ไป๋อี้เฉิน ได้กลับมาถึงจวน ตอนนี้ความเจ็บปวดของเขาได้เบาลงแล้ว หากแต่ในใจยังแค้นเคืองนางอยู่ เขาได้เปลี่ยนชุดใหม่ให้กลับตัวเองเรียบร้อย แล้วจึงเดินไปยังห้องหนังสือของเขา “รายงานมา” เมื่อเขาเอ่ยขึ้น ก็มีองครักษ์เงาเดินออกมาจากมุมหนึ่งของห้องแล้วเข้ามากระซิบที่หนูของเขา “อย่างนั้นรึ” พระชายาเอกเก่งกาจขนาดนั้นเชียวหรือ การที่เขาไปที่เรือนไผ่วันนี้เป็นเพียงความไม่ตั้งใจ เขาแค่จะไปดูม้าที่เขาพึ่งซื้อมาใหม่แต่มันก็พยศเหลือเกินยังคงต้องฝึกอีกนาน เมื่อเขามองเห็นเรือนไผ่ที่เขาชอบมาพักเวลาที่ฝึกม้าแต่เขาก็ไม่ได้มานานจนปล่อยทิ้งร้างไป จนลี่หลินนางได้เข้ามาอยู่จึงเดินมาดูสักหน่อย พอเขามาถึงก็ไม่เห็นมีใครอยู่เรือนสักคน เขาจึงเดินผ่านเรือนไผ่ไปทางด้านหลังซึ่งเขาจำได้ว่ามีลำธารเล็กๆอยู่ เขาเดินไปเรื่อยพอกลับมาก็เห็นว่า “ลี่หลิน”กำลังแช่น้ำ เขาไม่ได้ตั้งใจแอบดูนางพอเขากำลังจะย่องออกไปนางก็ดันรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาพอดี ก็เลยเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมา พอนึกถึงเหตุการณ์นั้น เขาก็เจ็บแป็บขึ้นมาทันที
ส่วนทางด้านของ ลี่หลิน นางก็เปลี่ยนชุดเรียบร้อย เช็ดผมจนแห้งดีหวีและมัดรวบเป็นหางม้าง่าย ก็นั่งคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็รูสึกสะอิดสะเอียนเอามือเช็ดปากตัวเองจนแดงไปหมด ไม่ได้ต่อไปเทอจะเสียท่าให้เขาอีกไม่ได้ ผู้ชายคนนี้ช่างมกมุ่นในกามเหลือเกิน ขโมยจูบเทอไม่พอ ยังมาทิ้งร่องรอยไว้ที่คอของเธออีก “ไอ้เอ๋องบ้า”
ป้อก!..ป้อก ป้อก..เสียงเคาะประตู ลี่หลิน หันไปมองที่ประตูโดยไม่แน่ “ฝ่าบาท”ออกมากินข้าวเถอะ ข้ากับหยวนเอ๋อหิวจนใส้จะขาดอยู่แล้ว ท่านอ๋องกลับไปตั้งนานแล้วออกมากินข้าวเถอะนะขอรับ เมื่อนางได้ยินเสียงของพี่ชายจึงเดินออกมาเปิดประตู และไปนั่งกินข้าวอยู่หน้าลานบ้านกันสามคนเช่นเคย ซูเฟิงกับหยวนเอ๋เห็นสีหน้าของนางไม่ค่อยดีนัก จึงไม่ได้เอ่ยถามอะไร ได้แต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวของตัวเองไป
หลังเหตุการณ์วันนั้นก็ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว “คุณหนู”นี่ท่่านแต่งออกมาก็จะเกินหนึ่งเดือนไปแล้วนะเจ้าคะ ถึงเวลาที่ท่านต้องกลับไปเยี่ยมบ้านแล้ว “อย่างนั้นหรือ”ข้าลืมไปเสียสนิท หากข้าต้องออกจากจวนก็ต้องไปขออนุญาตท่านอ๋อง แต่ข้าไม่อยากเจอหน้าเขา “ตราบใดที่ท่านยังอยู่ที่นี่ยังไงท่านก็ต้องเจอท่านอ๋องอยู่ดีนะเจ้าคะ “ก็นั่นสินะ” งั้นข้าจะยอมไปพบเขาสักครา พูดแล้วลี่หลินก็ถอนหายใจออกมายาวๆ
เจ้าไปบอกให้ “ต้าเกอ”ไปส่งข่าวที่จวนหลักให้ทีว่าข้าขอพบท่านอ๋องหน่อย เจ้าค่ะ:..คุณหนู หยวนเอ๋อเดินออกจากห้องเดินตรงไปหา ซูเฟิงที่กำลังผ่าฟืนอยู่ที่ข้างๆครัว ท่านหมอ!."ข้าบอกเจ้าแล้วไงว่าให้เรียกข้า" เกอเกอ “ข้าลืมไป” คุณหนูให้ท่านไปแจ้งที่จวนหลักว่าคุณหนูขอพบท่านอ๋องหน่อย “ได้”ข้าจะรีบไป ซูเฟิงหายไปสักพักก็กลับมาแล้วเข้าไปรายงาน ‘ลี่หลิน’ที่ในเรือน “พระชายาท่านอ๋องบอกว่าให้ท่านไปพบตอนเที่ยง ขอรับ “อย่างนั้นหรือ ” ขอรับ อย่างนั้นตอนเที่ยงท่านไปกับข้าด้วยนะ ‘ได้ขอรับ’
พอใกล้ถึงเวลาเที่ยง ก็ได้เวลาที่ลี่หลินต้องไปพบกับไป๋อี้เฉินตามที่เขานัดไว้ นางเดินไปยังจวนหลักก็เป็นเวลาเที่ยงพอดี บ่าวรับใช้ได้พานางเดินผ่านเรือนหลักไปยังห้องหนังสือ “ท่านอ๋อง พระชายาเอกมาถึงแล้วขอรับ “ให้นางเข้ามา….'เชิญพระชายาเอก เข้าไปได้ขอรับ “ท่านอ๋องอยู่ข้างในบ่าวรับใช้เปิดประตูให้นางเข้าไป เมื่อนางก้าวพ้นประตูเข้าไป บ่าวรับใช้ก็ปิดประตูทันที ทำให้นางมองตามประตูที่ปิดไปด้วยสายตาที่อาลัยอาวรณ์ “เข้ามาสิ..ไปยืนอะไรอยู่ตรงนั้น เมื่อนางมองไปยัง ไป๋อี้เฉิน ก็เห็นเขากำลังนั่งทำงานอยู่อย่างจริงจัง ในยามที่เขาจริงจังดูสงบนิ่งสง่างามหน้าตาที่ดูเย็นชาของเขาก็เหมาะกับโฉมยานาม “เทพสงครามที่แสนเย็นชา”หากเพียงเขาได้ทำศึกก็ฆ่าได้แบบไม่ปราณีี “เจ้ามัวยืนจ้้องอะไรอยู่ เข้ามานั่งใกล้ๆข้าตรงนี้ ”เร็วสิ!.. ลี่หลินเดินเข้าไปหยุดที่ข้างโต้ะเขียนหนังสือของเขาอย่างเก้ๆกังๆ “นั่งลง” เพคะ นางนั่งลงตามคำสั่งเขา “เจ้าช่วยฝนหมึกให้ข้า ให้ข้าทำงานเสร็จมีอะไรค่อยคุยกัน” ….เพคะ…ไป๋อี้เฉินรู้สึกแปลกใจทำไมวันนี้นางถึงได้พูดน้อยจังหากแต่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก ก็ก้มหน้าก้มตาทำงานจนเสร็จ โดยที่มีลี่หลินนั่งฝนหมึกให้อยู่ข้างๆ โดยทีไม่พูดอะไรเลย 'อ้า!.เสร็จสักที.. เจ้ามีอะไรอย่างนั้นรึ ไป๋อี้เฉิน เอ่ยถามลี่หลิน “ข้าเพียงมาขออนุญาตท่านกลับไปเยี่ยมบ้านสักสองสามวัน นี่ข้าก็แต่งออกมาจะสองเดือนแล้วยังไม่ได้กลับบ้านสักครั้ง ก็เลยมาขอท่านกลับไปเยี่ยมท่านพ่อท่านแม่สักหน่อย “แล้วเจ้าจะกลับวันไหนล่ะ “หากท่านอนุญาตข้าก็จะกลับพรุ่งนี้เลย “อย่างนั้นรึ งั้นข้าจะให้เด็กเตรียมรถม้าไว้ให้ “ขอบพระทัยเพคะท๋องอ๋อง ถ้าหากไม่มีอะไรแล้วหม่อมฉันขอตัวนะเพคะ “เจ้าจะรีบไปไหนล่ะ อยู่กินข้าวเป็นเพื่อนข้าก่อนแล้วค่อยไป ไม่ต้องกลัวข้าขนาดนั้นหรอก ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก “ท่านอ๋องเพคะ!!..หม่อมฉันนำซุบมาให้เพคะ เสียงของ ซูหนี่ ดังมาจากหน้าประตู “นั่นไงเพคะเพื่อนกินข้าวของท่านมาโน่นแล้ว ลี่หลินบอกเขา พร้อมรีบลุกขึ้น ในเมื่อท่านมีเพื่อนกินข้าวแล้วหม่อมฉันขอตัวนะเพคะ ลี่หลินยังไม่ทันให้ ไป๋อี้เฉิน ได้พูดอะไรนางก็รีบเดินออกจากห้องหนังสือทันทีโดยไม่หันกลับไปมองเขาเลย พอเดินออกมาก็เจอกับ ซูหนี่ ที่ยืนรอ ไป๋อี้เฉิน เอ่ยอนุญาตให้นางเข้าไป “ท่านพี่!.ท่านมาทำอะไรที่ห้องเขียนหนังสือหรือเพคะ ซูหนี่เอ่ยถามด้วยความแปลกใจที่เห็น ลี่หลินเดินออกมาจากห้องเขียนหนังสือ “อ้อ!..ท่านอ๋องเรียกข้ามาฝนหมึกน่ะ ตอนนี้ท่านอ๋องทำงานเสร็จแล้วข้าก็เลยจะกลับเรือน ลี่หลินตอบนาง “ฝนหมึกหรือเพคะ เดิมทีท่านอ๋องไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาที่ห้องเขียนหนังสือง่ายๆ ยกเว้นข้าที่ท่านอ๋องอนุญาตเป็นพิเศษ ซูหนี่บอกให้ลี่หลินฟังว่าตัวเองได้ถูกยกเว้นเป็นพิเศษเพื่อแสดงตัวว่าตนเองสำคัญกับ ไป๋อี้เฉิน ขนาดไหน “อันนี้ข้าก็ไม่รู้สินะ เขาเป็นคนเรียกข้าให้มาที่นี่เอง ไม่เชื่อเจ้าก็ไปถามเขาดูเองสิ ลี่หลินตอบซู่หนี่ด้วยน้ำเสียงที่ยียวนกวนประสาทเล็กน้อย จนซู่หนี่รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา และก่อนที่ซู่หนี่จะได้พูดอะไรลี่หลินก็พูดตัดบทขึ้นมา “เจ้ารีบเข้าไปเถอะ!.ท่านอ๋องของเจ้ากำลังหิวอยู่พอดี หากเจ้าชักช้า ท่านอ๋องของเจ้าอาจจะหิวจนตาลายตายไปแล้วก็ได้ “อุ้ย!!..ท่านพี!..นี่ท่านกล้าแช่งท่านอ๋องให้ตายเลยหรือเพคะ "ทำไมถึงจะไม่กล้า เขาไม่ใช่พ่อข้าซะหน่อยนี่ พูดแล้วลี่หลินก็เดินออกจากเรือนไปโดยไม่สนใจ ซูหนี่อีก
ซูหนี่ รีบเดินเข้าไปในห้องเขียนสือแล้วก็ทำเสียงออดอ้อน ไป๋อี้เฉิน ขึ้นมาทันที “ท่านอ๋องเพคะ..ท่านดูสิเพคะเดี๋ยวนี้ท่านพี่ชักเอาใหญ่ไม่เกรงกลัวท่านอ๋องเอาก็เสียเลย ถึงกับแช่งให้ท่านตายได้ลงคอ “นางก็แค่พูดไปอย่างนั้น เจ้าจะสนใจไปใย ไป๋อี้เฉินบอกกลับซูหนี่ไป “ก็ได้เพคะ เมื่อท่านอ๋องไม่สนใจหม่อมฉันก็จะไม่สนใจก็ได้เพคะ หม่อมฉันก็แค่เป็นห่วงท่านอ๋องก็เท่านั้นเอง ซูหนี่พูดออกมาด้วยเสียงสั่นเคลือพร้อมกับบีบน้ำตาของนางออกมาด้วยความน้อยใจ ไป๋อี้เฉิน เมื่อเห็นคนรักของตนร้องไห้ก็รีบลุกจากโต้ะเขียนหนังสือและเดินเข้ามาโอบกอดนางเพื่อปลอบใจ “เจ้าหยุดร้องได้แล้ว ร้องมากๆเดี๋ยวตาบวมไม่สวยเอานะ ข้าเข้าใจในความเป็นห่วงของเจ้า แต่ข้าไม่เป็นไร ข้าเป็นถึงท่านอ๋องของราชวงศ์แถมยังเป็นเทพแห่งสงครามผ่านศึกมานักต่อนัก จะตายง่ายๆเพียงเพราะความหิวได้อย่างไร ไป๋อี้เฉินพูดปลอบนาง"เพคะ..ท่านอ๋อง ซูหนี่จึงได้หยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาตนเอง ไป๋อี้เฉินยิ้มให้นางแล้วจึงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ที่โต้ะอาหาร ซูหนี่ก็ได้เดินตามเขาไปแล้วนั่งลงที่ตักของไป๋อี้เฉิน “เดี๋ยวนี้ท่านอ๋องไม่เห็นไปเรือนรองของข้าเลยนะเพคะ ซูหนี่ทำเสียงออดอ้อนพร้อมเอามือสองข้างค้องคอเขาไว้ “ช่วงนี้ข้าไม่ค่อยว่างต้องอ่านคำร้องเรียนจากชาวบ้านที่เดือดร้อนส่งเข้ามาทุกวันต้องเข้าประชุมขุนนาง ราชกิจเยอะเต็มไปหมดที่ต้องสะสางให้เสร็จ “อย่างนั้นหรือเพคะ!..ถ้าอย่างนั้นให้ข้ามาคอยปรนนิบัติท่านอ๋องที่เรือนหลักดีมั้ยเธอคะ ซูหนี่พูดด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวน พร้อมก้มลงจุมพิตที่ปากได้รูปของไป๋อี้เฉินอย่างแผ่วเบา เมื่อนางเห็นว่าเขาไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใดนางจึงเริ่มที่จะจูบเขาแบบเร่าร้อนขึ้นมา ทันใดนั้นไป๋อี้เฉินก็ผลักนางออกเบาๆพร้อมพูดขึ้น “ข้ามีงานต้องทำต่อ เจ้ากลับเรือนไปก่อนเถอะข้าต้องทำงานให้เสร็จก่อนประชุมเช้า ไว้ข้าว่างข้าจะไปหาเจ้าที่เรือน "จริงนะเพคะ..ท่านต้องไปหาข้าที่เรือนนะเพคะ ไป๋อี้เฉินพยักหน้ารับนางเบาๆ
ซูหนี่ กลับออกมาจากห้องเขียนหนังสืออย่างหงุดหงิด นับตั้งแต่แต่งงานเข้ามาเป็นชายารองของ ไป๋อี้เฉิน แถมนางยังเป็นทั้งคนรักของเขาอีกด้วย แต่นับแต่แต่งงานจนถึงบัดนี้เขากับนางก็ยังไม่ได้ร่วมหอกันเลย อย่างมากก็แค่จูบ นางไม่น่าคิดแผนตกน้ำขึ้นมาเลยยิ่งหลังจากนางตกน้ำครั้งนั้น ไป๋อี้เฉินยิ่งไม่กล้าแตะต้องนางเพราะเขายังคิดว่านางไม่ค่อยแข็งแรงดีกลัวทำให้นางบาดเจ็บได้ คิดขึ้นมานางก็หงุดหงิด แล้วเดินกลับเรือนไปพร้อมกับสาวใช้ของนาง
ทางด้านของ ลี่หลิน นางก็จัดการให้หยวนเอ๋อกับซูเฟิงไปหาซื้อของฝากเตรียมที่จะเอากลับบ้าน ไปฝากท่านพ่อท่านแม่ของนาง เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วนางจึงรีบเข้านอนแต่หัวค่ำเพื่อพรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้าเพื่อออกเดินทาง ลี่หลินได้ตื่นขึ้นมาตอน ยามเหม่า นางจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมตัว วันนี้นางได้แต่งหน้าอ่อนๆทาปากสีชมพูและได้ทำผมนางแบ่งปอยผมข้างหน้าสองข้างไว้เท่าจากนั้นก็ถักเปียทั้งสองข้าง แล้วนางก็รวบผมครึ่งนึงขึ้นม้วนเก็บไว้กลางศรีษะทางด้านหลังแล้วดึงเปียทั้งสองข้างมาทางด้านหลังและม้วนทับลอยที่รัดผมเพื่อให้ดูสวยงามจากนั้นก็ใช้ปิ่นปักผมปักเอาไว้ส่วนผมอีกครึ่งนางก็ปล่อยยาวลงไปเต็มแผ่นหลังอย่างสวยงาม ชุดที่นางใส่วันนี้เป็นชุดเกาะอกที่ปักรวดลายย่างปราณีตสีขาวกระโปรงยาวกำลังพอดีสวมทับด้วยเสื้อคุมสีขาวแขนกว้างและสวมเสื้อผาวสีฟ้าโปร่งทับอีกชั้น ทำให้วันนี้เธอดูสวยมาก
คุณหนูเจ้าคะ!..ท่านแต่งตัวเสร็จรึยังเจ้าคะรถม้ามาถึงแล้วเจ้าค่ะ เสียงหยวนเอ๋อร้องเรียกคุณหนูของนาง “เสร็จแล้ว!.เสร็จแล้ว ข้าออกไปเดี๋ยวนี้แหละ ลี่หลินเดินออกมาจากเรือน เมื่อหยวนเอ๋อเห็นนาง “วันนี้คุณหนูสวยมากเลยเจ้าค่ะ หยวนเอ๋อเอ่ยชมคุณหนูของนาง"ลี่หลินทำเพียงยิ้มรับคมชมของหยวนเอ๋ออย่างเต็มใจ “ไปกันเถอะ ลี่หลินบอกกลับหยวนเอ๋อ “เจ้าค่ะคุณหนู”
เมื่อ ลี่หลิน เดินขึ้นรถม้าไป นางก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ไป๋อี้เฉิน เขามาอยู่ในรถม้าของเธอได้อย่างไร “เจ้ามัวยืนอึ้งอยู่ทำไมตรงนั้น รีบเข้ามานั่งสิจะได้รีบออกเดินทาง ไปอี้เฉินเรียกให้ลี่หลินรีบเข้ามานั่ง “ท่านมาได้อย่างไร?.. ท่านไม่ได้บอกนี่ว่าจะกลับไปกลับข้าด้วย ลี่หลิน เอ่ยถาม ไป๋อี้เฉิน อย่างประหลาดใจ "พระชายาเอกกลับไปเยี่ยมบ้านทั้งที ข้าจะไม่ไปด้วยได้อย่างไร ทำแบบนั้นข้าก็เสียหน้าแย่ เจ้ารีบเข้ามานั่งเถอะจะได้ออกเดินทางสักที นี่มันก็จะสายมากแล้ว ลี่หลินเดินเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับไปอี๋เฉิน ภายในรถม้าได้รองเบาะนั่งไว้อย่างดีมีหมอนอิงสองอัน และมีของว่างที่ถูกจัดเตรียมไว้เผื่อหิวระหว่างทาง
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 27
Comments