พานพบอีกครายามบุปผาแรกแย้ม

     "แสงสว่างนี้จะไปสิ้นสุดที่ไหนกันนะ"

ภายในใจครุ่นคิดดวงตามองตรงไปด้านหน้า เส้นทางนั้นคล้ายจะพบเส้นทางที่เป็นจุดสิ้นสุดในไม่ช้า เวลาผ่านไปเท่าใดแล้วในการทดสอบนางผ่านกิเลสต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในรอบหนึ่งพันปีที่ผ่านมาบัดนี้สามารถขจัดออกจากจิตใจได้แล้ว 

นางเดินตรงไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ระหว่างทางในใจรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาเมื่อเดินมาถึงอาณาเขตที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งสีขาวนางเริ่มลูบโอบกอดตัวเองช้า ๆ มือลูบที่แขนสองข้างขึ้นลงไปมาเบา ๆ ยิ่งเดินลึกเข้าไปยิ่งขาวโพลนต้นไม้รอบด้านมีหิมะปกคลุม เงียบสงัดหิมะขาวโพลนไกลสุดลูกหูลูกตา ริมฝีปากสั่นระริก เวลาหายใจเริ่มมีไอเย็นออกมาจากจมูก ริมฝีปากนางเริ่มซีด "ความกลัว" หนึ่งในกิเลสที่อยู่พื้นฐานที่นางหลงลืมไป ร่างบางนั้นปราศจากผ้าขนสัตว์ห่อหุ้มเดินอย่างช้า ๆ นางหยิบยาไร้ใจขึ้นมากินอีกหนึ่งเม็ด

อาการที่หนาวขึ้นเรื่อย ๆ จนสมองเริ่มขาดความนึกคิด "ไม่มีดอกไม้ใดชอบความหนาวเหน็บ ดอกไม้ชอบความอบอุ่นและแสงอาทิตย์ที่เหมาะสม บุปผางดงามเพียงใดหากพบเจอความหนาวเหน็บกลีบดอกจะเปียกชื้นบวมน้ำและไร้ซึ่งกลิ่น ส่วนบอบบางที่สุดจะบอบช้ำแทนที่จะค่อย ๆ แห้งเหี่ยวร่วงโรยกลับจะร่วงจากก้านดอกและร่วงหล่นไป เย่ไหลเซียงในเวลานี้ก็เช่นกัน

ร่างบางไม่สามารถครองสติได้ ทิ้งร่างลงไปกับหิมะใบหน้าเย็นเฉียบน้ำแข็งเกาะบนใบหน้า ลมหายใจแผ่วเบา นางก็เป็นเพียงดอกไม้ที่กลัวความหนาวเหน็บ 

"อุ่นจัง"

ความรู้สึกอบอุ่นราวกับมีผู้ใดก่อกองไฟและห่มผ้าหนา ๆ ให้ ร่างบางลอยจากพื้นร่างกายที่ถูกสัมผัสจากฝ่ามือและความอบอุ่นจากร่างกายของผู้นั้นทำให้เย่ไหลเซียงมีแรงพอที่จะหายใจต่อไป 

ดวงตากลมโตลืมตาตื่นขึ้นมา ร่างกายตอนนี้อบอุ่นขึ้นมากขึ้นนางมองไปยังกองไฟเปลวสีฟ้าที่ตั้งวางอยู่ไม่ไกลและเลื่อนสายตามองไปรอบ ๆ พบเสื้อคลุมขนสัตว์วางอยู่ข้าง ๆ นางหยิบเสื้อขนสัตว์ขึ้นมาดูเป็นเสื้อขนสัตว์ที่ทำจากขนจิ้งจอกเนื้อผ้าสีขาวสัมผัสนุ่มลื่นส่องประกายวิบวับทำจากเกล็ดมังกร 

     "ข้ากำลังอยู่ในห้วงนิมิตฝันอีกแล้วหรือ"

เย่ไหลเซียงนางพูดกับตัวเองพลางลุกขึ้นยืนแล้วสวมเสื้อคลุม พลันนั้นก็มีคนผู้นึงเดินเปิดประตูเข้ามาทันทีที่เห็นว่าเป็นผู้ใดพลันนั้นแววตาของนางก็เกิดความฉงนสงสัยขึ้นมาทันที

     "เหตุใดจึงมีคนผู้นี้อยู่ในจิตสำนึกของข้า" นางพูดกับตนเองเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าคนแปลกหน้าที่ยืนอยู่ตรงนั้น

หญิงสาวรูปร่างอรชร ใบหน้าโฉมสะคราญริมฝีปากกระจับได้รูปสาวชุดผ้าแพรสีดำใส่หมวกคลุมแต่ไม่สามารถบดบังความงดงามของทั้งดวงหน้านั้นได้ เป็นครั้งแรกที่เย่ไหลเซียงรู้สึกทึ่งในความงดงามของสตรี นัยน์ตาคู่นั้นดูคุ้นเคยแต่นางนึกไม่ออกว่าเคยพบที่ใดมาก่อน คนผู้นั้นจ้องมองมาที่นางไม่วางตาเช่นกัน

 

   

"ท่านฟื้นแล้ว"

สาวน้อยเสียงใสกังวาลเดินเข้ามาแล้วนั่งอยู่ตรงหน้า เมื่อถูกแสงไฟจากกองไฟสาดส่องเข้าไปในดวงตานางพบว่ามีนัยน์ตาสีแดงเพลิงปรากฎในดวงตาคู่นั้น

     "เหตุใด...เจ้าจึงมาอยู่ในจิตสำนึกของข้า"

เขาเอ่ยวาจาถามสาวน้อยออกไป ก่อนอีกฝ่ายจะหันมาจ้องมองหน้า

     "ท่านคิดว่าเพราะเหตุใดกันล่ะ" สาวน้อยย้อนถามพลางยิ้มออกมาแล้วเอื้อมมือหยิบของบางอย่างในเอวออกมา

     "ท่านพ่อฝากมาให้ท่าน เมื่อท่านออกไปจากที่นี่เราจะได้พบกันด้านนอกนั้นในวันหนึ่งข้างหน้า" สาวน้อยยื่นแหวนอัคคีให้วางไว้บนมือของเย่ไหลเซียง

     "เจ้าคือลูกของเทพอัคคีจื้อหรงหรือ" เขาจ้องหน้าสาวน้อยนั้นด้วยความเอ็นดูรู้สึกผูกพันอย่างประหลาด สาวน้อยเอาแต่ยิ้มกริ่มบนใบหน้าดวงตาเป็นประกาย 

     "ข้านึกไม่ถึงว่าเขาจะใช้ดวงจิตติดตามข้าในการบำเพ็ญตะบะครั้งนี้ แต่ก็ต้องขอบคุณเขาที่ส่งเจ้ามาช่วยให้ข้าไม่เกิดตะบะแตกซ่าน"

     "ท่านพ่อรู้ว่าท่านกลัวสิ่งใด แสดงว่าท่านพ่อใส่ใจท่านมาก ภายในวันข้างหน้าข้าเองหวังว่าท่านจะดีกับท่านพ่อของข้าให้มาก"

สาวน้อยพูดถึงเทพอัคคีด้วยแววตาเปล่งประกายแห่งความรัก ถึงจะไม่เข้าใจในคำพูดของสาวน้อยทั้งหมดแต่ก็รู้สึกอบอุ่นและเป็นมิตรกับสาวน้อยผู้นี้ มือเรียวเล็กยื่นมาแกะมือที่กำแหวนของเทพอัคคีไว้แล้วหยิบแหวนออกมาแล้วสวมที่นิ้วเรียวยาวนั้งของเย่ไหลเซียง

     "ข้าต้องไปแล้ว เมื่อท่านออกไปจากที่นี่ไปเจอหิมะขาวโพลนนั้นสวมแหวนท่านพ่อไว้ท่านจะไม่กลัวความหนาวอีกต่อไป ฤดูหนาวย่อมมีทุกปี ท่านจะเอาแต่กลัวความหนาวเหน็บแล้วซ่อนตัวอยู่แต่ในตำหนักได้เยี่ยงไร ถึงจะเป็นฤดูหนาวที่หนาวเหน็บท่านก็ควรจะสัมผัสมันอย่างกล้าหาญ ข้า...ขอลาก่อน"

เย่ไหลเซียงยังไม่ทันเอ่ยปากขอบคุณสาวน้อยก็สลายกลายเป็นควันหายไปทันที นางก้มมองดูที่นิ้วทีสวมแหวนอัคคีเอาไว้ก่อนจะเดินออกไปเผชิญหน้ากับความหนาวเหน็บนั้นอีกครั้ง

ทันทีที่เดินออกมาความรู้สึกแตกต่างจากเดิมร่างกายเย่ไหลเซียงรู้สึกอบอุ่น ทุกย่างก้าวที่เดินผ่านหิมะไม่มีความหนาวเหน็บกัดกินภายในเป็นครั้งแรกที่นางจ้องมองหิมะขาวฟูเบื้องหน้าด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป มันช่างดูงดงามยิ่งนัก นางค่อย ๆ ถอดรองเท้าออกแล้วยื่นปลายเท้าสัมผัสกับหิมะเป็นครั้งแรกแทนที่จะรู้สึกเจ็บปวดเสียดแทงจากความหนาวเหน็บกลับกลายเป็นทุกย่างก้าวมีแต่ความอบอุ่น นางเดินด้วยเท้าเปล่าเปลือยมาเรื่อย ๆ จนรู้สึกว่าหนทางมันแคบลง ๆ จนในที่สุดนางก็มาถึงตรงทางเข้า ครบกำหนดสี่สิบเก้าวันแล้ว ตอนนี้สิ่งเดียวที่มีอยู่ในใจคือความรู้สึกอบอุ่น ตัดกิเลส ตัดราคะภายในใจออกไป นางยกมือกวาดผ่านประตูห้องบำเพ็ญเบื้องหน้าประตูห้องค่อย ๆ เปิดออกแสงจ้าจากดวงอาทิตย์ฝั่งตรงข้ามแยงตานางยกมือขึ้นป้องสายตาก่อนมองเห็นใครบางคนกำลังวิ่งพุ่งตรงเข้ามาหา

       "ท่านเย่ ออกมาแล้ว"

นางตกใจกับอ้อมกอดที่พุ่งเข้ามาอย่างกระทันหันไม่ทันตั้งตัว อีกฝ่ายกอดรัดแน่นจนเนินเนื้อที่อยู่ภายในเสื้อผ้าเบียดกดเข้ามาที่อกของนาง ก่อนคนตัวเล็กนั้นจะคลายกอดแล้วจ้องมองที่ดวงตาสีม่วงของนาง บัดนี้เองที่เย่ไหลเซียงได้มองเห็นใบหน้าผู้ที่จู่โจมกอดกระทันหันนั้น

     "เจ้า...คือ"

ใบหน้าขาวผุดผาดชวนมอง มีกลิ่นกายของดอกบัวอ่อน ๆ ออกมา ดวงตากลมสีน้ำตาลคู่นี้ที่คุ้นเคย ก่อนคนเบื้องหน้าจะยิ้มออกมายิ้มอย่างดีใจแล้วเอาหน้าซุกกับอกนุ่มนิ่มของเย่ไหลเซียง นางดันคนตัวเล็กออกนึกออกในทันใด บัดนี้เวลาผ่านไปเพียง สี่สิบเก้าวันดอกบัวสีดำนั้นก็พลันโตกลายเป็นสาวงามแรกแย้มไปแล้วนางจึงต้องรักษาระยะห่างโดยหันที 

อีกฝ่ายเมื่อถูกดันออกก็แสงดท่าทางงุนงง เพราะสายตาของเขาคล้ายมองหาใครบางคนอยู่ จนผู้นั้นปรากฏตัวออกมา

     "นายท่าน ท่านออกมาแล้ว"

ลู่หลานภูติผีเสื้อผู้พักดี เดินมาพร้อมถ้วยชาที่ชงใหม่กลิ่นหอมกรุ่นลอยออกมา เย่ไหลเซียงเอื่อมมือไปลูบศีรษะผีเสื้อน้อยเบา ๆ ทำให้คนที่ยืนอยู่อีกคนรู้สึกเจ็บแปลบคล้ายกำลังมีอะไรกัดอยู่ในใจแววตาดูเศร้าลงทันที

     "ท่านดูสิ เหลียนฮวากลายเป็นสาวแล้ว" ลู่หลานน้ำเสียงเอ่ยออกมาอย่างยินดีเพราะคิดว่าเย่ไหลเซียงจะชอบเพราะไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับเด็กน้อยแสนซนอีกต่อไป แต่เทพบุปผานางกลับเงียบทำแค่เพียงพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปที่ห้องหนังสือ ลู่หลานหันไปมองคนที่ยืนเศร้าอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะเอาไหล่ชนแล้วพยักหน้าให้ตามไปแล้วยื่นชาให้

เหลียนฮวารับถาดชามาแล้วเดินตามเย่ไหลเซียงไปที่ห้องตำรา ก่อนจะวางชาบนโต๊ะต่อหน้าเขาแล้วรินชาใส่ในถ้วยอย่างระมัดระวัง

     "ดื่มชาเจ้าค่ะท่านเย่ ชานี้ข้ากับพี่ลู่หลานช่วยกันเก็บเพื่อรอท่านกลับมาโดยเฉพาะเลยพอวันนี้ครบสี่สิบเก้าวันเราก็เตรียมบดชาชงไว้ให้ท่าน"

เย่ไหลเซียงเหลือบตามองถ้วยชาที่เหลียนฮวายื่นมาให้ก็มองด้วยแววตานิ่งเฉย

     "เจ้าวางไว้แล้วออกไปได้ ข้าจะดื่มเองแล้วก็หากข้าไม่เรียกเจ้าไม่ต้องมาไปช่วยลู่หลานดูแลพวกดอกไม้ในสวนเข้าใจหรือไม่"

น้ำเสียงเย็นชาและแววตาเฉยเมยนั้นทำให้เหลียนฮวารู้สึกอึดอัดในใจจุกเหมือนมีอะไรมากดทับ

     "ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ" พูดจบน้อมรับพยักหน้าแล้วเดินออกไปก่อนค่อย ๆ เลื่อนปิดประตู 

     

เลือกตอน
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 27

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!