ในยามค่ำคืนที่เงียบสงัด นาน่าจังค่อยๆ เปิดประตูออกจากห้องอย่างระมัดระวัง แสงจันทร์ส่องผ่านกระจกหน้าต่างสาดลงบนพื้นหินเย็นเฉียบของทางเดิน ร่างเล็กของเธอขยับตัวอย่างเงียบเชียบ ขณะที่หัวใจเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น
'เอาล่ะ… ครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่เราจะเรียนรู้ให้ได้เร็วที่สุด'
เธอยกมือขึ้นเรียกปีกของตนเองออกมา แต่ปรากฏเพียงแค่คู่เดียวเท่านั้น แม้ว่ามันจะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็น่าจะเพียงพอสำหรับการเคลื่อนไหวโดยไร้เสียง
'ถ้าเราบินไป มันจะไม่มีเสียงรบกวนแน่นอน'
เมื่อสายตาของเธอจับจ้องไปที่ทหารรักษาการณ์ที่ยืนเฝ้ายามอยู่อย่างเข้มงวด นาน่าจังก็รีบหาที่กำบังหลังกำแพง หัวใจของเธอเต้นรัวเมื่อเห็นแววตาเฉียบคมของพวกเขากวาดมองไปรอบๆ
'แย่แล้วสิ… เราไม่ได้คิดเลยว่าจะมีคนตรวจการณ์อยู่แบบนี้! ทำไงดี จะไปต่อยังไงโดยไม่ให้ถูกจับได้…'
เสียงกระซิบเบาๆ ของเธอดูเหมือนจะไปสะกิดโสตประสาทของทหารเข้าเสียแล้ว ทหารคนหนึ่งขยับตัวและเดินตรงมาทางที่เธอซ่อนตัวอยู่
'แย่แล้ว!'
เธอพยายามกลั้นหายใจและเกร็งตัวเองให้แนบไปกับเงามืดของกำแพง
“องค์… หืม? หายไปไหนแล้ว?” ทหารขมวดคิ้วมองไปรอบๆ ก่อนจะส่ายหัว “สงสัยตาฝาดไป…”
เมื่อเห็นว่าทหารกลับไปยังจุดเดิม นาน่าจังถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะรู้สึกถึงแรงกระซิบแผ่วเบาที่ดังขึ้นข้างหู
“กว่าฉันจะมีบท คนเขียนก็เอาซะนานเลยนะ”
“เอ๊ะ?” นาน่าจังหันไปมอง ก่อนจะเห็นเลน่ายืนอยู่ข้างๆ
“ฉันช่วยให้เธอล่องหน ถือว่าใช้คืนบุญคุณแล้วกัน” เลน่ากล่าวพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ว้าว… ไม่คิดเลยว่าเธอจะทำแบบนี้ได้”
“อย่าลืมสิ ฉันเป็นพระเจ้านะ เรื่องแค่นี้ไม่ยากหรอก”
หลังจากนั้น นาน่าจังจึงรีบมุ่งหน้าไปยังห้องสมุดเวทมนตร์อันลึกลับ ประตูไม้เก่าที่เต็มไปด้วยลวดลายสลักดูขลังและน่าเกรงขาม เสียงบานพับเก่าดังกริ๊งเบาๆ เมื่อนาน่าจังแง้มมันออก
“นี่ ทำไมถึงต้องมาที่นี่ล่ะ?” เลน่าถามพลางเดินตามเธอเข้าไป
“ก็มาอ่านไงล่ะ ถ้าเราไม่เรียนรู้เวทมนตร์ให้มากกว่านี้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราเกิดมาเป็นแวมไพร์หรอก”
นาน่าจังเดินตรงไปที่ชั้นหนังสือสูงเสียดเพดาน ปลายนิ้วเรียวของเธอลูบไล้ไปตามสันหนังสือเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยฝุ่น จนกระทั่งเธอพบเล่มหนึ่งที่ดูจะมีความสำคัญ
“นี่คือ… หนังสือที่รวมเวทมนตร์ของแวมไพร์ไว้อย่างมากมายสินะ”
เธอเปิดมันออกมา และเริ่มไล่อ่านอย่างตั้งใจ แต่ทว่าภาษาที่ใช้กลับซับซ้อนจนเธอขมวดคิ้ว
'เข้าใจยากมาก… ทำไมเราไม่เข้าใจอะไรแบบนี้เลยนะ…'
เลน่าที่สังเกตเห็นสีหน้าสับสนของเธอจึงเอ่ยขึ้น
“นี่ เธอรู้ไหมว่าเวทมนตร์ของแวมไพร์ไม่ได้เหมือนกับพวกมนุษย์ทั่วไป? เธอสามารถใช้พลังโลหิตเพื่อเลียนแบบธาตุธรรมชาติได้นะ”
“เอ๋? ไม่ใช่ว่าแวมไพร์ใช้ได้แค่โลหิตหรอกเหรอ?”
เลน่าหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้น แสงสีแดงฉานปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือของเธอ และในพริบตา โลหิตในอากาศก็รวมตัวกันกลายเป็นรูปทรงต่างๆ
“นี่คือเวทโลหิต” เธออธิบาย “จริงๆ แล้วเวทโลหิตสามารถเปลี่ยนรูปแบบได้หลายแบบ เช่น การโจมตี การป้องกัน การจับกุม และที่สำคัญ ยังสามารถรักษาได้ด้วย”
“ว้าว… สุดยอดเลย! งั้นเราขอลองบ้าง!”
นาน่าจังพยายามใช้พลังเวทโลหิตของตนเอง แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอขมวดคิ้วก่อนจะมองไปที่มือของตนเองอย่างหงุดหงิด
“ทำไมกัน… ทำไมเราเรียกมันออกมาไม่ได้?”
เลน่ามองเธอด้วยสายตาเข้าอกเข้าใจ ก่อนจะกล่าวอย่างใจเย็น “อาจเป็นเพราะเธอไม่เคยใช้มันมาก่อนก็ได้นะ จึงยังไม่สามารถควบคุมพลังได้”
“คงจะเป็นแบบนั้น…” นาน่าจังพึมพำ ก่อนจะถอนหายใจ
หลังจากอ่านหนังสือเสร็จ นาน่าจังก็ตัดสินใจนำมันกลับไปที่ห้องของเธอ แต่ทันใดนั้นเอง—
“องค์หญิง! ท่านออกมาดึกๆ แบบนี้มันอันตรายมากนะครับ!”
เสียงอัศวินดังขึ้นจากด้านหลัง เธอสะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันไปมอง เห็นร่างสูงในชุดเกราะสีเงินก้าวเข้ามาใกล้
'ซวยแล้วไง…'
ไม่นาน เธอก็ถูกพากลับไปที่ห้องพักของตนเอง ถูกกักตัวเอาไว้ไม่ให้แอบหนีออกไปอีก
เธอนั่งกอดอกอยู่บนเตียงด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง ดวงตาสีแดงเข้มฉายแววไม่พอใจ
“เราโดนจับจนได้…”
ทันใดนั้นเอง หน้าต่างสีฟ้าเรืองแสงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
“นี่คือ… ค่าสเตตัส?”
เธอเพ่งมองตัวเลขที่แสดงค่าพลังของตนเอง แต่สิ่งที่เห็นกลับทำให้เธอขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม
“ว้าว สะดวกกว่าที่คิด… แต่เดี๋ยวนะ… ทำไมค่าพลังของเรามันต่ำแบบนี้?”
เธอกำหมัดแน่น ความไม่พอใจแล่นพล่านไปทั่วร่าง
“น่าโมโหมาก! เราอุตส่าห์ผ่านพิธีอาบเลือดบริสุทธิ์แล้วแท้ๆ! เราเป็นผู้ถูกเลือกแท้ๆ แต่ทำไมพลังของเรายังต่ำขนาดนี้! หึ… น่าโมโหจริงๆ!”
เธอล้มตัวลงบนเตียง ทอดสายตาขึ้นมองเพดาน
“พรุ่งนี้เราจะให้บรอนล่าสอนให้เราดีกว่า เราจะไม่ดูอ่อนแออีกต่อไป…”
เธอพึมพำกับตัวเองก่อนจะค่อยๆ หลับตาลง พร้อมกับเป้าหมายใหม่ที่จะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 36
Comments