ห้องรับแขกสองห้องที่เชื่อมกันเป็นหน้าที่ของผม ส่วนห้องอื่นๆ เป็นหน้าที่ของพีท ผมไม่รู้ว่าเจ้าของห้องจะกลับมาตอนไหนจึงต้องรื้อไปเก็บไป เรียกว่า เสียเวลาคูณสอง รีบจนหยิบผิดหยิบถูก เอกสารเอยหนังสือเอย ผมหยิบดูหมด ในใจคาดหวังว่าขอให้การกระทำของพวกเราไม่สูญเปล่า
ครืด….ครืด….ครืด
โอ้ย ใครโทรมาเวลานี้เนี่ย
[My Brother Bew]
โอเค ถ้าคนนี้โทรได้
“ครับ”
“พี่ราม อยู่ไหน”
“พี่รีบอยู่ มีอะไรหรือ”
ตุบ แกร๊กๆๆๆ
ชิบหาย.
ผมชะเง้อคอมองว่าเจ้าของห้องกลับมาหรือยัง
ข้อศอกเจ้ากรรมมันดันไปชนกองซีดีดีวีดีคลาสเซ็ตที่ไม่รู้ราคากี่พันล้านหล่นตุบลงมาจากชั้น
สกิลพิเศษเปิดทำงาน.
ตาก็ต้องมอง โทรศัพท์ก็ต้องเอาคางเหน็บไว้ที่ไหล่ ซีดีก็ต้องเก็บ สายสนทนาก็ต้องตอบ มัลติสกิลที่แท้ทรู.
“คลิปกล้องวันเกิดเหตุมันหายไป”
“อะไรนะ” คนตกใจหลุดเสียงดัง
ผมชะโงกหน้าไปมองหาวี่แววเจ้าของห้องอีกครั้ง
เขายังไม่มา
เฮ้อ….อาการลอบถอนหายใจเฮือกโตนี้เป็นไปโดยอัตโนมัติ ข้างในจิตใต้สำนึกเริ่มรู้สึกว่า ตัวเองเหมือนโจรอนุบาลวัยหัดปล้นไม่มีผิดเพี้ยน
“ข้อมูลของวันอื่นๆ อยู่ครบหมดเลยพี่ มีแค่วันที่เกิดเรื่องเท่านั้นที่หายไป ผมว่ามันต้องมีเบื้องหลังแน่ๆ”
นี่มัน!
“....ติ้ด”
ธรรมะย่อมชนะอธรรมเสมอ บุญบารมีที่ทำมาในที่สุดเทวดาก็ส่งผล ผมยกยิ้มก่อนจะกดตัดสายน้องชาย ท่ามกลางแผ่นซีดีนับสิบที่กองกับพื้นตรงหน้า มีแผ่นพิเศษที่บรรจุในกรอบสีแดง ด้านหน้ามีแผ่นป้ายเขียนว่า [CCTV 05/06/2548]
วันตายของพีท
แกร๊ก
“ขะ…ขอโทษที่ให้รอนะครับ นะ…นี่ครับ” เจ้าของห้องยื่นซองสีน้ำตาลมาให้ ด้านในบรรจุรายงานของเอ้กับเดลต้า
ผมลุกขึ้นยืนรับเอกสารไว้ในมือก่อนจะเดินออกจากห้องไปแบบเงียบๆ ไม่พูดไม่จา ในกระเป๋าเสื้อฮู้ดสีเทามีสิ่งที่น่าสงสัยบางอย่างซ่อนอยู่ พีทนั่งเงียบอยู่บนหัวของผมโดยไม่ได้พูดอะไร ส่วนเจ้าของห้องก็ดูเหมือนมีเรื่องอะไรหงุดหงิดใจบางอย่างเพราะสายตาของเขาเปลี่ยนไป ดูร้อนรนเหมือนกำลังเตรียมตัวจะออกไปที่ไหนสักแห่ง
ติ้ด
คอมพิวเตอร์ตัวเก่าในห้องเดิมกำลังแสดงภาพหน้าโรงเรือนเกษตร เทปที่แอบขโมยมาจากห้องฟิวส์จะเป็นเบาะแสสำคัญที่ทำให้เรื่องทุกอย่างจบลงเสียที เจ้าก้อนเยลลี่นั่งแหมะสงบนิ่งข้างแป้นพิมพ์รอดูความจริงต่อไปนี้
“เปิดนะ”
“อืม”
การตอบกลับแบบห้วนๆ ที่ฟังดูไร้ชีวิตชีวาจนน่าประหลาดใจ ทำให้ผมตัดสินใจไม่พูดอะไรต่อ ภาพหน้าจอถูกเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ แบบไม่มีวี่แววความผิดปรกติใด จนกระทั่ง…
“ต่อจากนี้แหละ” พีทเอ่ย
ผู้หญิงคนหนึ่ง หุ่นดีรูปร่างสูงโปร่งพร้อมรองเท้าส้นเข็มสูงปรี๊ดเดินถือโทรศัพท์เข้าไปด้านใน ตอนแรกดูไกลๆ ก็ยังไม่รู้ว่าใคร แต่พอเข้ามาใกล้ๆ กล้องเท่านั้นแหละ
'แพร'
ผมกับพีทหันมองหน้ากัน ก่อนจะเห็นความผิดปกติเพิ่มเติม หลังจากที่แพรเดินเข้าไป รินก็ตามเข้าไปอีกคน แต่เพียงอึดใจเดียว รินก็ตะลีตะลานออกมาจากห้อง เขาเดินมาหน้าประตูมองซ้ายมองขวาอย่างมีพิรุธก่อนจะเดินกลับเข้าไป
ชัดเจน คนร้ายก็คือ..
ซ่าๆๆ เปรี้ยง!
อยู่ดีๆ ฝนก็เทลงมาอย่างหนักจนผมต้องละจากโต๊ะคอมพิวเตอร์วิ่งไปเก็บผ้าที่ยังแห้งไม่สนิทก็จะเปียกต่อไม่รอแล้วนะ
ครืด ครีด ครืด
“ราม โทรศัพท์ดัง” พีทบอกหลังจากที่ผมออกไปเก็บผ้ากลับมาแล้ว
ติ้ด
พีทกระโดดขึ้นมาดูบนหัว
“บิว!”
เสียงร้องอุทานนี่เกิดขึ้นแบบไม่ได้ตั้งใจ ลมหายใจของผมเข้าออกเร็วกว่าปรกติจนได้ยินเสียงฟืดฟาด ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง มีคนส่งข้อความแปลกๆ มาให้ แอคเค้าท์ดูเหมือนจะเพิ่งสมัครใหม่เพราะไม่มีรูปหรือชื่ออะไรที่ระบุตัวตน เนื้อหาข้อความที่ส่งมาเป็นรูปภาพรูปหนึ่ง น้องชายของผมถูกจับมัดไว้กับเสาด้วยอาการคอตกไม่ได้สติ สภาพเสื้อผ้ามีร่องรอยการถูกทำร้าย ใจของผมกระตุกสั่นไม่หยุด สมองคิดถึงแต่หน้าของน้องชาย
ครืด ครืด ครืด
สายเรียกเข้าดังขึ้นพร้อมข้อความบ่งบอกชื่อปลายทาง ผมพยายามปรับอารมณ์ให้ปกติ แม้ในใจจะอยากฆ่าคนที่โทรมาก็ตาม
‘ริน’
“ฮัลโหล”
(รู้แล้วใช่ไหมคะ คุณราม!)
ผมแวะเข้าไปที่โรงอาหารมหาลัย ขอความเห็นจากทุกคน ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ผมคิดว่าใกล้ได้เวลาที่ผมต้องเตรียมตัวแล้ว จริงๆ ตอนแรกผมก็จะไปรอที่นัดหมายเลย แต่พีทเตือนว่า ยังไงก็ต้องรอบคอบไว้ก่อน ผมก็เลยเรียกให้ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ ยังไงผมก็ไม่มีทางเลือกอยู่แล้ว
“ไม่ได้นะเว้ย หล่อๆ อย่างกูต้องไปด้วยสิวะ” เดลต้ายังคงเสยผมคีพลุคเท่ๆ แต่ผมก็รู้แหละว่าเป็นห่วง
“ไปด้วย” เอ้บอก วันนี้เอ้ไม่ได้พกโน้ตบุ๊คมาด้วย เขาตั้งใจฟังและเสนอวิธีแก้ไขมาหลายทาง แต่สำหรับผมมันเสี่ยงเกินไป
“ให้ผมแอบตามไปดูห่างๆ นะครับท่านราม” ใบตองเสริม เด็กน้อยรุกเข้ามาเขย่าแขนผม
“ไม่ได้หรอกใบตอง มันบอกให้ไปคนเดียว” ผมจับมือใบตองที่เกาะแขนออก ทุกคนที่ฟังผมพูดทำหน้ามุ่ยคิ้วผูกโบกันหมดเลย
“แต่ว่า…” เฟิร์นจะห้าม แต่ผมหันไปส่งสายตาจริงจังใส่
“ที่มาบอกทุกคนก็เผื่อว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นนี่แหละ ทุกคนจะได้รู้ว่าเป็นฝีมือใคร” ผมยิ้มอ่อนๆ ส่งให้ก่อนจะเดินไปตบไหล่เอ้ “ถ้าฉันช่วยบิวไม่ได้ ไม่ต้องห่วงฉัน แต่ทุกคน ฉันขอร้อง” ผมโค้งตัวต่ำ “ช่วยบิวด้วย”
“เก่งมากนะไอหนู” ยมฑูตมาพร้อมสูทยาวสีดำทั้งตัว “สู้ๆ นะ ถ้าเจ้าตาย ข้าจะเก็บวิญญาณเจ้าเอง”
เออ อวยพรได้ดีมาก
“แต่ว่านะ ดวงน้องชายเจ้ามันยังอีกยาวไกล สบายใจได้” ยมฑูตพูดจบก็แว้บหายไป
“รามคะ” เหมือนเฟิร์นจะเรียกผมหลายครั้งแล้วแต่ผมไม่ได้ยิน “แล้วนี่รามจะไปกี่โมงคะ”
“ตอนนี้!”
ปึก
ดึ๋ง…ดึ๋ง…ดึ๋ง
เสียงปิดประตูรถดังขึ้นพร้อมกับเจ้าก้อนที่กระโดดดึ๋งๆ อยู่กับที่บนเบาะข้างคนขับ
“เป็นอย่างไรบ้าง ข้าเป็นห่วง” ผมจับหมับเข้าที่เจ้าก้อนกลางอากาศ นำมาวางไว้บนหน้าตัก เริ่มบีบๆ เค้นๆ เนื้อเจ้าก้อนอย่างเอ็นดู ความรู้สึกกลัวว่าจะไม่ได้ทำแบบนี้อีกแทรกเข้ามากัดกินจิตใจด้านในลึกๆ
“อื้อ…ปะ ปล่อยข้านะ” เจ้าก้อนผลัดสีดิ้นประท้วง ครั้งนี้ผมไม่ได้ดื้อดึง กลับยอมรามือแต่โดยดี ผมปล่อยเจ้าก้อนไว้ที่เบาะข้างคนขับอย่างเบามือ
“ไปเถอะ ใกล้เวลาแล้ว” ผมบอก ก่อนจะเสียบกุญแจสตาร์ทรถ
“ราม” พีทเรียกเสียงอ่อย
“หืม” ผมตอบรับโดยไม่ได้หันไปมองพีท
“ข้าอยู่กับเจ้านะ” สุดท้ายผมก็ต้องหันไปคลี่ยิ้มบางๆ ให้เจ้าก้อนอยู่ดี
ไม่รู้ว่าทำไมแต่ตอนนี้ในใจของผมมันกลับรู้สึกเหมือนมีสัมผัสอันอ่อนโยนกำลังกอดปลอบผม และกระซิบเบาๆ ว่า ไม่เป็นไรแล้ว
“อืม”
แกรก แกรกๆๆๆ
ประตูเหล็กโกดังร้างแห่งหนึ่งในเขตปริมณฑล ค่อยๆ เปิดทางให้ผมเข้าไป ลานกว้างที่มีถุงกระสอบแป้งวางเรียงรายรอบๆ อยู่เป็นระยะ บ้างก็เป็นบังเกอร์ขนาดใหญ่ ให้ความรู้สึกไม่น่าไว้วางใจ ผมหันไปมองพีทที่โดดดึ๋งๆ อยู่ข้างๆ อยากบอกให้เขากลับไปเพราะกลัวว่าเขาจะเห็นอะไรไม่ดีเข้า บรรยากาศรอบๆ ราวกับในหนังสยองขวัญสักเรื่อง ไม่ก็อารมณ์เหมือนสถานที่ที่พวกเจ้าพ่อมาเฟียจับคนมาตัดลิ้นตัดนิ้วทรมาน นี่ถ้าฝนตกฟ้าร้องด้วยนี่ใช่เลย
ครืน! ครืน!
อืม ยังดีที่ฝนไม่ตกอีกรอบ ทันทีทันใจ ทำงานไวทันใจนึก เยี่ยมจริงๆ
“ฉันมาแล้ว แกอยู่ไหน โผล่หัวออกมา ฉันเอาหลักฐานมาด้วย” ผมตะโกนบอก ซองสีน้ำตาลถูกผมซ่อนไว้ใต้เสี้อฮู้ดสีดำ ด้านในมีเทปกล้องวงจรปิดต้นฉบับอยู่
“ราม ระวังข้างหลัง” พืทตะโกน
ตุบ
ระหว่างที่ผมกำลังจะหันไปมองด้านหลัง แรงกระแทกจากของแข็งก็เทมาที่หลังคออย่างจัง ผมล้มลงไปนอนกองกับพื้น สายตาพร่าเบลอ หูอื้อ เห็นด้ายแดงที่ใบตองเคยให้ขาดหลุดจากข้อมือตัวผมเอง จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบสนิท
“ราม ราม ราม” พีทปลุก “เจ้าฟื้นแล้ว เป็นไงบ้าง” ผมค่อยๆ ปรับโฟกัสสายตา พีทอยู่ข้างๆ โดดดึ๋งๆ อยู่กับที่ ห่างไปประมาณห้าสิบเมตร ผมเห็นบิวถูกมัดไว้กับเสาต้นหนึ่ง เขายังไม่ฟื้นเลย ผมเริ่มกัดฟันข่มความโกรธ นึกอยู่แล้วว่าผู้หญิงคนนี้มันโรคจิต มันคงคิดจะฆ่าผมกับน้องเพื่อปิดปากเรื่องพีท
“พีท พวกนั้นล่ะ”
“ออกไปคุยโทรศัพท์” ดี ตอนนี้แหละ
“บิว บิว ได้ยินพี่ไหม บิว!” ผมตะโกนด้วยเสียงที่ไม่ดังไปนัก แต่บิวดูเหมือนจะไม่ได้ยินเสียงผมเลย หรือว่าเขาจะโดดยา
.
.
.
“ฮัลโหล”
(รู้แล้วใช่ไหมคะ คุณราม!)
“เธอเป็นคนฆ่าพีท บิวอยู่ไหน”
(บิว? เกิดอะไรขึ้นคะ)
“น้องชายฉันอยู่ไหน!”
(รินไม่รู้ค่ะ รินแค่จะโทรมาบอกว่า แพรหนีออกมาค่ะ ตำรวจกำลังตามหา คุณรามระวังตัวด้วยนะคะ)
“มีอะไรจะสั่งลาไหม” เสียงของผมเรียกฆาตกรให้เดินกลับเข้ามา ดูจากแสงที่ลอดเข้ามาในโกดังตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว มันน่าจะตั้งใจปิดปากผมคืนนี้ แต่ถ้าจะตายก็อยากให้พีทได้ไปเกิด
“เธอแหกคุกออกมาได้อย่างไร แกฆ๋าพีทด้วยวิธีไหน”
“ฮ่าๆๆ ใครจะไปทนอยู่ในที่เส็งเคร็งแบบนั้น” คนพูดในชุดนักโทษล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะดึงมีดสั้นออกมา “อยากให้ฉันแทงตรงไหนก่อนดี ที่เอว อก คอ หรือหัวใจ” แพรแสยะยิ้มเมื่อเห็นว่าผมไม่กลัวตาย ปลายมีดเปลี่ยนเป้าหมายไปที่บิวที่ยังหมดสติ “หรือว่าอยากให้ใครไปก่อนดี”
“ราม เอาไงดี” พีทบอก
“งั้นดูน้องแกตายก่อนแล้วกัน” แพรตวาดเหมือนคนเสียสติ เขาเลือกจะแทงบริเวณลำคอของบิว
“อย่า!” ผมปรามสุดเสียง น้ำตาไหลลงมาเป็นสาย
เพี้ยะ เกร๊ง!
“พะ…แพรทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ”
เหลือเชื่อ คนมาใหม่ปัดมีดในมือแพรลงพื้น
“เรารีบจัดการให้จบไงคะที่รัก คนที่พวกนี้มันเป็นแมงเม่าบินมาเข้ากองไฟเองนะคะ”
“ผะ…ผม” ผู้ชายในชุดเสื้อยืดยืนละล่ำละลักคุยกับแพรแบบเก้ๆ กังๆ
“นายเป็นคนปล่อยแพรออกมา”
“สะ…สวัสดีครับ” เขาหันมองมองผม พร้อมกับถอดแว่นสายตาออกเหน็บที่คอเสื้อ
“ฟิวส์!”
ครืน ครืน ซ่า ซ่า เปรี้ยง
“หมายความว่าอย่างไร” ผมถาม
“คืนเทปนั่นมาแล้วเลิกยุ่งกับเรื่องของพีทจะดีกว่านะครับ” เขาเดินมาย่อตัวลงข้างหน้าผม
“เจ้ารู้จักข้าหรือ” พีทที่อยู่ข้างๆ ฟิวส์ยังคงจำอะไรไม่ได้
“ถ้าผมได้สิ่งที่ผมต้องการ ผมจะปล่อยทั้งคุณและน้องของคุณไป” ดวงตานั่นจ้องมาที่ผมแบบไม่มีความประหม่ากลัวเลยแม้แต่น้อย คนคนนี้เป็นไบโพลาร์แน่ๆ
“ฟิวส์คะ แพรว่ากำจัดทิ้งจะง่ายกว่านะคะ”
“นายกับแพร ใครฆ่าพีทกันแน่ ไม่ใช่รินแน่ๆ” คนที่ตามเข้าไปมีแค่แพรกับรินนี่น่า แล้วทำไม!
“ฮ่าๆๆ รินหรือ เจ้าโง่! คิดว่านังรินมันวิเศษวิโสมาจากไหน” แพรรุดเข้ามากระชากหัวผม “จะบอกอะไรให้นะ คนที่ส่งจดหมายเลือดไปให้แกก็คือนังรินไง ฮ่าๆๆ แต่นังนั่นมันไม่ได้เรื่อง ฉันถึงต้องลงมือเอง” เขาพลักหัวผมอย่างแรง
“เธอฆ่าพีททำไม” ผมถามตรงๆ หลังจากที่เห็นพีทหน้าเสียเป็นห่วงผม
“แพร ไม่ได้ฆ่าพีทหรอก” ฟิวส์พูดเสียงอ่อย เขายืนทำสีหน้ารู้สึกผิดเมื่อนึกถึงเรื่องของพีท
“นึกออกแล้ว จริงๆ แล้วผม…” พีทพูดไม่ทันจบความสนใจก็ถูกดึงไปที่จุดเดียวกัน
หมับ!
“อย่าเข้ามานะ! ถอยไป”
ผมไม่รู้ว่าบิวฟื้นตั้งแต่ตอนไหน แต่ตอนนี้เขากำลังล็อกคอฟิวส์ มีดที่แพรพกมาจะฆ่าผมตอนแรก ตอนนี้จ่อที่คอฟิวส์เรียบร้อย ผมงงมากว่าน้องชายผมแก้มัดตัวเองได้อย่างไร แถมยังลุกมาพลิกสถานการณ์เฉยเลย แพรที่กลัวฟิวส์บาดเจ็บก็ยืนเก้ๆ กังๆ ไม่กล้าบุ่มบ่าม
“ยะ…อย่าทำอะไรผมเลยนะครับ”
“ใช่ ปล่อยฟิวส์เดี๋ยวนี้”
“หุบปาก! นังชั่ว กล้าดีอย่างไรมายุ่งกับพี่ชายผมฮ้ะ!” บิวทำท่าจะฆ่าฟิวส์ต่อหน้าแพร
“อย่า!”
“เล่ามาว่าพีทตายอย่างไร” บิวประกาศกร้าวจนฟิวส์ตัวสั่น
“วันนั้นผมกับพีทกำลังวิจัยพืชเพื่อเขียนวารสารวิชาการ ตอนนั้นฝนตก ลมกระโชกแรง มีเสียงหม้อแปลงระเบิดดังขึ้น”
“หยุดเถอะ ไม่ต้องเล่าแล้ว” พีทพูด
ฟิวส์เล่าต่อ “ผมคิดว่าพีทน่าจะตกใจเสียงระเบิดจนเผลอกินสารเคมีที่ใช้ปรับแต่งพันธุกรรมพืชเข้าไป ผมเห็นพีทสำลักอะไรบางอย่าง ผมทุบหลังช่วยพีทแล้ว แต่มารู้ว่าที่กินเข้าไปเป็นสารเคมีก็ตอนที่พีทตายแล้ว ผิวกายเริ่มเป็นสีฟ้าซีดนั่นแหละ”
“ฮึ๋ย รู้สึกว่าความจำกลับมาทั้งหมดเลย” เจ้าก้อนเริ่มเปลี่ยนสีตัวเป็นสีชมพูอีกแล้ว สงสัยจะอายมาก ก็นะ ตายอนาถใช้ได้
“ฟิวส์ไม่ได้ฆ่าพีทหรือคะ” เหมือนว่าแพรเองก็ไม่รู้เรื่องนี้แฮะ สงสัยที่ทำมาทั้งหมดก็คงเพราะอยากจะช่วยแฟนละสิ
“พีท…ฮึก…เป็นเพื่อนรักคนเดียวของผม” ฟิวส์บอกเสียงสะอื้น
“ฟิวส์ ข้าขอโทษนะ” เจ้าก้อนน่าจะจำทุกอย่างได้แล้วถึงได้กระโดดไปแหมะบนหัวฟิวส์
“ที่ผมให้แพรไปจับตัวคุณบิวมา ก็เพราะอยากจะขอให้คุณรามเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ถ้าตำรวจเห็นคลิปยังไงก็ต้องคิดว่าผมคือคนร้าย ไหนจะรอยทุบที่หลังของพีทอีก”
“ที่รักไม่ได้ต้องการจะฆ่าพวกมันหรือคะ” แพรถาม
ฟิวส์ส่ายหัว “แพรเองก็ควรจะมอบตัว เรื่องที่คุณจงใจทำร้ายคุณราม”
“ฟิวส์คะ”
“ผะ…ผมขอโทษนะแพร ผมเห็นคุณเป็นเพื่อนสมัยเด็กเท่านั้น”
หลังจากเรื่องทุกอย่างจบลง ผมก็ได้รู้ว่า พีทกับฟิวส์เป็นเพื่อนบ้านกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน พวกเขาสนิทกันมาก และนั่นก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เขาไม่ยอมโดนจับ เพราะเขาสัญญากับพีทไว้ว่าจะเรียนจบพร้อมกัน และถึงพีทจะตายไป เขาก็ยังอยากรักษาสัญญานี้ไว้ให้ได้
เขาสัญญากับผม บิว อันที่จริงตอนนั้นก็มีพีทด้วย ว่าถ้าเขาเรียนจบเมื่อไหร่ เขาจะเป็นคนไปยื่นหลักฐานให้ตำรวจเอง
บิวที่ฟังแน่นอนว่าก็ค้านหัวชนฝา แต่เรื่องนี้ ผมเป็นคนตัดสินใจ และแน่นอนว่าผมเชื่อ เหมือนที่พีทเชื่อ ส่วนแพรก็กลับไปรับโทษในตารางตามระเบียบ อันที่จริงผมว่าจับไปบำบัดด้วยก็ดี
แชะ แชะ แชะ
“ไอรูปปั้น ถ่ายกูให้หล่อๆ นะเว้ย นี่รูปพรีรับปริญญากูเลยนะเว้ย” คนพูดมากยืนพิงต้นไม้หลังมหาลัย เสยผมทำท่าปวดท้องเท่ๆ (เท่หรือ?) ข้างๆ โขดหินใหญ่มีเอ้นั่งปั่นหุ้นอยู่แบบเหนื่อยใจ เอาจริงๆ ไม่รู้สองคนนี้ไปสนิทกันตอนไหนเดี๋ยวนี้ตัวติดกันเป็นตังเม
“ราม ดูนี่สิ” เอ้เรียกผมให้ไปดูบางอย่างที่จอโน้ตบุ๊ค
“เฮ้ย ไอรูปปั้นเดี๋ยวนี้มึงดังใหญ่แล้วว่ะ” เดลต้าตบไหล่ผมอย่างดีอกดีใจ
นี่มัน….
'ผลประกาศ Camera Man Reward ขอแสดงความยินดีกับ นายXXXXXXXX เชิญไปรับรางวัลที่ XXXXXXX’
“พีท” ผมเอ่ยออกมาเบาๆ นัยน์ตารื้นอย่างห้ามไม่อยู่
ภาพที่ดูใต้ข้อความประกาศรางวัลคือภาพความทรงจำที่ใช้ร่วมกับพีทตอนที่เราไปถ่ายรูปที่สวนสาธารณะกันในวันนั้น ภาพๆ เดียวที่ยังตราตรึงไม่ลืม ผมยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาอย่างลวกๆ
ตัดสินใจถูกแล้วที่เลือกภาพนี้ส่งไป ผมมือสั่นขอให้เอ้เปิดภาพเต็มจอ สายตาจดจ้องภาพที่มีค่าที่สุดในชีวิต ถึงจะถ่ายไม่ติดพีท ถึงผมจะไม่เคยพาพีทไปที่ไหน ถึงจะมีควาททรงจำแค่สถานที่เดียว
ถึงจะไม่มีใครรู้ ไม่มีแม้ตัวเขาอยู่ตรงนี้
ไม่สามารถสัมผัสเขาได้อีก ไม่มีเจ้าเยลลี่ที่โดดดึ๋งๆ และคอยเปลี่ยนสีเวลาผมเย้าแหย่.
แต่ความคิดถึง ความทรงจำ และสัมผัสของเจ้าก้อน ผมจำได้ไม่มีวันลืม
‘ดีใจกับฉันไหม พีท’ ผมมองขึ้นไปบนฟ้า ส่งยิ้มทั้งน้ำตาให้กับความว่างเปล่า
.......
ตำหนักเจ้าแม่ไกรทอง
“เจ้าแม่ครับ ดวงท่านรามเป็นอย่างไรบ้างครับ”
“ไม่เจอกันนาน ป่านนี้ผีร้ายที่ตามติดคงถูกมนต์คาถาของแม่สลายไปแล้ว ต่อจากนี้ไม่ต้องกังวล ฮิๆ”
“ส่วนลูกขอน้ำมนต์หรือยาเสน่ห์ที่ทำให้ผัวรักผัวหลงหน่อยเจ้าค่ะ”
“แม่หนูผัวรักอยู่แล้ว”
“อ่อ เดลต้า เอ้ย เอ่อ… จะเอาไปหาผัวใหม่เจ้าค่ะ”
“ผมด้วย ผมขอเครื่องรางที่จะทำให้ท่านรามเล่นด้วยเยอะๆ ด้วยครับ”
“ฮิๆ ฮิๆๆ ได้สิๆ ได้ทุกคน ฮิๆๆๆๆๆๆๆ เฮือก”
ตุบ
“เจ้าแม่! เจ้าแม่ตายแล้ว กรี๊ดดดดด”
แว้บ
“ต้องมารับวิญญาณหัวเราะจนตาย นี่ข้าตกต่ำจริงๆ สินะ เฮ้อ อยากพักร้อนอีกจัง~~”
.......
ความสัมพันธ์ของคนเรามันไม่มีอะไรแน่นอนหรอครับ บางคนดูเหมือนจะพึ่งพาไม่ได้แต่อาจจะพึ่งพาได้มากกว่าที่คิด
บางคนเงียบๆ เหมือนไม่สนใจโลก แต่อาจจะพร้อมซัพพอร์ตคุณ
บางคนเทิดทูนคุณเหมือนศิลปินกับแฟนคลับคนหนึ่ง แต่เขาอาจจะทำอะไรหลายๆ อย่างเพื่อคุณมากกว่าที่คุณคิด
บางคนเข้ามาขอความช่วยเหลือจากคุณ แต่ไม่ได้แปลว่าเขาหวังจะเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว คุณเองก็อาจจะได้รับอะไรบางอย่างจะเขาเช่นกัน
บางคนทุ่มเทให้กับความสัมพันธ์และคาดหวังว่าจะได้รับการตอบกลับความรักนั้น แต่ผลลัพธ์ก็อาจจะไม่ได้จะแฮปปี้เอ็นดิ้งเสมอไป
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments