Darkened Horizons : การผจญภัยของนายผู้ครองร่างของสาวน้อย
มันเป็นคืนที่มืดมิดและมีร่องรอยของพายุฝนฟ้าคะนอง เมื่อจู่ๆ เด็กหนุ่มชื่อ'รลัน'ก็พบว่าตัวเองยืนอยู่กลางป่า เขาสับสนไปหมดและไม่รู้ว่าเขาไปถึงที่นั่นได้อย่างไร สิ่งที่เขาจำได้คือผล็อยหลับไปบนเตียงหลังจากเหน็ดเหนื่อยที่โรงเรียนมาทั้งวัน
เด็กชายเดินโซเซไปมาในความมืด เขาสับสน ไม่แน่ใจว่าเขาอยู่ที่ไหนหรือไปที่นั่นได้อย่างไร เขาปวดหัวตุบๆ หัวใจเต้นแรงด้วยความกลัวขณะที่เขามองไปรอบๆ หลงทางและโดดเดี่ยว อากาศเย็นและเปียกชื้น หมอกลงทำให้ทุกการหายใจเย็นยะเยือก
"ฮะ..ฮัดเช้ย!" แสบจมูก
รลันนั่งยองยองลง ตัวสั่นสู้ความหนาวเย็นบวกกับความรู้สึกกลัวที่ทวีคูนอยู่ภายใน
ขณะที่เขามองไปรอบ ๆ เขาไม่เห็นอะไรนอกจากต้นไม้สูงใหญ่และหมอกหนาที่น่าขนลุกที่ดูเหมือนจะล้อมรอบตัวเขา รลันไม่เคยกลัวความมืดขนาดนี้มาก่อน แต่คราวนี้เขารู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาเต้นแรงอยู่ในอก เขาสงสัยว่าเขาหลงทางหรือป่าว? แต่ท้องดวงจันทร์บนท้องฟ้ากลับทำให้เขารู้สึกแปลก
"ปกติมันเป็นอย่างนั้นหรอ?"
รอยแตกร้าวที่เห็นได้เด่นชัด มีอยู่บนดวงจันทร์ดวงใหญ่
"หรือว่าเราจะถูกส่งไปยังอีกโลกหนึ่ง!"
ขณะที่เขาพยายามรวบรวมสติ หน้าต่างสถานะแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา
คุณสมบัติและความสามารถที่เขาไม่รู้จัก มันเหมือนอินเทอร์เฟซของเกม แต่มันเป็นของจริง
//เปิดใช้งานทักษะ [ประเมิน]... <ผู้ใช้บริการระบบ:นามที่มอบให้ผู้ใช้งานระบบ(พิเศษ) ผลของนาม:มอบทักษะ[ประเมิน]แก่ผู้ถือครอง,มอบทักษะ[ซองอาวุธส่วนตัว]*พิเศษ*แก่ผู้ถือครอง>//
"พิเศษ…? ช่างเถอะ แล้วไอ้มุมานะนี่ล่ะ" รลันเปิดใช้ประเมินอีกครั้ง
"กรอบแกรบ.. กรอบแกรบ.. กรอบแกรบ"
"!!?"
ในขณะที่เขากำลังจดจ่ออยู่กับหน้าต่างสถานะ เขาก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบมาจากข้างหลังเขา เขาหันกลับมาและเห็นเงาร่างหนึ่งเคลื่อนเข้ามาหาเขา รลันตกใจยืนขึ้นและพยายามวิ่ง แต่เขาสะดุดล้มลงกับพื้น
"อะไร! …คุณคือใคร?" เขาตะโกนถามเสียงสั่น
ร่างนั้นมาหยุดลง เผยให้เห็นหญิงสาวเรือนผมสีเงิน เธอสวมเสื้อเรียบง่ายที่เก่าโทรมทับด้วยผ้าคลุมที่ฮูดถูกเปิดออกและสะพายด้ามเหล็กสีดำยาวอยู่บนหลัง
"ฉัน..เป็นใคร?" หญิงสาวตอบว่า
"ฉันเป็นคนตัดฝืนน่ะ กำลังจะกลับบ้านผ่านป่านี้"
"แล้วนายล่ะ เป็นใครกัน มาทำอะไรป่าเวลานี้"
"..."
รลันพยายามอธิบายสถานการณ์ของเขา แต่ดูเหมือนเด็กสาวจะไม่เชื่อ เธอมองเขาขึ้นๆ ลงๆ ราวกับพยายามค้นหาความจริงในคำพูดของเขา
"ถ้าที่นายพูดมาเป็นความจริง มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ งั้นเอาอย่างนี้ นายไปพักที่บ้านของฉันก่อน ไว้จำอะไรได้แล้วค่อยว่ากันอีกที อยู่ตรงนี้นานๆมันอันตราย" หญิงออกเดินนำไป
ใช่.. เราควรไปกับนาง ในป่ากลางคืนแบบนี้มันอันตราย มีสัตว์ป่าที่ออกหากินยามกลางคืนด้วย แถมนี่ยังเป็นโลกที่เราไม่รู้จักอีก ไม่อยากคิดเลยว่าจะมีอะไรซ่อนเร้นอยู่ในป่านี้บ้าง ใช่แล้วล่ะ เช่นเดียวกันกับเธอคนนี้ เธอที่ผลของ[ประเมิน:Lv.1]บอกว่า.. <ไม่พบในฐานข้อมูล..>
กลางดึกในป่าใหญ่อันมืดทึบ ทว่ากลับมีแสงจันทร์นวลส่องทางให้สรรพสัตว์ในป่า เสียงซวบซาบแหวกพงหญ้า ดังต่อเนื่องผสมปนกับเสียงแมลงร้องหวีดระงม
หญิงสาวตรงหน้าเดินนำรลันอยู่ข้างหน้า พวกเขาเว้นระยะห่างกันไม่มากนัก เพื่อไม่ให้พัดหลงกัน ตลอดทางเดินป่าก็ส่งเสียงดังไม่ขาด แต่ทว่ากลับรู้สึกว่าเงียบ…… ความเงียบที่ดังกำลังกัดกินจิตใจของเขาอยู่ลำพัง
"ซอล"
ฮึ!? รลันสะดุ้งจากภวังค์ความคิดเพราะเสียงของหญิงสาวข้างหน้า เธอพูดว่า'ซอล'หรอ นั่นคือชื่อเธอสินะ
"ฉันชื่อ ซอล.."
. . .
"แล้วนายล่ะ ไม่มีชื่อรึไง"
"เอ่อ- ผะ..ผมชื่อ รลัน น่ะ"
“งั้นเหรอ อื้ม! ถึงเรื่องชองนายมันจะดูเชื่อยากก็เถอะ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยมั้งนะ”
“งั้น เธอรู้อะไรเกี่ยวกับคนจากโลกอื่นงั้นหรอ”
“อา..จะว่างั้นก็ได้ มันเป็นเรื่องเล่าของอดี- มันก็แค่นิทานที่เล่าต่อกันมาเพราะสนุกเฉยๆละนะ”
“แต่ผมที่อยู่ที่นี่ก็ยืนยันเรื่องนั้นได้ครับ กรุณาเล่าให้ฟังได้ไหมครับ” เขาขอความกรุณาด้วยแววตาที่มุ่งมั่น
"แน่นอนว่าได้อยู่แล้ว" ซอลเริ่มเล่าเรื่อง…
"-แต่ที่บอกว่า ตัวเองอยู่นี่ก็ยืนยันได้แล้ว! เนี่ยมันไม่ทำน่าเชื่อขึ้นเลย กลับกันเลยต่างหาก"
อึก-
~เล่า~ ซอลเริ่มเล่านิทานให้รลันฟังจนจบ
//กาลครั้งหนึ่ง ณ มหาทวีป 'แอสตร้า' บนดาว 'อาร์คทูรัส' มนุษย์ได้ก่อตั้งอาณาจักรขึ้นหลายที่ และผูกสัมพันธไมตรีระหว่างอาณาจักรของเผ่าพันธุ์อื่นด้วย จึงเกิดการค้าขายแลกเปลี่ยน และพัฒนา
จนถึงจุดหนึ่ง อาณาจักรของมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุด "Valoria" ณ ตอนนั้น เรียกรวมทุกอาณาจักรทุกเผ่าพันธุ์ เพื่อประกาศคำพยากรณ์จาก Church of the Threefold Flame ความว่า-
"คำเตือน! มันมาแล้ว มันมาอยู่ มันมาต่อ พวกเผ่ารุกรานจากท้องฟ้าอันไกลโพ้น จงรับมือกับมันและปกป้องโลกบ้านเกิดซ่ะ เหล่าสาวกแห่งเรา"
|
สงครามกับเผ่ารุกรานยืดเยื้อ เเละแน่นอนว่าเผ่ารุกรานนั้นได้เปรียบ ความหวังเริ่มจางหายจากแววตาผู้คน แต่แล้ว ท่านเทพได้มอบ "ผู้กล้า" ให้ชาวอาร์คทูรัส
กระแสสงครามพลิกกลับอย่างไม่น่าเชื่อ ท้ายที่สุดก็สามารถขับไร่พวกเผ่ารุกรานไปได้
|
หลังจากนั้นได้ไม่นานผู้คนก็ได้รู้ความจริง ว่าท้องฟ้าไกลโพ้นมีโลกอิ่นๆอยู่ และตัวตนของผู้กล้าเองก็มาจากโลกอื่นเช่นกัน
อาณาจักรส่วนใหญ่เกิดความหวาดกลัวต่อตัวตนผู้กล้า จึงเกิดความขัดแย้งระหว่างอาณาจักร
ซ้ำเติมขึ้นไปอีก เมื่อศาสนจักรสามเทพเคลื่อนไหว ต่อต้านพวกเผ่าพันธุ์นอกรีต ที่ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อ 'ผู้กล้า' ที่ซึ่งเป็นมนุษย์เหมือนกับพวกตน จึงเกิดการปะทะกันทั่วทุกหนแห่ง
|
ผู้กล้าหายตัวไป ความขัดแย้งครั้งนั้นทำให้เผ่าพันธุ์อื่นๆตัดขาดกับมนุษย์ ทำให้มนุษย์เคือง ด้วยเหตุผลหลายๆประการ ไม่ลงรอยกัน สงครามก็อุบัติขึ้น
[ฝ่าย มนุษย์ -อาณาจักรแห่งมนุษย์ 'วาโรเรีย'
-ศาสนจักรอัคคีไตรเทพ 'ดัลซอโลมีย์ เฟม' ]
[ฝ่าย อมนุษย์ -อาณาจักรแห่งเอลฟ์ 'ซิลวานาธ' -อาณาจักรแห่งคนแคระ 'ดูม-บาราซ' -เผ่ามนุษย์สัตว์ที่กระจายตัวอยู่ระหว่างสองอาณาจักรนี้ เนื่องจากถูกกวาดล้างอย่างหนัก]
|
ในยุคการแบ่งแยกทวีป ได้มีมหาอำนาจกำเนิดขึ้น และเติบโตอย่างรวดเร็วจนน่ากลัว
[ 'จักรวรรดิสวรรค์ออโรร่า' ต่อตั้งโดย ปฐมจักรพรรดิสวรรค์: อลาริค ออโรร่า โวลเตอร์ ที่หนึ่ง + พวกพ้อง]
พวกเขาเชื่อกันว่า องค์จักรพรรดินั้นเป็นเทพ และจักรวรรดิคือ เเดนสวรรค์
องค์จักรพรรดิ ออกปราบปรามความขัดแย้ง ยึดครอง ทำลาย จัดระเบียบใหม่ เข้มงวดสุดๆ ประชาชนของจักรวรรดิส่วนใหญ่เป็นมนุษย์สัตว์ หรือผู้คนที่เคยพบชะตากรรมอันเลวร้ายจากสงครามในอดีต
ส่วนชนชั้นแรงงานจะเป็นเชลยในสงครามที่ได้มา ไม่ยกเว้นชาติพันธุ์
นั่นจึงทำให้ภาพลักษณ์จักรพรรดิ์ เป็นทรราชผู้เที่ยงธรรม
ยุคครองทวีปของจักรวรรดิ ก็ดำเนินตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน//
นี่มันประวัติศาสตร์โลกแล้วมั้ง ไม่เรียกว่านิทานนะ เห้อ~ ฟังตั้งนาน สรุปได้ว่าตัวตนจากต่างโลกนั้นผู้คนรู้จักและมีอยู่จริงแน่ๆ แต่เผ่ารุกรานดาว? หรอ?? อยากจะคิดว่ามันเป็นแค่นิทานจัง และที่แและที่แย่คือตัวตนผู้กล้าถูกชิงชัง แล้วยังมีมหาอำนาจโลกที่ตั้งตัวเองเป็นเทพเจ้าอีก ก็โลกนี้มันแฟนตาซีนี่นะ ...เห้อแค่นี้เองหรอกเหรอ เนื้อหาส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องเล่าก็ได้นะซอลล ฉันอยากรู้แค่เรื่องคนจากโลกอื่น แค่นั้นเอง
ซอลเล่าจบเราก็มาถึงบ้านของเธอกันแล้ว เธอเปิดประตูและชวนผมเข้าไป ภายในดูแสนธรรมดา มีเตาผิงอันหนึ่ง ด้านหน้าเตาผิงปูพรมผืนใหญ่ และมีเก้าอี้โยกที่แค่เห็นก็รู้สึกสบายแล้ว
"ไปนั่งตรงนั้นนะ" ซอลพูดพร้อมชี้ไปที่เก้าอี้โยก
ไชโย!! เดินมาตั้งนาน หมอกก็เย็น ทั้งเหนื่อยทั้งหนาว ในที่สุด-(คิดในใจ)
"เดี๋ยวฉันจะจุดเตาผิงให้"
"เอ๊ะ-"
"ไม่ต้องเกรงใจ ฉันไม่เหนื่อยหรอก ไม่หนาวเท่าไหร่ด้วย"
ผมอยากจะปฏิเสธไปเพราะรู้สึกเป็นภาระแก่เธอ แต่ร่างกายที่สั่นเทิ่มนี้เรียกร้องน้องเก้าอี้โยก
…
ไม่เกรงใจละนะคร้าบ~ ผมย่อนตัวลงนั่ง เอนกายผ่อนคลาย
หลังจากที่ซอลวางสัมภาระเพียงชิ้นเดียวของเธอลง เธอพิงมันไว้กับพนังบ้าน แล้วเธอไปหยิบฟืนมาจุดเตาผิง
เวลาล่วงเลยผ่านไป เด็กหนุ่มผู้ได้พบเก้าอี้สวรรค์ก็ผล็อยหลับไป "ซู- ย่า~~" zzz
เปราะแปะ เปราะแปะ เสียงไฟในเตาผิงขลับกล่อมราตีนี้ หญิงสาวชื่อซอล กำลังเติมฟืนให้เตาหม้อใหญ่ ที่อยู่ลึกเข้าไปในบ้าน ถัดจากห้องเตาผิงเป็นห้องครัว กลางห้องครัวคือหม้อใบใหญ่กำลังต้มน้ำจนเดือด หญิงสาวนามซอล เดินไปหยิบแท่งเหล็กสีดำที่ยาวกว่าส่วนสูงของเธอขึ้นมา เธอเดินเข้าใกล้เตาผิง เข้าใกล้เด็กหนุ่มที่หลับอยู่
"หึหึหึ.." เธอฉีกยิ้มแสยะ หัวเราะคิกคักพอใจ
"มื้อเย็นวันนี้~ อาา~ "
ซอลง้างแท่งเหล็กขึ้น ปลายแท่งเหล็กด้านบนปรากฏใบเคียวสีดำสนิท ใบเคียวมีรอยแตกร้าวเต็มไปหมด แต่คมที่บางเฉียบส่องสีเลือดแดงฉานน่าสยอง เลือดสีดำเข้มไหลออกมาจากรอยร้าวที่ว่านั้น อย่างกับเคียวมันกำลังหิวกระหายต่อเยื่ออันโอชะตรงหน้าของมัน
เสียงของเหลวไหลหนืดหยดย้อยลงพื้นอย่างต่อเนื่อง แต่ทว่าเสียงไฟในเตาผิงดังกลบไปหมดจด
"จงขอบคุณที่ได้อุทิศร่างกายเจ้าให้เเก่เราซะเถอะ"
หวืด– ฉับ!
...----------------...
^^^โปรดติดตามตอนต่อไป>^^^
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 4
Comments