ตั้งแต่ซูเฟิงย้ายเข้ามาอยู่ที่เรือนไผ่เวลาก็ได้ล่วงเลยมาหนึ่งเดือนแล้วอาการบาดเจ็บของเธอก็หายดีและร่างกายของเธอก็กลับมาแข็งแรง ทุกวันเธอกลับซูเฟิงได้ร่วมกันฝึกฝนร่างกายและรื้อฟื้นความสามารถต่างๆจนความสามารถที่เธอมีได้กลับมาหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นศิลปะการต่อสู้ขี่ม้ายิงธนูหรือแม้การเอาตัวรอดต่างๆ การร่ายรำขับร้อง ด้วยภพที่เธอจากมาเธอเป็นหน่วยรบพิเศษบางครั้งก็ปลอมตัวเพื่อแฝงตัวไปทำภารกิจเพราะฉะนั้นเธอจึงมีความสมารถที่เก่งรอบด้าน โดยเฉพาะขี่ม้ายิงธนูเธอชอบมากและธนูคืออาวุธประจำตัวของเธอ ขณะที่เธอกับซูเฟิงและหยวนเอ่อกำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะเล็กใต้ต้นไม้อยู่ที่หน้าลานบ้าน หลังจากฝึกเสร็จ ก็มีบ่าวรับใช้จากในจวนเดินเข้าหาเธอ เรียนพระชายาท่านอ๋องเรียกให้ท่านไปพบที่ตำหนักรองขอรับ มีอะไรอย่างนั้นรึ บ่าวไม่ทราบขอรับบ่าวเพียงรับคำสั่งมา ข้าเข้าใจแล้วเจ้ากลับไปก่อนเถอะเดี๋ยวข้าตามไป ขอรับ เมื่อบ่าวรับใช้กลับไปลี่หลินก็เลิกกินข้าวแล้ววางตะเกียบพร้อมถอนหายใจอย่างแรง จนซูเฟิงกับหยวนเอ๋อหันมองหน้ากัน คุณหนูเป็นอะไรหรือเจ้าคะ ทำไมถอนหายใจแรงขนาดนั้น ลี่หลินจึงตอบกับหยวนเอ๋อไป ข้าคิดว่าความสงบของข้าคงจะหมดลงแล้ว ข้าอุตส่าห์คิดหาวิธีที่จะอยู่อย่างสงบจึงได้ขอร้องเขาให้ข้าย้ายมาอยู่ที่นี่ แต่คงไม่มีทางที่จะสงบสุขได้หากข้ายังอยู่ในจวนนี้ พอดีเลยวันนี้เขาเรียกข้าเข้าไปพบ ข้าก็จะขอให้เขาเขียนใบหย่าให้ข้าเลย อะไรนะเจ้าคะ “ขอหย่า”หรือเจ้าคะ ทำไมเจ้าต้องตกใจขนาดนั้นด้วยข้าแค่ขอให้ท่านอ๋องหย่าให้ข้า ท่านจะไม่ให้ข้าตกใจได้อย่างไรเจ้าคะ ก่อนนี้ท่านอ๋องขอหย่ากับท่านตั้งหลายหนท่านก็ไม่ยอมหย่าหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่หย่าเด็ดขาด แต่มาตอนนี้กับเป็นท่านจะไปขอหย่าเอง อย่างนั้นรึ เจ้าค่ะทำไมข้าถึงจำไม่ได้ ช่างเถอะอาจเป็นเพราะตอนนั้นข้าคงรักท่านอ๋องมากเกินไปเลยดื้อรั้นเพราะหวังว่าท่านอ๋องจะสนใจข้าบ้าง แต่ตอนนี้ข้าคิดได้แล้วตั้งแต่ที่เขาสั่งโบยโดยไม่ปราณีไม่เคยคิดว่าข้าก็เป็นชายาของเขาเหมือนกัน พูดจบลี่หลินก็ลุกขึ้น พวกเราไปกันเถอะอย่าปล่อยให้ท่านอ๋องรอนาน จากนั้นพวกเขาก็พากันเดินไปยังเรือนรอง ขณะที่พวกเขาเดินเข้ามาภายในจวน ก็สังเกตุเห็นพวกบ่าวรับใช้มองพวกเขาด้วยสายตาแปลกๆ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาซุบซิบกัน หากแต่ลี่หลินไม่สนใจ พอเดินมาถึงเรือนรอง สาวรับใช้ของ ซูหนี่ ก็มาดักหน้าเธอไว้ทันที พระชายาเอกท่านมาได้อย่างไรเจ้า พูดเสียงไม่ได้เคารพนางมากนัก ท่านอ๋องเรียกให้ข้ามา อย่างนั้นหรือเจ้าคะ แต่ท่านอ๋องกำลังพักผ่อนอยู่กับพระชายารอง ท่านรอก่อนนะเจ้าคะให้บ่าวไปรายงานท่านอ๋องก่อน “อืม” จากนั้นสาวใช้ของ ซูหนี่ก็วิ่งไปที่หน้าประตูเพื่อรายงาน ท่านอ๋อง พระชายาเอกมาเจ้าค่ะนางบอกว่าท่านเป็นคนเรียกพบนาง ไป๋อี้เฉิน เมื่อได้ยินสาวใช้รายงานก็แปลกใจเขาไม่เคยเรียกพบนาง ซูหนี่เห็นสีหน้าของเขาเลยพูดขึ้น เป็นหม่อมฉันเองเพคะที่อยากพบนางด้วยเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของท่านพี่ จึงอยากไถ่ถามอาการ แต่กลัวท่านพี่ไม่มาเลยให้บ่าวบอกไปว่าท่านอ๋องเรียกเพคะ เดิมทีข้าก็อย่างไปเยี่ยมท่านพี่ด้วยตัวเองแต่ข้าก็ยังไม่หายดีเท่าไร เป็นแบบนี้หรือ งั้นให้นางเจ้ามา พระชายาเชิญเข้าไปได้เจ้าค่ะ พวกเจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้ล่ะ ลี่หลินบอกซูเฟิงและหยวนเอ๋อ แล้วนางก็เดินเข้าไปข้างใน พอเข้าไปก็เห็นภาพที่ ซูหนี่ นั่งอยู่บนตักของ ไป๋อี้เฉิน กำลังกอดรัดฟัดเวี่ยงยอกเย้ากันอยู่ ไม่หน้ามองเอาเสียเลยเสียสายตานางหมด อุจาดตาเสียจริง นางจึงพูด ท่านอ๋องต้องการพบหม่อมฉันหรือเพคะ เมื่อได้ยินเสียงของลี่หลิน ไป๋อี้เฉิน ก็ได้หันมามองนาง และเขาก็รู้สึกตลึงไป ลี่หลินตอนนี้เธอไม่ได้สวมชุดสีฉูดฉาดเหมือนแต่ก่อนวันนี้ชุดที่นางสวมเป็นเพียงชุดเกาะอกสีขาวกระโปรงยาวพอดีแล้วคลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีขาวโปร่งยาวทำให้ยิ่งขับกับผิวที่ขาวนวลของเธอ ผมที่ยาวสลวยก็ถูกรวบขึ้นเพียงครึ่งเดียวประดับด้วยปิ่นธรรมดาแต่ดูมีสง่าอีกครึ่งก็ปล่อยยาวให้เป็นอิสระ ไม่ได้เจอนางเพียงหนึ่งเดือนทำไมนางถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ ทั้งดูสวยและมีสง่าขึ้นมากท่าทางก็ดูนิ่งสงบกว่าแต่ก่อนมาก เมื่อสุหนี่เห็นไผ่อี้เฉินมองนางแบบตลึงจึงเรียกเขาอย่างไม่พอใจ ท่านอ๋อง ไป๋อี้เฉินได้ยินเสียงของ ซูหนี่ จึงหลุดจากความคิดและเรียกสติกลับมา
"ใช่ข้าเรียกเจ้าเอง ซู่หนี่เป็นห่วงอาการบาดเจ็บของเจ้า เลยอยากไถ่ถามดู
"ท่าพี่ ท่านเป็นอย่างไรบ้างเพคะ ท่านอ๋องลงมือกับท่านหนักเกินไปเพราะเป็นห่วงข้า ข้ารู้สึกผิดมากเลยเพคะ ตอนนั้นข้าได้จมน้ำหมดสติไปไม่มีโอกาสได้แก้ต่างให้ท่าน ข้าเสียใจเป็นอย่างมากพูดแล้วซูหนี่ก็ร้องไห้บีบน้ำตาทำให้น่าสงสาร ไปอี้เฉินจึงกระชับร่างของซูหนี่และกอดนางแน่นขึ้นเพื่อเป็นการปบอบใจ
"ลี่หลิน จึงตอบนางไปแบบเอือมระอากับการเสแสร้งของนาง ข้าหายดีแล้วยังไม่ตายง่ายๆตามที่เจ้าต้องการหรอก
"ท่านพี่ ทำไมท่านพูดแบบนี้ล่ะเพคะ ข้าอยากให้ท่านตายตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมท่านถึงใส่ความข้าเช่นนี้ข้าเสียใจนะเพคะ
"ข้าไม่มีน้องสาว เจ้าอยากให้ข้าตายหรือไม่เจ้ารู้อยู่แก่ใจตัวเองดี
"นี่เจ้า หนี่เอ๋อร์ อุตส่าห์เป็นห่วงเจ้าเจ้ากับมาว่านางแบบนี้ได้อย่างไร เจ้าเกือบจะข้านางยังไม่สำนึกยังกล้ามาปากดีต่อหน้าข้าอีก อยากถูกโบยอีกรึไง
"แปะ แปะแปะ เสียงปรบมือของลี่หลิ่นพร้อมนางทั้งหัวเราะออกมา เจ้าหัวเราะอะไร หัวเราะท่านไงไม่เจอท่านหนึ่งเดือนท่านก็ยังตาบอดอยู่เหมือนเดิม หม่อมฉันจะบอกอะไรท่านให้นะท่านอ๋องหากหม่อมฉันอยากจะฆ่านางจริงๆ หม่อมฉันไม่ใช้วิธีเด็กๆแบบนี้หรอก ในที่รับตาคนขนาดนั้นหม่อมฉันใช้มีดแทงนางให้ตายไปเลยจะไม่ดีกว่ารึไง นี่เจ้าไป๋อี้เฉินพูดไม่ออก เจ้าอะไรเพคะ เจ้ามันสตรีใจอำมหิต ใช่เพคะหม่อมฉันใจอำมหิต และก็อำมหิตพอๆกับท่านนั่นแหละเพคะ เจ้า ไป๋อี้เฉินโมโหมากจนหน้าแดงไปหมด
"ท่านอ๋อง ท่านอย่าโมโหไปเลยเพคะ ท่านพี่อาจจะยังโกรธข้าและน้อยใจท่านอยู่ เลยพูดออกมาแบบนี้ ซูหนี่ เอามือลูบไปที่อกของเขาเบาๆเพื่อให้เขาใจเย็นลง แล้วนางจึงกระซิบอะไรบางอย่างข้างหูของเขา
"ข้าได้ยิน ว่าเจ้าพาคนเข้ามาอยู่ในเรือนอย่างนั้นรึ แถมยังเป็นผู้ชายอีกด้วย ใช่เพคะเขาเป็นคนรักษาค่าค่าเลยตอบแทนเขาด้วยการให้เข้ามาอยู่ในบ้าน แล้วมันเกียวอะไรกับท่าน มันต้องเกี่ยวกับข้าอยู่แล้ว ในเมื่อเจ้าเป็นถึงพระชายาเอกของข้า กับทำเรื่องน่าอายไม่ให้เกียรติจวนอ๋องของข้า หากคนอื่นรู้เข้าว่าชายาเอกอยู่กับผู้ชายในเรือนข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เฮอะ เฮอะ ท่านอ๋องตอนนี้ท่านกลับคิดได้ว่าหม่อมฉันเป็นชายาเอกของท่าน ตอนที่ท่านโบยข้าเกือบตายแม้แต่หมอก็ไม่ให้ไปดูอาการสักคนท่านกับไม่คิดว่าข้าก็เป็นชายาของท่านคนนึงเช่นกัน ไป๋อี้เฉินถึงกับนิ่งอึ้งไม่คิดว่านางจะย้อนตัวเองกลับมาแบบนี้ นี่นางถูกโบยจนสมองกลับรึยังไง ถึงได้กล้าเถียงเขาฉอดๆแบบนี้ไม่กลัวเขาเสียเลย แต่อย่างไรเจ้าก็อยู่ในจวนของข้าทำไมถึงไม่ขออนุญาตข้าก่อน ข้ารับองค์รักษ์ส่วนตัวของข้าใยต้องขอท่านไม่ใช่องครักษ์ของท่านซะหน่อย และเขาก็ถูกใจข้ามาก็ด้วย
"ปัง เสียงตบโต้ะด้วยความโมโหของไป๋อี้เฉิน ท่านอย่าพึ่งโมโหไปที่ข้ามาในวันนี้ไม่ได้มาเพื่อดูละครของพวกท่านสองคนหรอก ข้ามาเพื่อ… เพื่ออะไร มาเพื่อขอให้ท่านหย่าให้ข้า หย่าอย่างนั้นรึ ซูหนี่เมื่อได้ยินคำนี่ก็หูผึ่งขึ้นมาทันที
"ท่านก็ต้องการหย่ากับข้าอยู่แล้วนี่ นี่หม่อมฉันก็ตอบรับการหย่าของท่านแล้ว ฉะนั้นท่านก็เขียนใบหย่ามาให้ข้าเถอะแล้วข้าจะไป ไป๋อี้เฉินคิดแปลกใจอยู่ข้างในตอนที่เขาขอหย่านางแทบตายเสนอทุกอย่างให้นางนางก็ไม่ยอมหย่า เหตุใดตอนนี้ถึงกับจะหย่าให้กับเขาง่ายๆ
"เจ้าอยากจะหย่าเพื่อไปอยู่กับองครักษ์ของเจ้าอย่างนั้นรึ ใช่เพคะเขาทั้งหล่อทั้งนิสัยดีถึงไม่ได้สูงศักดิ์เช่นท่านก็ไม่เป็นไรเราสมารถช่วยกันทำมาหากินได้ และอีกอย่างหม่อมฉันไม่ได่รักท่านแล้วก่อนหน้านี้หม่อมฉันอาจตามืดบอดไปที่รักท่าน หลังจากถูกโบยหม่อมฉันก็ตาสว่างขึ้นมาทันทีเลยเพคะ
"ไม่หย่า ไป๋อี้เฉินพูดออกไป ไม่หย่าข้าไม่หย่า เมื่อลี่หลินได้ยินก็โมโหขึ้นมา
"ไป๋อี้เฉิน ไอ้คนสารเลว ท่านเป็นคนต้องการหย่าเองพอข้าหย่าให้ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมหย่าขึ้นมาเฉยๆ
"ฮะ ฮ่ะ ฮ่า เจ้าคงโกรธมากสินะที่ไม่ได้สมหวังกับองครักษ์ของเจ้า ฝันไปเถอะข้าไม่มีวันให้เข้ามาหยามเกียรติของข้าหรอก ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไปมีความสุขหรอ ไป๋อี้เฉินเจ้า ไอ้กลับกลอก ไอ้สารเลว
"ท่านพี่ท่านกล้าเรียกชื่อท่านอ๋องโดยตรงได้อย่างไรเพคะ มันไม่สมควรนะเพคะแถมท่านยังกล้าด่าท่านอ๋องอีก
"ทำไมข้าจะไม่กล้า ไอ้บ้า ไป๋อี้เฉินไอ้คนบ้า ท่านพี่ ลี่หลินโมโหมากจึงเดินออกมาอย่างกระฟัดกระเฟียด ทำให้ ไป๋อี้เฉิน ที่มองตามรู้สึกพอใจและยิ้มออกมา
"เมื่อนางเดินออกมา ได้มองสบตากับ ซูเฟิง แล้วจึงยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างรู้กัน พวกเรากลับเรือนกันเถอะ เจ้าค่ะ ขอรับ
"เมื่อพวกเขาหันหลังเดินจากไป ไป๋อี้เฉินก็ได้เดินออกมาที่หน้าประตู เขามองเห็นองครักษ์คนนั้นเพียงด้านหลัง จึงไม่รู้ว่าเขาหล่อเหลาจริงเหมือนกับที่ลี่หลินว่ารึเปล่า แล้วซูหนี่ก็เดินตามออกมา ทำหน้าตางอแงใส่เขา ทำไมท่านอ๋องถึงไม่ยอมหย่ากับท่านพี่ล่ะเพคะ ไป๋อี้เฉินตอบเพียงแค่ ข้ามีเหตุผบของข้าน่ะ เจ้าอย่าน้อยใจไปเลยถึงอย่างข้าก็รักเจ้าที่สุด เมื่อซูหนี่ ได้ฟังดังนั้นจึงได้แต่เก็บซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ เจ้าเข้าไปพักผ่อนเถอะ ท่านอ๋องจะไปไหนเจ้าคะ ข้ามีงานต้องสะสางต่อ เพคะท่านอ๋อง
"ไป๋อี้เฉิน กลับมาถึงห้องทำงานของตัวเอง เขานั่งคุ่นคิดอยู่พักนึง จึงพูดขึ้น กู้เมิ่ง เจ้าไปสืบมาว่า องครักษ์ที่อยู่กับพระชายาเอกเป็นใครหน้าตาเป็นอย่างไรแล้วมารายงานข้า ขอรับท่านอ๋อง ไป๋อี้เฉินสั่งองครักษ์เงาของเขา
\_จบตอน\_
^ หวังว่านักอ่านทุกคนจะชอบนะคะ ติชมกันได้นะ^-^
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 27
Comments