ตำหนักชูฮวา
เมื่อกลับมาถึงตำหนักชูฮวา เย่ไหลเซียงก็นำดอกฮวงหลงทั้งหมดไปที่ห้องปรุงยาทันทีจากนั้นก็ปิดประตู ซูหนี่ยืนมองอยากตามเข้าไปดู
"อย่าเด็ดขาด หากเจ้าไปกวนนายท่านตอนกำลังปรุงยาเจ้าแย่แน่ ๆ"
ลู่หลานดึงแขนของซูหนี่ไว้แล้วส่ายหน้าแววตาเชิงห้ามปราม
"เหตุใดจึงแย่เล่า ท่านเย่กำลังปรุงยาอะไรงั้นหรือ"
ซูหนี่ทำหน้างง
"อีกสามสิบวันนายท่านจะต้องบำเพ็ญตะบะเพื่อละกิเลสทางใจ ตอนนี้นายท่านเลยต้องปรุงยาจากดอกฮวงหลงเพื่อสกัดยาไร้ใจ ยานี้สำคัญมาก เจ้ามาเล่นกับข้าห้ามไปกวนนายท่าน"
ซูหนี่ถูกลู่หลานลากไปที่น้ำตกบริสุทธิ์เพื่อที่จะพาไปแนะนำเหลียนฮวาดอกบัวดำ เมื่อเดินมาถึงแอ่งน้ำที่เลี้ยงดูดอกบัวดำซูหนี่ที่เพิ่งเคยเห็นดอกบัวสีดำครั้งแรกก็ตาโต
"อี๋ ดอกอะไรน่าเกลียดยิ่งนัก"
ซูหนี่มองแล้วยื่นมือไปแตะ ดอกบัวดำน้อยก็เลื่อนลำต้นหนี ลู่หลานหัวเราะ
"อย่าไปเรียกนางแบบนั้นสินางจะโกรธเอานะ คนที่เรียกนางว่าอัปลักษณ์ได้มีเพียงนายท่าน"
"ท่านเย่เอามาปลูกไว้เช่นนั้นหรือ"
"ใช่เมื่อร้อยปีที่แล้ว นายท่านให้ข้าคอยดูแลให้อาหาร ชีวิตนางน่าสงสารไม่รู้ว่านางจะมีโอกาสบานหรือไม่ยังไม่รู้เลย"
ลู่หลานน้ำเสียงอ่อนลงแววตาเศร้าไปกับเรื่องราวของดอกบัวสีดำที่น่าสงสาร
"เกิดอะไรขึ้นกับนางเช่นนั้นหรือ"
ซูหนี่เห็นลู่หลานแสดงสีหน้าเศร้าสร้อยออกมาจึงถามด้วยความอยากรู้
"เพราะพ่อของนางคือปีศาจเงาก่อนสลายร่างแก่นวิญญาณที่เป็นหยดเลือดดันหยดลงไปที่กลีบ ปีศาจเงาตะบะห้าพันปีหยดเลือดนั้นจึงเต็มไปด้วยพิษของกู่หวางนางจึงเติบโตได้แต่ไม่มีวันผลิบานและกลายร่างดั่งเช่นมนุษย์ได้ แม่ของนางสละแก่นวิญญาณเพื่อติดต่อท่านเทพบุปผาขอร้องให้ช่วยเลี้ยงดู ดอกบัวสีดำกอนี้ถถึงมาอยู่ที่นี่ได้"
ซูหนี่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดก็รู้สึกสงสารเหลียนฮวาขึ้นมา
"ชีวิตเจ้าช่างน่าสงสารยิ่งนัก ข้ากับลู่หลานจะเป็นเพื่อนของเจ้าเอง เจ้าอายุแค่หนึ่งร้อยปีเจ้าเป็นน้องคนเล็กก็แล้วกัน"
ซูหนี่ยืนขึ้นหันไปมองรอบ ๆ เห็นเหล่าบุปผากลายร่างกำลังจ้องมองมาที่ตนด้วยสายตาขุ่นเคือง
"เหตุใดพวกนางจึงจ้องมองข้าเช่นนั้นกันเล่า"
ลู่หลานหันไปมองแล้วหันหน้าก้มลงไปมองดอกบัวต่อ
"พวกนางอิจฉาเจ้าน่ะสิ นายท่านไม่เคยพาปีศาจตนใดเข้ามาที่นี่เลยนอกจากปีศาจบุปผาที่เอามาเพาะเลี้ยง"
ซูหนี่ได้ยินเช่นนั้นก็ใจเต้นตาเป็นประกายคล้ายกับตนเองเป็นคนสำคัญของเย่ไหลเซียง
"เช่นนั้นหรือ ข้าคือปีศาจตนแรกจริงหรือที่ท่านเย่พามา ข้าดีใจจัง"
ซูหนี่รู้สึกดีใจและปลื้มปิติ แต่หารู้ไม่ว่าตนเองได้มาเพราะมาเป็นเพื่อนเล่นลู่หลาน
เย่ไหลเซียงนั่งสะกัดยาจากดองฮวงหลงลงในโถผสมยาจนเวลาล่วงไปจนเย็น ประตูห้องปรุงยาของเย่ไหลเซียงก็เปิดออก ซูหนี่รีบวิ่งไปทันทีโดยไม่รอลู่หลาน มายืนประจันหน้าเทพบุปผาคนงามแถมจ้องเขม็งแล้วยิ้มกว้างจนคนเบื้องหน้าผงะสีหน้าตกใจเล็กน้อย
"ท่านเย่หิวหรือไม่ ข้าไปล่าสัตว์มาให้ท่านกินดีไหมคะ"
ซูหนี่แววตาใสซื่อเสนอเมนูอาหารที่ตนเองคิดว่าดีเลิศแต่ผู้ฟังคิ้วขมวด
"ซูหนี่ เจ้าโง่หรือไงกัน นายท่านเป็นเทพบุปผา ดอกไม้ที่ไหนกินสัตว์กัน"
เย่ไหลเซียงเบี่ยงตัวเดินหลบซูหนี่ เดินไปยังห้องนอนแต่ซูหนี่ก็เดินตามติดจนนางโมโหรีบหันหน้ามา เพราะหยุดกระทันหัน ซูหนี่ที่เดินตามหลังมาติด ๆ หยุดไม่ทันหน้าจึงชนเข้าหน้าอกของเย่ไหลเซียงโดยไม่ได้ตั้งใจหน้าของซูหนี่ซุกแน่นกับร่องหน้าอกของนางพอดี ลู่หลานที่เห็นเหตุการณ์พอดีก็ตกใจเมื่อซูหนี่ไม่ยอมขยับแต่ซุกหน้ากับอกของเย่ไหลเซียงไปมาแววตาเคลิบเคลิ้ม
"อะไรกันเหตุใดจึงหอมเช่นนี้ แถมนุ่มนิ่มจนข้าอยากจะสัมผัสมัน อ๊าา!! รู้สึกดีจัง"
ซูหนี่เคลิ้มเคลิ้มไปกับกลิ่นกายของเย่ไหลเซียงหลับตายิ้มกริ่มและส่ายหน้าถูไถไปมาอยู่เช่นนั้น นางรู้สึกจักกะจี้ขึ้นมาเมื่อซูหนี่เอาแต่มุดหน้าอยู่ตรงหน้าอกของนางเช่นนั้นจนลู่หลานเดินเข้ามาแยกจับแขนซูหนี่แล้วจะดึงออกห่างนายท่าน แต่ซูหนี่มือสองข้างกลับคว้าหมับกอดนางแน่นขึ้นอีก ลู่หลานมองไปที่นายท่านแววตาเริ่มแสดงความหงุดหงิดออกมามากขึ้น พยายามแกะดึงมือของซูหนี่จนแกะออกมาได้หนึ่งข้าง มืออีกข้างกำลังจะหลุด ซูหนี่คว้าหมับเข้าที่ปกเสื้อก่อนลู่หลานจะกระตุกโดยแรงจนมือซูหนี่หลุดพร้อมกับเสียงบางอย่าง
"แคว่ก!!!!"
ชุดของเย่ไหลเซียงหลุดขาดติดมือซูหนี่เปิดเผยเนินอกขาวอวบอิ่มครึ่งทาง ลู่หลานอ้าปากค้างซูหนี่เงยหน้ามองอย่างตกใจ ทั้งคู่ต่างจ้องมองไปยังนางหัวใจเต้นระส่ำ เหงื่อตกแววตาความหวาดหวั่นเริ่มปกคลุมเข้ามาในใจ เมื่อมองคนตรงหน้าคิ้วขมวดยืนหลับตาเริ่มหายใจฟึดฟัด พลันมีความรู้สึกคล้ายมีเงาทมิฬพลังทำลายล้างสูงบินวนอยู่รอบกายของเย่ไหลเซียง
ซูหนี่แรงเยอะดึงจนเสื้อท่านเย่หลุดลุ่ยเลยนะ
ก่อนนางจะลืมตาขึ้นแววตาดุร้ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อทั้งสองนาง มือสองข้างของเย่ไหลเซียงกำแน่นเส้นเลือดปูดแถวขมับ ลู่หลานปล่อยมือซูหนี่รีบวิ่งเข้ามากอดเข่านางเชิงออดอ้อนขอโทษ
"นายท่าน ข้าขอโทษข้าไม่ได้ตั้งใจ อย่าโกรธเราเลยนะคะ" ลู่หลานเขย่าชายกระโปรงเย่ไหลเซียงไปมาแววตาอ้อนวอน
เห็นเพียงแค่นางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาแล้วเดินหนีไปที่ห้องนอน ซูหนี่เดินมาพยุงลู่หลานลุกขึ้นยืนลู่หลานทำหน้างอนกระเง้ากระงอดซูหนี่ที่เตือนไม่ยอมฟัง
"เจ้าทำนายท่านโกรธแล้วเห็นหรือไม่ หึ้ย!! เจ้านี่ มันเหลือเกินจริง ๆ ถ้าไม่ทำให้นายท่านหายโกรธข้าจะเลิกเป็นเพื่อนกับเจ้า"
ลู่หลานพูดจบพลางเดินหนีซูหนี่ไปทางสวนชาด้านหลังตำหนัก เดินมาสวมตะกร้าเก็บสมุนไพรไว้ด้านหลังแล้วเดินเข้าสวนชาเพื่อเก็บใบชาที่เย่ไหลเซียงชอบจะเอามาตาก
"ข้าต้องทำเช่นใดเล่า ท่านเย่ถึงจะหายโกรธ ข้าไม่ได้ตั้งใจนี่นา"
"ไม่ ไม่ใช่ เจ้าน่ะตั้งใจเลย เอาหน้าไปซุกแล้วดมยังไม่พอยังกะกอดแล้วดึงเสื้อขาดอีก เจ้าไปนั่งนิ่ง ๆ คิดเลยทำอย่างไรนายท่านจึงจะหายโกรธ"
ลู่หลานเมินหน้าหนี ซูหนี่เดินคอตกออกมาจากสวนชา เดินไปตามทางแล้วนั่งลงที่ม้านั่งพลางถอนหายใจ
"แล้วข้าต้องทำเยี่ยงไรเล่าท่านเย่ถึงจะหายโกรธ"
ซูหนี่พูดพลางหันไปมองหน้าห้องของเย่ไหลเซียง แล้วก้มหน้าต่อถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า
ตกค่ำลู่หลานกลายร่างกลับเป็นผีเสื้อกลางคืนแล้วบินไปนอนที่รังบนต้นไม้ เพราะโมโหเลยไม่คุยกับซูหนี่ ปล่อยให้นางนั่งตากน้ำค้างเพียงลำพังที่ในสวนเพราะอาหารเย็นจึงทำให้ซูหนี่นั่งกอดตัวเองแต่ไม่ยอมเข้าไปหลบที่ไหน นั่งกอดตัวเองอยู่ด้านหน้าห้องของเย่ไหลเซียง คนด้านในได้ยินเสียงจามนับครั้งไม่ถ้วนของคนที่อยู่ด้านนอกจนค่อนคืนไปแล้วยังได้ยินเสียง นางจึงเดินมาเปิดประตูยืนดู
ซูหนี่เผลอหลับฟุบไปหน้าห้องของนางในท่านั่งกอดเข่าแล้วเอาหน้าซบฟุบหลับไป เย่ไหลเซียงเดินออกมาแล้วนั่งลงมองจ้องไปที่ซูหนี่
"เจ้าโง่อย่างที่ลู่หลานพูดจริง ๆ นั่นแหล่ะ เป็นจิ้งจอกมีขนปกป้องตนเองที่อบอุ่น ดันมานั่งหนาวด้วยร่างนี้"
เย่ไหลเซียงส่ายหน้าก่อนเอื้อมมือเข้าไปอุ้มร่างเล็กบอบบางนั้นขึ้นมา ก้มมองหน้าคนที่เอาหน้าซุกเข้ากับอกแล้วยิ้มราวกับเด็กน้อยนางส่ายหน้า ก่อนเดินเข้าไปในห้องของนางเองแล้ววางจิ้งจอกน้อยบนเตียงอย่างเบามือก่อนดึงผ้าขึ้นมาห่มให้
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 27
Comments
ฟิวแห่งแสงจันทรายามค่ำคืน☆
อัพ~
2023-06-12
1