ตอนต่อ2

แอ่ อี๊ แอ่ อี๊ดดดด

เสียงเพลงมอญร้องไห้ผสมเสียงสะอื้น ดังลั่นห้องพักผู้ป่วย เจ้าของลำโพงหกตัวที่ขนมาเพื่อการนี้นั่งสะอึกสะอื้นราวกับโลกจะแตก เพลงศักดิ์สิทธิ์ในงานพิธีเศร้าโศกลอยเข้าหูคนป่วยและคนเฝ้าไข้มาตลอดสามวัน สามวันที่ไม่มีใครห้ามเพราะแพ้น้ำตาเด็กน้อย คนที่ฟื้นสติมาได้สามวันอยากจะสลบเหมือดอีกรอบ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“คนไข้เป็นอย่างไรบ้างครับ เจ็บแผลไหม”

“เจ็บสิหมอ คนหล่อๆ อย่างผมนี่ซี๊ดเลย” คนเฝ้าไข้ตอบแทน เขาพิงพนังเสยผมอย่างกับตัวเองอยู่ในสมุดภาพ

“...” ผมส่ายหัว

“ดีครับ เข้าเฝือกอีกสองอาทิตย์ กระดูกที่ร้าวก็น่าจะเข้าที่แล้ว ระหว่างนี้ก็อย่าขยับขาทั้งสองข้างมากเกินไปนะครับ”

“ครับหมอ” ผมตอบ

“ฮือ อึก ฮือๆ”

หมอหนุ่มปรายตามองเจ้าของเพลงมอญร้องไห้ที่ยังสะอึกสะอื้นตัวโยนที่โซฟาไม่หยุด หมอครับนอกจากขาแล้วรับรักษาจิตใจด้วยไหม เฮ้อ…หมอสีหน้าสิ้นหวังมาก ก็นะ เป็นแบบนี้ตั้งแต่ผมยังไม่ฟื้นจนฟื้น หมอคงเมินแล้ว

“ฮืก อีก ฮือๆ”

“ใบตอง”

“ครับ ท่านราม ฮือๆๆๆๆ” ใบตองกระโจนมากอดเอวผมทันที เอาน้ำตาที่ไหลเป็นก๊อกมาราดเสื้อผมจนเปียกชุ่ม

“ปิดเพลง” ผมเอ่ยเสียงเรียบ

“ครับ ท่านราม” บอกครับแต่นิ่งคืออะไร

“ใบตอง ปิดเพลง”

“ครับ ท่านราม”

ตุบ ตุบ ปึก

ระหว่างที่ผมกำลังจดจ่อกับใบตองที่พูดไม่รู้เรื่อง เอาแต่กอดเอวผมร้องไห้ ทันใดนั้น NVP ของจริงก็ปรากฏตัว ลำโพงทั้งหกเครื่องมีสภาพน่าอนาถใจ บ้างก็ควันขึ้น บ้างก็ผ่าเป็นสองท่อน บ้างก็แบนแต๊ดแต๋ เสียงมอญร้องไห้หายเข้ากลีบเงียบ ใบตองรีบพุ่งไปดูซากเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กระจัดกระจายอยู่กับพื้น

“โทษที เท้าลั่น” คนเสยผม หย่อนก้นนั่งที่โซฟาทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว

เท้าลั่น โอ้โห ลั่นได้ถูกเวลามากเลย น่าจะลั่นแบบนี้ตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว ผมนี่ยกนิ้วโป้งให้ในใจเลย

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ขออนุญาตครับ”

ตำรวจสองนายในชุดเครื่องแบบเต็มยศยืนตะเบะหลังก้าวพ้นประตูมาได้สองก้าว คนที่ยืนนำหน้าดูเหมือนจะยศใหญ่กว่าคนที่มาด้วยหน่อย ที่มากระทันหันแบบนี้ ไม่บอกก็รู้ว่ามาทำไม เดลต้าที่ยืนอยู่ใกล้แขกที่สุด ผายมือต้อนรับมาทางผม แหม…ขอโทษนะ นี่บ้านมึงหรือ

“ผู้เสียหายรู้จักคนในรูปนี้ไหมครับ” ตำรวจเปิดรูปผู้หญิงคนหนึ่งในโทรศัพย์ยื่นมาให้ผมดู

อืม…คนๆ นี้ขาว ผอม สวย และติดจะหยิ่งๆ หน่อย

ใครอ่ะ

“...” ผมส่ายหัว

“เธอชื่อ แพร เห็นว่าเรียนคณะเดียวกันสาขาเดียวกันกับคุณ” พอตำรวจพูดชื่อเท่านั้นแหละ เจ้าสองคนจอมวุ่นวายก็เด้งตูดจากโซฟามาเสนอหน้าข้างเตียง ทำตัวขี้เผือกเป็นป้าข้างบ้านฉกโทรศัพท์ตำรวจไปดู

“นี่มัน….” ทั้งสองคนเอ่ยเสียงลั่น มองหน้ากันเลิ่กลัก ก่อนที่เดลต้าจะเป็นตัวแทนหมู่บ้านพูดต่อ “แพรเป็นดาวคณะครับ สาขาเดียวกัน แต่เธอติดงานก็เลยไม่ค่อยได้เข้าเรียน มีเจอบ้างในวิชารวม”

ก็ว่าอยู่ว่าทำไมไม่คุ้นหน้าเลย

“เธอเป็นคนวางตะปูเรือใบรถของผู้เสียหาย ตอนนี้ฝากขังอยู่ที่สอนอครับ เท่าที่สอบปากคำเธอ เรายังหาแรงจูงใจในการก่อเหตุไม่พบ”

หรือว่าแพรจะเกี่ยวข้องกับการตายของพีท

“ท่านรามครับ ทะเลาะอะไรกับคุณแพรหรือครับ” ใบตองถาม

“...” ผมได้แต่ส่ายหัว

การที่ผมเห็นพีทแค่คนเดียว ทำให้ผมไม่สามารถสื่อสารกับพีทต่อหน้าคนอื่นๆ ได้ หลังจากฟื้นขึ้นมาจึงติดสินบนเจ้ายมฑูตเส็งเคร็งเป็นการใหญ่ เพื่อฝากเจ้าก้อนไปทัศนศึกษาด้วยสักระยะ พีทคัดค้านที่จะอยู่กับผมด้วยสีหน้าโทษตัวเอง เอาแต่พูว่าขอโทษๆ ไม่หยุด เกลี่ยกล่อมอยู่ชั่วโมงหนึ่งระหว่างที่ยังไม่มีใครมาเฝ้าจนสุดท้ายก็ยอมไปอย่างจำใจ

คงต้องรอออกจากโรงพยาบาลแล้วคุยเรื่องนี้กับพีท

เฮ้อ คดีของผีช่างวุ่นวายนัก ไม่สิ คดีของเจ้าก้อนเยลลี่ต่างหาก

ครืด…. ครืด…

โทรศัพท์สีดำข้างหมอน สั่นเป็นจังหวะ หน้าจอขึ้นชื่อสายเรียกเข้า ทำเอาหน้าเจ้าของถึงกับถอดสี เรื่องคดียังไม่ทำให้เขาประหม่าจนกลืนน้ำลายลงคอก้อนใหญ่ขนาดนี้เลย เดลต้ากับใบตองชะโงกหน้ามาดู ก่อนจะขำในลำคอ

“งั้นถ้าออกจากโรงพยาบาลแล้ว ขอเชิญไปให้ปากคำที่สอนอหน่อยนะครับ ขอตัว” ตัวรวจทั้งสองนายตะเบะก่อนจะออกไป คนเฝ้าไข้ทั้งสอง นั่งที่โซฟา ส่วนผม…

ติ้ด

“ฮัลโหล”

(ทำไมรับสายช้า)

“พี่มีแขกน่ะ”

(อยู่โรงพยาบาลมีแขกด้วยหรือ ช่างเหอะ เริ่มเลย)

“เฮ้อ เรามีกันแค่สองพี่น้อง พ่อตาย แม่แต่งงานใหม่ที่เมืองนอก ตั้งแต่บิวเจ็ดขวบพี่ก็สัญญาว่าจะดูแลบิวให้ดีที่สุด แม่ถึงไม่บังคับให้บิวย้ายไปอยู่กับแม่ ตอนเด็กๆ พี่ยอมถูกพวกนักเลงรุมซ้อม เพราะไม่อยากให้พวกมันไปยุ่งกับบิว และตอนนั้นพี่ก็สัญญาแล้วว่า เราสองคนจะไม่มีอะไรบิดบังกันอีก เราจะคุยกันทุกเรื่อง ….”

เอ้า นักเรียนออกมาท่องกลอนสุนทรภู่หน้าห้องค่ะ เฮ้อ ตั้งแต่เกิดเรื่องผมกับบิวก็ไม่ต่างอะไรจากครูกับนักเรียนเลย น้องชายสุดสวาทขาดใจโทรมาให้ผมเล่าถึงความสนิดแน่นแฟ้นและสัญญาต่างๆ ของเราสองคนให้ฟังทุกวัน เฮ้อ น่าเบื่อ แต่ก็นะ ทำก็ได้ เพื่อน้องสุดที่รัก

เมื่อไหร่จะออกจากโรงพยาบาลเนี่ย อยากเจอพีทแล้ว!

อยากอยู่อย่างสงบ

“ท่านรามคร้าบบบบ ไปกับผมเถอะนะครับ”

“ไอรูปปั้น ไปกับกูดีกว่าเว้ย งานนี้ไม่เช้าไม่กลับ”

“แต่รามคะ ไปสะเดาะห์เคราะกับเฟิร์นดีกว่าค่ะ”

เฮ้อ น่ารำคาญ

ขอเคี้ยวอากาศสักที ผมถูกดึงแขนไปทางซ้ายทีขวาที เดี๋ยวเฟิร์นดึงมือไปจับ เดี๋ยวใบตองดึงมือไปจับ วันนี้ออกจากโรงพยาบาล ทุกคนก็เลยวุ่นวายเป็นพิเศษ เฟิร์นจะลากผมไปสะเดาะเคราะห์ล้างซวยเก้าวัด ใบตองจะพาไปหาหมอดู ส่วนเดลต้าจะพาเข้าผับไปฉลอง สุดท้ายจนถึงป่านนี้ก็ยังไม่ได้ขึ้นรถสักที

“คุณราม” ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวในชุดเดรสชมพูคนหนึ่งขัดจังหวะความวุ่นวายนี้

แกร๊ก

“ราม!!!!”

ทันทีที่เปิดประตูเข้าห้อง เจ้าก้อนสีฟ้าก็เด้งดึ๋งๆ ขึ้นมาบนหัวผม โยกไปมายืดๆ หดๆ อยู่บนหัว สงสัยเจ้ายมฑูตจะพากลับมาส่งที่ห้องสักพักแล้ว ตอนนั้นทำหน้าเศร้ารู้สึกผิด ตอนนี้กลับมาดีดเป็นจิงโจ้เหมือนเดิมซะงั้น

ค่อยยังชั่วหน่อย สุดท้ายก็ตรงกลับมาที่ห้อง

ผมวางกระเป๋าสัมภาระใบหนึ่งบนโต๊ะกินข้าว ก่อนจะเอาสารร่างตัวเองไปทิ้งลงบนโซฟา ใบหน้าล้าไม่ไหว ส่วนเจ้าก้อนตอนนี้ดีใจที่ผมหายแล้วอย่างกับถูกหวย โน่นเด้งไปเด้งมาชนพนังห้องขวาซ้าย ชนเพดานบ้างโคมไฟบ้าง ปิงปองยักษ์ขนานแท้ เอาเถอะ มีเรื่องต้องคุยกับพีทแต่…

ดึ๋ง…ดึ๋ง…ดึ๋ง…

ดึ๋ง…ปัก… (พีทเด้งไปชนโคมไฟล้มลง)

ดึ๋ง…ดึ๋ง…ดึ๋ง…

ดึ๋ง….โครม…. (พีทเด้งไปชนชั้นหนังสือล้มตูม)

เฮ้อ วันนี้ขอไปอาบน้ำนอนเลยแล้วกัน

ติ๊ก ตอก ติ๊ก ตอก

พีทโดดดึ๋งๆ ไปข้างๆ หมอนบนเตียงของราม มองเจ้าของเตียงกำลังเข้าสู่ห้วงนิทรา สายตาอาลัยอาวรณ์แสดงออกราวกับคนบนเตียงกำลังจะสลายไป

“จริงๆ ก็ใช่แหละ เป็นข้าจริงๆ ปะ…เป็นข้าที่พาอันตรายมาให้เจ้า เป็นข้าที่พรากตัวตนของเจ้าไป เจ้าไม่ควรมายุ่งกับเรื่องพวกนี้เลย” แม้น้ำเสียงคนพูดจะแหบพร่า แต่ทว่าบนในหน้ากลับปรากฏรอยยิ้มประหลาด

“จะลักหลับเจ้านี่หรืออย่างไร” ยมฑูตที่เพิ่งปรากฏกายตรงประตูเอ่ยทัก

“เป็นข้าจริงๆ ด้วย ท่านยม อย่างที่ท่านบอก”

“หืม ตัดสินใจแล้วหรือ” คนถามเห็นคนตอบนิ่งเงียบ จึงเค้นต่อ “แต่เจ้าจะสลายไปตลอดกาลนะ”

“....”

“ฮือ ฮื้อ ฮืม ฮื้อ ฮือ”

แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าในวันที่เมฆเปิดแบบนี้ ช่างเป็นใจในการตากผ้าเสียจริง สงสัยวันนี้เทวดาเพิ่งแต่งงานใหม่บรรยากาศเลยเป็นใจเป็นพิเศษ หลังจากตากผ้าตัวสุดท้ายแล้ว ไปนั่งกินเค้กช็อกโกแลตดีกว่า ฮัมเพลงสักพักคอก็เริ่มกระหายของหวานซะแล้วสิ

ดึ๋ง….ดึ๋ง…ดึ๋ง…

สงสัยเจ้าก้อนนี่จะคิดว่าตัวเองเป็นแมว ถึงได้โดดดึ๋งๆ ตามผมตั้งแต่ตื่นนอนแล้ว นี่ถ้าไม่ดุไม่ด่าส่งสายตาห้าม คงตามเข้าห้องน้ำด้วย วิญญานที่เดือดร้อนมาขอให้ช่วยนี่ไปไหนแล้ว เห็นแต่เจ้าจิงโจ้เริงร่ามีความสุข

งั่ม งั่ม

กลิ่นหอมตีขึ้นจมูกขนมเค้กตัดแบ่งทรงสามเหลี่ยมรสช็อกโกแลตละลายในปาก นุ่มละมุนทันทีที่ต่อมรับรสสัมผัส รู้สึกราวกับว่าวันนี้จะโชคดีสุดๆ ไปเลย จะว่าไปวันนี้ช่วงบ่ายต้องไปที่สอนอสินะ

“พีท”

ดึ๋ง

“เจ้าเรียกข้าหรือ” เจ้าก้อนกระโดดขึ้นมาบนโต๊ะ แหมะอยู่ข้างๆ จานเค้ก

“อืม วันนี้ไปสวนสาธารณะกัน” ผมเอ่ยเสียงเรียบ

“...” ดึ๋งๆๆๆๆๆๆๆๆๆ “รามใจดี รามใจดี รามใจดี” เจ้าเยลลี่โดดดึ๋งๆ ถี่ๆ อยู่กับที่ นี่เจ้าก้อนไปเอาเอ็นเนอร์จี้มาจากไหนเยอะแยะ เด้งได้เด้งดีแบบนี้ จับลวกใส่เส้นใส่เครื่องปรุงเลยดีไหม

“ก็แค่จะแวะถ่ายรูปก่อนไปโรงพักเท่านั้นเอง รู้ตัวคนร้ายแล้ว คนที่….น่าจะเกี่ยวข้องกับการตายของพีท หรือไม่ เขาก็คือฆาตกรที่เราตามหา” ผมบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตาสื่อว่าตอนนี้ความจริงกำลังค่อยๆ ปรากฏออกมาแล้ว

“รามใจดี รามใจดี” ดึ๋งๆๆๆๆๆๆๆ

“ฟังอยู่ไหมเนี่ย เฮ้”

หมับ

“จะ….เจ้า ปล่อยข้า” แมวน้อยจอมพยศโยกไปมา ยืดๆ หดๆ ในมือ พยายามหดตัวเองลอดฝ่ามือลงไปบนโต๊ะ แต่แมวก็คือแมว

“นิ่งๆ” เจ้าก้อนหยุดดุ๊กดิ๊กไปมา จะว่าไปผิวมันก็หนึบๆ นิ่มๆ ไหนขอจิ้มหน่อยสิ

“จะ…เจ้า อื้อ”

ไหนลองบีบๆ คลึงๆ นวดๆ หน่อย อือหือ เจ้าก้อนหลับตาพริ้มเลยนะ แถมลมหายใจยังแผ่วๆ ช้าๆ ให้อารมณ์เหมือนกำลังเกาคางแมวอยู่จริงๆ

“...”

“ปล่อย!” เจ้าก้อนลืมตาโต เอ่ยขู่หง่าวๆ เสียงดัง เมื่อกี้ยังเคลิ้มอยู่เลย ผมยอมปล่อยแมวเหมียวลงพื้นโต๊ะ เจ้าก้อนรีบโดดดึ๋งๆ ไปโซฟาหน้าทีวี เพิ่งสังเกตว่า เยลลี่สีฟ้ากลายร่างเป็นสีชมพูไปแล้ว ผมยกยิ้มอย่างไม่รู้ตัว

“ผลัดสีอีกแล้วหรือ”

“...” เจ้าก้อนอยู่นิ่งๆ เป็นเยลลี่เรียบร้อย เมินคำหยอกล้อของผม แต่ถึงจะทำตัวนิ่งสงบ ทว่าสีกายเปลี่ยนจากชมพูเป็นชมพูเข้มแบบเนี๊ยนเนียน ฮ่าๆ นี่ถ้าไม่ติดว่าผมถอดผ้าม่านไปทำความสะอาด พนันได้ว่าเจ้าก้อนกลมนี่ได้โดดดึ๋งๆ ไปอยู่ที่ซอกตู้หลังผ้าม่านแน่

“ฮืม ฮื้อ ฮืม” ผมเดินฮัมเพลงนำจานไปล้างอย่างอารมณ์ดี

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ผู้หญิงคนหนึ่งมาหาผมที่ห้อง เธอคือคนที่ผมเจอขากลับจากโรงพยาบาล วันนั้นไม่สดวกคุยเลยนัดให้มาคุยที่นี่วันนี้ ผมเชิญแขกเข้ามานั่งด้านใน เธอบอกว่า เธอชื่อ 'ริน' เป็นเลขาและเพื่อนวัยเด็กของแพร ผมไม่สนว่าแพรหรือรินจะเป็นใคร ตอนนี้ผมสนใจแค่ พวกเขาเกี่ยวข้องอะไรกับพีท

แต่ว่า

ดึ๋ง…ดึ๋ง….ดึ๋ง….ดึ๋ง

ถ้าบอกให้เจ้าก้อนเยลลี่หยุดโดดดึ๋งๆ บนหัวผมจะดีมาก

“ได้โปรดอย่าเอาเรื่องคุณหนูแพรเลยนะคะ คุณหนูถูกตามใจมาตั้งแต่เล็ก อาจจะทำอะไรผิดพลาดตามอารมณ์ไปบ้าง คุณรามอย่าถือสาเลยนะคะ”

“ตอบคำถามฉันมาข้อหนึ่ง”

“ค่ะ”

“เธอรู้จักพีทหรือเปล่า” หญิงสาวชะงักไปครู่หนึ่ง

“พีทไหนหรือคะ พอดี คนชื่อพีทที่รู้จักมีเยอะมากเลย”

ถ้าบอกว่าพี่ที่ไม่ใช่คนจะกระชับขึ้นไหมนะ

“พีทที่เรียนวารสาร ไม่สิ เคยเรียน”

ใช่ๆ เคยเรียนวารสาร แต่ปัจจุบันแปลงร่างเป็นจิงโจ้ไร้สังกัดโดดดึ๋งๆ ไม่หยุด อยู่บนหัวเนี่ย

“ขอโทษนะคะ รินไม่รู้จักใครที่เรียนวารสารเลยค่ะ”

“อ่อ อืม” ดูท่าแล้วผู้หญิงคนนี้จะไม่ได้โกหก เพราะพีทเองก็บอกผมทีหลังว่าเขาไม่รู้จักริน

“วอร์หนึ่งเรียกวอร์สอง ติ้ด…”

ผมนั่งรอเจอแพรที่ห้องรวมกับเอ้ ส่วนพีทก็อยู่บนหัวเหมือนเดิม สักพักมีตำรวจยศผู้กองเรียกผมเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง เอ้รออยู่ด้านนอก ในห้องมีผู้หญิงคนหนึ่งในชุดนักโทษนั่งหันหลังอยู่ ตำรวจยืนอยู่ข้างประตูสองนาย เปิดอิสระให้ผมคุยกับเจ้าของข้อมือที่มีกุญแจเหล็กคล้องอยู่อย่างเต็มที่

“แพร”

ดวงตาโกรธจัดมองตาขวาง ตาขาวปนสีแดงดังมีดคมที่อาบไปด้วยแรงอาฆาต อือหือ จ้องอย่างกับผมไปสร้างความเจ็บแค้นอะไรให้ตั้งแต่ชาติปางก่อน แพรลุกขึ้นยืน ค่อยๆ สาวเท้ามาหาผมที่อยู่กลางห้อง

“ทำไม….ทำไมแกไม่ตายๆ ไปซะ อ๊ากกกกกก”

หญิงสาวคำรามก่อนจะพุ่งมากดผมลงกับพื้น พีทหล่นจากหัวลงไปด้านข้าง แรงมาหาศาลส่งมาอย่างไม่ปราณี มือน้อยๆ บีบเค้นลำคอจนรู้สึกจุกอก

“มึงมันแส่ไม่เข้าเรื่อง คนตายไปแล้วจะรื้อฟื้นมาทำเหี้ยอะไรวะ มึงต้องตาย มึงตาย!!!!” ตำรวจสองนายลากแพรออกไป ผมลูบคอตัวเองป๊อยๆ ราวกับที่มือมียาฟื้นฟู ผมกับพีทมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ

ผู้หญิงเกี่ยวข้องกับการตายของพีทไม่ผิดแน่

“ไหวไหม” เอ้ถาม ตอนนี้ผมนั่งอยู่ห้องรวมกับเอ้รอตำรวจมาสอบปากคำเพิ่มเติม

กริ้ง….กริ้ง….

“ฮัลโหล ฟิวส์หรือ ….อ่อๆ ได้แล้วใช่ไหม ไม่มีปัญหา ติ้ด.” ปลายสายทำหน้าบอกบุญไม่รับ สายตาดูเอียนมาก

“เป็นอะไรหรือ” ผมถาม

“งานคู่วิชาอาจารย์มณีนะสิ ช่วงนี้ผมยุ่งมากเลยฝากงานไว้กับเดลต้า แต่เจ้านั่นกลับไปจ้างให้คนอื่นทำให้ แถมยังไม่ยอมไปรับงานเองอีก”

“แสดงว่าต้องไปจัดการเองสินะ”

น่าสงสาร งานก็ยุ่ง ได้จับคู่กับเดลต้าจอมขี้เกียจด้วย ยิ่งแล้วใหญ่ มีอะไรที่พอจะช่วยได้ไหมนะ

“ส่งคอนแท็กเขามาสิ เดี๋ยวฉันไปเอางานมาให้ แค่ไปรับงานมาให้…” ผมพูดไม่ทันจบ คุณตำรวจก็มาซะก่อน

“ตอนนี้ผู้ต้องหากำลังสงบสติอารมณ์นะครับ เมื่อกี้เจ้าหน้าที่เช็คกล้องวงจรปิดแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ดูเหมือนผู้ต้องหาจะพูดถึงการตายของใครสักคน คุณพอจะอธิบายหน่อยได้ไหมครับ”

“เอ่อ…คือ…”

ผมไม่ได้บอกอะไรตำรวจ เพราะกลัวจะควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ผมต้องหาเวลามาเยี่ยมแพรอีก ถึงจะเสี่ยงไปหน่อย แต่เบาะแสชั้นดีขนาดนี้ จะทิ้งไปไม่ได้ ดีไม่ดี ผมว่าแพรนี่แหละที่ฆ่าพีท

ปึก

ประตูรถคันเก่งถูกปิดล็อก คนขับเตรียมคาดเข็มขัดนิรภัยและออกรถ เจ้าก้อนสีฟ้าย้ายตำแหน่งจากบนหัวคนขับไปที่เบาะด้านข้างคนขับ ดูเหมือนการมาวันนี้จะไม่เสียเที่ยว แปลกอย่างเดียวที่…

“แน่ใจนะพีท”

“อืม…ข้าไม่รู้จักเขา”

นี่พีทจำแพรไม่ได้ หรือไม่รู้จักจริงๆ ล่ะเนี่ย แต่เป็นคนฆ่าตัวเองตายเลยนะ จะจำหน้าไม่ได้เลยหรือ เฮ้อ ปวดหัว

ครืด…ครืด….

บอกผมทีว่าผมตาฝาด บอกทีว่าหน้าจอไม่ได้ขึ้นชื่อ คนคนนั้น ผมไม่อยากเล่าเรื่องความสัมพันธ์และสัญญาแบบหนังเก่าเล่าใหม่แล้ว เดี๋ยวนะ ผมออกจากโรงพยาบาลแล้วนี่

“ฮัลโหลบิว”

(พี่ มาหาผมที่คาเฟ่ประจำหน่อย)

อารมณ์ไหนเนี่ย หรือวันนี้เทวดาที่อยู่บนฟ้าอยากกระชับความสัมพันธ์พี่น้อง

“ตอนนี้เลยหรือ”

(ใช่)

“มีอะไรหรือเปล่า ทะเลาะกับแม่หรือ”

แม่โทรหาผมกับน้องทุกอาทิตย์ กับผมก็ถามสารทุกข์สุกดิบทั่วไป แต่กับน้องนี่คืออย่าเรียกว่าคุยกัน เรียกว่า 'หยุมหัว' กันดีกว่า

(พี่ราม พี่คิดจะบอกผมเมื่อไหร่)

ผมลอบกลืนน้ำลาย หรือปลายสายจะบ่นเรื่องของหวานอีกแล้วเนี่ย

“บิว….”

(ผมรู้แล้วนะว่าพี่ไปยุ่งเรื่องอะไรอยู่)

“บิว น้องหมายถึงอะไร”

(ผมรู้เรื่องการตายของคนที่ชื่อพีท)

“...”

กลิ่นดินและแร่ธาตุคลุกเคล้ากับอินทรีย์วัตถุลอยตบจมูก รองเท้าผ้าใบขาวแต้มสีดินร่วนส่วนหนึ่ง ทิศทั้งสี่เป็นเรือนกระจกสามส่วน อีกด้านต่อเข้ากับห้องไม้เล็กๆ ด้านในบรรจุอุปกรณ์ตัดแต่งพืชสวน โต๊ะไม้ขนาดมาตรฐานพร้อมเก้าอี้สองสามตัว ถูกจัดวางอย่างไร้แบบแผน วิญญานดวงกลมเคลื่อนไหวกระดุ๊กกระดิ๊กขึ้นลงย้ำๆ อยู่บนโต๊ะไม้สน ผู้ครอบครองรองเท้าผ้าใบตามที่กล่าวมานั้น ยืนตรวจหาร่องรอยในที่เกิดเหตุอยู่ไม่ไกล

ไม่อยากเชื่อว่าผ่านมาเกือบสองเดือนแล้ว

โลกนี้มีวิญญานเป็นส่วนประกอบส่วนหนึ่ง กล่าวได้ว่าวิญญานกับมนุษย์ก็เหมือนมีบ้านหลังเดียวกัน นั่นทำให้ผมคิดว่าวิญญานมีทั้งสุขและทุกข์เหมือนกับมนุษย์ ทว่า…

ดึ๋ง…ดึ๋ง…ดึ๋ง…

“บิวน่ารัก รามใจดี บิวน่ารัก รามใจดี๊ดี”

ผมน่าจะคิดผิด

วิญญานบางตนอาจจะไม่รู้จักความทุกข์เลยก็ได้

เจ้าก้อนเยลลี่เป็นวิญญานที่ร่าเริงและมีความสุขที่สุดในโลก ทั้งซื่อบื้อจนถูกอ่านออกได้ง่าย ขี้ตื้อ น่ารำคาญ แต่ก็เป็นความสดใสที่ทำให้โลกนี้มีชีวิต

แม้เจ้าตัวจะไม่มีชีวิตก็เหอะ

เจ้าเยลลี่คงไม่คิดว่าจะได้มาเจอคนที่มองเห็นตัวเองได้แบบนี้ เอาจริงๆ ผมก็ไม่คิด แต่ถึงจะเจอเรื่องต่างๆ มากมายตลอดสองเดือน ตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่า…โชคดีจังเลย

ผมรู้ว่าเหลือเวลาที่จะได้มองเจ้าก้อนเด้งดึ๋งๆ มีความสุขกายสบายใจแบบนี้อีกไม่เท่าไหร่แล้ว อย่างไรก็ตาม ผมจะไม่ปล่อยให้พีทตายฟรี ยิ่งกว่านั้น ผมไม่ปล่อยให้คนร้ายลอยนวล ที่เรือนเกษตรหลังนี้เป็นทั้งจุดเริ่มต้นระหว่างผมกับพีท อีกทั้งเป็นจุดจบของพีทเช่นกัน

ดึ๋ง…ดึ๋ง…ดึ๋ง

พีทยังคงโดดดึ๋งๆ อยู่กับที่และพูดประโยคเดิมๆ

ตัวเองตายที่นี่แท้ๆ เอาแต่เด้งดึ๋งๆ จำอะไรไม่ได้สักอย่าง เฮ้อ เหนื่อยใจ

ตัวการที่จำอะไรไม่ได้เลยนอกจากชื่อ คิดว่าตัวเองมาปิคนิกละมั้ง

ช่างเถอะ

ผมแวะเดินออกไปดูอีกคนที่สำรวจด้านนอก

พี่น้องสายเลือดเดียวกันตัดอย่างไรก็ตัดกันไม่ขาด อันนี้ผมรู้ พี่น้องที่สนิดกันมากๆ มักเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกันและกัน อันนี้ผมก็รู้ พี่ชายที่อยู่กับน้องชายเพียงลำพังตั้งแต่วัยเยาว์มักมีน้องชายประเภทที่ เนี๊ยบ จุกจิกจู้จี้ขี้บ่น หรือมุทะลุเอาแต่ใจ อันนี้ผมก็รู้อีก แต่น้องชายประเภทที่ทำตัวเท่มากกว่าพี่ชาย อีกทั้งยังคอยตามสืบชีวิตความเป็นอยู่ของพี่ชายตัวเองนี่ มันออกจะรันทดเกินไปหน่อยไหม

หลังจากที่บิวคลายข้อสงสัยด้วยการจ้างนักสืบตามดูชีวิตประจำวันของพี่ชายตัวเอง ก็ต่อด้วยจ้างสืบประวัติของพีท ฤกษ์งามยามดีบิวก็สถาปนาตัวเองมาเป็นโคนันไขคดีแบบเต็ํมตัว วันนี้บิว ผม และผู้ตายตัวกลมๆ มาหาเบาะแสที่จุดเริ่มต้น เผื่อจะเจออะไรดีๆ แม้ว่า เอิ่ม…มันจะผ่านมาเป็นปีแล้วอะนะ

“พี่ราม มาดูนี่สิ”

น้องชายสุดสวาทขาดใจเดินมาส่วนจัดเก็บและวิจัยพืช ท่าทางจะเจอเบาะแสอะไรบางอย่าง พึ่งพาได้จริงๆ ผมรู้ว่าพีทตายที่นี่ก็เพราะบิวนี่แหละ เห็นนิ่งๆ เงียบๆ แต่ก็สืบจนรู้ทุกอย่าง

รู้มากกว่าเจ้าคนที่ตายเองเสียอีก

สุดท้ายผมก็ไม่เคยปิดบังอะไรเขาได้เลย ยังดีที่เขาไม่ห้ามแถมยังช่วยผมหาตัวคนร้ายอีกด้วย ทำเอาเจ้าก้อนที่ไปคาเฟ่กับผมเมื่อวานนี้เอ่ยชมบิวไม่หยุดปาก

“มุมซ้ายตรงประตูมีกล้องด้วย พี่ดูสิ”

จริงด้วย บิวตาดีชะมัด แบบนี้แค่ไปขอดูกล้องวันเกิดเหตุก็น่าจะมัดตัวคนร้ายเข้าซังเตได้แล้วแหละ ส่วนวันที่พีทตายแน่นอนว่าก็ต้องถามพีท…หรือ?

ถามพีทไปก็ไม่ได้เรื่องหรอก ถึงได้บอกว่าเป็นตัวการ เฮ้อ ตัวการความวุ่นวาย

โชคดี บิวสืบเรื่องของพีทมาพอประมาณ ตอนนี้เรื่องวันตายของพีทก็เข้าใจกระจ่างแล้ว เหลือแค่….ลากคนผิดมาลงโทษให้ได้ ความจริงใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว

“ตอนนี้ผมขอให้พี่อยู่นิ่งๆ”

อยู่นิ่งๆ?

“เรื่องเทปกล้องวงจรปิด ผมจะไปเอามาให้เอง ระหว่างนี่ผมขอให้พี่อย่าหาเรื่องใส่ตัว”

เฮ้อ…

“บิว พี่รู้ว่าบิวห่วงความปลอดภัย พี่ไม่เป็นไร เรื่องนี้…”

“พี่ราม!!!”

จะตะโกนทำไมเนี่ย ตกใจหมด

“อยู่นิ่งๆ ได้ไหม!!” เสียงทุ้มขู่เสียงดัง ดวงตาแข็งกระด้างที่ส่งมาช่างเหมือนมารดากำลังตำหนิเขาจริงๆ “นะ” น้ำเสียงแผ่วเบาผิดกับเมื่อกี้ มาพร้อมน้ำใสๆ ที่ปริ่มๆ ริมขอบตา วงแขนสองข้างของพี่ชายได้แต่เข้าไปโอบรัดไว้เบาๆ คนถูกกอดตัวสั่นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ “นะพี่ ผมขอร้อง”

บิวไม่ใช่คนขี้แย ไม่ใช่คนอ่อนแอ และไม่ใช่คนเสแสร้งที่ชอบบีบน้ำตา ล่าสุดที่ผมเห็นเขาร้องไห้ตัวสั่นขนาดนี้ก็ตอนเด็กๆ ตอนนั้นเพื่อช่วยบิวไม่ให้โดนพวกผู้ใหญ่เกเรกระทืบ ผมเอาตัวเองไปรับแทนจนเข้าไอซียูและต้องพักฟื้นไปเป็นเดือน บิวเอาแต่ร้องไห้สำนึกผิดและโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง ตอนนี้ผ่านมาหลายปีเขาก็ยังร้องไห้เพราะผม

เจ้าน้องชายของผมยังเป็นแค่เด็กน้อยเท่านั้นเอง

ผมเอาแต่หาคนร้ายเพื่อจะช่วยพีทและค้ำจุนคุณธรรมที่ตัวเองคิดว่าถูกต้อง ไม่คาดคิดเลยว่าตัวเองจะกลายมาเป็นคนร้ายที่ฆ่าความรู้สึกของน้องชาย ผมคิดว่าพอปล่อยให้น้องได้แยกหอพักออกไปใช้ชีวิต เขาจะเข้าโลกส่วนตัวจนไม่สนใจพี่ชายอย่างผม ไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบันหรืออีก20ปี ผมลืมไปว่าเขาเป็นคนที่หวังดีและแคร์ผมที่สุด วันนี้ผมรู้แล้วว่า ผมควรจะดูแลความรู้สึกเขาให้มากกว่านี้

“อืม ขอโทษนะ” คนโดนอ้อนวอนลูบผมคนอายุน้อยกว่าด้วยกริยาที่สุภาพนิ่มนวล

ตัดภาพไปที่พีท

ดึ๋ง…ดึ๋ง….ดึ๋ง

เจ้าก้อนเด้งออกมาให้ห่างจากสองคนพี่น้อง กายสีฟ้าเริ่มจางหายเหมือนสัญญานทีวีโบราณที่ติดๆ ดับๆ ความรู้สึกเหมือนร่างกายจะถูกฉีกวิญญานแล่นเข้ามาหนักและรุนแรงขึ้น วิญญานน้อยต้องสาปอดทนตั้งสติ สะกดกลั้นเสียงของความเจ็บปวดไม่ให้เผยออกมา

เขาไม่ได้ประหลาดใจกับความผิดปรกติของวิญญานเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่ามันเคยเกิดขึ้นแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เขาเพียงแค่เด้งตัวไปหลบหลังพุ่มไม้ไม่ให้ใครรู้ แน่นอนว่าใครที่ว่าก็คือคนคนเดียวที่มองเห็นเขา

ครืด….ครืด…

กายอุ่นซุกตัวในผ้าห่มอยู่ในสภาพที่ไม่รับรู้ต่อสิ่งแวดล้อม วัตถุทรงสี่เหลี่ยมข้างหมอนส่งเสียงรบกวนน่ารำคาญเมื่อมีคนจงใจรบกวนเวลานอนของเขา เปลือกตาหนักเบิกโพลง ใจกระตุกผวาจนเผลอเต้นผิดจังหวะ สายตาตวัดมองนาฬิกาดิจิตอลแขวนพนัง ก่อนจะหันไปจัดการปีศาจร้ายที่ก่อกวนเขาตั้งแต่หกโมง

เฮ้อ น่ารำคาญ อยู่กันดีๆ ไม่ได้ใช่ไหม

“ติ้ด…ฮัลโหล” ผมกรอกเสียงเข้มใส่ปลายสาย

เจ้าก้อนสีฟ้าเหมือนรู้ว่าผมหงุดหงิด กระโดดขึ้นมาเด้งดึ๋งๆ บนหน้าอกผมที่นอนอยู่ ส่งเสียงเรียกชื่อผมซ้ำๆ น้ำเสียงดัดแปลงช่องเสียงที่ล้านแปดเอ่ยออดอ้อนอย่างจงใจ สงสัยคิดว่าตัวเองน่ารักมากมั้ง อืม…ก็ใช่แหละ

พีทอ้อน+ความหัวเสีย = อารมณ์ดี

สมการที่ไม่มีในห้องเรียนแต่มีในชีวิตจริง สมการที่ไม่ต้องสอบก็ตอบได้

“ไอรูปปั้น เชี่ยเอ้บอกว่ามึงจะไปเอางานให้ไม่ใช่เหรอ พรุ่งนี้กูเดทไลน์แล้วนะเว้ย มึง….”

เฮ้อ น่าเบื่อ

“อืม แค่นี้ใช่ไหม”

“กะ ก็ เอ่อ…”

“....ติ้ด”

ดึ๋ง…ดึ๋ง….ดึ๋ง

หมับ

“อื้อ ราม” เสียงสองเสียงสามครางครวญ

ผมชอบเสียงครางบู้บี้ของพีทนะ น่าแกล้ง ผมบีบๆ คลึงๆ นวดๆ เจ้าเยลลี่ไปมา เจ้าเยลลี่ก็ดูจะชอบนะ หลุดเสียงครางน่ารักเชียว แถมยังหายใจเบาๆ แผ่วๆ เหมือนแมวเคลิ้มอีก น่ารักขนาดนี้ถูกฆ่าตายได้อย่างไรเนี่ย

“อื้อ ปล่อย” เจ้าเยลลี่ผลัดสีเป็นชมพูเข้มอีกแล้ว

สีเหมือนเค้กสตอเบอร์รี่เลย เลียสักทีได้ไหม ฮ่าๆ

คอนโดหรูเจ็ดชั้นใจกลางเมืองทรงตัว U ที่ตรงกลางเป็นสระน้ำ ด้านหน้าอาคารมีแต่รถหรูมีระดับจอดเรียงราย ต้นไม้ให้ร่มเงายามเที่ยงปลูกโดยรอบตัดแต่งอย่างดี ดูมีระดับชนิดที่พูดได้ว่า ไร้ที่ติ ผมฝ่าด่านยามหลายชั้นกว่าจะมายืนหน้าประตูห้องชั้น 6 ‘ฟิวส์’ ฟรีแลนซ์ที่ปั่นงานให้เอ้กับเดลต้า ส่งที่อยู่กับเลขห้องมาให้ ดูท่าทางเป็นคนที่ไม่ระวังตัวเอาเสียเลย ผมส่งข้อความไปหาเขาแล้วว่าอยู่หน้าห้อง พีทโดดลงจากหัวผมลงไปเด้งดึ๋งๆ ที่พื้นข้างๆ ตัว หันมองเจ้าก้อนได้ไม่นานประตูก็เปิดออก

“สะ…สวัสดีครับ”

คนคนนี้!

ไม่ต้องเจอผีก็อ้าปากค้างได้ คนตรงหน้าคือเจ้าของกองหนังสือที่ได้รับฉายา สโตกเกอร์ จากพีท วันนี้เจ้าตัวเข้าประกวดมาในลุกสาวน้อยตกน้ำกับผ้าขนหนูพันรอบเอวหนึ่งชั้น แว่นตาที่เคยบดบังดวงตาสีน้ำเงินนั้นหายไปไหนแล้วไม่รู้ สายตาปกติหรือ? เขายืนเก้อเขินเอามือขวาลูบปอยผมเปียกเงอะงะ

บังเอิญแหละ แต่่…ไม่น่าไว้ใจเลย

“ราม เจ้าโทรตามเพื่อนเถอะ” เจ้าก้อนบอก

“งานล่ะ” ผมรีบตัดบท

แค่รับงานแล้วกลับบ้านก็พอ

“เอ่อ…คือ เข้ามาก่อน กะ..ก็ได้ครับ”

“เจ้าอย่าเข้าไปนะ”

“ไม่ละ”

“ผะ….ผมหนาวนิดหน่อยน่ะครับ” เจ้าบ้านลูบแขนตัวเองยืนตัวสั่นเทาอย่างน่าสงสาร

เฮ้อ ตัวเปียกแล้วเปิดแอร์ สมควร

“ราม เจ้าอย่าเข้าไปนะ” พีทปราม

“เร็วๆ”

ผมหน้าตูมบอกเสียงเย็น ก้าวเนิบๆ เข้าห้องรับแขกที่ตกแต่งอย่างดี นั่งรอที่โซฟาหน้าทีวี ตอนนี้กำลังฉายหนังสยองขวัญโรคจิตแนวหนึ่งซึ่งดูไม่เข้ากับบุคลิกเจ้าของห้องสักเท่าใด พีทกระโดดมานั่งข้างๆ

แค่รอผู้ชายแต่งตัวคงใช้เวลาไม่นานหรอกมั้ง ดีกว่ามีใครมาหนาวตายเพราะผม

ถึงเจ้าก้อนจะห้ามแต่จะให้ทำอย่างไรล่ะ ถือว่าสถานการณ์พาไปแล้วกัน จะว่าไป หมอนี่รู้จักกับเดลต้าสินะ ถ้าเป็นเพื่อนเดลต้าก็คงไม่มีอะไรหรอก

“ขะ…ขอบคุณครับ สักครู่นะครับ”

“...” ผมพยักหน้าขอไปที เจ้าของห้องรีบวิ่งไปจัดการตัวเอง แต่ก่อนจะได้เปิดประตู เขาก็ลื่นหัวทิ่มหน้าคะมำโชว์ไปหนึ่งทีหน้าประตู ดีนะที่ผ้าไม่หลุด ผมก็ไม่อยากสักการะชีเปลือยตอนนี้เสียด้วย

เฮ้อ…น่าเบื่อ

ติ่ง ติ้ง ติงๆ ติ้งๆ ติ่ง ติ้ง

ไอโฟนราคาแพงวางอยู่บนโต๊ะน้ำชาด้านหน้าโซฟา ผมนั่งนิ่งไม่สนใจเสียงเรียกเข้าที่ดังไม่หยุด ด้วยนิสัยที่ไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านและไม่ชอบหาเหาใส่หัว สมองจึงสั่งการว่าให้นั่งนิ่งๆ ไม่สนใจมัน แต่เจ้าก้อนดูเหมือนจะตรงข้าม ฉีกทุกกฎของคำว่า วางตัว หรือ มารยาท แบบที่เรียกว่าโนสนโนแคร์

“ราม เจ้าดูนี่สิ” เจ้าก้อนที่เด้งไปข้างโทรศัพท์ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเอ่ยอย่างกระวนกระวายใจ

ผมลอบมองทางห้องที่ฟิวส์หายเข้าไป เมื่อไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตจึงค่อยลุกไปดูมัน ภาพหน้าจอที่ปรากฎขีดกาหัวเจ้าของเครื่องให้เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยทันที พีทกับผมมองหน้ากันอย่างนิ่งเงียบก่อนเลื่อนสายตากลับไปมองรายชื่อปลายสายที่หน้าจออีกครั้ง

[พี่แพร ม.5/6]

แกร๊ก

ทันทีที่เสียงประตูห้องเปิดออก สัญชาตญาณดิบของผมมันก็บอกให้นั่งลงเดี๋ยวนี้

ร่างกายตอนนี้อยู่ในจุดที่เรียกได้ว่า ย้อนแย้งในตัวเองขั้นสุด สีหน้าและอากัปกริยานั่งนิ่งเรียบเฉยราวกับรูปปั้นหินที่เอาค้อนทุบก็ไม่แตกหัก หัวใจเต้นระทึกเหมือนเพิ่งไปวิ่งสี่คูณร้อย สมองคิดปะติดปะต่อประมวณผลต่างๆ นาๆ เทียบเท่าคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่ง

ใบหน้าค่อยๆ หันไปมองเจ้าของห้องช้าๆ

ผิดกับคนที่เพิ่งเปิดประตูออกมาที่พอได้ยินเสียงเรียกเข้า ก็รีบวิ่งแจ้นมาหยิบมือถือด้วยท่าทางลุกลี้ลุดลน ก่อนจะกดรับสายแล้วเดินหนีไปคุยทางอื่น

แน่นอนว่าผมสังเกตเห็นสีหน้าที่มองมาที่ผมตัดสลับกับมองหน้าจอมือถืออย่างมีลับลมคมในนั่น และใช่…ตอนนี้ผมต้องแข่งกับเวลาแล้ว

ปฎิบัติการรื้อค้นและสำรวจ เริ่ม!

เลือกตอน
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 4

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!