...เทพ...
ผู้คนคงจะคิดว่าคือตัวตนที่ทรงพลังและสูงส่งอิสระ และเป็นตัวตนที่สมบูรณ์แบบ อยากจะทำสิ่งใดก็ทำ สรรค์สร้างดวงดารา สิ่งมีชีวิต อารยธรรม และปกครองมัน ไม่มีสิ่งใดให้ต้องเกรงใจ นี่แหละคือ เทพ
ที่กล่าวมาข้างต้นก็ถูกต้อง แต่ไม่ทั้งหมด หากอิสระของเทพเป็นดั่งที่กล่าวมาทั้งหมด ก็คงเป็นกาลเวลาที่ด้านน่าเบื่อไปตลอดกาล เทพนั้นไม่ได้สมบูรณ์แบบ เทพมีระดับ มีสายแยกย่อย แต่สิ่งที่เทพทุกตนมีเหมือนๆกันคือพลังงานอันมหาศาลเกินกว่าที่สิ่งทีชีวิตต่ำต้อยจะจินตนาการได้ และเทพตนใดที่นำพลังนั้นมาใช้ได้มากน้อยขนาดไหน ความชำนาญในการใช้มันจะเป็นตัวกำหนดระดับของเทพ
...----------------...
กลับมา ณ ปัจจุบันที่ผมกำลังตกใจกับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกระทันหัน ไม่ทันได้ตั้งตัว ซอลที่ควรโดนผมจัดการไป กลับพูดขึ้นแทรกบทสนทนาของผมกับ..ท่านเทพ
〖เรื่องนั้นไม่จำต้องพูด ไม่มีประโยชน์〗
"!?"
【อะไรกัน ยังอยู่มิใช่รึไง ช่างกล้ามาแกล้งตายต่อหน้าข้าได้นะ ซอล บัยอาร์】
ซอล.. บัยอาร์? เธอยังไม่ตายอีกเหรอ รอดมาได้ยังไง เธอควรจะตายไปแล้วนี่ ก็เพราะทักษะนั้น
//[ประเมิน:Lv.4] เปิดใช้งาน... //
//ทักษะ[ปรสิตร่างวิญญาณ:ยูนีค] เป็นทักษะที่ได้รับจากผลของสมญานาม |มุมานะ| ผลของทักษะคือ หากผู้ใช้งานทำตามเงื่อนไข(ส่งต่อพันธุกรรม) สำเร็จ จะสามารถเข้ายึดร่างกายของเป้าหมายและทำลายวิญญาณเป้าหมายแล้วดูดเอาพลังงาน//
〖ตาย? ทำลายตัววิญญาณงั้นเหรอ อย่างเราเนี่ยนะจะตายเพราะมือมนุษย์ แล้วระบบอะไรนั่นของนายมันก็ใช้กำจัดเราไม่ได้หรอก〗
【แต่เจ้าก็พลาด แล้วโดนยึดร่างกายไปไม่ใช่รึไง แล้วที่ระบบบอกว่าทำลายวิญญาณไป.. แสดงว่าโดนดูพลังไปแล้วสินะ ก้ากก— ฮ่าฮ่าฮ่า】
〖ชิ๊- หุบปากซะจิงก์เรารู้อยู่แล้วน่า〗
จิงก์หรอ? นั่นคือชื่อของเคียวเล่มนี้สินะ
【ใช่แล้วล่ะรลัน นามของข้าคือ "จิงก์" เป็นเทพฝากตัวด้วย】
อะ-เอ่อครับ ฝากตัวด้วยครับ
〖...ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่ก็โดนเอาไปจริงๆ ตั้ง3.14%ของทั้งหมด〗
【!!】〖พูดเลยว่าเจ้านี่น่ะ เป็นตัวอันตรายสำหรับคนในโลกนี้อย่างแน่นอน〗
【ข้าก็คิดเช่นเดียวกัน ต้องกำจัดทิ้งอย่างเลี่ยงไม่ได้ เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง คลายผนึกให้ข้าแล้วข้าจะจบมันเอง】〖ไม่〗ซอลปฏิเสธเบาๆ แต่
"ฮ๊ะ? เดียวๆๆๆ ทำแบบนั้นไม่ได้นะ ผะ-ผมอยู่ในร่างของซอลนะ ถ้าทำอะไรให้ร่างนี้เสียหายก็ไม่รู้วะ-"
【ไร้สาระ เป็นแค่คำแก้ตัวไร้แก่นสารสินะ เหอะ หมดเวลาของเจ้าแล้ว จงมอบดวงวิญยะ-】
〖เดี๋ยวก่อน〗【? ทำไมล่ะ?】
〖เจ้านี่อาจจะเป็นประโยชน์กับเราก็ได้〗
【..... เรื่องอะไร】〖คิดเอาเองสักหน่อยไม่ได้รึไง ...ถึงเวลาที่เราจะได้ออกจากป่านี้แล้วล่ะ〗
พวกเขาปรึกษาพูดคุยเรื่องการใช้งานผมอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย สรุปใจความได้ว่า พวกเขาจะใช้ผมออกจากป่านี้ไปเข้าเมืองและตามหาไนท์วิง ถึงจะไม่รู้ว่าคืออะไรแต่ถ้าจะได้ออกจากที่นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีอะไร ใครมันจะอยากอยู่ที่แบบนี้นานๆกัน
ร่างเดิมของผมที่เป็นศพอยู่เริ่มส่งกลิ่น เอื้อ— อยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว ผมลุกขึ้นยืนในขณะที่พวกเขาทั้งสองยังคุยกันอยู่จนถึงตอนนี้
【ฮือ?】〖จะทำอะไร?〗
"จะไปดูชั้นบน อยากเปลี่ยนชุดไม่ไหวแล้ว ถ้าตกลงกันได้แล้วค่อยเรียกล่ะ"
ผมพูดจาโอหังใส่เจ้าพวกนั้นไปโดยไม่ลังเล เพราะอะไรน่ะหรอ? ก็เพราะว่าสถานะของผมตอนนี้คือเหนือกว่ายังไงล่ะ
ตามที่ซอลและจิงก์คุยกันสรุปได้คร่าวๆว่า จิงก์โดนปิดผนึกพลังเกือบทั้งหมดโดยฝีมือของซอลในอดีต พลังที่ถูกปิดผนึกนั้นก็เก็บไว้ในร่างกายนี้ของเธอ (ถึงจะไม่รู้เหตุผลก็เถอะ)
และผมที่ของร่างกายนี้มาได้ก็มีสิทธิ์ในการควบคุมผนึกนั้น(ถึงจะแค่3.14%ของที่ซอลทำได้ก็เถอะ)
หมายความว่า ซอลทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากสื่อจิตเทพและปลดผนึกของจิงก์ที่เธอมี ส่วนจิงก์ก็ทำอะไรร่างกายนี้ไม่ได้เพราะบัญญัติของผนึกหรืออะไรสักอย่าง และสิ่งที่ผมทำได้ก็คือปลดเศษเสี้ยวผนึกของจิงก์ที่มี คิดดูดีๆแล้วผมก็อยู่เหนือกว่านี่หว่า
"เห้ออ—" ผมเดินขึ้นบันไดไปชั้นที่สอง ตรงหน้ามีประตูแค่บานเดียวถัดจากบันได ผมเปิดเข้าไปข้างในห้อง "อืม เป็นห้องนอนจริงๆด้วย" ผมเดินไปหาตู้เสื้อผ้าเก่าๆที่ดูสะดุดตาและเปิดมันออก
"แอ๊ดดด— แอด...." ผมค่อนข้างตกใจเพราะสิ่งที่เห็นกับสิ่งคิดต่างกันโดยสิ้นเชิง
"โว้ว~ พวกมันมาจากไหนกันเนี่ย"
【อ้อ! ชุดเสื้อผ้าพวกนี้น่ะเหรอ ก็มาจากพวกอื่นที่มาก่อนหน้าเจ้าไง】
〖ใช่แล้วล่ะ พวกมันเป็นทั้งอาหารเลิศรส และเป็นตุ๊กตาสวยๆงามๆไว้ดูชม ก็เลยต้องเก็บไว้ลองให้ตัวถัดไปใส่ยังไงล่ะ เรานี่ช่างมีจิตเอื้อเฟื้อเสียจริง〗
หว๋าา—
ผมมองไปที่ชุดพวกนั้นและตัดสินใจจะขอไว้อาลัยแด่พวกเขาที่ผมไม่รู้จัก ก่อนจะเลือกชุดที่ใช้งานได้ดีที่สุดในโลกแบบนี้... ไหนดูสิ้~
...----------------...
...บทคั่น...
ณ คฤหาสน์ของขุนเผ่าเอลฟ์ ในเวลารุ่งสางที่แสงอาทิตย์อุ่นๆเริ่มทอแสง สาวใช้ของคฤหาสน์กำลังเดินถือถาดที่ใส่จดหมายไว้ ต๊อก ต๊อก ๆ
สาวใช้หยุดเดินแล้วเคาะประตูตรงหน้าของเธอ ก๊อกๆๆ... “ดิฉันเองค่ะ คุณหนูลิเรียน” สาวใช้แจ้งให้แก่คนภายห้องรู้
“ อื้ม เข้ามาได้ ” เสียงที่แสนนุ่มละมุนขานรับคุณเอลฟ์สาว คุณเอลฟ์สาวใช้ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน ภายในตกแต่งหรูหราบ่งบอกสถานะการเงินของเจ้าของ
“ ฮาวว—...” เอลฟ์สาวบิดยืดตัวสะลึมสะลืออยู่บนเตียงใหญ่หรูหรา ลิเรียนขยี้ตาหันมองมาทางคุณเอลฟ์สาวใช้ ลิเรียนทำหน้าทำตาเหมือนจะล้มตัวไปนอนอีกครั้ง คุณสาวใช้ที่เห็นแบบนั้นจึงรีบพูดธุระของเธอ
“จดหมายจากท่าน‘ลูมินิส’ค่ะ” คุณสาวใช้ยื่นจดหมายให้เธอทันที ลิเรียนที่รับจดหมายจากคุณสาวไป
“ท่านพี่เรอะ? งืม~” ลิเรียนเปิดซองจดหมายแล้วอ่านเนื้อหาภายในนั้นอยู่สักพัก
“ว่าอย่างไงบ้างคะ?”
“อื้ม- อาลิน..”
“ค่ะ คุณหนู”
“ชั้นจะออกไปข้างนอก ไปบอกลินเดลเตรียมรถม้าไว้ให้หน่อย”
“เข้าใจแล้วค่ะ เช่นนั้นดิฉันจะให้สาวใช้คนอื่นเตรียมโรงอาบน้ำให้นะคะ เช้านี้อากาศค่อนข้างเย็นกว่าปกติจึงต้องใช้เวลารอน้ำอุ่นสักพักนะคะ”
“อื้ม! ขอบใจมาก ...อ้อๆ! บอกลินเดลเตรียมลูก ‘วานาธ’ ไปด้วย ท่านพี่บ่นมาว่าอยากกินน่ะ”
“รับทราบแล้วค่ะ เช่นนั้นดิฉันขอตัว" คุณสาวใช้โค้งตัวก่อนจะเดินออกจากห้องไป
"เฮ้ออ- อะไรของไอ้พี่คนนี้เนี่ย ก็แค่อยากกินวานาธไม่ใช่รึไง ทำไมต้องอ้างงานด้วย.. เชอะ!”
ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ! ลิเรียนนอนดิ้นงอแงอยู่บนเตียงของเธอ คนเดียวภายในห้อง
...----------------...
...Taa—daaaaaaaaa...
ฮึฮึฮือ- เป็นไง น่ารักใช่ย่อยเลย สมกับที่เป็นร่างของเทพ จะใส่ชุดไหน สไตล์แบบใดก็ดูดีไปหมด ดังนั้นผมเลยเอาชุดอื่นใส่[มิติเก็บของส่วนตัว:ยูนีค]ไปด้วย ไว้ใช้เปลี่ยนนะน่ะ
〖เจ้าดูมีความสุขจังนะ〗【ด้วยของพรรค์นี้?】จิงก์ถามกลับด้วยคำพูดที่ดูแคลน อะไรเล่า เพราะน่ารักไง ก็ต้องมีความสุขสิ
〖อย่าไปสนใจไอ้หัวโบราณนี้เลย เสียเวลา〗ซอลพูดตัดบทแบบนั้น ทำให้ไม่มีใครพูดอะไรต่อ เงียบ...
โอเค ผมเดินลงไปชั้นล่าง ตามหาอะไรสักอย่างที่ใช้ขุดพื้นได้ หือ..คิดว่าผมจะเอาไปขุดหลุมฝังศพร่างเดิมของตัวเองงั้นเหรอ? ..นั่นก็นาสนใจแต่เปล่าหรอก เพราะในบันทึกเก่าๆที่ผมเจอในตู้เสื้อผ้ามันเขียนบอกว่ามีตังซ่อนอยู่ ฮึฮึฮึ-มีทุนตั้งต้นมันดีกว่าเป็นไหนๆ
ผมเจอขวานตัดตัดไม้ดีๆอันหนึ่งในครัว ไม่ต้องถามว่าทำไมมันถึงมาอยู่ในนี้ เพราะคราบเลือดที่แห้งกรังบนขวานมันบอกมันเองแล้ว ..ช่างเถอะ
ผมนำขวานไปจามพื้นไม้ใกล้ๆเตาผิง ใต้พื้นนั่นมีหีบถูกฝังไว้อยู่ “เจอแล้ว” ผมยกหีบขึ้นจากใต้พื้นแล้วเปิดดู ภายในหีบมีถุงใส่เหรียญทองจำนวนมากพอสมควร
“หวังว่าจะใช้ได้นะ"
ผมเตรียมอะไรหลายๆอย่างเรียบร้อยแล้ว จึงเดินออกจากบ้านไปทางทิศตะวันออก เวลามันก็สายมากแล้วเมื่อดูจากดวงอาทิตย์
“เอาล่ะ! ไปกันเถอะ!” 〖ในที่สุด〗【ก้ากก—ฮ่าฮ่าฮ่า เริ่มตื่นเต้นขึ้นแล้วไม่ใช่หรือไง นี่น่ะ】
อื้ม!!
...----------------...
...บทคั่น...
ณ เส้นทางรถม้าที่ผ่านป่า บนถนนมีรถม้าแค่สองคันวิ่งอยู่ คันที่ตามหลังอยู่ขนสัมภาระจำนวนมาก หนึ่งในนั้นมีผลไม้อยู่ด้วย ส่วนรถม้าคนหน้ามีหญิงสาวชาวเอลฟ์นั่งอยู่ในรถม้าที่มีตราของตระกูลขุนนางสลักอยู่ เธอมีผมสีน้ำเงินเข้ม ‘ลิเรียน นิกซ์ เอเรนดิล’ นั่นคือชื่อเต็มๆของเธอ
..ขณะที่ชั้นนั่งรถม้าผ่านป่าทึบ ชั้นอดใจไม่ได้ที่จะหลงไปกับความงามของแมกไม้ แสงแดดส่องผ่านใบไม้สาดมาทางข้างหน้ารถม้าของพวกเรา ..เราเดินทางกันมาหลายชั่วโมงแล้ว และจิตใจของชั้นก็เริ่มเบื่อ
ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากป่า และรถม้าของเราก็หยุดลงอย่างกะทันหัน ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง หัวใจชั้นเต้นแรงตกใจเมื่อเห็นกลุ่มโจรล้อมรอบรถพวกเราอยู่ พวกมันถือดาบและขวานเป็นอาวุธ ใบหน้าพวกมันบิดเบี้ยวด้วยความกระหาย
คนคุ้มกันที่จ้างมาของเราเริ่มออกเคลื่อนไหว พวกเขาชักอาวุธของตัวเองและกระโดดลงจากรถม้าเพื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มโจร
“ปกป้องขบวนรถม้าไว้!!” คนคุ้มกันออกคำสั่ง
“ฆ่าพวกเกะกะทิ้งให้หมด! เอาของมีค่าและจับผู้หญิงทุกคน!!” หัวหน้าหัวหน้าโจรพูด
มีการปะทะกันของโลหะกับโลหะเป็นระยะๆ พร้อมกับเสียงร้องคำรามและเสียงตะโกนของผู้ชายที่ต่อสู้แล้วได้รับบาดเจ็บ การปะทะกันเกิดขึ้นมาสักพักแล้ว
(เสียงดังเอะอะของคนหลายคน เสียงโลหะ เสียงร้องเจ็บปวด และเสียงออกคำสั่งปลุกระดม เสียงเหล่านั้นผสมปนกันเละเทะ)
...ลางสังหรณ์ไม่ดีปรากฏขึ้นในหัวของชั้น “มันคืออะไรน่ะ!?”
ขณะที่ชั้นหลบอยู่ในรถม้า ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงที่ต่างจากเดิม เสียงหวีดแหลมของวัตถุที่ตัดผ่านอากาศอย่างรวดเร็ว "ฟิ้ว!" จากนั้นโจรคนหนึ่งก็ถูกแทงทะลุอกจากด้านหลังในพริบตา "ซ้วกก–"
"อึก– เอื้อ.. แก... ใครวะ-" แต่ก่อนที่โจรคนนั้นจะพูดจบ คมเคียวที่แทงคาอกอยู่ก็ถูดดึงออก ร่างของโจรล้มลงจมกองเลือด
ชั้นเงยหน้าขึ้น มองออกไปนอกหน้าต่าง สายตาชั้นก็พบกับภาพที่น่าตกใจ เด็กสาวผมสีขาว หน้าตาน่ารัก ยืนอยู่เหนือร่างของโจร ในมือเธอถือเคียวยักษ์ที่ใช้สังหารโจรอยู่ เธอปรากฏตัวขึ้นจากที่ไหนสักแห่งในป่า ดวงตาของเธอต้องแสงแดดทอเป็นประกายสีแดงฉาน
เธอสวมชุดแปลกๆ เคลื่อนไหวด้วยความสง่างามและคล่องแคล่ว กวัดแกว่งเคียวอันใหญ่อย่างชำนาญเสมือนว่าเป็นมันส่วนหนึ่งของร่างกายเธอเลย
ภาพนั้นบ่งบอกถึงกฝีมือการต่อสู้ที่ถูกฝึกฝนมายาวนานหลายปี ด้วยการเคลื่อนไหวเธอเพียงพริบตาเดียว เธอก็ฟันตัดร่างพวกโจรไปแล้วหลายคน เธอแกว่งเคียวตัดศรีษะของพวกมันปลิวกระเด็นอย่างง่ายดาย กลุ่มโจรที่เห็นท่าไม่ดีเลยรีบถอยหนีไป
ภายในเวลาไม่นาน การต่อสู้ก็สิ้นสุดลง ฝ่ายของเรารอดมาได้ด้วยความช่วยเหลือจากเธอคนนั้น ชั้นเปิดประตูรถม้าลงมา เด็กสาวผมขาวหันมองมาทางนี้ เราสบตากันอยู่แว่บหนึ่ง เด็กสาวค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ทางนี้ แต่ทว่าคนคุ้มกันหลายคนก็ขยับตัวเข้ามาขวาง
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ! เธอเป็นใครกัน” ผู้ชายหนึ่งในคนคุ้มกันตะโกนถามเด็กสาวเช่นนั้น แต่เด็กสาวก็หยุดคิด ทำให้เกิดความเงียบขึ้นในที่แห่งนั้น
เฮ้ย! นั่นมันเสียมารยาทนะ ชั้นคิดอยู่ในใจแบบนั้นและกำลังจะพูดออกไป แต่คนคุ้มกันผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆชั้น ก็กระซิบกับฉันว่า
“ รีบหนีไปค่ะคุณหนู รถม้าคันหลังเตรียมพร้อมแล้ว เดี๋ยวพวกเราจะดึงความสนใจเจ้านั่นไว้เองค่ะ”
“ฮ้ะ? ดะ-เดี๋ยวก่อนสิ นี่มันเรื่องอะไรกัน” ชั้นตกใจสบสนกับสิ่งที่เธอพูด เลยถามกลับไปว่าทำไม
แล้วเธอก็บอกความจริงที่น่าตกใจกว่ากลับมาว่า..
“เจ้านั่นอันตรายค่ะ นักผจญภัยอย่างพวกเราสัมผัสถึงอันตรายได้ เจ้านั่นอันตรายยิ่งกว่าพวกโจรเมื่อกี้มาก บรรยากาศรอบตัวเจ้านั่นมันอย่างกับ...”
เธอหายใจถี่ แล้วหันหน้าหนีจากชั้นมองไปทางเด็กสาว ชั้นเผลอมองตามเธอไป เห็นเหล่านักผจญภัยกำลังระแวดระวังเด็กสาวผมขาว เธอถือเคียวยักษ์รูปร่างแปลกตา มันไม่เหมือนอาวุธที่เห็นได้ทั่วไป แล้วนักผจญภัยหญิงก็พูดขึ้นต่อจากเดิม
“อย่างกับสัตว์ร้ายที่หิวกระหายไม่มีผิด!”
"!!!”
...-จบปฐมบท-...
...----------------...
^^^โปรดติดตามตอนต่อไป>^^^
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 4
Comments