สายลมเย็นพัดผ่านลานฝึกกว้าง เสียงอื้ออึงของบรรดาข้ารับใช้ที่ยืนมองอยู่ไกล ๆ เงียบลงเมื่อ โคมาริ ก้าวไปยืนตรงหน้านาน่าจัง แวมไพร์สาวผู้เป็นครูฝึกแสดงรอยยิ้มบาง ๆ ขณะเอ่ยถาม
“นี่สามารถเรียกปีกออกมาได้รึเปล่า?”
นาน่าจังชะงักไปเล็กน้อย คำถามนั้นทำให้เธอหวนนึกถึงภาพของ เอเธอร์ ในตอนที่เขากางปีกอันงดงามของตนเองออกมา พี่ชายของเธอมีปีกสีดำแข็งแกร่ง สง่างามราวกับนักรบที่ไร้เทียมทาน
“ปีกหรอคะ?”
โคมาริพยักหน้า “ปีกของเผ่าแวมไพร์จะถูกเรียกว่า ปีกโลหิต ชื่อเรียบง่ายดีใช่ไหมล่ะ?”
เธอหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะอธิบายต่อ
“ปีกโลหิตมีอยู่ สามระดับ ซึ่งแต่ละระดับสามารถบ่งบอกถึง ความเข้ากันของพลังเวทโลหิต หรือ ความเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำ ได้ ปีกหนึ่งคู่ เป็นระดับทั่วไปที่พบได้บ่อยที่สุด ปีกสองคู่ เป็นระดับของชนชั้นสูง เช่นฉันเอง... และองค์ราชินี ส่วน ปีกสามคู่... นั่นเป็นสิ่งที่แทบไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน เว้นแต่ในตำนาน”
ดวงตาของนาน่าจังเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“เอ๋! ท่านแม่ก็มีแค่ปีกคู่เองหรอคะ!?”
“ใช่แล้ว” โคมาริยิ้ม “อาเนส เอเธอร์ และฉัน อยู่ในระดับเดียวกัน คือ ปีกสองคู่”
นาน่าจังพยักหน้ารับอย่างครุ่นคิด เธอไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อน ปีกนั้นเป็นสัญลักษณ์ของพลังและศักดิ์ศรี มันสามารถบ่งบอกถึงสถานะของแวมไพร์ได้อย่างชัดเจน
“แต่ปีกสามคู่นั้น...” โคมาริกล่าวต่อ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเคารพ
“ตำนานบอกว่า โซลลันญ่า แวมไพร์ตนแรกของโลก เป็นเพียงผู้เดียวที่เคยมี ปีกสามคู่”
“แวมไพร์ตนแรก...” นาน่าจังพึมพำเเละตื่นเต้น
“ใช่แล้ว ปีกของแวมไพร์สามารถถูกเรียกออกมาได้อย่างง่ายดายมาก เพียงแค่...”
ฟึ่บ!
ทันใดนั้น ปีกของโคมาริก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเธอ มันกางออกกว้าง ส่องประกายด้วยเวทโลหิตอันเข้มข้น
“นี่คือปีกของฉันเอง” โคมาริยืนสง่างามขณะพูด “ปีกของแต่ละคนจะมีรูปร่างแตกต่างกันเล็กน้อย”
นาน่าจังจ้องมองปีกของโคมาริ เปรียบเทียบกับปีกของเอเธอร์ในใจ มันไม่เหมือนกันเลย แต่ก็มีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก
ฟึ่บ!
โคมาริขยับปีกและบินขึ้นกลางอากาศอย่างสง่างาม ลอยตัวอย่างมั่นคง
“ว้าว... สุดยอดเลย”
“นี่เป็นเพียงแค่พื้นฐานของการบินเท่านั้น”
โคมาริบินลงมายืนตรงหน้านาน่าจัง ก่อนจะคลายปีกกลับไป เธอเผยรอยยิ้มให้เด็กสาวที่ยืนตะลึงอยู่ตรงหน้า
“ลองเรียกปีกของเธอดูสิ”
นาน่าจังรู้สึกประหม่าเล็กน้อย “ฉันเหรอ...?”
“ใช่ ลองจินตนาการดูสิ ว่ามีบางสิ่งอยู่ข้างหลังเธอ แล้วรวบรวมเวทโลหิตของเธอไปยังจุดนั้น จากนั้นก็จินตนาการให้มันเป็นรูปร่างของปีก”
นาน่าจังกลืนน้ำลายลงคอ เธอหลับตาลงและตั้งสมาธิ
'นึกไปที่พลังที่อยู่ข้างหลัง... รวมเวทโลหิต... จินตนาการรูปร่างของปีก...'
เสียงรอบข้างเงียบลง เหมือนโลกทั้งใบเหลือเพียงเธอคนเดียว นาน่าจังรวบรวมพลังทั้งหมดของเธอเข้าสู่จุดหนึ่งบนแผ่นหลัง
ฟึ่บ!
บางสิ่งบางอย่างงอกออกมา
“เธอทำได้แล้ว!” เสียงของโคมาริเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
นาน่าจังลืมตาขึ้น เธอหอบหายใจหนัก เหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า ขาของเธอสั่นเล็กน้อยเมื่อพยายามยืนทรงตัว
เธอเหลือบมองไหล่ของตัวเอง
'ปีกคู่เดียว...'
เธอสามารถเรียกปีกออกมาได้ แต่เป็นเพียงปีกคู่เดียว...
“ฮ่าฮ่า... เราทำได้...” นาน่าจังยิ้มบาง ๆ ก่อนที่ร่างกายจะเริ่มอ่อนแรง
'เราทำได้... แต่ทำไมเราถึงรู้สึกเหนื่อยขนาดนี้...'
“นาน่าจัง!!”
เสียงของโคมาริเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอได้ยิน ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป
ณ วงเวียนแห่งจิตใต้สำนึก
นาน่าจังลืมตาขึ้นอีกครั้ง สิ่งแรกที่เธอเห็นคือ...
ทะเลสาบเลือด
ร่างของเธอจมอยู่ในบ่อน้ำสีแดงเข้ม ความรู้สึกเย็นเยียบปกคลุมไปทั่วร่าง
เธอขมวดคิ้ว พยายามขยับตัว แต่ขากลับรู้สึกหนักอึ้ง
“เลน่า!? เลน่า!! เธออยู่รึเปล่า!?”
เงียบ... ไม่มีเสียงตอบกลับ
“นี่เป็นฝีมือของเธอใช่ไหม!?”
นาน่าจังมองไปรอบ ๆ แต่มีเพียงบรรยากาศวังเวง
“ฉันอยู่ที่นี่”
เสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงที่ไม่คุ้นเคย
เธอหันขวับไปตามเสียงนั้น แต่กลับพบเพียงเงาดำที่ลอยอยู่ในอากาศ
“เราได้เฝ้ารอเธอมานาน...”
“ใครน่ะ!? เลน่า อย่ามาแกล้งนะ!”
“เราไม่ใช่เลน่า”
เงาดำค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างของหญิงสาวผู้หนึ่ง ดวงตาสีแดงเรืองรองเปล่งประกายราวกับเปลวไฟ
“เราคือตัวเธอเอง”
ทันใดนั้น น้ำเลือดรอบตัวก็พวยพุ่งขึ้นและห่อหุ้มร่างของนาน่าจัง
“เธอคือความหวังของเผ่าแวมไพร์...”
“เธอจะนำพาพวกเรากลับสู่ความรุ่งโรจน์...”
“เราต้องการให้เธอเห็น...”
“เห็นอะไร...?”
“อดีตของเธอเอง”
สิ้นเสียงนั้น ภาพของโลกอันแตกสลายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 36
Comments