สัญญารักแห่งความตาย

สัญญารักแห่งความตาย

สัญญารักแห่งความตาย

ในกลียุคไฟสงคราม หลังจากที่แม่ทัพอวี่จากตระกูลสูงศักดิ์ อวี่เฝิงสื่อได้ชัยชนะจากการฆ่าฟันค่าสึกกลับมาที่เมือง เรื่องนี้จึงทำให้ชื่อเสียงของแม่ทัพอวี่โด่งดังอย่างมากคนที่ได้ยินข่าวต่างชื่นชมและยินดี หลายวันต่อมาเสียงชื่นชมก็ข่อยๆหายไปเพราะมีข่าวลือเรื่องที่ฮูหยินของแม่ทัพอวี่ อวี่ปิ่นฉง ได้ตั้งคันบุตรสาว หลังจากที่สามีของนางพึ่งกลับมาจากฆ่าฟัน เมื่อข่าวลือนี้ฉาวออกไป จากการเคารพนับถือและเชิดชูยินดีกลับกลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่แก่วงตระกูลอวี่ ชาวบ้านที่ได้ยินข่าวต่างพูดกันว่าเด็กที่อยู่ในท้องฮูหยินเป็นมารหัวขนที่เกิดจากวิญญาณของพวกกบฏมาเกิด และกล่าวหาว่าเด็กในท้องเป็นสิ่งที่เกิดมาพร้อมความอัปมงคลแก่ตระกูลและบ้านเมือง เมื่อแม่ทัพอวี่เฝิงสื่อได้ยินข่าวฉาวนั้นจึงโกรธเป็นอย่างมากที่การกำเหนิดบุตรของฮูหยินทำให้ตระกูลอวี่เสื่อมเสียชื่อเสียง หลังจากข่าวฉาวนี้ลือออกไปได้ไม่นานฮูหยินอวี่ก็ได้คลอดบุตรสาวที่ถูกชาวบ้านหมายหัวว่าเป็นตัวอัปมงคล เมื่อนางได้คลอดทารกออกมา นางที่เป็นแม่ของบุตรเห็นว่าการที่นางให้กำเหนิดบุตรคนนี้ทำให้เกิดการแตกคอระหว่างนางและสามีและกลัวว่าสามีจะหมดรักจากนางและหาหญิงอื่น นางจึงริเริ่มมีความแค้นกับบุตรของตนจนเข้าไส้ เมื่อเป็นเช่นนั้นนางที่เป็นแม่กลับไม่แม้แต่มองหน้าลูกของตนและยังรีบสั่งให้คนรับใช้เอาทารกลูกแท้ๆของตนไปทิ้งไว้ที่จวนหลัง 15ปีต่อมาทุกอย่างก็ได้เปลี่ยนไป ทารกที่ถูกทิ้งไว้ที่จวนหลังเมื่อ15ปีก่อนได้ถูกทหารที่เคยร่วมรบกับแม่ทัพอวี่พ่อแท้ๆของนางเลี้ยงดูที่จวนหลังจนโต ทหารคนนั้นได้ตั้งชื่อให้นางตามสกุลของตระกูล นางจึงได้ชื่อว่า"อวี่เจี้ยนฉี"แต่ไม่นานทหารที่เลี้ยงดูนางแทนพ่อและแม่แท้ๆถึง15ปีพบว่าอีกไม่นานตนจะต้องตายเพราะโรคร้ายที่ไม่สามารถรักษาได้จึงใช้ความชอบในสนามรบครั้งก่อนไปทูลขอกับแม่ทัพอวี่ให้นำชื่อของอวี่เจี้ยนฉีเข้าสู่ตระกูลตามเดิมและเลี้ยงนางให้เป็นอย่างดีดั่งที่นางเป็นลูกแท้ๆ ที่ทหารผู้นี้ทำแบบนี้เพราะนี้คือความหวังสุดท้ายที่จะสามารถทำให้นางมีความสุขขึ้นได้ อวี่เฝิงสื่อไม่สามารถปฏิเสธได้จึงยินยอมอย่างไม่เต็มใจ หลังจากที่ทหารคนนั้นได้คำตอบจากปากของพ่อแท้ๆเจี้ยนฉีแล้ว ก็ได้จากไป ทหารคนนั้นได้เขียนจดหมายด้วยคำพูกโกหกให้กับเจี้ยนฉีและเดินทางออกจากเมือง เพราะ15ปีมานี้เจี้ยนฉีภายนอกดูเป็นเด็กร่าเริงแต่ลึกๆแล้วนางยังคงเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นทหารจึงจำเป็นต้องโกหกเพราะกลัวเจี้ยนฉีจะเสียใจยิ่งกว่าเดิม วันต่อมาในเมื่ออวี่เฝิงสื่อรับปากกับทหารคนนั้นไว้แล้วจึงนำชื่อของอวี่เจี้ยนฉีเข้าสู่ตระกูลดังเดิม แม้นางจะมีชื่ออยู่ในตระกูลอย่างสมบูรณ์แต่คนในตระกูลกลับมองนางเหมือนคนนอกและทำกับนางไม่ต่างกับบ่าวไพร่ชั้นต่ำ ในทุกๆวันนางต้องกินเศษข้าวเศษอาหารที่คนในตระกูลและคนรับใช่กินเหลือบางครั้งอดมื้อกินมื้อและยิ่งไม่ต้องพูดถึงการกินข้าวโต๊ะเดียวกับคนในตระกูล นางไม่มีสิทธิ์ที่จะก้าวเท้าออกจากประตูจวนและไม่สามารถมาที่จวนหน้าได้นางจึงต้องใช้ชีวิตไปวันๆที่จวนหลังและถูกคนรับใช้เหยียดหยามรังแกทุกๆวัน นางไม่สามารถตอบโต้และปฏิเสธได้เพราะหากทำแบบนั้นจะถูกคนพวกนั้นทุบตีจนสาหัด แต่แม้นางจะไม่ได้ขัดใจคนรับใช้พวกนั้นแต่สุดท้ายนางก็ยังถูกทุบตีเช่นเดิม เมื่อเรื่องนี้ผ่านไปนานวันจึงทำให้เจี้ยนฉีรู้สึกว่าเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องปกติของทุกๆวันในการใช้ชีวิตของนางไม่ว่าจะล้างท่วยชามในน้ำที่เย็นยะเยือก ซักผ้าจนมือด้าน ถูกเคี้ยนตีจนแผ่นหลังมีแต่รอยแตกกร้าน แต่นางยังคงสู้ต่อดีกว่าถูกไล่ออกจากตระกูลไปเล่ร่อนอยู่ตานถนน วันต่อมามีราชโองการมาจากวังหล่วง เมื่ออวี่เฝิงสื่อเปิดอ่านกลับรู้สึกตกใจและโกรธเป็นอย่างมาก ในราชโองการนั้นได้เชิญตระกูลสูงศักดิ์ต่างๆร่วมฉลองชัยครั้งนี้ที่ชนะสึกกลับมาที่เมือง แต่นี้ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้อวี่เฝิงสื่อโกรธแต่เป็นเรื่องที่ฝ่าบาทได้ออกคำสั่งเองว่าให้ตระกูลอวี่นำตัวบุตรสาวคนเดียวของตระกูลมาเข้าร่วมงานด้วยเมื่อฮ่องเต้เป็นผู้ออกคำสั่งมาอวี่เฝิงสื่อจึงไม่สามารถปฏิเสธได้แม้จะโกรธสักแค่ไหนก็ตาม วันต่อมาฮูหยินตระกูลอวี่ได้ใช้ให้คนรับใช้ไปเรียกตัวของเจี้ยนฉีเพื่อออกเดินทางไปยังวังหลวง เมื่อคนรับใช้ไปเรียกเจี้ยนฉีเจี้ยนฉีจึงมีควารู้สึกดีใจมากที่จะได้ออกไปข้างนอกเป็นครั้งแรกจึงรีบวิ่งตามคนรับใช้ออกไป เมื่อออกไปก็เห็นแต่ละคนทำท่าโกรธนาง นางที่เห็นแบบนั้นจึงรีบก้มหน้าเพราะกลัวจะถูกเคี้ยนอีกและรีบขึ้นรถม้าไป เมื่อนางขึ้นไปบนรถม้าก็เห็นพี่หญิง"อู่เยว่หลิง"บุตรสาวของอา"อวี่หลิงจื่อ"และอาสะใภ้"อู่หลินเยวี่ย"ที่นั่งรอนางอยู่บนรถม้า เมื่อรถม้าเคลื่อนไปได้สักพักเจี้ยนฉีก็เผลอหลับไป พอเจี้ยนฉีตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ในเมืองหลวงแล้วเมื่อเจี้ยนฉีได้เปิดหน้าต่างออกไปก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมากเพราะนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่นางออกมาเห็นตลาดที่คึกคักเช่นเมืองหลวง ที่ผ่านมานางเอาแต่อยู่ในจวนหลังไม่เคยได้ออกมาเลยแม้สักครั้งไม่ว่าจะมีเทศกาลนอกจวลคึกคักเพียงใดนางก็ทำได้เพียงนั่งฟังความเงียบงันอยู่หน้าบานหน้าต่างมองท้องฟ้าอันมืดมิดไม่มีแม้แต่เสียงดนตรีหรือพรุไฟใดๆ มีแต่หวังเฝ่าคอยว่าสักวันนางเองจะได้ออกไปเดินชมทิวทัศน์รอบเมืองและเลือกซื้อของในตลาดอย่างอิสระ และครั้งนี้เองแม้นางจะมาด้วยนามตระกูลอวี่โดยที่คนในตระกูลไม่ข่อยพอใจแต่ถือว่าคุ้มค่าแก่การมาครั้งนี้ ในใจนางคิดว่าขอแค่นางได้ออกมาเปิดหูเปิดตาสักครั้งก็เพียงพอจากนั้นนางจะไม่หวังอะไรอีก เยว่หลิงที่นั่งอยู่ข้างๆนางได้เห็นว่าเจี้ยนฉีพึ่งเคยออกมานอกจวนเป็นครั้งแรกนางจึงบอกกับเจี้ยนฉีว่าหลังจากงานฉลองจบลงจะมีงานโคมไฟที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ในปีนี้และเยว่หลิงก็ยื่นมือมาและบอกสัญญากับเจี้ยนฉีว่าจะพานางมาเดินชมเทศกาลรอบเมืองหลวงก่อนกลับจวนอวี่จะพานางไปซื้อชุดและขนมฮุ่ยฮวากลับจวน เมื่อเจี้ยนฉีได้ยินแบบนั้นจึงยื่นมือตอบสัญญากับเยว่หลิงทันที เมื่อทั้งสองพูดจบรถม้าก็เคลื่อนมาถึงวังหลวงแล้ว เจี้ยนฉีได้มองออกนอกหน้าต่างรถม้านางรู้สึกหวั่นอย่างมากเยว่หลิงที่เห็นแบบนั้นจึงจูงมือนางลงจากรถม้าและบอกนางว่าไม่ต้องหวั่นมีข้าอยู่ทั้งคน จากนั้นทุกคนก็เดินเข้าประตูวังไปร่วมงานฉลอง เมื่อเจี้ยนฉีได้ก้าวเท้าเข้าไปในโถงวังก็ตะลึงในความงดงามอย่างมากจนลืมสังเกตไปว่าฮ้องเต้และบรรดาองค์รัชทายาทได้นั้งอยู่ข้างหน้าของตน เมื่องานฉลองจบลงฮ่องเต้ได้ส่งคนรับใช้ไปเรียกพบเจี้ยนฉีที่จวนพัก เมื่อเจี้ยนฉีรู้แบบนั้นจึงตั้งใจจะไปบอกกับพ่อและแม่ของนางก่อนเพราะก่อนมาที่เมืองหลวงพ่อและแม่ของนางได้ห้ามกับนางเอาไว้ว่าห้ามให้นางออกจากเรือนพักจนกว่าจะได้กลับเมืองหลิวอิน นางจึงไม่สามารถที่จะไม่บอกกับแม่และพ่อของนางก่อน แต่เมื่อคนรับใช้ของวังหลวงเห็นแบบนั้นจึงบอกกับเจี้ยนฉีว่าเรื่องนี้ฝ่าบาทอยากให้เจี้ยนฉีเก็บเป็นความลับ เมื่อเจี้ยนฉีได้ยินแบบนั้นจึงตอบตกลงทันทีและรีบเดินไปตามคนรับใช้ เมื่อเจี้ยนฉีเข้าไปถึงโถงใหญ่นางก็ได้เห็นว่าไม่ได้มีแค่ฝ่าบาทที่จะคุยกับนางแต่ยังมีองค์รัชทายาทที่ดำรงตำแหน่งแม่ทัพ รัชทายาทลำดับที่3"หลี่หยางเยว่"แห่งราชวังหลวง ลือกันว่าองค์รัชทายาทคนนี้ต่างจากคนอื่นๆมาก ในตอนเด็กขนะที่องค์ชายและรัชทายาทคนอื่นๆร่ำเรียนเขียนบทกระวี หลี่หยางเยว่รัชทายาทลำดับที่3กลับฝึกทวนฟันดาบอยู่แต่ในกองทัพทหารทุกวัน ครั้งหนึ่งตอนหลี่หยางเยว่อายุไม่ถึง20ก็ได้ออกสนามรบ ร่วมเป็นร่วมตายกับทัพหน้าของทัพหลวงจนคว้าชัยกลับมา ฝ่าบาทที่เห็นแบบนั้นจึงแต่งตั้งให้รัชทายาทหลี่หยางเยว่เป็นแม่ทัพของทัพหลวง หลังจากนั้นหลี่หยางเยว่ก็ออกรบหลายต่อหลายครั้งจนเกิดชื่อเสียงที่โด่งดังทั่วแผ่นดิน และด้วยหน้าตาที่ดีพร้อมชื่อเสียงโด่งดังจึงทำให้องค์หญิงและแม่นางหลายต่อหลายคนต่างชอบคอ จนกระทั่งมาตกลงเรื่องมั่นหมายแต่ด้วยความที่หลี่หยางเยว่โตมาในกองทัพตั่งแต่เด็กจึงมีนิสัยที่เย็นชาอย่างมากไม่ว่าองค์หญิงหรือแม่นางคนใดมาคุยเรื่องมั่นหมายหลี่หยางเยว่ก็จะปฏิเสธทุกครั้ง

ฮอต

Comments

Arjuna Cakra

Arjuna Cakra

ตื่นเต้นมาก อยากให้แอดเขียนต่อไปเร็วๆ

2023-07-13

1

Gió mùa hạ

Gió mùa hạ

เขียนดีมากๆ รอคอยต่อๆๆๆ

2023-07-13

1

Graziela Lima

Graziela Lima

แอดมีพลังใจให้เราอ่านต่อเสมอเลย 😍

2023-07-13

2

ทั้งหมด

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!