จุมพิตแรกของดอกบัวน้อย

หลังจากที่เมื่อคืนบทสนทนาระหว่างเทพอัคคีกับเย่ไหลเซียงทำให้นางเกิดใจสั่นขึ้นมาทำให้นางถึงกับนอนไม่หลับนั้น นางลุกออกจากห้องมาตั้งแต่ย่ำรุ่ง เดินไปที่แอ่งน้ำที่ดอกบัวสีดำชูก้านดอกเติบโตอยู่

นางยืนมองดอกบัวที่ลำต้นตั้งตรงอย่างแข็งแรง ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วนั่งลงข้าง ๆ พลางยื่นมือออกไปแล้วใช้ปลายนิ้วแตะสัมผัสที่กลีบดอกบัวก่อนกลีบดอกจะค่อย ๆ คลี่ออก ก่อนนางจะลดขนาดตัวเองเข้าไปในดอกบัวนั้นก่อนกลีบดอกบัวจะหุบเข้าเช่นเดิม

เพราะกลีบดอกบัวสีดำ บรรยากาศรอบด้านของเหลียนฮวาจึงอึมครึมมืดครึ้ม เย่ไหลเซียงเดินเข้าไปยังใจกลางของดอกบัว บนเตียงดอกบัวขนาดใหญ่ที่เหลียนฮวากำลังนอนหลับคุดคู้อยู่ในนั้น นางก้าวเท้าเยื้องย่างอย่างแผ่วเบากลัวร่างบางนั้นจะตื่น เดินไปถึงบนเตียงพบผ้าห่มตกอยู่ที่พื้นด้านล่างจึงหยิบผ้าขึ้นมาห่มให้เบามือ แต่กระนั้นร่างเล็กที่หลับอยู่ตรงนั้นก็ลืมตาปรือ แหงนหน้าขึ้นมามองผู้ที่กำลังห่มผ้าให้เย่ไหลเซียงตัวแข็งทำตัวไม่ถูกไม่คิดว่าจะโดนจับได้

"นี่ข้า....กำลังฝันเช่นนั้นหรือ ฝันดีจังเลย "

ใบหน้าผุดผ่องโฉมสะคราญยิ้มกว้างออกมาจนเห็นฟันสีขาวเรียงสวย ริมฝีปากอิ่มนั้นขยับเม้มปิดริมฝีปากลงก่อนพลันนั้นร่างบางจะขยับมาก่ายพาดตักของเย่ไหลเซียงแล้วเอาใบหน้าซุกลงกับตัก ก่อนเปลือกตาจะค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง

เทพบุปผาใจเต้นโครมครามราวกับขโมยที่กำลังจะถูกจับได้ ก่อนจะค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจเข้าออกยาว ๆ ลึก ๆ เมื่อสงบใจได้แล้วนางก็ค่อย ๆ ก้มลงมองร่างเล็ก ๆ ที่ใบหน้าซุกลงที่ตัก ปอยผมด้านหน้าระมาปิดใบหน้าอันงดงาม เย่ไหลเซียงจึงค่อย ๆ เอื้อมมือไปใช้ปลายนิ้วค่อย ๆ สัมผัสเผื่อปัดปอยผมนั้นออก สัมผัสเพียงปลายนิ้วทำให้รางบางนั้นจู่ ๆ ก็สั่นสะท้านส่งเสียงบางอย่างอยู่ในลำคอ เย่ไหลเซียงรีบยกมือขึ้น เพราะกลัวร่างเล็กนั้นจะตื่นขึ้นมา นางนั่งอยู่นิ่ง ๆ สักพักจนมั่นใจว่าคนเบื้องล่างหลับสนิทแล้วจึงขยับศีรษะไปวางไว้บนหมอนก่อนจะค่อย ๆ ขยับตัวเดินมาที่ปลายเท้า เพราะเหลียนฮวานางนอนขดตัวทำให้ปลายเท้าผลุบเข้าไปอยู่ในกระโปรง เพราะอยากจะดูแผลที่เท้าของนางอีกครั้ง เย่ไหลเซียงจึงค่อย ๆ เอื้อมมือไปปลายเท้าของนางอย่างเบามือ ค่อย ๆ เลิกชายกระโปรงของนางขึ้นจนเห็นบริเวณที่บาดเจ็บ นางจึงคว่ำฝ่ามือแล้วอังไว้ตรงนั้นเพื่อจะรักษาให้รีบหายดี นางรีบทำอย่างรวดเร็วและเงียบ ๆ เพราะกลัวเหลียนฮวาจะตื่นขึ้นมา เมื่อรักษาแผลที่เท้าแล้วนางจึงลุกขึ้นยืนที่ข้างเตียงหันไปมองเหลียนฮววาครู่หนึ่งก่อนจะหมุนตัวแล้วออกไปจากดอกบัวทันที

คล้อยหลังเย่ไหลเซียงออกไปแล้ว ดวงตาสองข้างที่ปิดอยู่ของเหลียนฮวาก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา นางรู้ทุกอย่างเพียงแค่แกล้งหลับ การแสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใยของเย่ไหลเซียงทำให้นางยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

หลายวันผ่านไป เหลียนฮวาแผลที่โดนลวกหายเป็นปกติหลังจากที่ลองเดินดูไม่มีอาการเจ็บปวดใด ๆ จึงรีบออกจากดอกบัวโดยเร็วตรงไปหาเย่ไหลเซียงทันที

ขณะเดียวกันที่ห้องตำรา ลู่หลานกำลังช่วยเทพบุปผาจัดตำรา ชั้นหนังสือด้านบนไม่สามารถเอื้อมถึงนางจึงเอาเก้าอี้มาต่อเพื่อจะเก็บหนังสือ เย่ไหลเซียงที่กำลังดูตำราอยู่ด้านข้าง เห็นจู่ ๆ ลู่หลานก็ตัวสั่นแปลก ๆ ก่อนเก้าอี้จะเสียหลักล้มครืนลงมาร่างของลู่หลานจะล้มร่วงหงายหลัง เขาจึงมายืนด้านหลังเอาตัวมายืนรองรับด้านหลังกันกระแทกให้ลู่หลานแต่นางกลับบิดตัวหันมาจะเอาด้านหน้าลงทำให้ร่วงเข้าสู้อ้อมแขนของเย่ไหลเซียงได้พอดีก่อนจะล้มหงายลงไปกับพื้นทั้งคู่ ลู่หลานทับเอกเขนกบนตัวของเย่ไหลเซียงซึ่งแขนของเขากอดนางไว้แน่น

"นายท่าน ข้าขออภัย"

ลู่หลานตกใจรีบกล่าวคำขอโทษในทันที เหลียนฮวาที่เดินเข้ามาหอตำราพอดีเห็นลู่หลานทับบนตัวของเย่ไหลเซียงก็ตกตะลึงตาเบิกกว้าง สองคนหันไปมองเหลียนฮวาที่กำลังเข้าใจผิด แววตาที่จ้องมองมาที่ทั้งคู่แดงก่ำ ลู่หลานรีบดันตัวออกมาจากเย่ไหลเซียงแล้วลุกขึ้นเขาเองก็ลุกขึ้นตามมาแล้วเอื้อมมือไปแตะที่แขนของลู่หลานแล้วจ้องมองสำรวจว่านางบาดเจ็บที่ใดหรือไม่

"เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่" เขารีบหันไปถามลู่หลานด้วยความเป็นห่วง

"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าต้องขออภัยนายท่านด้วยข้าทำท่านบาดเจ็บที่ใดหรือไม่"

ท่าทางที่เป็นห่วงเป็นใยลู่หลานที่เย่ไหลเซียงแสดงออกทำให้นางรู้สึกไม่พอใจยิ่งนักกำมือแน่นเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือกัดฟันจนเห็นแนวสันกราขึ้นชัด ก่อนนางจะเบือนหน้าวิ่งกลับออกไป

สองคนที่ต่างมีเจตนาบริสุทธิ์ ต่างสงสัยว่าเหตุใดเมื่อครู่เหลียนฮวาจึงดูโกรธ

"ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ" เย่ไหลเซียงมองดูกองตำราที่ตกกระจัดกระจาย พลางหันไปมองด้านนอกที่เหลียนฮวาวิ่งหนีไป

"เจ้าเก็บตำราไปก่อนนะ เดี๋ยวข้ามา" พูดจบเย่ไหลเซียงก็เดินออกไป ปล่อยให้ลู่หลานยืนมองกองตำราก่อนนางจะค่อย ๆ จัดเก็บตำราเข้าที่

เหลียนฮวาเสียใจวิ่งหนีออกไปนอกตำหนักเป็นครั้งแรกในชีวิตของนาง โลกใบใหม่ที่แตกต่างทำให้เหลียนฮวารู้สึกสับสน หันไปมองซ้ายมองขวา ก่อนจะสินใจวิ่งไปทางด้านซ้ายมือ เย่ไหลเซียงตามออกมาที่ประตู ไร้วี่แววของเหลียนฮวาไม่รู้นางวิ่งไปในทิศทางใด สีหน้าของเทพบุปผาแววตาดูกังวลอย่างชัดเจน ไม่นานก็รู้สึกเหมือนกำลังเห็นอะไรอยู่บนท้องฟ้าสีแดงเพลิงพุ่งมา นางเงยหน้ามองพลางเอามือบังแสงจ้าก่อนจะพบว่าเป็นเทพอัคคีเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และเหมือนกำลังซ่อนอะไรอยู่ด้านหลัง แต่เย่ไหลเซียงหาได้สนใจไม่นางกำลังกังวลเรื่องที่เหลียนฮวาหายไปมากกว่าใบหน้าของนางมองซ้ายมองขวากำลังตัดสินใจว่าจะไปทิศทางใด

จื้อหรงเดินเข้ามาใกล้แล้วยื่นอะไรบางอย่างออกมาให้นาง นางจ้องมองสิ่งนั้นด้วยความตกตะลึงเมื่อช่อดอกไม้ในมือของเขาไฟกำลังลุกท่วมแต่เหมือนเขาจะยังไม่รู้ตัว

"ข้าเก็บดอกไม้ของพวกมนุษย์มาขอโทษท่าน"

"แล้วท่านก็มาในร่างของเทพอัคคีพร้อมกับดอกไม้ของมนุษย์"

นางชี้มือไปที่ช่อดอกไม้ในมือของเขาที่กำลังเผาไหม้ดอกไม้ เขาก้มหน้าลงไปมองที่มือก็ตกใจรีบสะบัดมือดับไฟอย่างรวดเร็ว เทพทั้งสององค์ยืนมองช่อดอกไม้ที่กลายเป็นเถ้าดำตอตะโก ใบหน้าที่ดูผิดหวังของจื้อหรงทำให้เย่ไหลเซียงอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

"ข้าต้องขอโทษท่านจริง ๆ ข้าไม่เคยคิดว่าดอกไม้ของโลกมนุษย์จะทนไฟของข้าไม่ได้" ใบหน้าของเขาดูสลดและเสียใจ

"ขอบคุณท่านมาก" นางยื่นมือไปหยิบดอกไม้ที่ถูกเผาจนไหม้จากมือของเขา

"วันนี้ข้ามีเรื่องด่วนที่ต้องทำ ข้ารับมันไว้แล้ว เอาไว้คราวหน้าถ้ามีโอกาสท่านค่อยมาหาข้าใหม่ก็แล้วกัน"

นางยกช่อดอกไม้ที่ถูกเผานั้นขึ้นมาแล้วใช้พลังรักษาฟื้นฟูให้กลับมาสวยสดงดงามเช่นเดิมแล้วเปลี่ยนเป็นปิ่นจากนั้นนางก็เอาไปปักที่ผมทันที

"ดอกไม้ท่านงามมาก ข้าขอขอบคุณ เมื่อจัดการธุระเสร็จแล้วไว้คงมีโอกาสพบกัน เช่นนั้นข้าขอตัว" นางโค้งคำนับเขาอย่างนอบน้อมก่อนจะเดินจากไป จื้อหรงมองตามนางด้วยดวงตาที่เปื้อนยิ้มนั้น เขายกมือขึ้นมาทาบที่หัวใจของตนเองที่รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา

เหลียนฮวาวิ่งมาตามทางเดินเล็ก ๆ ตรงไปเรื่อย ๆ นางทั้งโมโหทั้งรู้สึกเศร้าใจ นางคิดว่านางคือผู้เดียวที่เย่ไหลเซียงเป็นห่วงยิ่งกว่าใคร และนางโมโหลู่หลานที่คล้ายจะคอยสนับสนุนนาง สุดท้ายก็แอบทรยศหักหลังนาง แล้วคิดจะยึดครองเทพบุปผาไว้เอง นางเดินไปไม่พักจนเดินมาไกลจากทางเข้าตำหนักชูฮวา นางได้ยินเสียงน้ำไหลจึงลัดเลาะเดินเข้าไปพบลำธารใสข้างหน้าจึงรีบเดินเข้าไป เอามือวักน้ำมาลูบบนใบหน้าตนเอง ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วมองหันซ้ายหันขวาจนเห็นหญิงมีอายุผู้หนึ่งเดินมากับเด็กหญิง หญิงมีอายุผู้นั้นยืนมองเหลียนฮวาที่ใบหน้าผุดผาดงดงามกว่าหญิงชาวบ้านธรรมดาจึงเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง

"แม่นางน้อยท่านนี้เหตุใดจึงมาอยู่ที่กลางป่าเพียงผู้เดียวเช่นนี้"

หญิงผู้นั้นเดินเข้ามาใกล้ เหลียนฮวาตกใจเดินก้าวเท้าถอยหลังไม่พูดไม่จาไม่ตอบโต้หญิงชาวบ้านคนนั้นในใจหวาดหวั่นเพราะไม่เคยพบพานผู้ใดเลยนอกจากลู่หลานกับเย่ไหลเซียง

"อย่ากังวลเราไม่ใช่คนร้าย นี่หลานสาวของข้ามู่ตาน เจ้ากำลังจะไปที่ใดเข้าไปในเมืองหรือไม่ ถ้าจะเข้าไปในเมืองก็ตามพวกเราเข้าไปได้ แต่อย่าอยู่ที่นี่เลยอันตราย"

สีหน้าแววตาท่าทางและน้ำเสียงของหญิงผู้นั้นดูเป็นมิตรก่อนที่หลานสาวที่ชื่อมู่ตานจะเดินมาจับมือของเหลียนฮวาแล้วเขย่า ๆ

"พี่สาวคนสวย ไปกับข้าเถอะตรงนี้อันตราย" เด็กน้อยจูงมือเหลียนฮวาให้เดินตามไปเหลียนฮวานางก็เดินตามเด็กน้อยไปด้วยดี

เย่ไหลเซียงตามหาเหลียนฮวามาจนถึงริมลำธารรอบนอกเริ่มมืดในใจเป็นกังวลยิ่งนัก พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นผ้าผูกผมของเหลียนฮวาที่หลุดร่วงอยู่ตรงนั้นก่อนจะยิ้มออกมาเพราะจะตามหานางได้โดยใช้สิ่งของของเหลียนฮวา เย่ไหลเซียงรีบร่ายพลังจากผ้าผูกผมของเหลียนฮวาเพื่อดูว่านางตอนนี้อยู่ที่ใด

เหลียนฮวาที่เดินตามหญิงมีอายุกับเด็กน้อยไป นางรู้สึกแปลก ๆขึ้นมาเพราะดูเหมือนจะเดินเข้าป่าลึกไปเรื่อย ๆ ไม่เหมือนทางจะเข้าไปในเมือง จนมาถึงบ้านร้างแห่งนึงก่อนชายท่าทางน่ากลัวถือดาบสามคนจะเดินเข้ามาพอได้เห็นหญิงงามก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ

"ท่านแม่...ท่านนี่ช่างเป็นแม่ที่ประเสริฐจริง ๆ หาสาวงามมาให้ลูกอีกแล้ว"

พลันนั้นเหลียนฮวาจึงรู้ว่าตนเองถูกหลอก หญิงคนนั้นเดินกอดเด็กน้อยแล้วเดินไปทางอื่น ปล่อยให้เหลียนฮวาถูกรายล้อมด้วยชายชกรรจ์หน้าตาน่ากลัว เหลียนฮวาตบะยังอ่อนแอนักเพียงแค่กลายร่างได้แต่ไม่สามารถใช้พลังอะไรได้

"อย่านะ จะทำอะไร ช่วยด้วย ช่วยข้าที ใครก็ได้ ช่วยข้าด้วย"

นางกรีดร้องออกมาสุดเสียงพยายามที่จะวิ่งหนีเข้าไปในป่าที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเวลาค่ำ รอบด้านต่างมองเห็นได้ไม่ชัดเจน เสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือของเหลียนฮวาดูท่าจะไร้ผล เมื่อนางถูกอุ้งมือข้างหนึ่งของโจรร้ายดึงกระชากที่เสื้อทำให้เสื้อตรงไหล่ฉีกขาด ยิ่งเห็นเหลียนฮวาหวาดกลัวพวกโจรร้ายยิ่งหัวเราะชอบใจ ชายหื่นกามทั้งสามต่างยืนล้อมรอบคนนึงจับขึงร่างบางของดอกบัวน้อยไว้พยายามซุกไซ้ใบหน้าไปกับลำคอและลำตัวของนาง เหลียนฮวากรีดร้องด้วยความหวาดกลัวและน้ำตาไหลออกมา ในใจของนางโกรธแค้นและหวาดกลัวตะโกนกรีดร้องออกมา

"อย่า!!!.......นะ"

พลังสีดำปะทุออกมาจากตัวของเหลียนฮวาซัดร่างพวกโจรจนกระเด็นไปด้านข้าง พลังที่มหาศาลทำให้พวกโจรนั้นเสียชีวิตทันที แต่เหลียนฮวาไม่รู้ตัวนางลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีโดยไม่คิดชีวิต

เย่ไหลเซียงตามมาจนพบศพของโจรร้าย นางเดินเข้าไปดูก่อนพบว่าเสียชีวิตจากพิษปีศาจเงา แววตาของเย่ไหลเซียงเบิกกว้างรีบมองหาเหลียนฮวา นางลุกขึ้นแล้ววิ่งตามเข้าไปในป่า

เหลียนฮวาที่เอาแต่หลับตาวิ่งทันใดนั้นก็มีอ้อมแขนของใครบางคนดึงตวัดร่างบางนั้นเข้ามากอดเอาไว้ อารามตกใจเหลียนฮวาออกแรงสู้พยายามเตะขาเบียดตัวหนี

"อย่านะ อย่ามาแตะต้องข้า ไปให้พ้น" นางเอ่ยปากไล่โดยไม่มองหน้า ไม่สนแม้แต่ว่าคนที่กำลังกอดนางนั้นเป็นผู้ใด

"เหลียนฮวา ข้าเอง ข้าเอง เหลียนฮวา ไม่เป็นอะไรแล้วนะเหลียนฮวา"

เย่ไหลเซียงดึงเหลียนเข้ามากอดในอ้อมอกพลางลูบผมของนางแต่นางกลับทุบตีเขาไปหลายครั้ง เขาใช้สองมือประคองหน้าเรียวนั้นจับตรึงไว้ให้หันมา ก่อนจะประกบริมฝีปากลงไปที่ริมฝีปากของเหลียนฮวาทันทีเพื่อต้องการให้นางสงบลง สัมผัสจากลมหายใจและกลิ่นกายของเย่ไหลเซียงทำให้เหลียนฮวาเบิกตากว้าง ค่อย ๆ สงบสติลงเมื่อเห็นว่าผู้ที่จุมพิตริมฝีปากนุ่มนิ่มของนางเป็นใครนางก็ผ่อนคลายความกลัวทันที ก่อนจะยกมือของตนเองขึ้นมาจับมือของเขา เมื่อเห็นท่าทีของนางโอนอ่อนลง เขาจึงค่อย ๆ ถอยริมฝีปากออกอย่างช้า ๆ พลางจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้นของเหลียนฮวา หยดน้ำตาไหลอาบสองแก้มขาว ร่างบางสั่นระริก เสื้อผ้าหลุดลุ่ย หายใจหอบจากการวิ่งหนี เย่ไหลเซียงใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างค่อย ๆ ลูบเช็ดน้ำตานั้นอย่างแผ่วเบา เหลียนฮวาแนบใบหน้าไปกับฝ่ามือของเขา

"ข้าอยู่นี่แล้ว อย่าร้องไห้ ข้าอยู่นี่ใครก็รังแกเจ้าไม่ได้เพราะฉะนั้นหยุดร้อง น้ำตาของเจ้า ข้าไม่อนุญาติให้ร้องให้ผู้ใดอีกเข้าใจหรือไม่"

สัมผัสอบอุ่นแผ่วเบาของเขาทำให้เหลียนฮวาพยักหน้าพลางยื่นมือไปโอบกอดเอวของเขาแล้วซุกใบหน้าไปที่อกนุ่มนั้นของเย่ไหลเซียง เขายื่นวงแขนไปโอบไหล่ของนางไว้จนแน่นพลางบรรจงจูบแผ่วเบาไปบนผมของเหลียนฮวา

เลือกตอน
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 27

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!