่างของบรอนล่าก็หายไปจากที่เดิม!
“หะ...?” นาน่าจังยังไม่ทันตั้งตัว บรอนล่าก็ปรากฏตรงหน้าแล้ว!
เสียง เคร็ง! ของอาวุธที่ปะทะกันดังก้องไปทั่วสนามฝึก นาน่าจังพยายามใช้เคียวป้องกัน แต่แรงของบรอนล่ามหาศาลจนทำให้เธอถูกกระแทกกระเด็นออกไป
“ในสนามรบไม่มีการลังเลต่อการสังหารค่ะ"
นาน่าจังลุกขึ้นจากเศษหินที่แตกกระจาย มือของเธอกำเคียวแน่น ขณะที่หัวใจเต้นแรง
'เราต้องใช้เวทมนต์โลหิตที่อ่านมา'
“โลหิต คามะ (ทำลาย)!”
พลังเวทย์สีแดงสดรวมตัวกันกลายเป็นลูกบอลพลังขนาดเล็กก่อนจะพุ่งตรงไปที่
บรอนล่าอย่างรวดเร็ว
แต่...
บรอนล่ากลับรับมันด้วยมือเปล่า และเพียงแค่บีบเบาๆ ลูกบอลพลังนั้นก็สลายหายไป!
นาน่าจังอึ้ง 'เป็นไปไม่ได้!'
เธอกัดฟันแล้วพุ่งเข้าไปโจมตีจากมุมอับ หวังใช้เคียวฟันไปที่ศีรษะของบรอนล่า แต่ว่า... บรอนล่ากลับยืนนิ่งไม่ตอบโต้
'ทำไมกัน!? เราเข้าใกล้ขนาดนี้แล้ว!'
ทันใดนั้นเอง นาน่าจังสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ!
เคียวของเธอไม่สามารถสร้างบาดแผลให้บรอนล่าได้เลย!
ดวงตาของนาน่าจังเบิกกว้าง 'ร่างกายของเธอ... ทำมาจากเพชรหรือไง!?'
บรอนล่าดีดนิ้วไปที่หน้าผากของนาน่าจังเบาๆ แต่แรงส่งนั้นกลับทำให้เธอถอยหลังไปหลายก้าว
“โอ้ย!”
“อือออ... เจ็บง่าา”
เธอจับหน้าผากของตัวเองพลางคิดหาทางออก 'เราจะทำยังไงดี...'
บรอนล่าพยักหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย
“ถ้าฉันไม่ได้ทำอะไรคงจะเป็นการเสียมารยาทน่าดู หลบให้ดีนะคะ ถ้าหลบไม่ดี โชคไม่ดีนะคะ”
พลังสีขาวศักดิ์สิทธิ์เริ่มไหลเวียนรอบตัวของเธอ ออร่าอันแข็งแกร่งเปล่งประกายจนน่าขนลุก
“แสงศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพธิดาฟราเรน่า”
แสงนั้นพุ่งไปหานาน่าจังด้วยความเร็วสูง!
เธอพยายามจะหลบแต่ไม่ทัน!
ฉัวะ!
เลือดสาดกระจาย ร่างของเธอถูกตัดออกเป็นสองท่อน!
'ไม่จริง...'
พลังที่พุ่งออกไปตัดผ่านภูเขาทำให้ผืนดินสั่นสะเทือน บรอนล่ามองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าสงบ
“องค์หญิง!”
เอมิเลียรีบเข้ามาประคองร่างของนาน่าจัง พลังเวทย์ฟื้นฟูถูกใช้ทันที 'โชคดีที่เราเป็นเผ่าเลือด ไม่งั้น...'
นาน่าจังฟื้นขึ้นมาพร้อมกับอาการอึ้ง
'เราห่างชั้นกันมากขนาดนี้เลยเหรอ'
เธอลุกขึ้นแล้วกำหมัดแน่น ดวงตาฉายแววแน่วแน่
“มาต่อกันเถอะค่ะ! ถึงห่างชั้นกันมาก แต่หนูจะตั้งใจที่จะชนะให้ได้ค่ะ!”
บรอนล่ายิ้มบาง
“ถ้าท่านต้องการแบบนั้น ฉันจะไม่ใช้เพียงแค่นิ้วเปล่าแล้วค่ะ”
หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง
บรอนล่ายังคงไร้รอยขีดข่วน ขณะที่นาน่าจังหมดสติไปแล้วเพราะความเหนื่อยล้า
บรอนล่ามองร่างขององค์หญิงที่หลับใหลอยู่บนพื้น ก่อนจะอุ้มเธอขึ้นมาแล้วส่งให้เอมิเลีย
“ขอฝากที่เหลือไว้ด้วยนะคะ ท่านนาน่าพยายามได้ดีมากค่ะ ถึงฉันจะไม่ได้รับความเสียหายอะไร แต่ท่านนาน่าเปลี่ยนไปจากที่เจอกันครั้งแรกมากเลยค่ะ”
ทันใดนั้น โคมาริและเอเทอร์ก็เดินเข้ามา
“โห~ แอบมาฝึกกับบรอนล่าซังเลยเหรอ?”
“อย่าพูดแบบนั้นสิคะ นาน่าจังตั้งใจฝึกขนาดนี้ การเจ็บตัวถือว่าเป็นการเรียนรู้ค่ะ”
แม้จะพูดแบบนั้น แต่พอเห็นนาน่าจัง โคมาริก็รีบพุ่งเข้าไปดูทันที
“เอ่อ... คำพูดเมื่อกี้หายไปไหนแล้ว?”
บรอนล่าหันไปเผชิญหน้ากับเอเทอร์
“มาที่นี่เพื่อประลองกับฉันใช่ไหมคะ”
เอเทอร์กระชับหอกของตนก่อนจะตวัดไปมาเบาๆ เพื่อปรับความคุ้นชิน พลันสายตาคมปลาบจ้องมองไปยังบรอนล่าที่ลอยตัวอยู่เหนือพื้นอย่างสงบนิ่ง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความแน่วแน่ ไม่มีความลังเลใดๆ
“พอดีวันนี้ฉันว่างงานน่ะ ฉันเลยอยากจะมาลองฝีมือกับคนที่เก่งที่สุดในนี้ดู” เอเทอร์กล่าวพลางเหยียดตัวตรง ยกหอกขึ้นมาในท่าพร้อมรบ
บรอนล่ากระตุกยิ้มบางๆ ก่อนจะโน้มตัวลงเล็กน้อย คลื่นพลังสีขาวเริ่มเปล่งออกมาจากร่างของเธอ
“ตัดสินใจได้ดีมากค่ะ ถ้างั้นฉันจะไม่มีการออมมือนะคะ”
ฟุ่บ!
เพียงพริบตาเดียว ร่างของทั้งสองก็หายวับไปจากสายตาของทุกคน และในวินาทีถัดมา เสียงอาวุธปะทะกันก็ดังก้องไปทั่วบริเวณ
เคร๊ง! เคร๊ง! เคร๊ง!
หอกสีดำของเอเทอร์กวัดแกว่งเข้าใส่บรอนล่าด้วยความเร็วสูง แต่ว่าบรอนล่ากลับสามารถหลบได้ทุกกระบวนท่า เพียงแค่ขยับตัวเล็กน้อยก็สามารถหลีกเลี่ยงทุกการโจมตีได้อย่างง่ายดาย
ทั้งสองเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเหนือมนุษย์ แรงลมที่เกิดจากการโจมตีกระจายออกไปจนต้นไม้รอบๆ โอนเอน และพื้นดินแตกร้าวไปทั่ว
มุมมองของนาน่าจัง
นาน่าจังที่เพิ่งฟื้นขึ้นมากะพริบตาปริบๆ พลางหันไปมองการต่อสู้ที่ดำเนินอยู่เบื้องหน้า ดวงตาของเธอสั่นไหวเล็กน้อย
“นาน่าจัง”
เสียงเรียกจากโคมาริทำให้เธอหันไปมอง ก่อนจะชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้าที่บดบังด้วยเงาของการต่อสู้
“ขนาดเป็นท่านพี่เเล้วก็ยังเทียบไม่ได้เลยค่ะ…”
เธอพึมพำออกมาเบาๆ สายตาสั่นไหวก่อนจะกำมือแน่น
'เราล้มเหลวในการเพิ่มให้ตัวเองเก่งขึ้นหรอ?… นั้นสินะ มันไม่มีทางเลยที่จะเก่งมาตั้งแต่เกิด บรอนล่าคงจะผ่านอะไรมาเยอะ… เอาละ เราจะพยายามให้มากกว่านี้'
เสียงกระแทกดังขึ้นเมื่อร่างของเอเทอร์ถูกซัดกระเด็นไปตกลงบนพื้นเต็มแรง ฝุ่นควันลอยคละคลุ้งไปทั่ว บรอนล่าที่ลอยตัวอยู่เหนือพื้นค่อยๆ ลดระดับลงมา ดวงตาของเธอยังคงสงบนิ่งเช่นเดิม
“เท่านี้ก็พอเเล้วนะคะ ฉันมีหน้าที่เป็นอัศวินนะคะ ไม่ใช่ให้มารังเเกค่ะ”
เอเทอร์หอบหายใจหนักก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ “หมดสภาพเลยแฮะ… เทียบแทบไม่ได้เลย”
บรอนล่าเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์เพื่อเตรียมตัว นาน่าจังมองตามแผ่นหลังของเธอ ก่อนจะหันมาถามด้วยความสงสัย
“เดินทางด้วยเรือเหาะหรอคะ?”
เอมิเลียที่ยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกาย “ใช่เเล้วค่าา นี่อาจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากเลยนะคะ ที่องค์หญิงจะได้ขึ้นเรือเหาะ!”
นาน่าจังขมวดคิ้วเล็กน้อย “บินไปไม่เร็วกว่าหรอคะ?”
ระหว่างที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน นาน่าจังก็เงยหน้าขึ้นมองแม่ของเธอ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงสัย
“เเม่จ๋า… เข้าไปในอาณาเขตของจอมมารมันไม่อันตรายหรอคะ?”
แม่ของเธอเพียงแค่ยิ้มบางๆ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“จอมมารกับแม่… คือว่าเป็นเพื่อนสนิทกันค่ะ”
“เอ๋!?”
เสียงอุทานของนาน่าจังดังขึ้นพร้อมกับสีหน้าตกตะลึง ในขณะที่เอมิเลียหัวเราะออกมาเบาๆ
เผ่าเลือดกับจอมมาร… เป็นเพื่อนกันได้ด้วยงั้นเหรอ!?
นาน่าจังเบิกตากว้าง สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อ หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“เผ่าเลือดกับจอมมารเนี้ยนะ เป็นเพื่อนกันได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะเนี้ย!?”
แม่ของเธอเพียงยิ้มอ่อนโยนก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“แม่ก็แค่อยากไปพบเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานานน่ะค่ะ”
บรอนล่าที่ยืนอยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าของเธอแสดงออกถึงความไม่เชื่อใจอย่างชัดเจน
“ฉันควรจะวางใจหรือเปล่าคะว่าจอมมารจะไม่ทำอะไรท่าน?”
เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ดวงตาสีฟ้าของเธอฉายแววระแวดระวัง แม้จะเคารพในตัวผู้เป็นนาย แต่เธอไม่อาจละเลยสัญชาตญาณของตนเองที่ถูกหล่อหลอมมาจากอดีตได้
“เชื่อเราได้เลยค่ะ ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ผู้เป็นแม่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เราให้เชื่อมั่นได้เลยค่ะว่าจอมมารที่เราจะไปพบนั้นไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร”
บรอนล่ายังคงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจเบาๆ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่อาจเชื่อได้เต็มร้อย เพราะในอดีตของตัวเอง เธอเคยพบกับสิ่งที่เลวร้ายจากเผ่าปีศาจมาไม่น้อย
“แต่การเดินทางด้วยเรือเหาะก็เสี่ยงต่อการโดนโจมตีจากพวกสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนฟ้านะคะ”
นาน่าจังขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
'แค่ไปหาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน… ทำไมไม่เทเลพอร์ตไปเลยล่ะ?'
สายลมพัดผ่านดาดฟ้าเรือเหาะขนาดใหญ่ มองจากที่นี่สามารถเห็นทิวทัศน์ของดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลได้อย่างชัดเจน
เอมิเลียหันมาหานาน่าจัง ก่อนจะยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยขึ้น
“จำได้ไหมคะ? นี่ก็เป็นผลงานขององค์หญิงที่ได้ออกแบบเอาไว้เมื่อตอนนั้น”
นาน่าจังกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ “หนูจำไม่ได้เลยค่ะ…”
ที่หน้าเรือเหาะ เอมิเลียและแอนนาลิลลี่มาส่งเธอขึ้นเรือ ทั้งสองยืนอยู่ตรงทางเข้า รอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้าของพวกเธอ
“องค์หญิงเดินทางปลอดภัยนะคะ”
“ขอบคุณค่ะพี่สาวที่มาส่ง หนูจะทำให้ชุดนี้ไม่เลอะเด็ดขาดเลยค่ะ ฮิฮิ” นาน่าจังกล่าวพร้อมหัวเราะเบาๆ
เอมิเลีย…แอนนา…ลิลลี่หัวเราะเล็กน้อย “ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ค่ะ”
โคมาริเดินเข้ามาก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “อย่าไปทำอะไรที่ซนๆ ล่ะ เธอยังเด็กอยู่”
“โธ่ ท่านพี่ หนูไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกค่ะ”
โคมาริยิ้มอ่อนๆ ก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวเธอเบาๆ
“ถ้ากลับมาแล้ว ช่วยมาเล่าให้ฉันฟังด้วยนะ”
“ค่ะพี่โคมาริ”
เรือเหาะเริ่มเคลื่อนตัวออกจากฐาน เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นเบาๆ ขณะที่มันค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
นาน่าจังมองไปรอบๆ ตัว พลางพิจารณาการออกแบบของเรือเหาะ
'เราได้ปรับโครงสร้างให้คล้ายกับเครื่องบินในยุคปัจจุบัน… แต่เรายังไม่ได้ใส่ระบบความปลอดภัยอะไรเลย เพราะว่าเรายังไม่เข้าใจโลกนี้ดีพอ คนที่สร้างคงจะนึกถึงเรื่องความปลอดภัยด้วยไหมนะ?'
เธอเดินสำรวจไปทั่วลำเรือ โดยมีบรอนล่าตามไปด้วยอย่างใกล้ชิด
'เรือลำนี้สามารถบรรทุกสิ่งมีชีวิตได้ถึง 241 ตน… แต่มันยังมีโครงสร้างที่แข็งแรงมาก อีกอย่างที่น่าตกใจก็คือ… มันมีไฟฟ้าด้วย'
ในขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง
“ต้องขอบคุณท่านจริงๆ ที่ออกแบบโครงสร้างให้เรือเหาะลำนี้สำเร็จและสามารถบินได้จริงๆ”
นาน่าจังรีบโบกมือปฏิเสธ “คือว่าหนูไม่ได้ทำอะไรมากเลยนะคะ หนูไม่ได้ช่วยสร้างเลยค่ะ”
“แต่ถ้าไม่มีท่านช่วย เรือลำนี้ก็คงไม่ถูกสร้างขึ้นมา”
ชายคนนั้นหันไปพูดกับลูกเรือคนอื่นๆ
“ทุกท่าน! องค์หญิงเป็นผู้ที่ริเริ่มออกแบบเรือเหาะลำนี้ขึ้นมา!”
เสียงฮือฮาดังขึ้นไปทั่วทั้งลำเรือ ผู้คนพากันพูดคุยด้วยความตื่นเต้น
“ว้าว! ช่างเป็นองค์หญิงที่มหัศจรรย์จริงๆ!”
“ทั้งเก่งและยังน่ารักอีกด้วย!”
“เอาล่ะพวกเรา! คัมไป! มาฉลองกัน!”
นาน่าจังรู้สึกเขินจนแทบอยากมุดหนีไปจากตรงนี้
'อย่าเรียกร้องให้เราเด่นสิ…'
ผู้คนมากมายล้อมรอบตัวเธอ เธอพยายามเบียดตัวออกมาแต่ก็ไม่สำเร็จ
“ช่วยหนูด้วย…”
บรอนล่าที่เห็นสถานการณ์จึงเดินเข้ามาดึงตัวนาน่าจังออกไปจากกลุ่มคนเหล่านั้น
“รอดตัวไปแล้วเรา… ขอบคุณมากเลยค่ะที่ช่วยออกมา”
บรอนล่าพยักหน้าก่อนจะเอ่ยเตือนให้กับเซเลสเทีย “ฝ่าบาท ท่านคออ่อนนะคะ อย่าดื่มเยอะนะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ…”
จู่ๆ บรอนล่าก็หยิบอาวุธออกมา ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความระมัดระวัง
“มีบางอย่างกำลังมาค่ะ! ทิศทางตะวันออก ห่างจากนี้ประมาณ 700 เมตร!”
บรรยากาศรอบตัวเงียบลงในทันที นาน่าพลางรู้สึกว่ามีบางอย่างคุ้นเคยกับสิ่งนี้มาก…
'โดมะเหรอ…? แต่มันจะมาถึงเร็วขนาดนี้ได้ยังไง?'
ผู้กล้าปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับกองกำลังของเขา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา
“การจัดการพวกแกคือคำสั่งของราชา… ต้องเด็ดขาดเท่านั้น!”
บรอนล่าไม่รอช้า เธอใช้เวทมนตร์ของตนเข้าโจมตี
“สวรรค์คัดสรร!”
การโจมตีของเธอทำลายพลังของผู้กล้าได้อย่างง่ายดาย และพุ่งตรงเข้าไปหาเขา แต่โดมะก็สามารถหลบได้อย่างหวุดหวิด
“โดมะ นายกลับไปได้แล้ว นายไม่ควรทำอะไรแบบนี้เลย! กษัตริย์คนนั้นมันล้างสมองนายไปแล้วหรือไง!?”
“ถึงแกจะเคยเป็นอาจารย์ของฉัน แต่เมื่อแกไปอยู่ฝ่ายศัตรู… แกก็คือผู้ทรยศ!"
“ฉันไม่ชอบคนที่เปลี่ยนแปลงไปถึงขนาดนี้... ฉันจะส่งนายกลับไปที่นายจากมา”
เสียงของบรอนล่านั้นแข็งกร้าวและหนักแน่น แววตาของเธอเต็มไปด้วยความผิดหวังและความโกรธที่กักเก็บไว้มาเนิ่นนาน เธอไม่ลังเลแม้แต่น้อยก่อนจะยกดาบขึ้น เปล่งแสงอันศักดิ์สิทธิ์ที่เรืองรอง
“แสงศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพธิดาฟราเรน่า!”
พลังอันศักดิ์สิทธิ์ส่องสว่างไปทั่วพื้นที่ รัศมีสีทองพุ่งเข้าปะทะร่างของโดมะโดยตรง สายลมหมุนวนรุนแรงจากแรงปะทะ ส่งเสียงหวีดหวิวขณะที่พลังมหาศาลกระแทกใส่ร่างของผู้กล้า
โดมะไม่สามารถต้านทานแรงโจมตีได้ทัน ทำให้ร่างของเขาปลิวกระเด็นไปด้านหลังก่อนจะล้มลงหมดสติไป
บรอนล่ามองร่างที่แน่นิ่งของเขา ก่อนจะถอนหายใจแล้วหันไปหานาน่าจัง
“เอาล่ะ คงจะหมดสติไปสักพักค่ะ ไปต่อกันเถอะค่ะ... ผู้กล้าไม่ใช่คนที่ดีเหมือนที่รู้จักนะคะ”
'คิดไว้แล้วเชียวว่าตอนนั้นเธอออมมือให้เรา' นาน่าจังคิดในใจ ขณะมองไปที่บรอนล่าด้วยความรู้สึกซับซ้อน
“ขอโทษด้วยนะ... เราดื่มเยอะไปหน่อยเลยไม่ได้ช่วยเลย” เสียงของเซเลสเทียแฝงไปด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรค่ะ มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรหรอกค่ะ การต่อกรกับผู้กล้าที่ถูกควบคุมไม่ใช่งานที่หนักเลยค่ะ”
บรอนล่ากลับเข้าไปในห้องของตนเอง นาน่าจังลังเลเล็กน้อยก่อนจะตามเข้าไป
“เอ๋? ท่านนาน่า ทำไมถึงตามมาล่ะคะ นี่เป็นช่วงที่ฉันพักผ่อนนะคะ” บรอนล่าหันมามองด้วยความแปลกใจ
“ผู้กล้าคนนั้นเคยเป็นลูกศิษย์ของพี่สาวมาก่อนเหรอคะ?” นาน่าจังถาม สีหน้าของเธอจริงจัง
“ใช่แล้วค่ะ แต่เป็นได้แค่สองปีเท่านั้นนะคะ เพราะฉันออกจากที่นั่นแล้วมาอยู่ในอาณาจักรของเผ่าเลือด”
'แสดงว่าโดมะมาถึงก่อนเรา 2-3 ปีสินะ ไหนพระเจ้าบอกว่าเกิดคนละโลก...' นาน่าจังขมวดคิ้ว รู้สึกว่าเรื่องราวชักจะซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ
จู่ๆ ก็มีเสียงกระซิบของเลน่าดังขึ้นในหัวของเธอ
“ฉันได้ดูแล้วนะ... เขาถูกอัญเชิญรอบที่สอง”
'ทำไมโดมะมันโชคดีอะไรแบบนี้ แล้วทำไมรอบที่สองมันกลายเป็นโลกเดียวกันกับเราล่ะ?!'
นาน่าจังตัดสินใจไม่พูดอะไรออกมาในตอนนั้น เธอเพียงแค่หยิบบางอย่างออกมาจากช่องเก็บของเวทมนตร์
เมื่อบรอนล่าเห็นสิ่งนั้น เธอก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“นั่น... มือถือ! นี่ท่านไปเอาสิ่งนี้มาจากไหนคะ!?”
บรอนล่าปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน ท่าทางราวกับเผลอพูดอะไรที่ไม่ควรออกไป
นาน่าจังยิ้มบางๆ ก่อนตอบ
“พี่สาวเป็นผู้กล้ารุ่นก่อนใช่ไหมคะ? สิ่งที่หนูเอามาคือมือถือ ซึ่งยุคนี้ไม่มีทางมีมือถือได้ใช่ไหมคะ? หนูไปขอมาจากพระเจ้าค่ะ”
บรอนล่าชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มจางๆ อย่างเข้าใจ
“ท่านนาน่าก็มาจากที่เดียวกันเหรอ…”
“ฉันคงปิดบังอะไรไม่ได้แล้วค่ะ ใช่ค่ะ ฉันเป็นผู้กล้ามาก่อน ฉันเป็นผู้กล้าก่อนโดมะ แต่ฉันถูกปฏิบัติไม่ดี ฉันเลยหนีออกมา พวกนั้นมองฉันเป็นแค่อาวุธเท่านั้น เป็นเครื่องมือเพื่อยึดพื้นที่และเพื่อความสนุกของพวกเขาเอง…”
เสียงของบรอนล่าแฝงไปด้วยความเจ็บปวด ราวกับอดีตที่เธอพยายามลืมเลือนมันหวนกลับมาอีกครั้ง
“ฉันไม่เคยได้รับคำชม หรือคำปลอบใจจากพวกนั้น ตอนนั้นฉันเคยคิดจะลงมือสังหารกษัตริย์คนนั้น แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะฉันถูกพันธนาการด้วยคำสาบาน…”
เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
“แต่ตอนนี้ฉันสามารถปลดมันออกได้แล้วค่ะ ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังจำเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้เสมอ”
นาน่าจังไม่รู้จะพูดอะไรดี ได้แต่นิ่งเงียบไป
สุดท้าย เธอก็ยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น
“หนูเข้าใจค่ะว่าพี่สาวเคยผ่านอะไรมาบ้าง แต่ที่นี่... ยินดีต้อนรับพี่สาวเสมอค่ะ เพราะที่นี่คือบ้านใหม่ของพี่สาวใช่ไหมคะ?”
บรอนล่าชะงักไปก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอที่เคยเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเริ่มมีแสงแห่งความอบอุ่นฉายอยู่
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไร เสียงสัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้น
บรอนล่าก้าวออกจากห้องอย่างรวดเร็ว นาน่าจังรีบตามไป
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
บรอนล่าขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ
“มันเริ่มขึ้นแล้วค่ะ… จอมมาร”
เสียงกระแสพลังงานบางอย่างดังขึ้นกลางอากาศ แสงสีม่วงทมิฬปรากฏขึ้น ก่อนร่างของชายผู้หนึ่งจะปรากฏตัวขึ้นบนดาดฟ้าเรือ
ชายคนนั้นคือ... คารอส จอมมาร
คารอสเหลือบมองไปรอบๆ ก่อนจะแสยะยิ้ม
“ข้า…”
เขาหันไปสบตากับเซเลสเทีย ก่อนจะยกยิ้มขึ้นอย่างเป็นมิตร
“ข้าดีใจที่ได้พบเจ้าอีกครั้ง สหายเพื่อนสนิท ข้ามาที่นี่เพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเจ้าจะเดินทางมาอย่างปลอดภัย”
นาน่าจังมองคารอสด้วยความประหลาดใจ
'จอมมารไม่ได้ทำอะไรจริงๆ ด้วยค่ะ'
คารอสหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ
“ก่อนหน้านี้ข้าสัมผัสได้ถึงผู้กล้า… แต่ตอนนี้หายไปแล้ว แสดงว่าพวกเจ้าสามารถรับมือกับผู้กล้าได้สินะ”
สายตาของเขาหันไปหยุดที่บรอนล่า ก่อนจะหัวเราะเบาๆ
“เป็นเจ้าเองสินะที่เป็นคนรับมือกับผู้กล้า... หึ ช่างเป็นมนุษย์ที่ยอดเยี่ยมเสียจริง”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ
“ข้าไม่มีธุระอะไรอีกแล้ว ข้าขอกลับไปที่อาณาเขตของข้า”
สิ้นคำกล่าว คารอสก็เปิดวงเวทเทเลพอร์ตขึ้นแล้วหายตัวไปในพริบตา
นาน่าจังยิ้มออกมา ก่อนจะหันไปพูดกับเซเลสเทีย
“เห็นไหมละคะ แม่จ๋าไม่ได้โกหก”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 36
Comments