“ต้าเกอ” หากท่านจะตำหนิข้าก็พูดออกมาเถอะ ลี่หลินบอกกับซูเฟิงที่นั่งมองนางอย่างไม่เข้าใจ “ข้าคิดว่ามันคุ้มแล้วเหรอกับการแก้แค้นของเจ้า”เหตุใดเจ้าต้องทำให้ตัวเองต้องเปลืองตัวขนาดนี้ ซูเฟิงพูดตำหนิลี่หลินออกมาตรงๆ “ข้าเข้าใจว่าท่านเป็นห่วงว่าข้าจะติดกับดักที่ตนเองวางไว้ แต่ท่านอย่าได้กังวลเลยเรื่องเมื่อคืน ข้าจะถือว่าข้าได้ทำหน้าที่ภรรยาของเขาอย่างสมบูรณ์แล้วต่อไปข้ากับเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้จะเป็นเพียงเกมในการแก้แค้นเท่านั้น ลี่หลินอธิบายให้ซูเฟิงเข้าใจ ”ข้าก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น"เพียงแต่ข้ากลัวว่า ไป๋อี้เฉิน จะไม่ยอมปล่อยเจ้าไปง่ายๆหากเขารู้ว่าเจ้าแสร้งทำเป็นรักเขา และสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแผนการที่เจ้าวางเอาไว้ เขาอาจจะแค้นเจ้ามากและอาจแก้แค้นเจ้ากลับทำให้เจ้าเป็นอันตรายขึ้นมา ก็จะกลายเป็นการแก้แค้นกันไปมาไม่จบสิ้น ซูเฟิงเอ่ยเตือนลี่หลินด้วยความเป็นห่วง “ขอบคุณท่านมากที่เป็นห่วง,..ผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรข้าก็จะยอมรับมัน”
ซูเฟิงเมื่อได้ฟังการตัดสินใจของลี่หลิน เขาก็ถอนหายใจออกมาและบอกกับนางไปว่า"ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรตัดสินใจแบบไหนข้าก็จะอยู่ข้างๆเจ้าเอง" และต่อไปนี้ข้าจะปกป้องเจ้าให้ดีที่สุด ลี่หลินมองไปยัง ซูเฟิง ด้วยสายตาขอบคุณที่เข้าใจนางแล้วก็กล่าวขอบคุณเขา “ขอบคุณมาก,..ต้าเกอ”
“ทำไม!..เจ้าตื่นแล้วถึงไม่ยอมปลุกข้า"เสียงไป๋อี้เฉินดังขึ้นจากทางด้านหลังของลี่หลิน นางจึงหันไปมองตามเสียงที่ดังขึ้นก็เห็นไป๋อี้เฉินยืนอยู่ “ท่านอ๋อง!..ท่านตื่นแล้วหรือเพคะ”ข้าเห็นว่าท่านกำลังหลับสบายเลยไม่กล้ารบกวน จึงปล่อยให้ท่านนอนต่ออีกสักหน่อย ลี่หลินพูดพร้อมยิ้มให้กับไป๋อี้เฉิน “อย่างนั้นหรือ..?ไป่อี้เฉินเดินเข้ามาหาลี่หลินและนั่งลงข้างๆนาง ที่โต๊ะน้ำชาหน้าลานบ้าน “เชิญท่านอ๋องดื่มชาสักหน่อยเพคะ”ข้ากำลังให้หยวนเอ๋อเตรียมอาหารไว้ให้ท่านหากท่านไม่รีบร้อนก็กินอะไรสักหน่อยแล้วค่อยไป ลี่หลินพูดพร้อมรินชาดอกไม้ให้เขา “ก็ดีเหมือนกันข้ากำลังรู้สึกหิวอยู่พอดี” ไป๋อี้เฉินตอบรับนางทันที หากตอนนี้สายตาที่เขามองนางเขารู้สึกสับสนและคิดอยู่ในใจ ทำไมลี่หลินนางถึงดูปกติเหมือนเมื่อคืนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขาสองคน
“หลินเอ๋อ”ลี่หลินหันมองหน้าไป๋อี้เฉินทันที เมื่อได้ยินคำเรียกของเขา ที่ใช้เรียกนางดูเปลี่ยนไป และน้ำเสียงที่ใช้เรียกนางก็ดูอ่อนโยนขึ้นมาเล็กน้อย ลี่หลินขานรับไป๋อี้เฉินพร้อถามกลับเขาไป “เพคะ!…ท่านอ๋อง!..ท่านมีอะไรจะพูดกับข้าหรือเธอคะ”
“ข้าว่าเจ้าย้ายไปอยู่เรือนหลักกับข้าดีกว่า”ไป้อี้เฉินบอกกับลี่หลินให้ย้ายไปอยู่กับเขาที่เรือนหลัก เพราะในใจเขาตอนนี้ไม่อยากให้ลี่หลินกับซูเฟิงอยู่ใกล้ชิดกันเกินไป หากนางย้ายไปอยู่เรือนหลัก ซูเฟิงก็ต้องไปอยู่เรือนพักสำหรับองครักษ์ พวกเขาก็จะได้ไม่ตัวติดกันตลอดเวลา เพราะซูเฟิงกับลี่หลินชอบไปไหนมาหรือทำอะไรด้วยกันแทบไม่ห่างกันเลย ทำแบบนี้พวกเขาจะได้ไม่ต้องใกล้ชิดกันมากจนเกินไป ถึงคำรักของเขาที่บอกนางไปเมื่อคืนเป็นเพียงการลอกล่อให้นางยอมตกเป็นของเขา ถึงเขาไม่ได้รักนางแต่เขาก็ไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับของของตัวเองไม่ว่าของสิ่งนั้นเขาจะรักหรือจะเกลียดก็ตาม
ลี่หลิน หันไปมองหน้าไป๋อี้เฉินอีกครั้ง เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดออกมา แล้วกล่าวออกไปว่า “หากข้าย้ายเข้าไปอยู่เรือนหลักแล้ว ซูหนี่ ของท่านล่ะเพคะ”ท่านจะบอกกับนางว่าอย่างไร.? ไป๋อี้เฉินเงียบไปครู่นึง จึงตอบกลับลี่หลิน “เรื่องซูหนี่เดี๋ยวข้าจัดการเองเจ้าไม่ต้องห่วง” เจ้าก็อยู่ส่วนของเจ้า!..นางก็อยู่ส่วนของนางดีหรือไม่..?
“ก็ได้เพคะหม่อมฉันจะย้ายเข้าไปอยู่ที่เรือนหลักกับท่าน”เพียงแต่ท่านไปจัดการคนของท่านให้ดีๆอย่าให้มาวุ่นวายกับหม่อมฉันให้มาก ความอดทนของหม่อมฉันมีขีดจำกัดไม่แน่ครั้งนี้หม่อมฉันอาจจะฆ่านางขึ้นมาจริงๆ ลี่หลินบอกกับไป๋อี้เฉินพร้อมยิ้มเย็นให้กับเขา
ไป๋อี้เฉินเมื่อได้ฟังลี่หลินพูดเขาก็ตกใจเล็กน้อยแต่ก็รับปากนางไป ไม่นานหยวนเอ๋อก็ยกอาหารหลายอย่างออกมาโดยมีซูเฟิงช่วยอีกแรงอาหารได้ถูกวางเต็มโต๊ะ “เชิญท่านอ๋องลองชิมดูสิคะ”ว่าอาหารของเรือนไผ่จะอร่อยถูกปากท่านหรือเปล่า..?ถึงจะไม่ใช่อาหารเลิศหรูสู้อาหารของเรืองรองไม่ได้ แต่ฝีมือของหยวนเอ๋อก็อร่อยใช้ได้อยู่ทีเดียวลี่หลินพูดพร้อมเหน็บแนมไป๋อี้เฉิน
ไป๋อี้เฉินยิ้มแห้งเมื่อถูกเหน็บแนม พร้อมกับใช้ตะเกียบคีบอาหารเข้าปากไปสองสามอย่าง"อืม!..อร่อยใช้ได้เลยทีเดียว"ไป๋อี้เฉินพูดพร้อมกับคีบอาหารเข้าปากอีกหลายคำ “เจ้าก็กินด้วยสิ”ไป๋อี้เฉินคีบอาหารให้กับลี่หลิน “ขอบพระทัยเพคะ”ลี่หลินกล่าวขอบคุณเขาและเริ่มทานอาหารร่วมกับไป๋อี้เฉินจนอิ่ม จากนั้นไป๋อี้เฉินก็จะกลับไปจวนหลักเพื่อสะสางงานราชกิจต่างๆวันนี้เขาตื่นสายจนไม่ได้ไปประชุมเช้า
"ท่านอ๋องเพคะ!..ก่อนที่ไป๋อี้เฉินจะออกจากเรือนไปเสียงลี่หลินได้เรียกเขาไว้
"มีอะไรอย่างนั้นรึ..?
"ข้ามีอะไรอยากจะขอท่านสักอย่างจะได้ไหมเพคะลี่หลินพูดขึ้น
"เจ้าก็ลองพูดมาว่าเจ้าจะขออะไรแล้วข้าจะคิดดู,..ลี่หลินอ้ำๆอึ้งๆแล้วจึงพูดออกไป
“หม่อมฉัน.!..เอ่อ.!!..หม่อมฉัน!..ขอม้าสีหมอกตัวนั้นที่ท่านพึ่งได้มาใหม่ได้ไหมเพคะ หม่อมฉันเห็นมันแล้วรู้สึกถูกชะตาลี่หลินบอกเขา “ม้าสีหมอกอย่างนั้นหรือ..?แต่มันเป็นม้าที่พยศมากเลยนะนี่ก็เป็นเดือนแล้ว ตั้งแต่ได้มันมามันยังฝึกไม่เชื่องเลย ให้ข้าหาหมาตัวอื่นให้เจ้าดีกว่าไหม “ไม่เอาเพคะหม่อมฉันอยากได้ม้าตัวนี้”ท่านให้หม่อมฉันนะเพคะเรื่องพยศหม่อมฉันย่อมมีวิธีจัดการกับมัน ลี่หลินยืนยันกับไปอี้เฉินยังไงนางก็จะเอามาตัวนี้
“ถ้าเจ้าคิดว่าจัดการกับมันได้ก็ตามใจเจ้าเถอะ”ข้ามอบให้เจ้า ลี่หลินยิ้มด้วยความดีใจให้กลับไป๋อี้เฉินพร้อมกล่าวขอบคุณ"ขอบพระทัย เพคะ" ไป๋อี้เฉินก็พยักหน้าให้นางและขอตัวไปสะสางงานเพราะว่าสายมากแล้ว “ถ้าอย่างนั้นข้าไปแล้วนะ”เจ้าก็ระวังให้ดีม้ามันยังพยศอยู่มันอาจทำให้เจ้าบาดเจ็บได้
“เพคะหม่อมฉันจะระวัง”
เมื่อไป๋อี้เฉินไปแล้ว ลี่หลินก็เปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มร่าเริงมาเป็นหน้านิ่งไร้ความรู้สึกทันที “ต้าเกอ”เราไปดูม้ากัน ข้าขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อนเดี๋ยวเราไปกัน “อืม”ซูเฟิงตอบกลับลี่หลินสั้นๆ
ลี่หลินกับซูเฟิงเดินไปถึงคอกม้า ก็มองเห็นม้าสีหมอกกำลังพยศไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้มันได้เลย ฮี้!..ฮี้!..ฮี้!…เสียงม้าร้องพร้อมยกสองขาคู่หน้าขึ้นไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ หากมีใครเข้าใกล้มันพร้อมจะเตะออกมาได้ทันที ลี่หลินยืนสังเกตอาการของม้าสีหมอกตัวนี้สักพัก จึงสั่งให้ทุกคนถอยห่างออกมาและนางก็เดินเข้าไปหามันอย่างช้าๆ
ฮี้!..ฮี้!..ฮี้!!!..ม้าสีหมอกร้องพร้อมยกสองขาคู่หน้าขึ้นท่วมหัวของลี่หลิน “พระชายาระวัง!!..เสียงของซูเฟิงดังขึ้นด้วยความเป็นห่วงว่านางจะมีอันตราย “ข้าไม่เป็นอะไร”ต้าเกอ!..ไม่ต้องห่วงลี่หลินบอกซูเฟิง ตอนที่นางเผชิญหน้ากับม้าสีหมอกโดยตรงโดยไม่กลัวเลยสักนิด นางจ้องเข้าไปในดวงตาของมัน พยายามใช้สายตาของนางบอกกับมันว่าไม่เป็นอะไรนะนางไม่ได้มาทำร้ายมัน ไม่เป็นอะไรมันปลอดภัย แล้วลี่หลินก็ค่อยๆยกมือข้างนึงขึ้นช้าๆค่อยๆยื่นมือเข้าไปแตะที่หน้าผากของม้าสีหมอก และขยับตัวเข้าไปใกล้ๆใช้หน้าผากของนางแนบเข้าไปกับหน้าผากของม้าสีหมอกตัวนั้นและใช้มือลูบเบาๆเหมือนเป็นการปลอบใจ ม้าสีหมอกก็ใจเย็นลงและยอมให้นางเข้าใกล้แต่โดยดี เมื่อลี่หลินเห็นว่าม้าสีหมอกเชื่อใจตัวเองแล้วจึงขึ้นไปขี่บนหลังของมันทันที และมันก็เชื่อฟังนางและทำตามคำสั่งทุกอย่างอย่างว่าง่าย สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้คนเลี้ยงม้าและทุกคนในคอกม้าแปลกใจ เพราะพวกเขาพยายามทำทุกอย่างมันก็ไม่ยอมหยุดพยศเลย “พวกเจ้าไม่ต้องแปลกใจหรอกมันเป็นแค่ความเชื่อใจ”และมันก็เชื่อใจข้าแค่นั้นเอง ลี่หลินบอกกับทุกคนที่กำลังมองมาที่นาง “ข้าจะเอามันไปลองขี่สักหน่อย”ลี่หลินบอกกับคนเลี้ยงม้า "ขอรับ!..พระชายาเอก!…คนเลี้ยงม้ารับคำพร้อมกับมองนางด้วยความแปลกใจในยุคนี้น้อยมากที่จะมีสตรีขี่ม้าเมื่อพวกเขาเห็นจึงตกใจเล็กน้อย
“ต้าเกอ!..เราไปลองขี่ม้ากัน ซูเฟิงพยักหน้ารับพร้อมกระโดดขึ้นขี่ม้านั่งข้างหลังของลี่หลินแล้วควบออกไปโดยไม่สนใจสายตาของคนที่อยู่ในคอกม้าที่มองตามพวกเขา เมื่อควบม้าออกไปได้ซักพัก ลี่หลินมองเห็นทุ่งหญ้าเขียวขจีอยู่สองข้างทางจึงสั่งหยุดม้า"พวกเราอยู่ที่นี่สักพักเถอะ"ลี่หลินหันไปบอกซูเฟิงแล้วพวกเขาก็ลงจากหลังม้า ซูเฟิงเดินจูงม้าเอาไว้เมื่อมองออกไปในทุ่งหญ้ามีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งตั้งตะหง่านอยู่กลางทุ่งหญ้าใช้เป็นที่หลบแดดได้ดี “ต้าเกอเราไปนั่งคุยกันตรงนั้นเถอะ”ปล่อยเจ้าสีหมอกให้กินหญ้าและให้มันเดินเล่นให้สบายใจเถอะมันถูกขังมานานคงอยากออกกำลังและเดินเล่นอย่างเป็นอิสระ ลี่หลินบอกพร้อมเดินนำหน้าซูเฟิงไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่.?ซูเฟิงเอ่ยถามลี่หลินขณะที่เขากำลังนั่งลงใกล้ๆกับนางใต้ต้นไม้ใหญ่" “ข้ากำลังคิดว่าจะหาวิธีหย่ากับไป๋อี้เฉินอย่างไรดี”ข้าไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆเขาก็ไม่ได้รักข้าและข้าก็ไม่ได้รักเขาแล้ว ทำไมเขาถึงไม่ยอมหย่าและยิ่งตอนนี้หากข้าไปขอให้เขาหย่ากับข้าดีๆเขาย่อมไม่มีทางยอมหย่ากับข้าแน่ ข้าต้องหาวิธีที่เขาไม่สามารถปฏิเสธการหย่าได้ “ต้าเกอ!..ลี่หลินเรียกซูเฟิงเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้”นางมองซ้ายมองขวาแล้วจึงบอกกับซูเฟิงว่า"ข้ารู้สึกว่า กู้เมิ่ง ไม่ได้ตามข้ามาหลายวันแล้ว"ก็ดีข้าจะได้คุยกับท่านอย่างสะดวกขึ้น หอสุรา ที่ข้าให้ท่านไปจัดการไปถึงไหนแล้ว “ทุกอย่างเป็นไปตามที่เจ้าสั่ง,..หอสุราที่ตั้งอยู่นอกเมืองทำเลดีนัก"เหล่าพ่อค้าแม่ขาย นักท่องยุทธภพทั้งหลายและลูกค้าอีกหลายแบบต่างเข้ามาแวะพักดื่มสุราอย่างเนืองแน่น
หอสุราที่ลี่หลินได้แอบเปิดขึ้นนี้ มองภายนอกก็เป็นเพียงหอสุราธรรมดาและมีห้องพักหลายห้องภายในตัว ที่เหล่าพ่อค้าสัญจรไปมาแวะพักผ่อนก่อนเข้าเมืองเพื่อทำการค้าหรือติดต่อธุระอย่างอื่นแต่จริงๆแล้วมันเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลชั้นดี “เมื่อถึงวันที่ท่านออกไปแสดงที่หอสุราท่านจะทำอย่างไร..? ซูเฟิงเอ่ยถามลี่หลินขึ้นมาเพราะที่หอสุราทุกสิ้นเดือนนางจะปลอมตัวไปเต้นรำต้อนรับแขกเพื่อเป็นการเรียกลูกค้า”และขอบคุณลูกค้าที่มาอุดหนุนหอสุราของนางและการร่ายรำของนางก็เป็นที่ชื่นชอบเป็นอย่างมาก ทุกสิ้นเดือนจึงมีลูกค้าจำนวนมากเข้ามาจองโต้ะและห้องพักเพื่อดื่มสังสรรค์และรอดูการร่ายรำของนาง
นั่นนะสินางจะทำอย่างไรดี หากเป็นแต่ก่อนที่นางอยู่ที่เรือนไผ่การปลอมตัวออกมาร่ายรำนั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนาง แต่ตอนนี้นางต้องกลับเข้าไปอยู่ที่เรือนหลักแล้วนางจะทำยังไงเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไป๋อี้เฉินไม่ให้รู้ความลับของนางได้ เมื่อคิดไปคิดมาลี่หลินก็ถอนหายใจยาวออกมา "เฮ้อ!…ตอนนี้เราอย่าเพิ่งเป็นกังวลไปเลยรอให้ถึงวันข้าย่อมหาวิธีได้แน่ลี่หลินบอกกับซูเฟิงและชวนเขากลับจวน
“พวกเรากลับกันเถอะ!.. ลี่หลินพูดพร้อมเป่าปาก”,..วี้ด!…ม้าสีหมอกก็วิ่งเข้ามาหานางทันทีนางกับชูเฟิงขึ้นหลังม้าแล้วควบม้ากลับเรือนไผ่ เมื่อมาถึงเรือนนางก็ตกใจกับภาพตรงหน้า บ่าวรับใช้หลายสิบคนกำลังขนของของนางออกจากเรือนและหยวนเอ๋อก็วิ่งวนไปวนมาไม่รู้จะห้ามพวกเขายังไง “นี่พวกเจ้าทำอะไร.??ลี่หลินพูดขึ้นเสียงดังอยู่บนหลังม้า”บ่าวรับใช้คนนึงเมื่อเห็นนางจึงวิ่งออกมาแล้วบอกนางว่า “ท่านอ๋องให้มาขนของของพระชายาอไปไว้ที่เรือนหลักขอรับ,..ข้าเพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นขอรับ”
จิ๊!.จิ๊!.จิ!!!.. ลี่หลินทำเสียงรำคาญออกจากปากพร้อมกับเบ้ปากมองบน “เมื่อเป็นเช่นนี้พวกเจ้าก็ไปทำตามที่ท่านอ๋องสั่งเถอะ”ลี่หลินบอกบ่าวรับใช้เดิมทีนางคิดว่าจะอยู่เรือนไผ่อีกสักหลายวันค่อยย้ายเข้าไปยังเรือนหลักตามที่ไป๋อี้เฉินบอกแต่เห็นทีคงจะไม่ได้แล้ว ไป๋อี้เฉินผู้นี้ช่างใจร้อนจริง
หากท่านต้องการเล่นเกมข้าก็จะเล่นกับท่าน เพียงแค่คำรักในคืนเดียวหากเป็นเจ้าของร่างเดิมก็คงลงเชื่อท่านอย่างหมดใจ แต่ข้าไม่ใช่เจ้าของร่างเดิมฉะนั้นคำรักของท่านใช้ไม่ได้กับข้า สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นเพียงอาการหวงก้างของท่านแค่นั้นเอง แค่กลัวสมบัติของตัวเองถูกแย่งไปถึงต้องแสดงความเป็นเจ้าของ ไป๋อี้เฉินท่านคิดว่าข้าดูไม่ออกหรืออย่างไร และการที่ท่านให้ข้าย้ายไปอยู่ที่เรือนหลักก็เพื่ออยากจับตาดูข้าแค่นั้นเองและแยกข้าให้ออกห่างจากต้าเกอลี่หลินคิดในใจ นางมองเกมของไป๋อี้เฉินออกอย่างแจ่มแจ้ง
--"เกมนี้ของท่านข้าจะลองเล่นดู,..และข้าจะคอยดูว่าท่านจะเดินเกมนี้ต่อไปอย่างไร!.."
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 27
Comments