ตำหนักเทพอัคคี
"ไปที่ดินแดนนรกภูมิ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากองค์เง้กเซียนหากถูกจับได้เจ้าจะต้องโดนลงโทษนะและถ้ายิ่งรู้ว่าไปเพราะอะไร..."
เทพสงครามเอ่ยปากเตือนสหาย เขาหันไปเตือนจื้อหรงด้วยความหวังดี
"ใช่ ท่านเทพสงครามพูดถูกแล้ว ข้าจะไปเองคนเดียวท่านอย่ามาเดือดร้อนเพราะข้าเลย"
เย่ไหลเซียงเอ่ยขึ้นมาทั้งที่ตนเองเดินแทบจะล้มอยู่แล้ว จื้อหลงก้มมองนาง แววตาแฝงด้วยความขมขื่น
"ถ้าเช่นนั้นข้าก็ยินดีถูกลงโทษ ให้ข้าอยู่นิ่งเฉยโดยไม่ช่วยเหลือเพียงเพราะข้ากลัวจะถูกลงโทษข้า...ทำไม่ได้หรอก"
เขาพูดออกมาแววตามุ่งมั่น
"ข้ารู้พวกเจ้าหวังดีแต่อย่าคิดจะห้ามข้าเลย อีกอย่างข้าช่วยเหลือเทพด้วยกัน มิใช่มารและปีศาจนางทำหน้าที่ให้กับสวรรค์มานับหมื่นปี"
"ถ้าเช่นนั้น เราเข้าเฝ้าองค์เง้กเซียนตอนนี้แล้วทูลเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดดีหรือไม่"
หนิงอวี่เสนอความคิดขึ้นมา
""ไม่ได้เด็ดขาด!!""
เทพทั้งสองปฏิเสธออกมาพร้อมกัน เย่ไหลเซียงหันไปมองหน้าจื้อหรงไม่เข้าใจเหตุใดเขาจึงปฏิเสธการขอความช่วยเหลืออย่างเป็นทางการจากสวรรค์ แต่สำหรับตัวนางเพราะต้องการปกป้องเหลียนฮวา หากถูกสวรรค์รู้เรื่องที่นางมีจิตมารของปีศาจเงาสวรรค์จะต้องกักขังร่างนางเอาไว้ที่หอคอยนักโทษเป็นแน่
"เรื่องนี้ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะรอช้าไม่ได้ไอและพิษของปีศาจเงากำลังกลืนกินตบะของนางข้าต้องรีบช่วยนาง หนิงอวี่เจ้าพอจะมียาที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยได้หรือไม่"
จื้อหรงมีสีหน้าแววตาแน่วแน่ไม่เปลี่ยนความตั้งใจเป็นแน่ หนิงอวี่จึงถอนหายใจหยิบขวดยาออกมา
"กินยานี้ทุกแปดชั่วยามจะช่วยระงับอาการได้ ควรรีบทำอย่างรวดเร็วเพราะปีศาจเงาอาจจะรับรู้ได้ว่าพวกท่านจะไปที่ใดกันและอาจจะถูกขัดขวาง"
หนิงอวี่ยื่นขวดยาให้กับจื้อหรงเขายื่นมือออกไปรับก่อนจะเปิดขวดยาออกมาแล้วยื่นยาหนึ่งเม็ดป้อนให้กับเย่ไหลเซียง
ผีเสื้อน้อยสีทองโบยบินอย่างสะเปะสะปะ ราวกับหลงทิศและไม่รู้ว่าตนเองบินมาไกลเพียงใดแล้ว แต่ช่างแสนเหนื่อยและไร้ซึ่งกำลังได้ร่วงผล็อยจากกลางอากาศนั้นก่อนจะกลายร่างเป็นมนุษย์
ตำหนักฤดูร้อนองค์หญิงสามลี่หยาง
ลี่หยางเดินออกมาจากห้องนอน พอเปิดประตูออกมาแล้วมองไปที่สวนพบร่าง ๆ นึงนอนสลบอยู่ตรงนั้นแลดูคุ้นตา จึงเดินเข้าไปดูทันทีที่พบว่าเป็นผู้ใดก็ตกใจทันที รีบอุ้มพาเข้าไปในห้อง
ซูหนี่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องของลี่หยางเมื่อรู้ว่าลู่หลานบาดเจ็บมา
"ท่านพี่ ลู่หลานนางเป็นเช่นใดบ้าง"
ซูหนี่มานั่งข้างเตียง จ้องมองลู่หลานด้วยความเป็นห่วง
"นางไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ให้นางพักผ่อนให้เต็มที่ก่อน พอนางฟื้นค่อยสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น"
ลี่หยางแตะไหล่ของซูหนี่พูดจบแล้วก็เดินออกไป
"ใครทำร้ายเจ้าให้บาดเจ็บถึงเพียงนี้กัน แล้วท่านเย่เล่าจะเกิดเหตุอันใดร้ายแรงขึ้นหรือไม่"
ซูหนี่จ้องมองลู่หลานที่นอนหลับอยู่บนเตียง นั่งเฝ้าจนเผลอหลับไป
ทางด้านเย่ไหลเซียงเดินทางมาจนถึงเขตแดนยมโลก
"ข้า ขอบคุณท่านมาก ที่เดินทางมากับข้า"
นางเอ่ยปากขอบคุณเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ขณะนั่งรอเรือที่จะขนส่งวิญญาณไปปรโลก
"ท่านกับภูติดอกบัวนั่น ท่านปกป้องนางขนาดนี้ ความสัมพันธ์ของพวกท่านน่าจะแน่นแฟ้นกันมาก"
จื้อหรงโยนก้อนหินลงลำธารวิญญาณด้านหน้า พลางถามสิ่งที่อยู่ในใจ เขาเอื้อนเอ่ยถามแต่ไม่แม้แต่จะมองใบหน้าของนางด้วยซ้ำ
"ห้าร้อยปีก่อนตอนเกิดภัยภิบัติน้ำท่วมครั้งใหญ่ แม่ของนางซึ่งพวกท่านน่าจะรู้จักกันดี นางฟ้าโบตั๋นที่นางถูกขับจากสวรรค์เพราะรักกันกับปีศาจเงา ขณะที่เทพพิรุฬบกพร่องต่อหน้าที่ นางเสียสละตบะตนเองเพื่อช่วยเมืองนั้นไว้จนรากบอบช้ำ ไม่สามารถฟื้นคืนได้ ปีศาจเงาบิดาของนางได้ขึ้นไปบนสวรรค์ขโมยผลไม้อายุวัฒนะแต่ถูกเทพเอ้อหลางจับได้และได้ทำลายแก่นวิญญาณเกือบทั้งหมดของปีศาจเงาไป เพราะความแค้นเคืองสวรรค์ที่บกพร่องต่อหน้าที่ ภรรยาที่รักต้องตาย ดอกบัวน้อยที่กำลังจะถือกำเนิดขาดบิดามารดาดูแลจึงใช้แก่นวิญญาณสุดท้ายคือกิเลสผสมในเลือดหยดลงไปในกลีบกุหลาบทำให้ดอกบัวน้อยนั้นกลีบถูกปกคลุมเพื่อปกป้องโดยปีศาจเงา นางฟ้าโบตั๋นใช้แก่นวิญญาณสุดท้ายในการตามข้าเพื่อฝากฝังให้ข้าดูแลบุตรของนาง ในตอนนั้นข้าปฏิเสธที่จะรับแต่ว่าข้ามิอาจปฏิเสธคำขอสุดท้ายได้ จนในที่สุดข้าก็พาบัวกอนั้นกลับไปเลี้ยงที่ตำหนักชูฮวา"
หลังพูดจบนางจ้องมองไปยังความว่างเปล่าที่อยู่เบื้องหน้า
ในที่สุดเรือขนส่งวิญญาณก็มาถึง เรือลำสีดำแหวกว่ายลำน้ำสีดำเข้ามาที่ท่าเรือ ผู้ขนส่งวิญญาณสวมชุดคลุมยาวสีดำคลุมปกปิดไปถึงใบหน้า เมื่อจ้องมองไปยังภายในหมวกคลุมนั้นพบเพียงแค่ดวงไฟสีแดง ทั้งคู่ยืนขึ้นเตรียมจะขึ้นเรือ หากแต่ผู้ขนส่งวิญญาณถือไม้พายมาขวางทางไว้
"ค่าเรือเดินทางอยู่ที่ใด พวกท่านเป็นเทพไม่ใช่ดวงวิญญาณจะเดินทางไปยังปรโลกโดยไม่จ่ายค่าโดยสารไม่ได้"
ผู้ขนส่งวิญญาณแจ้งกับเทพทั้งสอง
"ค่าโดยสารต้องใช้อะไรจ่าย" จื้อหรงสอบถาม
"ตบะหนึ่งพันปีต่อเทพหนึ่งองค์" ผู้ขนส่งวิญญาณกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
"งั้นใช้ของข้าคนเดียว สองพันปีได้หรือไม่"
จื้อหรงเอ่ยถามผู้ขนส่งวิญญาณ เย่ไหลเซียงแหงนหน้ามองเขา เขาก้มลงแล้วยิ้มให้นาง
"แค่สองพันปี ไม่นานหรอก" เขาพูดกับนางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"ท่านอย่าทำเช่นนี้ ข้าไม่อยากติดค้างอะไรท่านและไม่รู้จะตอบแทนท่านเช่นใด"
นางพยายามปฏิเสธเขา เพราะนางรู้ดีว่าเทพอัคคีจื้อหรงเพิ่งมาแทนเทพอัคคีองค์ก่อนที่ไปจุติเขามีตบะเพียงห้าพันปีเท่านั้น
"หากเป็นเช่นนั้นใช้ตบะของข้าแทน" เย่ไหลเซียงเอ่ยปากขอให้ของตนเองทั้งหมด
ผู้ขนส่งวิญญาณหันมาทางเย่ไหลเซียง
"ช่างน่าสนใจ....เทพองค์นี้ เจ้าคงยังไม่รู้อายุขัยตบะที่เหลือของตนเองใช่หรือไม่ ตบะเจ้าตอนนี้เหลือเพียง หนึ่งพันห้าร้อยปีเท่านั้น"
ใบหน้าสง่างามนั้นสงบนิ่งจนจื้อหรงมองอารมณ์ของนางในตอนนี้ไม่ออก ตบะที่ถูกดูดกลืนกินไปเกือบหนึ่งหมื่นปี นางเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเมื่อรู้ว่ากำลังถูกอ่านความคิดผ่านทางใบหน้า
"บำเพ็ญตบะมาหมื่นปี ถูกกลืนกินหายไปภายในระยะเวลาชั่วข้ามคืน ทั้งที่ตัวข้าเองครั้งสุดท้ายบำเพ็ญตบะเพื่อตัดกิเลสกลับถูกกิเลสนั้นเข้าครอบงำจนกลายเป็นอาหารชั้นดีให้กับปีศาจ ข้าไม่สมควรที่จะเป็นเทพอีกต่อไป ช่างเถอะ ข้า...ตัดสินใจแล้วข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ข้าจะขอใช้เวลาที่เหลือของข้าก็เพียงพอแล้ว ข้าไม่ควรเอาเปรียบท่านใช้ตบะที่บำเพ็ญมาของท่านด้วย"
นางพูดออกมาโดยไม่ยอมหันหน้ามามองเขา พลางสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ พยายามข่มกลั้นความเจ็บปวดไว้ภายในใจ
พลันนั้นมือของนางก็ถูกดึงหันกลับไป เขาคว้าข้อมือของนางวิ่งไปที่เรืออย่างรวดเร็ว
"ไปเถอะ ตราบใดที่ข้ายังอยู่ข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้าสูญสลายเด็ดขาด"
เทพอัคคีพูดพลางดึงให้เย่ไหลเซียงวิ่งตามไปจนทั้งคู่ขึ้นมาบนเรือขนส่งวิญญาณ เมื่อเรือเริ่มค่อย ๆ ออกจากท่า เย่ไหลเซียงที่ยืนเงียบอยู่เช่นนั้นก็มีวิญญาณของบุปผาที่กลายร่างเป็นมนุษย์ได้ทักขึ้นมา
"นายท่าน!!"
เสียงวิญญาณบุปผาเรียกเย่ไหลเซียง นางจึงรีบหันมามอง
"นายท่านก็ถูกเหลียนฮวาสังหารเช่นกันหรือนี่"
น้ำเสียงของนางดูตื่นเต้นตกใจ เย่ไหลเซียงตาโตกับคำพูดเมื่อครู่
"เจ้าคือดอกเสาเย่านี่นา เจ้าตายแล้วหรือเหตุใดจึงมาบนเรือนี้กันเล่า"
นางสอบถามด้วยน้ำเสียงตกใจดวงตาเบิกกว้าง
"ใช่ ข้าตายแล้วเพราะถูกเหลียนฮวาใช้ควันพิษปีศาจทำลายพวกเราทั้งหมด ในตำหนักชูฮวาตอนนี้ไม่เหลือบุปผาแม้แต่ดอกเดียว แม้แต่ลู่หลานก็ถูกนางสังหารด้วย"
"เจ้า...เจ้าว่าเช่นใดนะ ลู่...ลู่หลานถูกเหลียนฮวาสังหารเช่นนั้นหรือ"
"เหลียนฮวานางกลับมาที่ตำหนักชูฮวานางไม่เหมือนคนเดิมที่พวกเรารู้จัก นางเริ่มทำร้ายลู่หลานบีบคอนางจนนางเสียชีวิต จากนั้นก็เริ่มทำลายดอกไม้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตำหนักชูฮวาจนหมด"
บุปผาตนนั้นเล่าเหตุการณ์ที่ตนเองพบเจอมาทั้งหมดให้เย่ไหลเซียงฟัง เย่ไหลเซียงตกใจเดินเซถอยหลังแทบจะล้มทั้งยืนจื้อหรงรีบเอามือสองข้างรับไว้
"ไม่นะ เกิดเหตุเช่นนี้ได้เยี่ยงไรกัน ทำไม...ทำไมนางต้องสังหารลู่หลานด้วย เหล่าดอกไม้ของข้าทั้งหมดสลายไปหมดแล้วงั้นหรือ"
เย่ไหลเซียงกำมือจนแน่นแววตาของนางได้เปลี่ยนไป ในใจของนางรู้สึกเจ็บปวดและจุกแน่นไปหมด จื้อหรงได้แต่รู้สึกเห็นใจนาง
ตำหนักฤดูร้อนองค์หญิงสามลี่หยาง
หลังสลบไปหลายวัน ไม่นานลู่หลานก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาพบซูหนี่กำลังนั่งเฝ้าอยู่ พอเห็นลู่หลานฟื้นนางก็รีบไปตามลี่หยางเข้ามา
"ท่านพี่เร็วเข้านางฟื้นแล้ว" ซูหนี่ตามลี่หยางเข้ามาดูลู่หลานอย่างรวดเร็ว ลู่หลานหันไปมองทั่ว ๆ ด้วยความสงสัย
"พวกท่านช่วยข้าไว้หรือ" ลู่หลานสอบถามด้วยความสงสัย
"ใช่แล้วท่านพี่ข้าอุ้มพาเจ้ากลับมาที่นี่เพราะเจอเจ้าสลบอยู่ ด้านนอก ว่าแต่เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้เกิดเหตุอันใดขึ้น ท่านเย่เล่า"
ซูหนี่สอบถามด้วยความเป็นห่วงสีหน้าของลู่หลานเศร้าลงทันที
"ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่านายท่านไปไหน ข้าถูกเหลียนฮวาทำร้าย นางกลับเข้ามาที่ตำหนักเพียงลำพัง พอข้าถามถึงนายท่านนางก็คุ้มคลั่งทำร้ายข้า สังหารภูติดอกไม้และเหล่าบุปผาไปจนหมด โชคที่นางนึกว่าข้าตายแล้วข้าเลยหนีออกมาได้ ตอนนี้ตำหนักชูฮวานางครอบครองไว้จนหมด"
"เจ้าว่าเช่นไรนะ ดอกบัวน้อยตบะห้าร้อยปีนั่นน่ะหรือทำลายบุปผาจนหมดและคิดจะสังหารเจ้าด้วย"
ลี่หยางถามเพื่อความมั่นใจเพราะเขาไม่คิดว่าดอกบัวที่ใสซื่อบริสุทธิ์เช่นนางจะทำร้ายผู้ใดได้ ลู่หลานพยักหน้า
"ท่านพี่ ท่านช่วยข้ากับลู่หลานตามหาท่านเย่หน่อยได้หรือไม่" ซูหนี่เขย่าแขนของลี่หยางแววตาขอร้องอ้อนวอน ลี่หยางหันหน้าไปมองลู่หลานก่อนจะตอบตกลง
"ก็ได้ ข้าจะส่งทหารออกตามสืบหาว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ส่วนข้าจะไปดูเหลียนฮวาที่ตำหนักชูฮวาก่อน"
ซูหนี่สีหน้าหงุดหงิดไม่พอใจทันที
"อะไรกัน สหายของท่านที่ท่านติดค้างอยู่ท่านกลับไม่ตามหาเอง แต่กลับจะไปหานางมารนั่นเช่นนั้นหรือ"
"เรายังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น เจ้าไปเรียกนางเช่นนั้นมันเกิดนไปนะ" ลี่หยางปรามออกมาเบา ๆ
"ท่านพี่!! นี่ขนาดนางเมินท่านนะ ยังเข้าข้างนางขนาดนี้ ท่านเย่ก็อีกคนหลงเสน่ห์อะไรของนางกัน"
ซูหนี่หงุดหงิดน้อยใจ รีบเดินออกจากห้องของลู่หลานไป ลี่หยางได้แต่ถอนหายใจก่อนหันมาถามอาการลู่หลาน
"เจ้าดีขึ้นแล้วใช่หรือไม่"
ลู่หลานพยักหน้าพลางจะลุกขึ้นยืน
"นั่นเจ้ากำลังจะทำอะไรน่ะ ระวัง!"
ลี่หยางตกใจที่ลู่หลานเพิ่งจะฟื้นก็อยากจะลุกจากเตียงแล้ว ไม่ทันขาดคำนางก็เซจะล้ม ลี่หยางยื่นแขนออกไปรับดึงลู่หลานมาไว้ในอ้อมกอดของตนเองได้ทัน สองสายตาต่างประสานกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ จู่ ๆ เสียงใจเต้น ตึกตัก ๆ ก็เต้นแรงจนสัมผัสได้
"ใจท่านเต้นแรงแล้วเจ้าค่ะ" ลู่หลานมองหน้าลี่หยาง เขารีบหลบตาแล้วปล่อยมือนางพยุงกลับไปที่เตียง
"เจ้าเพิ่งจะฟื้นควรพักผ่อนจะรีบลุกไปใย" เขาหลบสายตานางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"ข้าเพียงแค่เป็นห่วงนายท่าน อยากจะออกไปตามหาด้วยตนเอง หากท่านจะไปที่ตำหนักชูฮวาโปรดระวังให้มาก เหลียนฮวานางไม่เหมือนเดิมราวกับคนละคน"
ลู่หลานเอ่ยปากเตือนด้วยความเป็นห่วง
"งั้นเจ้าพักผ่อนให้แข็งแรงก่อน ข้า...จะพาเจ้าไปตามหาเย่ไหลเซียงเอง งั้น...ข้าไม่กวนเจ้าแล้ว พักผ่อนเถิดมีอะไรเรียกหาข้ากับซูหนี่ได้ตลอด"
ลู่หลานพยักหน้าตอบรับ ลี่หยางยืนเก้ ๆ กัง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้อีกฝ่ายยืนมองด้วยความงุนงง
เรือขนส่งวิญญาณเดินทางมาถึงบ่อชำระล้างวิญญาณ เย่ไหลเซียงและจื้อหรงทั้งคู่มองเข้าไปยังความมืดมิดเบื้องหน้า
"หนิงอวี่นางบอกว่าขณะที่ท่านกำลังทำการชำระล้างวิญญาณ ให้นึกถึงผู้ที่กำลังกลืนกินตัวท่านมันจะทำให้ท่านเจ็บปวดทรมานแทบขาดใจจากการถูกรื้อทึ้งดวงวิญญาณเพื่อขับล้างมันออกไป และหากทำสำเร็จจะไร้ความทรงจำต่อคนผู้นั้นและไร้ซึ่งความรู้สึกต่อกัน เจ้าพร้อมใช่หรือไม่"
จื้อหรงถามความรู้สึกของเย่ไหลเซียงเพราะตัวเขาเองคิดว่านางคงต้องลำบากและทรมานใจหากต้องลืมดอกบัวนั้นไปชั่วชีวิต
"ข้า...จะปล่อยให้ความต้องการของข้า ทำลายทุกอย่างไม่ได้ ปีศาจเงากำลังกลืนกินข้าแม้กระทั่งตัวของนางเอง เหลียนฮวานางเป็นคนจิตใจดี ทุกอย่างที่เป็นแบบนี้เพราะข้าเองที่ไม่ตัดไฟแต่ต้นลม หากข้าไม่ทำเช่นนี้ นางเองก็คงโดนจะถุกกลินกินไปตลอดกาล นี่เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้"
แววตาของเย่ไหลเซียงดูเศร้าอย่างชัดเจน จากที่เขาพยายามจะอ่านความรู้สึกของนาง
"ท่านเอง...ก็รักนาง ท่านถึงยอมให้ตัวเองเจ็บปวดก็เพื่อช่วยนาง เหมือนตัวของข้าเองก็รักท่านถึงข้าเองจะเจ็บปวดแต่เพื่อให้ท่านปลอดภัยข้าก็ยอม หึ ความรักนี่ช่างตลกดี"
จื้อหรงพูดจบพลางยืนหันหลังให้กับเย่ไหลเซียง นางเอาแต่นิ่งเงียบหันมามองจื้อหรงที่ยืนหันหลังให้นางอย่างช้า ๆ
"หากไม่ใช่เหลียนฮวา แต่เป็นท่านข้าเองก็จะทำเช่นนี้เช่นเดียวกัน"
พูดจบ เย่ไหลเซียงก็ทิ้งตัวหงายหลังลงไปที่บ่อชำระวิญญาณที่มีวิญญาณมากมายรอรื้อทึ้งจิตวิญญาณสีดำอย่างหิวกระหายเสียงหวีดร้องของดวงวิญญาณในบ่อนั้นโหยหายและน่ากลัวยิ่งนัก จื้อหรงหันมามองด้วยดวงตาที่ถูกบดบังด้วยน้ำใส ๆ ที่เอ่อขึ้นจากความร้อนในภายในใจที่เอ่อล้นขึ้นมา
ตำหนักชูฮวา
ซึ่งตอนนี้กลายเป็นแหลางสิงสู่ของเหล่าปีศาจเพราะเหลียนฮวาเปิดประตูให้พวกเหล่าปีศาจเข้ามารับกลิ่นไอของเทพเพื่อฝึกตบะ เหลียนฮวาคิดจะบุกทำลายสวรรค์แก้แค้นให้กับบิดาและมารดา ขณะกำลังพักผ่อนดุเหล่าปีศาจสาวกำลังร่ายรำกัน นางก็ลืมตาขึ้นช้า ๆ ดวงตากลายเป็นสีดำทั้งดวงตา นางรู้สึกได้ถึงความร้อนรุ่มในใจและเจ็บปวดคล้ายดั่งร่างกายกำลังถูกรื้อทึ้ง นางลุกจากตั่งที่นั่งในทันที
"เย่ไหลเซียง นี่นาง...รู้ว่าข้ากำลังกลืนกินนางแล้วเช่นนั้นหรือ ไปถึงนรกยอมเผชิญความเจ็บปวดทุกข์ทรมานราวถูกมีดพันเล่มกรีดร่างกาย หึ เพียงเพื่อจะช่วยเหลือดอกบัวน้อยนั่นด้วยวิธีนี้ ข้าไม่ยอมให้เจ้าทำสำเร็จหรอก"
พลันนั้นเหลียนฮวาก็กลายร่างเป็นกลุ่มควันสีดำลอยออกไปจากตำหนักชูฮวาในทันที ไม่นานกลุ่มหมอกควันสีดำนั้นก็มาโผล่ที่ประตูนรกร่างของนางค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นช้า ๆ ยมฑูตออกมายืนขวางทาง
"ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเทพและปีศาจ จงไสหัวออกไปซะ"
"พวกกระจอกคิดว่าตนเองเป็นยมฑูตข้าจะเกรงกลัวพวกเจ้าเช่นนั้นหรือ ถอยไปซะ" เหลียนฮวากางมือออกใช้กงเล็บฝ่ามือทำลายยมฑูติที่ขวางอยู่จนแตกสลาย จื้อหรงที่กำลังนั่งทำสมาธิเฝ้าเย่ไหลเซียงกลับขึ้นมาได้ยินเสียงดังมาจากไกล ๆ ด้านนอกและรับรู้ได้ถึงพลังของปีศาจเขาจับดาบอัคคีไว้ในมือแน่นแล้วยืนขึ้นหันไปมองรอบด้านทันที
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 27
Comments