ห้าพันปีก่อน
ที่คาบสมุทรเหลียวตงลี่หยางหลังจากประลองพ่ายแพ้ให้กับองค์ชายห้าของท่านจ้าวสมุทรเหลียวตงในงานวันประลองเลือกคู่ขององค์หญิงสิบสาม ซึ่งหนึ่งในผู้ที่มาขอประลองคัดเลือกในครั้งนี้ก็คือองค์หญิงลี่หยาง แต่เพราะว่านางเป็นเพียงอิสตรีจึงทำให้ผู้คนต่างเย้ยหยันและมองกลายเป็นเรื่องขำขันว่าเป็นสตรีเหตุใดจึงคิดจะมาประลองเพื่อเป็นราชบุตรเขยช่างผิดแผกแตกต่างและประหลาดยิ่งนัก
แต่นั่นเพียงเพราะองค์หญิงลี่หยางได้ตกหลุมรักองค์หญิงสิบสามของคาบสมุทรเหลียวตงตั้งแต่ได้พานพบคราแรกโดยบังเอิญเมื่อทราบข่าวจึงรีบเดินทางมาเข้าร่วม แต่องค์หญิงสิบสามกลับมองลี่หยางด้วยสายตาดูถูกและรังเกียจ นางปฏิเสธผลการประลองในทันทีที่องค์หญิงลี่หยางชนะจึงทำให้ลี่หยางไม่พอใจพูดจาล่วงเกินท่านเจ้าสมุทรเหลียวตงไปว่าเป็นคนไร้ซึ่งสัจจะ จึงทำให้ท่านเจ้ามังกรเองโกรธเกรี้ยวไม่พอใจกับความกำแหงนี้ เลยทำให้เกิดการต่อสู้กันระหว่างนางกับองค์ชายห้าซึ่งกำลังจะพ่ายแพ้ให้แก่นาง จึงได้อาศัยวิธีสกปรกพ่นพิษมังกรใส่ ทำให้ลี่หยางได้รับพิษมังกรขององค์ชายห้าจนทำให้บาดเจ็บสาหัส
ริมฝั่งทะเลองค์หญิงมังกรร่างถูกทะเลซัดมาเกยที่ฝั่ง ริมฝีปากม่วงคล้ำ หายใจโรยรินผิวหนังเริ่มแห้งขึ้นเป็นเกล็ด ภายในที่เจ็บปวดรวดร้าวจากพิษของมังกรดำจนทำให้ร่างกายไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแม้แต่จะเคลื่อนไหว ในใจของนางกลับรู้สึกเคียดแค้นและชิงชังผู้ที่หัวเราะเยาะเย้ยว่าเหตุใดสตรีจึงรักสตรีด้วยกันได้ นางคิดว่าตนเองจะต้องตายและสูญสลายไปโดยลำพังในคาบสมุทรต่างแดนนี้ได้แต่ทอดถอนใจให้กับความโง่เขลาของตนเองที่เปิดเผยความชอบพอของตนเองให้กับหญิงที่รักรู้แต่นางและผู้ที่รอบข้างกลับมองนางด้วยสายตาแปลกประหลาดทั้งดูถูกและเหยียดหยาม
"เพราะข้าโง่เขลาเอง โง่เขลาที่อวดดี และคิดว่าสิ่งที่ข้าเป็นผู้คนรอบข้างจะยอมรับและยินดีกับข้าเช่นเดียวกับประชากรของชาวตงไห่ยอมรับในตัวข้า ท่านพ่อ ลูกอกตัญญูคงไม่ได้กลับไปดูแลท่าน..."
ร่างไหว ๆ ของผู้หนึ่งเดินเข้ามาแล้วมายืนบังแสงแดดที่กำลังแผดเผาผิวมังกรของลี่หยางที่กำลังถูกแดดแผดเผาทำให้ผิวหนังแห้งขอดอย่างช้า ๆ ใบหน้าที่ถูกสัมผัสรู้สึกเย็นวาบก่อนที่ร่างของลี่หยางที่นอนเกยชายหาดนั้นได้ถูกเคลื่อนย้ายไป
ร่างเปลือยเปล่าขององค์หยิงลี่หยางถูกปกคลุมด้วยกลีบดอกไม้ นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาสองดวงตาจ้องมองบนเพดานและหันไปมองรอบ ๆ ในสถานที่ที่ไม่ชินตาร่างรู้สึกวาบวิวที่ผิวและตามร่างกายจึงยกมือสองข้างขึ้นมาดูพบกลีบดอกไม้กำลังดูดซึมพิษของมังกรออกจากร่างกาย นางค่อย ๆ ลุกขึ้นมาจากเตียงพยายามใช้แรงที่มีเดินด้วยเท้าเปล่าเปลือยเดินทีละก้าวมายืนเกาะที่ประตูทางเข้า ก่อนจะพบสตรีนางหนึ่งกำลังคัดแยกกลีบดอกไม้อยู่ด้านนอก
สตรีผู้นั้นใบหน้าดูงดงามชวนหลงไหล ท่าทางสุขุม เงยหน้าจ้องมองสบตามาที่เขา แปลกที่จิตใจขององค์หญิงลี่หยางมักจะหวั่นไหวกับความงดงามและชื่นชอบสตรีแต่กับนางผู้นี้ ถึงจะมีกลิ่นกายที่หอมหวนแต่กลับขาดความยั่วยวนของสตรีเพศและไม่กระตุ้นความรู้สึกในเชิงรักใคร่เลย องค์หญิงลี่หยางจ้องมองไปในดวงตาสีม่วงนั้นอย่างฉงนสงสัยก่อนจะเดินเข้าไปหาสหายแปลกหน้าที่นั่งอยู่ตรงนั้น
"เจ้ารู้สึกเช่นใดบ้าง" นางถามเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉยน้ำเสียงไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ และมือก็แยกกลีบดอกไม้อย่างเบามือ
"เจ้า...ช่วยข้าไว้เช่นนั้นหรือ" ลี่หยางเอ่ยปากถามผู้ที่อยู่เบื้องหน้า
"แล้วท่านเห็นผู้ใดอยู่ตรงนี้อีกหรือไม่" สายตาของนางก้มต่ำลงที่มือทำงานต่อไปหลังตอบคำถามของเขาแล้ว
"ข้าองค์หญิงสามลี่หยางแห่งคาบสมุทรตงไห่" ลี่หยางแนะนำตัวก่อนตัดสินเดินกลับเข้าไปในห้องอย่างเงียบ ๆ เพราะบรรยากาศการสนทนากับผู้ที่อยู่ด้านนอกช่างน่าอึดอัดเสียเหลือเกิน
คนที่อยู่ด้านนอกถือกระจาดกลีบดอกไม้ตามเข้ามาในห้องก่อนจะปิดประตูแล้วเดินเข้ามาองค์หญิงลี่หยาง
"ท่านนอนลงข้าจะเปลี่ยนกลีบดอกไม้ออก รอบนี้น่าจะช่วยดูดซับพิษของมังกรดำออกได้หมด"
"เจ้ารู้ได้เช่นใดกันว่าข้าถูกพิษมังกรดำ"
เหมือนคุยกับอากาศนางเอาแต่เงียบแล้วมองนิ่งเฉย ลี่หยางจึงค่อย ๆ ทอดกายนอนลงไปบนเตียงก่อนที่สตรีผู้นั้นจะสะบัดแขนอย่างแรงกลีบดอกไม้เดิมที่ปกปิดร่างกายของลี่หยางอยู่ ๆ ได้ปลิวหายไปจนหมดไม่มีอะไรหลงเหลือปิดบังร่างกายแล้ว มังกรสาวที่อยู่ในวัยสาวลี่หยางเกิดเขินอายขึ้นมาห่อตัวปกปิดจุดสงวนอย่างรวดเร็ว แต่สายตาที่จ้องมองมานั้นก็สุดแสนจะเย็นชาจนนางไม่รู้จะเขินอายไปทำไม สตรีแปลกหน้าโบกร่ายมือสั่งการกลีบดอกไม้ให้มาแปะตามร่างกายของลี่หยางจนปกคลุมไปทั่วอีกรอบ
"พิษในร่างกายถึงจะขับออกจนหมด แต่พิษที่ซึมเข้าสู่เส้นเลือดแล้วทำให้ผมที่ขาวของท่านไม่สามารถทำให้กลับมาสีเดิมได้"
นางพูดจบทำให้ลี่หยางตกใจลุกพรวดขึ้นมานั่งจับเส้นผมของตนเองแล้วก้มมองดู ใบหน้าของนางดวงตาสีครามคู่นั้นบ่งบอกถึงความเจ็บปวดรวดร้าวและเศร้าเสียใจที่สูญเสียผมยาวสีดำขลับนั้นไป
"ผมของท่านที่เปลี่ยนเป็นสีขาวโพลนนี้ ตอนนี้สะท้อนแสงแดดวิบวับนั้นทำให้ท่านดูสง่าและงดงามน่าเกรงขามมากขึ้นด้วยซ้ำอย่าเสียใจไปเลย"
คำพูดชื่นชมแทนคำปลอบใจนั้นทำให้ลี่หยางแววตาเปล่งประกายออกมาเขาเงยหน้ามองนางอีกครั้ง
"ข้าชื่อเย่ไหลเซียงเป็นเทพบุปผา ข้ามาเก็บเกสรดอกไม้ไปทำยาเลยบังเอิญมาพบท่านสลบที่ริมฝั่งเลยพามาที่นี่ ข้าบอกท่านหมดแล้วจะได้ไม่ต้องถามข้าอีก"
เย่ไหลเซียงแนะนำตัวกับลี่หยางก่อนจะถือถาดดอกไม้แล้วเดินออกไป นั่นเป็นครั้งแรกที่ลี่หยางได้พบกับเทพบุปผาถึงภายนอกจะดูเย็นชาแต่จิตใจส่วนลึกนั้นนางเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตใจที่ดี
หลังรักษาอาการบาดเจ็บจนหายดี ลี่หยางขณะกำลังเดินมากับเย่ไหลเซียงแถวชายทะเล ก่อนจะบอกลาเย่ไหลเซียงเขาก็ได้ถามนางในบางเรื่องที่ตนเองสงสัย
"คือข้ามีเรื่องที่สงสัยอยากจะขอไต่ถามท่านเทพบุปผาได้หรือไม่"
ลี่หยางจ้องมองในดวงตาคู่นั้นเพื่อดูปฏิกิริยา
"ว่ามาสิ"
"ข้าขอสารภาพตามตรงข้าเป็นผู้ที่ชื่นชอบอิสตรีมิใช่บุรุษ ยามข้าเห็นสตรีผู้งดงามทั่วไปจิตใจข้ามักหวั่นไหวและรู้สึกชื่นชอบอยากจะเข้าใกล้แนบชิดสนิดสนมแต่กับท่านแล้วเหตุใดข้าจึงไม่มีความรู้สึกเช่นนั้น ข้าไม่ได้หมายความว่าท่านไม่งามนะ ท่านเป็นสตรีที่งดงามมากเพียงแต่ว่า..."
ลี่หยางกระดากอายที่จะพูดต่อ นางสงสัยตนเองที่ช่างกล้าเปิดเผยเรื่องที่ผู้อื่นคิดว่าน่าอับอายเช่นนี้ต่อหน้าบุคคลแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันเพียงไม่นาน
"ท่านหาได้มีความผิดปกติสิ่งใดไม่ ในทั่วทั้งสามภพนี้ถึงจะแบ่งแยกออกเพียงบุรุษและสตรีเพศแต่จิตใจแล้วไซร้ไม่สามารถแบ่งแยกออกได้ เพศหาได้มีข้อจำกัดในเรื่องของความรักไม่ มีแต่ผู้โง่เขลาต่างหากที่ไปตีกรอบให้กับเพศสภาพที่เกิดมาว่าชายต้องรักหญิง และหญิงต้องรักชายเท่านั้น สิ่งสำคัญคือการไม่ควรยึดติดกับเพียงแค่รูปกายภายนอก สิ่งงดงามที่อยู่ภายในต่างหากเล่าที่สำคัญ และหากว่าท่านสงสัยเหตุใดจึงมองข้าไม่เหมือนดังเช่นสตรีนางอื่นนั่นก็อาจเป็นเพราะว่าภายในแก่นกายของข้าหรือที่พวกเหล่ามนุษย์นั้นเรียกว่าเกสรของข้านั้นมีทั้งเกสรเพศผู้และเพศเมีย กลิ่นกายของข้าอาจจะเป็นกลิ่นบุรุษเพศสำหรับท่านก็ได้ เราจึงเหมาะสมที่จะเป็นสหายกันมากกว่าที่จะเป็นดั่งเช่นคู่รัก"
เย่ไหลเซียงรู้ว่าลี่หยางในตอนนี้จิตใจของข้างหวั่นไหวเพราะเพิ่งผ่านเหตุการณ์ที่ผู้อื่นมองว่าแปลกประหลาดและไม่มีผู้ใดยอมรับสิ่งที่นางเป็นจึงทำให้นางกำลังกังวลและเป็นทุกข์ในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่
จึงพยายามพูดเพื่อให้ลี่หยางได้รู้ว่าตนเองหาได้ผิดปกติไม่ แต่ผู้คนที่ตีกรอบและไม่เปิดรับตัวตนของผู้อื่นต่างหากที่ควรน่าละอาย
"ข้าขอบคุณท่านมาก ข้าหวังว่าเราทั้งสองคนจะเป็นสหายที่ดีต่อกันตลอดไป เมื่อเจ้ามีเรื่องเดือดร้อนสิ่งใดข้ายินดีจะช่วยเหลือเจ้าแม้ต้องเสี่ยงด้วยชีวิตก็ตามที"
ลี่หยางแววตามุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวจ้องมองไปที่เย่ไหลเซียง ก่อนจะกลายร่างเป็นมังกรขาวแล้วลอยขึ้นไปบนเหนือเมฆเพื่อกลับคาบสมุทรตงไห่
ความสัมพันธุ์ระหว่างองค์หญิงมังกรและเทพบุปผายังคงดีเสมอมาแต่ใช่ว่าจะคงอยู่เสมอไปหากทั้งสองมีเรื่องที่ทำให้ต้องบาดหมางใจต่อกันแล้วเล่า คำว่ามิตรภาพอาจจะไม่ใช่สิ่งที่จีรังยั่งยืนในตัวบุคคลก็เป็นได้
ปัจจุบัน
"จิ้งจอกน้อยนี่คือน้องสาวของเจ้าเช่นนั้นหรือ"
เทพบุปผาเอ่ยปากถามสหายเก่า ก่อนองค์หญิงลี่หยางจะยิ้มออกมาและมองท่าทีของซูหนี่ที่มีต่อเทพบุปผาช่างดูน่าสงสัยยิ่งนัก ซูหนี่เอามือคล้องคอของเย่ไหลเซียงไว้แล้วแนบใบหน้าคลอเคลียไปกับอกนุ่มนิ่มของนาง เทพบุปผาพยายามจะแกะมือของซูหนี่ออกจากตนเองจนในที่สุดก็แกะออกได้แล้วจับข้อมือนางขึ้นมาแล้วมองจ้องหน้าลี่หยาง
"ถ้าเช่นนั้นก็ดี เจ้าช่วยพานางกลับไปที"
เย่ไหลเซียงเอ่ยออกมาในขณะที่กำลังจับข้อมือของซูหนี่อยู่
"เดี๋ยวก่อน ซูหนี่คนรักของเจ้าที่เคยบอกพี่มา คงไม่ได้หมายถึงเทพบุปผาหรอกนะ"
องค์หญิงมังกรเริ่มเสียงดังสีหน้าแววตาดูกังวลขึ้นมาอย่างเป็นได้ชัด
"ใช่แล้ว คนที่ข้ารักก็คือท่านเย่คนนี้นี่แหล่ะ"
ซูหนี่ยิ้มแป้นออกมายกมือไปกอดแขนของเย่ไหลเซียงก่อนนางจะยกมือขึ้นแล้วดึงออก ลี่หยางมองเย่ไหลเซียงสีหน้าแววตาเริ่มมีความไม่พอใจกับเหตุการณ์ในครั้งนี้
"ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็คือผู้ที่บอกน้องของข้าว่าให้ไปหาดอกไม้วิญญาณน่ะสิ ใช่หรือไม่"
ลี่หยางสีหน้าแววตาดูจริงจังจ้องจะเอาคำตอบให้ได้
"ใช่ข้าเป็นคนบอกนางเช่นนั้นเอง" เทพบุปผายอมรับออกมา
"แต่นั่นเพียงเพราะข้าหวังดีต่อนาง หากเจ้ายังคิดว่าตนเองคือสหายของข้า เจ้าก็ควรจะต้องรู้จักข้าดีที่สุด ว่าเหตุใดข้าจึงบอกซูหนี่เช่นนั้น"
เย่ไหลเซียงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ลี่หยางแล้วกระซิบที่ข้างใบหู ซูหนี่ที่ตอนนี้กำลังงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ดวงตากำลังจับจ้องไปที่พวกเขาทั้งสอง ลี่หยางหันหน้าไปมองซูหนี่ที่แววตากำลังแสดงความฉงนสงสัยออกมา
"ท่านพี่เหตุใดจึงเสียงดังใส่ท่านเย่ของข้าเช่นนั้นกันเล่า ทำไมพี่ถึงเสียมารยาทใส่ท่านเย่เช่นนี้ ท่านต้องการให้ท่านเย่เกลียดข้าหรืออย่างไรกัน"
ซูหนี่ตาสองข้างเริ่มแดงก่ำ
"ตายจริง น้องรักของข้าย่อมไม่ใช่เช่นนั้นแน่นอน ข้ากับนางเป็นสหายกันนะ" ลี่หยางรีบเดินมาโอบหลังซูหนี่แต่ซูหนี่เบี่ยงตัวหลบเดินไปหลบหลังเย่ไหลเซียง แล้วเอามือดึงชายเสื้อของนางแน่นลี่หยางยิ้มแบบไม่เข้าใจในสถานการณ์
"เข้าไปในตำหนักก่อนเถอะ ข้าว่าเราสองคนมีเรื่องต้องคุยกัน" สีหน้าและแววตาที่จริงจังของเย่ไหลเซียงบ่งบอกว่าเรื่องในครั้งนี้ต้องคุยกันเพียงลำพังเท่านั้น
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 27
Comments