เหลียนฮวาเดินก้มหน้าคอตก ใบหน้าเศร้าสร้อยเดินกลับไปที่สวนบุปผา ลู่หลานที่กำลังสาละวนกับการให้อาหารดอกไม้เห็นสีหน้าท่าทางราวกับหมดอาลัยตายอยากของเหลียนฮัวก็หยุดแล้วจ้องมอง
"เหตุจึงทำสีหน้าราวกับจะตายแล้วเช่นนั้นเล่า ไหนบอกคิดถึงท่านเย่พอได้เจอกลับหงอยราวกับบุปผาขาดน้ำเลย"
ลู่หลานเดินมานั่งข้าง ๆ พลางก้มหน้าพยายามสบสายตาละห้อยคู่นั้น เหลียนฮวาเงยหน้ามามองลู่หลานครู่นึงก่อนจะถอนหายใจยาว ๆ
"ท่านเย่ไล่ข้าออกมา บอกไม่ให้ข้าไปรบกวน ถ้าไม่เรียกก็ห้ามไปหา"
น้ำเสียงที่เล่ามาสั่นเครือพยายามเก็บซ่อนความน้อยใจอยู่ในที ลู่หลานเห็นท่าทางเช่นนั้นแล้วก็วางมือลงบนไหล่
"เจ้าก็...รออีกหน่อย ปกตินายท่านหลังจากบำเพ็ญออกมาแล้วจะเหนื่อยหล้าจึงอาจจะอยากพักผ่อนก็ได้ เอาไว้นายท่านพักผ่อนเต็มที่แล้วก็จะเรียกใช้เจ้าเองนั่นแหล่ะ อย่าเสียใจไปเลย มาช่วยข้าให้อาหารพวกบุปผานี่ดีกว่ามาเร็ว"
เมื่อพูดปลอบใจแล้วแต่ดูอีกฝ่ายคงจะไม่หายเศร้าเสียใจเป็นแน่จึงชวนเหลียนหัวหาอะไรทำเพื่อเบี่ยงเบนความโศรกเศร้าในใจ ลู่หลานลากแขนคนตัวเล็กเดินตามไปในสวน
ขณะอ่านตำราอยู่นั้นเย่ไหลเซียงก้มมองที่นิ้วของตนเองที่สวมแหวนอัคคีอยู่ที่นิ้ว จึงคิดว่าตนเองติดค้างเทพอัคคีอยู่ก็พลันตัดสินใจวางตำราลงแล้วเดินออกไปข้างนอกท่าทางเร่งรีบ เหลียนฮวาที่กำลังช่วยลู่หลานให้อาหารต้นไม้ดอกไม้อยู่พอมองเห็นว่าผู้ใดกำลังเดินอยู่ ก็ทิ้งของในมือทันทีแล้วรีบวิ่งไปหาท่านเทพบุปผา ทันทีที่เห็นบุปผาน้อยเยื้องกรายเข้ามาใกล้เขาก็พลันก้าวเท้าถอยห่างหนึ่งก้าวออกไปทันที เหลียนฮัวหุบยิ้มในทันทีดวงตากลมโตฉายแววงุนงงสับสน
"ท่านเย่ต้องการสิ่งใดหรือไม่เจ้าคะ" ดอกบัวน้อยเอื้อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติเก็บกดความรู้สึกน้อยใจเอาไว้
"ไม่ เดี๋ยวข้าจะออกไปข้างนอกเสียหน่อย ฝากเจ้าช่วยบอกกล่าวลู่หลานด้วย" พูดจบคำเขาก็พลันเบี่ยงตัวหลบสายตาแล้วเดินผ่านนางไปในทันที ปล่อยให้อีกคนมองตามอย่างเจ็บปวดและสับสน
"เหตุใด จึงเป็นเช่นนี้กันเล่า ท่านเย่ เหตุใดจู่ ๆ ถึงเฉยชากับข้าถึงเพียงนี้"
เย่ไหลเซียงออกจากตำหนักชูฮวาตรงไปยังตำหนักเซียน เพราะเป็นผู้ที่ปลีกวิเวกและชอบอยู่อย่างเงียบสงบ เทพน้อยองค์นักจะรู้จักเทพบุปผาเพราะถือเป็นเทพชั้นกลางที่ทำหน้าที่อยู่ระหว่างสามโลก เมื่อเห็นนางปรากฏตัวบนสวรรค์ชั้นฟ้าใบหน้าก็หาได้คุ้นตาไม่ สายตาหลายคู่ต่างก็จับจ้องมองมาที่นาง
ในขณะที่เทพอัคคีขณะกำลังร่ำสุราอยู่กับเทพวารีพลันจมูกก็คล้ายกับได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างลอยมาปะทะ เขาถือจอกสุรานิ่งแววตาฉุกคิดอะไรบางอย่างส่ายหน้าแล้วยิ้มออกมาเค้นหัวเราะในลำคอ
"นางจะมาอยู่ที่นี่ได้เช่นใดกัน ข้าชักจะดื่มมากไปแล้วกระมัง" เสียงบ่นพึมพำของเทพอัคคีทำให้เทพวารีจ้องมองสหายด้วยแววตาประหลาดใจ
"สตรีใดในสามโลกนี้ถึงทำให้ท่านเทพอัคคีถึงกับละเมอพร่ำเพ้อทุกเช้าค่ำ ร่ำสุรามาหลายชั่วยามแล้ว ท่านยังจะดื่มต่อไปอีกหรือ"
เทพวารีเอ่ยปากถามจื้อหรงผู้เป็นสหายที่ใบหน้ากำลังแดงเพราะฤทธิ์สุรา
"ยามประสบพบยากจากแสนยาก
ลมโปรยโชยอ่อนบุปผาโรย
ตัวไหมสิ้นใจจึงสิ้นสุดสายใย
เปลวเทียนดับมอดน้ำตาจึงแห้งเหือด
โฉมนางงามระทมกาลแปรผัน
ครวญคร่ำยามดึกจันทร์ริบหรี่
จากนี้คิดไปไร้ซึ่งหนทาง
วอนวิหคส่งข่าวแทนข้าที"
จื้อหรงร่ายกลอนออกมาพลางจ้องมองจอกสุรา เทพวารีไป่ซานได้แต่นั่งขันจนเขาคล้ายกับจะรู้สติหันมาจ้องหน้าสหาย
"เจ้ากำลังหัวเราะข้างั้นหรือ"
นัยน์ตาสีเพลิงฉายแววตัดพ้อไป่ซานพลางยกจอกสุราขึ้นดื่ม ก่อนดวงตาสองข้างจะเบิกโพลงราวกับเจอเรื่องราวประหลาดใจในเบื้องหน้า มือที่ถือจอกสุราร่วงหล่นในทันใด เขายืนขึ้นทันทีเมื่อคนที่พานพบเมื่อครู่มองเห็นแต่ไกล ๆ กำลังเดินห่างจากสายตาไป เขาลุกจากตำหนักของเทพวารีแล้วกระโดดตัวลอยออกไปในทันที ไป่ซานเรียกตามก็ไม่ทัน
"เย่ไหลเซียง เหตุใดเจ้าจึงอยู่ที่นี่"
นางตกใจเมื่อจู่ ๆ เขาก็โผล่มาขวางทางนางแววตาประหม่าและงุนงงเล็กน้อยยิ่งเมื่อเทพองค์อื่นจ้องมองมากเข้าก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด เขาไม่รอให้นางตอบคว้าข้อมือของนางแล้วพาวิ่งออกจากลานกว้างนั้นทันที เมื่อพาวิ่งมาจนพ้นผู้คนนางก็ดึงข้อมือนั้นออกมาจากมือของเขาในทันที
"ข้ามาเพราะมีเรื่องจะคุยกับท่าน"
"ว่ามาสิ"
แววตาของเทพอัคคีผู้อบอุ่นนัยน์ตาสีเพลิงนั่นดูระยิบระยับเปล่งประกายออกมา
"เรืองที่ข้าบำเพ็ญตบะเหตุใดท่านจึงรู้ว่าข้าจะผ่านด่านกิเลสอันใดบ้าง" นัยน์ตาสีม่วงนั้นวิบวับเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้
"ที่ข้ารู้เพราะข้าเห็นมันจากในดวงตาของเจ้าเห็นถึงสิ่งที่ในใจของเจ้าหวาดกลัว การบำเพ็ญตบะในช่วงปกติจะเข้าญาณทำสมาธิแค่เพียงสิบห้าวันหรือหนึ่งเดือนแต่ของท่านสี่สิบเก้าวันแสดงว่าเจ้าเลือกบำเพ็ยด้วยการกำจัดกิเลสในใจ ข้าเลยส่งจิตของข้าในอนาคตไปช่วยท่าน"
เขาร่ายยาวออกมาพลางสายตาเหลือบไปเห็นแหวนอัคคีของตนเองก็ยิ้มออกมา
"แหวนนี้ข้าเป็นคนมอบให้เจ้าเอง"
เย่ไหลเซียงก้มลงไปมองที่นิ้วมือก่อนเงยหน้าขึ้นมา
"เพราะของล้ำค้าสิ่งนี้ ข้าถึงมาหาท่านที่นี่นำสิ่งนี้มาให้เพื่อตอบแทน"
นางล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อก่อนจะหยิบขวดสุราออกมายื่นให้เขา เขายิ้มอย่างดีแววตาดูตื่นเต้นดีใจไม่น้อยยื่นมือไปรับขวดสุรามา
"เจ้าคงจะปรุงสุรานี้เองใช่หรือไม่"
นางพยักหน้าตอบรับแทนคำตอบ เขายิ้มออกมาแล้วรีบเปิดดมกลิ่นก่อนจะยกขวดสุราขึ้นมาดื่ม
"อื้ม สุรารสเลิศ นี่เป็นสุราที่เยี่ยมยอดที่สุดที่ข้าเคยดื่มมาเลยล่ะ เจ้า...ดื่มด้วยสิ"
เขาหันหน้าไปถามนาง ก่อนนางจะเงยหน้ามองแล้วยื่นมือมา แต่ทันใดนั้นจื้อหรงก็ยกขวดสุราขึ้นดื่มอมไว้ในปากแล้วก้มหน้าลงไปป้อนสุราด้วยปากให้กับเย่ไหลเซียง สุราที่ผ่านเข้าไปสัมผัสลิ้นเป็นสุราที่ทำจากดอกกุ้ยฮวานางเคยลิ้มรสมาหลายต่อครั้งแล้วแต่ครั้งนี้กลับแตกต่างออกไปเพราะมาจากปากของผู้อื่น เย่ไหลเซียงตัวแข็งท่อตาเบิกกว้างพอตั้งสติได้นางก็เผลอยกมือตบไปที่ใบหน้าของเทพอัคคีทันที
เพียะ!! เสียงผ่ามือสัมผัสผิวหน้าจื้อหรงเต็ม ๆถึงไม่แรงแต่ก็ทำให้ใบหน้ามีริ้วแดงได้ เย่ไหลเซียงเองจ้องมองที่ฝ่ามือของตนเองก่อนจะเดินจากไปในทันที จื้อหรงเองได้รู้ว่าตนเองนั้นทำพลาดเพราะฤทธิสุราที่ดื่มกับเทพไป่ซานทำให้เขาทำเรื่องเกินเลยลงไป
ทางด้านซูหนี่ที่ออกเดินทางติดตามองค์หญิงสามลี่หยางพี่สามเพื่อตามหาดอกไม้วิญญาณ ทั้งคู่ได้เดินทางมาจนถึงสถานที่ ที่ซูหนี่นั้นคุ้นตายิ่งนัก นางยืนมองต้นไม้และบรรยากาศรอบด้านด้วยแววตางุนงง
"เหตุใดจึงยืนนิ่งอยู่เล่า ตามพี่มาอีกไม่นานก็จะถึงแล้ว"
ลี่หยางเร่งซูหนี่เพราะอีกไม่นานจะถึงจุดหมายแล้วและเขาเองก็ดีใจที่จะได้พบกับสหายเก่า
"ท่านพี่ ที่นี่ ดูคุ้นตาข้ามากเลย"
ซูหนี่ยืนเกาท้ายทอยสีหน้าแววตาดูงง ๆ มึน ๆ แต่ก็เดินตามลี่หยางต่อไป
"เจ้าจะคุ้นได้เยี่ยงไรกัน เจ้าจะเคยมาที่นี่ได้อย่างไร ต้นไม้ใบหญ้าก็ดูคล้ายกันทั้งหมดนั้นแล นี่ไงข้างหน้านี้ก็จะถึงแล้ว นางเป็นสหายของพี่เองนางต้องต้อนรับเราอย่างดีและยอมยกดอกไม้วิญญาณให้กับเจ้าแน่"
"แต่ว่าท่านพี่ ที่นี่ดูคุ้นจริง ๆ นะ"
ซูหนี่สีหน้าครุ่นคิดคิ้วสองข้างขมวดชนกัน
"นั่นพวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน"
มีเสียงสอดแทรกมาจากด้านหลัง ทันทีที่ซูหนี่มองเห็นก็ยิ้มกว้างออกมาทันทีรีบโผเข้าไปหาเตรียมจะกอดแต่ถูกฝ่ามือของเย่ไหลเซียงวางตะปบที่ใบหน้าดันเอาไว้ไม่ให้เข้ามาใกล้ เพราะซูหนี่ตัวเล็กกว่าจึงทำให้วงแขนไม่สามารถคว้าไปถึงได้เลยดิ้นไปมาพยายามเอื้อมมือมาคว้าเขาให้ได้ เย่ไหลเซียงส่ายหน้ากัยท่าทางของซูหนี่และหันมาสนใจผู้ที่อยู่เบื้องหน้าอีกคนแทน
"เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่"
น้ำเสียงและนัยน์ตาสีม่วงที่มองจ้องมาดูท่าทางไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
"ข้าก็มาหาเจ้าน่ะสิ"
"แล้วเหตุใดจึงพานางมาด้วย"
แขนของเขาที่กำลังต่อสู้กับแรงจิ้งจอกเก้าหางตัวน้อยที่พยายามดิ้นไปมาแกะมือออกจากใบหน้า
"นางเป็นน้องสาวต่างมารดาของข้า นางอยากได้ดอกไม้วิญญาณไปให้คนรักของนาง ข้าเลยมาหาเจ้า"
ลี่หยางอธิบายให้เย่ไหลเซียงฟัง ก่อนจะเดินมาแกะมือของเขาออกจากใบหน้าของน้องสาว
"นางคือน้องสาวของเจ้างั้นหรือ"
ลี่หยางยกมือของเย่ไหลเซียงออกได้ ซูหนี่แววตาเป็นประกายอีกครั้งกระโดดกอดคอของเขาอย่างยินดี
"ท่านเย่ ที่แท้ท่านก็เป็นสหายของท่านพี่ข้า สวรรค์กำหนดให้ข้าคู่กับท่านจริง ๆ"
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 27
Comments
ฟิวแห่งแสงจันทรายามค่ำคืน☆
อัพอีก
2023-06-13
1