ซูหนี่นั่งยิ้มอยู่บนหลังคาตำหนักฤดูร้อนของลี่หยางพลางนั่งกัดลูกท้ออย่างเอร็ดอร่อย ลี่หยางหันมามองน้องสาวด้วยแววตาอ่อนโยนแล้วยิ้ม
"สรุปคือเจ้าอยากรู้ว่าจะตามหาดอกไม้วิญญาณได้จากที่ไหนใช่หรือไม่"
ซูหนี่พยักหน้าหงึก ๆ เพราะในปากเต็มไปด้วยลูกท้อที่กำลังเคี้ยวอยู่
"ดอกไม้วิญญาณเป็นดอกไม้ที่หายาก จะเอาไว้ติดต่อสื่อสารกับผู้ตายโดยต้องมีแก่นวิญญาณของคนผู้นั้นด้วย ว่าแต่ทำไมเจ้าถึงอยากได้มันล่ะ"
ลี่หยางถามด้วยความสงสัย ซูหนี่หันมาตอบด้วยแววตาเป็นประกาย
"เพราะว่าคนที่ข้ารักอยากได้"
ลี่หยางดวงตาเป็นประกายฉายแววยินดีหันมามองซูหนี่แล้วยิ้มออกมา
"ซูหนี่น้อยของพี่ นี่เจ้ามีความรักแล้วหรือเนี่ย ไหนบอกพี่มาสิบุรุษผู้นั้นคือผู้ใดกัน" ลี่หยางพยายามซักไซ้ถามจากซูหนี่ที่เอาแต่ยิ้มแล้วส่ายหน้า
"เอาไว้ข้าจะบอกท่านพี่ทีหลัง ถ้าข้าพบดอกไม้วิญญาณแล้ว"
"งั้นก็ไม่ยาก ข้ารู้ที่ไหนมี"
ซูหนี่ตาโตเบิกกว้างหันมามองลี่หยางแววตาฉายแววดีใจจนแทบจะกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ รีบเขย่าแขนของลี่หยางแล้วถามทันที
"จริงหรือท่านพี่ อยู่ที่ใดหรือ ข้าจะไปตามหาเดี๋ยวนี้"
"สหายของพี่เอง เดี๋ยวพี่จะพาเจ้าไป"
ลี่หยางหันมามองแล้วยิ้มกับซูหนี่พลางยิ้มแล้วหันหน้าไปมองพระอาทิตย์อัสดงเบื้องหน้า ซูหนี่นั่งพิงไหล่ของลี่หยางพลางยิ้มออกมา
ณ ดินแดนกิเลส
เย่ไหลเซียงเดินทางผ่านกิเลสมาได้ถึงสิบด่านแล้ว ทั้ง โลภ โกรธ หลง อิจฉา ริษยา ทุกข์ เสียใจ ที่ล้วนเป็นอารมณ์ความรู้สึกในช่วงหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมาที่เกิดขึ้นของเย่ไหลเซียง แต่ยังหาด่าน รัก และ ราคะ ไม่พบ ภาพลวงตาต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย นางหยิบยาไร้ใจขึ้นมากินหนึ่งเม็ดทุกสี่ชั่วยาม และขวดยาได้ถูกปีศาจแมงมุมหยิบเอาไปทิ้งโดยที่นางไม่ทันรู้ตัว จนมาถึงดินแดนที่มีภาพคุ้นตา ทุ่งดอกราตรีสีทองที่กำลังบานสะพรั่งเต็มทั่วทั้งเนินด้านหน้าด้านข้างเป็นแม่น้ำสายกว้างบนผิวน้ำกำลังสะท้อนแสงพระอาทิตย์ระยิบระยับ ฝูงผีเสื้อมากมายบินรายล้อมเต็มไปหมด
เพราะไม่ได้เจอเผ่าพันธ์ตนเองนานมาก เย่ไหลเซียงเดินเข้าไปกลางทุ่งนั้น แววตาคล้ายตกในมนต์สะกดนางยิ้มออกมามือค่อย ๆ ยกแตะต้นดอกราตรีสีทองนั้นพลางค่อย ๆ ก้มลงไปที่ดอกสูดดมกลิ่นหอมรัญจวนใจนั้น ทันใดนั้นดวงตาของเย่ไหลเซียงก็เบิกกว้าง รีบเดินถอยออกมาจากต้นดอกราตรีนั้น
"แย่แล้วด่านกิเลสราคะ"
สีหน้านางดูตื่นตระหนกขึ้นมาทันทีก่อนจะล้วงเข้าไปในแขนเสื้อหาขวดยาปรากฏว่าไม่มีขวดยาในแขนเสื้อ บัดนี้นัยน์ตาสีม่วงของนางฉายแววกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด ค่อย ๆ เดินถอยให้ห่างมากที่สุดแต่ปรากฏว่าจู่ ๆ โลกก็หมุน แน่นหน้าอกหายใจไม่ค่อยสะดวก มึนศีรษะมากขึ้นตาลาย คล้ายจะทรงตัวไม่อยู่จนล้มหมดสติลงไปกลางทุ่งดอกราตรีโดยไม่รู้ตัว
เย่ไหลเซียงหลับหมดสติไม่นานเท่าใดไม่รู้ รู้แต่เพียงว่าตอนนี้ร่างกายรู้สึกร้อนผ่าวไปหมด มือค่อย ๆ ถอดเสื้อคลุมด้านนอกออกโดยไม่รู้ตัว นางลืมตาขึ้นมา มองไปรอบข้างพบว่าตนเองนั้นอยู่ในถ้ำแห่งนึงที่ค่อนข้างมืดและมีกลิ่นเหม็นอับ อาการมึนเวียนศีรษะยังคงมีตาสองข้างยังพร่ามัวมองไม่ชัดนางส่ายหัวหลายครั้งเพื่อดึงสติกลับคืนมา
"ข้าอยู่ที่ไหนกัน เหตุใดจึงร้อนเช่นนี้"
เม็ดเหงื่อผุดตามตัวตามไรผมนางหันไปมองรอบ ๆ ถ้ำ พบมีบ่อน้ำที่ดูใสลองเอื้อมมือไปแตะพบว่าน้ำเย็นชุ่มผิว เพราะในกายที่ร้อนรุ่มดั่งไฟกำลังครุกรุ่นนางถอดชุดคลุมออกทันทีเหลือเพียงผ้ารัดอกบางเบาเท่านั้นแล้วเดินลงในบ่อน้ำนั้้นทันทีโดยไม่ทันสังเกตว่ามีอะไรผิดปกติบ้าง ในถ้ำมีใยแมงมุมอยู่เต็มไปหมดและหมอกจาง ๆ ในถ้ำเป็นกลิ่นของราคะ เย่ไหลเซียงสูดกลิ่นเข้าไปโดยไม่รู้ตัวความรู้สึกรุ่มร้อนในกายและผิวสัมผัสเริ่มมากขึ้น จนกระทั่งมีคนเดินลงในสระนางรีบหันไปมองพบเป็นซูเม่ยเดินมาด้วยร่างกายเปลือยเปล่า ใบหน้าสะคราญ ดวงตาคม ริมฝีปากสีแดงอวบอิ่ม ลำคอยาวระหง เนินอกอิ่มเต่งตึงที่คุ้นตา เอวคอดสะโพกผาย ค่อย ๆ เดินเยื้องกายลงในบ่อก่อนจะทอดกายลงในน้ำ เย่ไหลเซียงหลับตาเพื่อเรียกสติพอลืมตาขึ้นมาพบว่าซูเม่ยมายืนอยู่เบื้องหน้ามือสองข้างวางที่บ่าของนางแล้วมือสอดคล้องประสานกันไว้หลวม ๆ ดวงตาดำขลับแฝงไปด้วยความเย้ายวนเอียงคอมองมาที่นาง เย่ไหลเซียงเผลอมองริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มนั้นที่กำลังเผยอปากเล็กน้อยอย่างช้า ๆ ก่อนนางจะยิ้มที่มุมปากแล้วโน้มใบหน้ามาริมฝีปากกระซิบที่ข้างหูเอื้อนเอ่ยถ้อยคำแสนหวานออกมา
"ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน คิดถึงจุมพิตของท่าน ริมฝีปากของท่าน และสัมผัสของท่านหากวันนี้หากเพียงท่านยอมสัมผัสทั่วกายของข้าอีกครั้ง ข้าจะปล่อยให้ท่านออกไปจากที่นี่"
พูดจบซูเม่ยก็ถอยใบหน้าออกมาจ้องไปยังนัยน์ตาสีม่วงคู่นั้น
"เจ้าไม่มี...อยู่จริง นี่คือมายากิเลส"
น้ำเสียงแผ่วเบาหายใจแรงเพราะในกายร้อนรุ่มจนแทบจะทนไม่ไหว แววตาของนางที่จ้องมองไปยังต้นคอระหงและริมฝีปากนั้นทำให้นางคอแห้งผาก คล้ายดังต้องมนต์ปลายนิ้วทั้งห้าค่อย ๆ แตะที่ริมฝีปากอันยั่วยวนเบา ๆ ซูเม่ยถึงกับร่างสะท้านขนลุกชัน ก่อนแมงมุมร้ายจะค่อย ๆ เผยอริมฝีปากสัมผัสแผ่วเบาที่ปลายนิ้วของเย่ไหลเซียงแล้วใช้ลิ้นน้อยๆเลียที่ปลายนิ้วมือของเขาเบา ๆ
เย่ไหลเซียงที่กำลังก้มหน้าเพราะมึนศีรษะอยู่ ถึงกับเงยหน้าขึ้นมา ใจเต้นแรงความร้อนในกายพุ่งออกมาด้านนอกก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือกดสัมผัสริมฝีปากซูเม่ยแล้วลูบไล้ทั้งริมฝีปาก
มืออีกข้างยกขึ้นมาจับใบหน้ายั่วยวนนั้นไว้ใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือเชยคางให้เงยขึ้นเล็กน้อย ก่อนสติจะขาดผึงลงเย่ไหลเซียงประกบริมฝีปากลงไปที่กลีบปากอิ่มตรงเบื้องหน้านั้นทันที กลีบปากบนล่างต่างสอดประสานเม้มดูดริมขอบเนื้อนูนของริมฝีปากซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนขยับใบหน้าอีกฝ่ายแล้วจ้องมองเข้าไปในดวงตาดำขลับนั้น
"อ๊า ท่านเย่ที่รักของข้า ข้าคิดถึงสัมผัสนี้ของท่านเหลือเกิน"
แมงมุมดำแอ่นอกอวบนั้นให้ดอกไม้งามสัมผัส เมื่อเห็นราคะร้อนของอีกฝ่ายที่ยั่วยวนบนเรืองร่างนั้นดอกไม้งามก็ก้มลงไปที่เม็ดเล็กชูชันตรงอกอิ่มก่อนใช้ฟันขบเม้มและกัดเบา ๆ ก่อนจะใช้ลิ้นกวาตวัดไปมาแล้วดูดคลึงเบา ๆ ร่างอวบนั้นสะดุ้งหน้าอกสองข้างกระเพื่อมตามแรง เขารีบใช้มือสองข้างจับขาของนางสองข้างกางแยกออกแล้วยกสะโพกผายให้มานั่งคร่อมบนตัวเขา เพื่อให้สองเต้านั้นมาอยู่ที่ตำแหน่งปากได้พอดี ปากชอนไชลิ้นเล้าโลมเลียที่สองเต้านั้นสลับกันไปราวกับกินขนมน้ำตาลเคลือบ มือของนางคล้องคอของเขาเอาไว้ดันท้ายทอยเขาเข้าแนบเนินปถุมถันเมื่อนางรู้สึกเสียวกระสัน
"อา ท่านเย่ ดีเหลือเกินเจ้าค่ะ ข้า..."
จังหวะที่ปีศาจแมงมุมดำกำลังเคลิบเคลิ้ม แววตาของเย่ไหลเซียงก็เปลี่ยนไปเมื่อจู่ ๆ นางก็ได้ยินเสียงเรียกของเหลียนฮวา
"ท่านเย่ ท่านเย่ อย่าหลับสิ ตื่นมาเล่นกับข้าก่อน"
ตาของเทพบุปผาเบิกกว้างดึงปิ่นปักผมออกมาแล้วแทงไปที่อกของซูเม่ยทันที
"ซูเม่ยนางตายไปแล้ว เจ้าไม่มีอยู่จริง"
ร่างของกิเลสที่ชื่อราคะพลันนั้นก็สูญสลายไป เย่ไหลเซียงรีบยืนขึ้นเอาเสื้อมาคลุมก็พบว่าขวดเม็ดยาไร้ใจตกอยู่ข้าง ๆ รีบหยิบขวดยาแล้วเดินออกจากถ้ำ พอเดินออกมาก็พบแสงสว่างจ้าจนต้องหรี่ตาพบทางข้างหน้ามีแค่แสงสว่าง นางดึงเสื้อให้ขยับเข้าพอดีตัวก่อนจะหันไปมองในถ้ำด้านหลังซึ่งนางจำได้ดี
"นั่นคือถ้ำแมงมุม ที่เย่ไหลเซียงเคยใช้เป็นรังรักของนางกับซูเม่ยเมื่อห้าพันปีก่อน และตัดขาดจากนางหลังจิตใจของนางอำมหิตและโหดร้ายมากขึ้นหวาดระแวงทุกคนรอบข้างเย่ไหลเซียง ก่อนจะพบนางสังหารตัวเองตายอยู่ในถ้ำนี้
"ถึงเจ้าจะไม่ใช่รักของข้า แต่เจ้าคือกิเลสราคะเดียวของข้า ลาก่อนซูเม่ย"
แสงสว่างจ้าข้างหน้าเย่ไหลเซียงหันไปมองก่อนจะเดินไปเส้นทางนั้น เส้นทางที่มีแค่เพียงเสียงสว่าง ไร้ซึ่งสิ่งกีดขวางใด ๆ นางเดินไปเรื่อย ๆ ด้วยความรู้สึกโล่งในอกก่อนจะหายเข้าไปในแสงสว่างนั้น
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 27
Comments