หลังจากจบภารกิจหน่วยรบพิเศษ เคนจิและโคจิโร่ได้ลาออกและขอกลับมายังญี่ปุ่น ที่ที่เป็นบ้านเกิดของพวกเขา แต่ช่างโชคร้ายที่ฝั่งของเคนจิ พ่อของเขาเกิดป่วยหนักจากโรคมะเร็งที่มันลามมาระยะสุดท้ายแล้ว ทันที่ที่เขากลับมา เขาต้องไปหาผู้เป็นพ่อที่โรงพยาบาลทันที
‘คุณชาย’ คนในแก๊งลุกขึ้นยืนก้มหัวให้สองสามคนเมื่อเคนจิ ‘นายท่านรอพบคุณชายครับ’
‘ขอบใจ’ ผมไม่รอช้าเดินเข้าไปในห้องที่พ่อนอนพักฟื้นอยู่ ผมเปิดประตูเข้าไปก่อนจะปิดประตูลงให้หลัง และเดินไปยังเตียงของผู้เป็นพ่อ ก็เห็นผู้ชายอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆเตียง โดยที่เขาหันหน้าออกไปทางประตูนั่นทำให้เขาเห็นผม โดยที่ไม่ต้องสงสัย ผู้ชายคนนั้นก็คือ…
'สวัสดีครับลุงมากิ’ ผมก้มโค้งทักทายคุณลุง พี่ชายแท้ๆของพ่อผม
‘เอาหน่า ไม่ต้องทักทายแบบพิธีรีตองหรอก ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ ถึงจะเป็นการต้อนรับที่ไม่น่าภิรมย์เท่าไหร่ก็เถอะ ยังไม่ได้กลับบ้านล่ะสิ ขอโทษที่ต้องรบกวนนะหลาน’
‘ไม่เลยครับ พอรู้ว่าพ่อป่วยเข้าโรงพยาบาล ผมนิ่งนอนใจไม่ได้จริงๆครับ
‘เป็นคนดีจริงๆเลยนะ พ่อเราเพิ่งนอนพักไปเมื่อกี้ เรามาแล้วก็ดี ลุงขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ’ คุณลุงพูดขณะลุกจากเก้าอี้ ก่อนจะออกไปแกตบบ่าผม และเดินออกไปรอหน้าห้อง ผมมองพ่ออยู่สักครู่ ก็เดินตามลุงมากิออกไป
‘ลุงมีอะไรอยากคุยกับผมหรอครับ?’
‘ลุงมีเรื่องอยากจะขอหลานหน่อย’ ลุงมากิมองผมด้วยสีหน้าเป็นกังวล ‘ลุงและพ่อของเรา มีเรื่องอยากให้ช่วย แต่ฉันและพ่อของหลายไม่สามารถทำมันได้จริงๆ และฉันไม่รู้จะพึ่งใคร แสงสว่างเดียวที่ฉันเห็นคือหลานนะ เคนจิ’
‘…’
‘แต่ถ้าหลานไม่อยากทำ ลุงก็ไม่ว่าอะไร ลุงจะปฏิเสธเขาไป’
‘ทำครับ’
‘!!’ ลุงมากิหันหน้ามามองผม สีหน้าจากที่ดูกังวลเปลี่ยนไปกลายเป็นสีหน้าที่มีความหวังขึ้นมา ‘พูดจริงใช่ไหม หลานของลุงพูดจริงๆใช่ไหม?’
‘ใช่ครับ เพราะนี่คือเรื่องของครอบครัวผม ผมจะไม่ทำได้ยังไง แล้วพ่อต้องมาเป็นแบบนี้ ผมต้องรับผิดชอบทุกอย่างเพื่อครอบครัวสิครับ’
‘ลุงภูมิใจในตัวหลายมากๆเลยนะ! แต่มีข้อแม้ว่า การที่จะทำเรื่องนี้ หลานจะต้องขึ้นมาเป็นผู้นำของ แก๊ง ยามารุ แทนพ่อของหลานนะ’
‘แต่พ่อผมยังไม่เสียไปนี่ครับ แล้วลุงก็เป็นผู้นำต่อจากพ่อผมได้นี่ครับ?’’’
‘ลุงทำไม่ไหวแล้วล่ะ ลุงอยากพักบ้างแล้ว และเรื่องนี้มีแต่หลานที่จะช่วยได้’ ลุงมากิเข้ามองหน้าผม ผมมองแกในหัวมีแต่คำถาม และแล้ว…
‘ขอต้อนรับผู้นำแก๊งยามารุคนใหม่ เคนจิ ยามารุ พวกเราพร้อมมอบชีวิตและพร้อมเสียสละเพื่อนายท่านแล้วครับ!’ ลุงมากิอยู่ๆก็ก้มหัวแบบไม่ให้ผมตั้งตัว
พรึ่บๆๆ!! ลูกน้องสองสามคนของพ่อที่มองดูเหตุการณ์ ต่างก้มโค้งให้ผม ตามที่ลุงมากิทำ ผมมองไปรอบๆตัวด้วยความมึนงง
‘ลุงครับ ผม…’
‘พิธีสาบานตนจะเริ่มวันพรุ่งนี้นะครับ นายท่าน’ ลุงมากิเงยหน้าขึ้นมาและยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ผม แววตาของแกบ่งบอกได้ถึงการการมีความหวัง มีความสุขออกมา ผมพยายามจะค้านแกแต่พอเห็นหน้าแกแล้วอย่าดีกว่า
นี่ผมเป็นผู้นำแก๊งฝั่งเหนือจริงๆหรอ?
‘โคจิโร่’ โคจิโร่ยืนมองพระจันทร์เต็มดวงอยู่ในห้องโถงพร้อมกับจิบชาในมือไปพร้อมกัน พลางคิดถึงเรื่องราวของเขากับเคนจิตอนที่อยู่ในหน่วยรบพิเศษ
แกทำฉันขายหน้า ไอ้เคนจิ!
จนกระทั่งพ่อของเขาเข้ามา เห็นลูกชายของตระกูลยืนมองพระจันทร์อยู่ในห้องโถงของบ้าน
‘ครับพ่อ’
‘พรุ่งนี้จะมีพิธีสาบานตนต่อตระกูล แกต้องเข้าไปทำพิธีด้วยเข้าใจไหม? ตำแหน่งผู้นำฉันยกให้แก’
‘ครับ’
‘แล้วแกอย่าทำอะไรที่มันขายขี้หน้าฉันเด็ดขาดด้วย’
‘พ่อเลิกทำเหมือนผมเป็นเด็กป.สองได้ไหม?’ โคจิโร่หันกลับมามองพ่อด้วยอารมณ์ที่บ่งบอกว่าหงุดหงิดเต็มทน
‘ก็เพราะความใจร้อนของแกนั่นแหละที่จะทำให้ทุกอย่างมันพัง’
‘แต่มันก็ไม่ใช่วันที่ผมต้องสาบานตนไหมครับพ่อ พ่ออย่าหาเรื่องผมได้ไหมครับ ผมกลับมาทั้งที แทนที่จะได้พักผ่อนกลับต้องมาเถียงพ่อเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้’
‘แกนี่มันไม่เหมือนเคนจิเลยนะ’
แกร้ง! โคจิโร่กระแทกน้ำชาลงบนโต๊ะตัวที่อยู่ใกล้ๆเขา
‘พ่อเลิกพูดถึงมันสักที! ผมไม่อยากได้ยินชื่อมัน!’
‘โคจิโร่!’ พ่อของเขาตวาด ‘ถ้าแกไม่ใจร้อน ถ้าแกไม่ควบคุมอารมณ์ตัวเอง ตำแหน่งผู้นำ ตระกูลเราได้สะบั้นหั่นแหลกเละแน่ๆ แกช่วยเอาความเป็นเคนจิมาใส่ตัวเองบ้างจะได้ไหม?’
‘ไม่! นี่ผมเป็นลูกพ่อนะ เลิกพูดแล้วเอามันยกมาเป็นตัวอย่างลูกดีเด่นสักที นี่มันผม! ถ้าอยากได้ไอ้เคนจิเป็นลูกมาก ก็ให้พ่อขึ้นไปฝั่งเหนือเองสิครับ ไปเลย!’
‘โคจิโร่!’
เพี้ยะ!
‘เพราะแกเป็นแบบนี้! แก…แกมันไม่เคยจะทำตัวดีกับฉัน!’ ฝ่ามือของพ่อที่ลงบนแก้มลูกชายคนโตในตระกูลเมื่อกี้นี้ ตอนนี้ได้ขึ้นเป็นสีแดงตามรอยนิ้วมือ เขาโมโหมากเมื่อลูกชายที่เขาจะฝากตระกูลไว้กลับมาพูดแบบนี้ โคจิโร่หันมามองพ่อตัวเองด้วยสายตาอันแข็งกร้าวพร้อมกับเดินเข้าไปเกือบชิดตัวพ่อของเขา
‘พ่อ พ่อจำไว้เลยนะครับ สักวันผมจะขึ้นไปฝั่งเหนือและยึดให้มาให้มันเป็นของผม และผมจะทำให้พ่อรู้ว่า ผมก็ไม่ด้อยกว่ามันไป พ่ออย่าลืมสิครับ ฝั่งตะวันตกตอนนี้ก็เป็นเพราะผมไม่ใช่หรอที่ไปยึดมาได้’ เขาพูดเบาๆต่อหน้าพ่อ และยิ้มมุมปากเพื่อบ่งบอกถึงชัยชนะในภายภาคหน้าที่เขาจะได้รับ ก่อนจะเดินออกมาจากห้องเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง
‘นายไม่น่าพูดกับพ่อแบบนั้นเลยนะ โคจิโร่’ โคอิจิ น้องชายของตระกูล ยืนพิงประตูและพูดขึ้นเมื่อโคจิโร่เปิดประตูห้องโถงออกมา
‘เฮ้อ’
‘นายก็รู้ว่าพ่อไม่สบายหนัก จะไปยั่วโมโหพ่อทำไม?’
‘แล้วใครที่มาหาเรื่องฉันก่อน?’ โคจิโร่หันขวับมองน้องชายตัวเอง
‘ก็ทำตัวให้มันดีหน่อย อีกไม่นานตำแหน่งผู้นำจะได้เป็นของนายแล้ว แค่ทนอีกหน่อยไม่ได้หรือไง?’
‘พอเถอะ อย่ามาหาเรื่องฉันอีกคนเลย ฉันเหนื่อย อยากพัก’
‘…’ โคอิจิไม่พูดอะไรต่อเพราะเขารู้ดีว่า ถ้าพูดไปได้มีเรื่องกับพี่ชายของตัวเองแน่ๆ และนั่นจะทำมันจะส่งผลกระทบอาการของพ่อให้แย่ลงไปอีก เขาเลยปล่อยให้โคจิโร่เดินจากเขาไป…
เช้าวันใหม่ วันที่ได้ฤกษ์งามยามดีในการสาบานต่อตระกูลเพื่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในแก๊ง เคนจิมองตัวเองในกระจกที่ในขณะที่เขาอยู่ในชุดสูทสีดำ ที่ทางลุงมากิเตรียมไว้ให้เขา แม่บ้านประจำตระกูลที่ทำหน้าที่เซ็ทผม แต่งหน้าแต่งตา มองเคนจิและยิ้มอย่างอ่อนโยน
‘หล่อเหมือนคุณท่านเลยนะคะ’
‘ไม่หรอกครับ พ่อผมหล่อกว่าอีก’
‘นายท่านครับ!’ เสียงลูกน้องคนหนึ่งดังอยู่หน้าประตู ‘ตอนนี้ทุกคนมาอยู่ที่ห้องโถงหมดแล้วครับ ท่านมากิให้ผมมาตามนายท่านครับ!’
‘เดี๋ยวฉันตามไป’ เคนจิตอบรับและหันกลับมามองแม่บ้านตัวเอง
‘ขอบคุณนะครับคุณน้า ผมขอไปรับหน้าที่นายท่านและผู้นำก่อนนะครับ’
‘ไปคนเดียวแบบนี้ น้าเองก็เป็นหนึ่งในตระกูลของเรานะ ลืมไปแล้วหรอ?’ แม่บ้านวัยกลางคนยิ้มให้เคนจิ
‘ไม่ลืมหรอกครับ มาครับแม่หญิงแห่งตระกูลยามารุ’ เคนจิกางแขนเพื่อให้แม่บ้านเข้ามาคล้องแขนเขา
‘ฮ่าๆๆๆ ไม่เอาสิคะ จะเป็นถึงผู้นำของแก๊งแล้ว มาเล่นแบบนี้ไม่ได้นะคะ ไป ออกไปรับตำแหน่งหน้าที่อย่างภาคภูมิใจกันค่ะ’ หญิงแม่บ้านหัวเราะด้วยความเอ็นดูพร้อมกับเลื่อนบานประตูให้เคนจิเดินออกไป เคนจิไม่รอช้าเขาก้าวเท้าเพื่อตรงไปยังห้องโถงเพื่อทำพิธี
‘สวัสดีครับนายท่านเคนจิ!’ เสียงลูกน้องหลายสิบคนพูดขึ้นเมื่อเห็นเคนจิ บัดนี้เขาหยุดยืนอยู่ตรงทางเขา มองทุกคน เขากวาดสายตามองทุกคนก้มหัวให้เขา จนกระทั่งสายตาไปหยุดอยู่ตรงกลางของห้องโถงที่มีลุงมากิกำลังนั่งเหล้าสาเก ลงในจอกกระเบื้องสีขาวเกลี้ยง โดยที่ไม่ต้องบอกเขาเดินเข้าไปด้วยความมั่นใจ และความแน่วแน่เพื่อสืบทอดตำแหน่งนี้
‘ฉันไม่คิดเลยลูกไม้จะหล่นไม่ไกลต้น’
‘ครับ’ เคนจิยิ้มพร้อมกับนั่งคุกเข่าต่อหน้าลุงของเขา
‘เอาล่ะเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ฉันขอประกาศต่อหน้าทุกคนในฐานะตัวแทนของมากาตะที่ตอนนี้ทุกคนรู้ดีแล้วว่าคุณท่านได้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลไม่สามารถมาทำหน้าที่นี้ต่อได้ เขาจึงสั่งให้ฉันมาทำหน้าที่นี้แทน!’ เสียงอันทรงพลังของลุงมากิ นอกจากจะทำให้แกดูน่าเกรงขามแล้ว ยังดูหนักแน่นทุกคำพูดอีกด้วย
‘และฉันกับมายาตะเห็นแก่การสมควรที่จะยกตำแหน่งผู้นำตระกูลที่เห็นแก่การสมควร ให้กับ เคนจิ ยามารุ นับแต่นี้ต่อไปจะต้องทำหน้าที่และปกป้องทุกคนเหมือนคนในครอบครัว เข้าใจไหมเคนจิ!’
‘เข้าใจครับ!’ ผมเองก็ตอบไปด้วยความมั่นใจและหนักแน่นเช่นเดียวกัน
‘รับนี้ไปซะ เพื่อเป็นการสาบานตนและการเข้ามาเป็นผู้นำของตระกูลต่อหน้าทุกคนที่เป็นเหมือนดั่งลักขีพยานในการประกาศตำแหน่งของหลานวันนี้ จงดื่มให้กับพี่น้องถึงจะต่างเลือดเนื้อเชื้อไขก็อยู่เหมือนดั่งครอบครัว!’ ลุงมากิส่งจอกกระเบื้องให้ผม ผมก้มหัวและรับมันมาถือไว้ทั้งสองมือ ผมมองมันอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะกระดกสาเกลงคอจนหมด เมื่อผมดื่มเสร็จก็ชูเจ้าจอกกระเบื้องเหนือหัว
‘เฮ!!!’ เหล่าลูกน้องร่วมฉลองดีใจที่เห็นการทำพิธีนี้และตำแหน่งหน้าที่เป็นของผม
‘วางจอกของหลานลงบนผ้านี่และเก็บไว้ เพื่อเป็นสิ่งย้ำเตือนใจว่า หลานได้เข้ามาเป็นผู้นำและผู้ดูแลของตระกูลแล้วนะ’ ผมค่อยๆวางจอกลงบนผ้าเช็ดหน้าและพับเก็บเรียบร้อยใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ
‘ผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดครับลุง’ พิธีการสาบานตนได้จบลง ถึงจะเป็นเวลาอันสั้นแต่ก็เป็นเวลาอันทรงเกียรติและมีคุณค่ากับผมมาก พิธีช่วงเช้าหมดไป พอตกดึกพวกเราทุกคนก็ร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน
ฝั่งเหนือทำพิธีสาบานตนต่อตระกูลและประกาศผู้นำคนใหม่แล้ว ฝั่งใต้เองก็ทำพิธีีเช่นเดียวกัน ไม่ใช่เพราะว่าฝั่งใต้รู้ความลับแต่อย่างไร แต่เพราะเป็นเวลาฤกษ์งามยามดีที่ต้องทำ เหตุการณ์จากทั้งสองฝ่ายจึงผ่านไปได้ด้วยดี
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 4
Comments