รุ่นพี่เย็นชาคนนั้นเป็นรูมเมทของผม
ตลาดกลางคืน
แสงแดดของพระอาทิตย์ในยามเย็นสาดส่องเข้ามาผ่านตัวตึกรามบ้านช่อง ราวกับแสงสีทองที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นยามเมื่อแสงนั้นต้องกับผิวเนื้อที่โผล่พ้นออกมาจากเนื้อผ้า
ผมยืนจ้องมองประตูทางเข้าที่จะนำไปสู่อีกด้านหนึ่งที่แตกต่าง ก่อนจะต้องหลุดออกจากภวังค์ความคิดนั้น แล้วหันไปหาเสียงเรียกของคนที่จะมาร่วมเดินเล่นด้วยกันในคืนนี้
เรนบอกพร้อมกับยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาไปด้วย แล้วก็มองหน้าผมไปด้วย
ผมมาถึงสถานที่นัดหมายก่อนเรนแค่ไม่กี่นาที ที่ๆผมอยู่ตอนนี้คือทางเข้าของตลาดกลางคืน
ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟฟ้าแบบ4ล้อที่ผมเช่ามานั้นไม่นานเท่าไหร่นัก แต่ถ้าเดินมาผมว่ามีขาลากอยู่เหมือนกัน
บลู
อันนี้คือมาเดินเล่นอย่างเดียวหรอ
เรน
เรนว่าจะมาหาข้าวเย็นกินด้วย
เรน
บลูก็ยังไม่ได้กินอะไรมาใช่มั้ย
เรน
ระหว่างเดินเล่นเราถูกใจร้านไหนก็เข้าร้านนั้นแล้วกัน
ผมตอบกลับไปอย่างตามใจ เพราะพึ่งเคยมาเดินตลาดกลางคืนอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก ขนาดเมื่อตอนอยู่ที่แผ่นดินใหญ่ นอกจากห้องตัวเองผมก็ไม่เคยออกไปไหนหรอก
หมกตัวอ่านหนังสืออยู่คนเดียวเงียบๆ บอกตามตรง รู้สึกสบายใจกว่าตอนอยู่ในที่ๆคนพลุกพล่านมากกว่าเยอะเลย
เรน
คนเริ่มทยอยมากันเยอะแล้วแหะ
ผมตอบรับพลางยิ้มบางเบา ก่อนจะออกตัวเดินตามเรนไปอย่างไม่เรื่องมาก
เราสองคนเดินไหลไปกับผู้คนมากมายที่กำลังไปยังจุดหมายเดียวกัน นั่นคืออีกด้านของประตู
โชคดีหน่อยที่คนไม่ได้เยอะมากจนทำให้รู้สึกอึดอัด ในใจผมนี่แอบปลื้มเลย คิดว่าดีแล้วล่ะที่เป็นแบบนี้ เพราะผมยังต้องอยู่ที่นี่ไปอีก1ปีเลยนะ
และส่วนใหญ่ที่มาเดินตลาดกลางคืนกันก็มีแต่พวกเด็กๆวัยรุ่นที่เข้าเกาะมาพร้อมกับผมทั้งนั้นเลย
เสียงของคนข้างกายเรียกให้ผมจำต้องละสายตาจากกลุ่มคนมากมาย แล้วหันไปมองเบื้องหน้าของตนแทน
ทันทีที่เดินผ่านพ้นประตูทางเข้าเข้ามา สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าก็ทำเอาผมและเพื่อนที่อยู่ข้างกายตาค้างไปตามๆกัน
แม้ว่าผมจะไม่ได้พูดอะไรออกไป แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าตามคำพูดนั้นของเรนอย่างเลื่อนลอย
นี่มันไม่ใช่หมู่เกาะเล็กๆทั่วไปที่อยู่ติดกันแล้ว
มันเหมือนเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่ลอยตัวอยู่กลางทะเลเลย
ตั้งแต่มาถึงเกาะโอลิเวอร์เมื่อช่วงประมาณเที่ยงของวันนี้ สิ่งปลูกสร้างแต่ละอย่างที่ผมเห็นและกะเอาจากสายตาก็รู้เลยว่ามันกินพื้นที่บนเกาะนี้ไปเยอะมากขนาดไหน
เรน
นี่มันเหมือนหลุดมาอยู่อีกโลกนึงเลยอ่ะ
เรน
ภาพวิวทิวทัศน์ตอนนี้มันผิดกับตอนที่อยู่ตรงท่าเรืออีก
บลู
คิดถูกจริงๆที่ตามเรนมาด้วย
เรน
เรนได้ยินมาว่าที่นี่จะเปิดให้เข้าแค่อาทิตย์ละครั้งเท่านั้นนะ
เรน
ถ้างั้นเรามาที่นี่กันทุกอาทิตย์เลยดีมั้ย
เรน
อีกสองวันเราถึงจะได้เข้าเรียนกันอย่างจริงจัง
เรน
จนถึงตอนนั้นอาจจะมีเพื่อนเพิ่มเข้ามาสักคนสองคนก็ได้มั้ง
ในระหว่างที่ผมกำลังเหม่อลอยและคิดตามคำพูดของเรนอยู่นั้น จู่ๆมือข้างหนึ่งก็ถูกกอบกุมเอาไว้โดยคนข้างกาย เล่นทำเอาผมตกใจจนเผลอยื้อมือตัวเองกลับคืนมา
เป็นแบบนี้ทุกทีแหละตัวผม ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่ชอบให้ใครมาแตะเนื้อต้องตัว
จะบอกยังไงดี คือร่างกายของผมมันค่อนข้างอ่อนไหวง่าย แล้วก็ไวต่อสัมผัสด้วย
ใครมาแตะเนื้อต้องตัวหน่อยไม่ได้เลย มันทำให้ผมรู้สึกขนลุกยังไงก็ไม่รู้
เรน
เดี๋ยวลองเดินดูร้านอาหารแถวนี้ก่อน
เรน
ถ้าไม่ถูกใจยังไงค่อยเดินเข้าไปดูข้างในอีก
ผมตอบรับเสียงอ่อน เพราะเมื่อกี้ก็เผลอทำตัวไม่ดีใส่เรนไปซะได้ แต่ก็ดีแล้วที่ไม่ได้สะบัดมือเขาออกอย่างรุนแรง ไม่งั้นผมคงรู้สึกผิดมากกว่านี้แน่
ตอนนี้เป็นเวลา2ทุ่มครึ่งแล้ว ผมกับเรนออกตระเวนเดินหาร้านอาหารอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงเลย จนในที่สุดก็ได้ร้านที่ต้องการ
ไม่ใช่ว่าร้านอื่นไม่ดีนะ แต่เราเลือกไม่ได้เองมากกว่า แล้วส่วนใหญ่คนก็เยอะเกินไปจนผมไม่อยากจะย่างกรายเข้าไปเท่าไหร่นัก เลยทำตัวเรื่องมากขอให้เรนเปลี่ยนร้านมาหลายร้านเลย
คงมีแค่เรื่องนี้ที่ผมอยากลองตามใจตัวเองดูบ้าง
ถ้าจะให้ไปนั่งเบียดกับคนอื่น ผมยอมอดข้าวเลยดีกว่า
เรน
หรือว่าบลูอยากจะกลับแล้ว
หลังจากที่กินข้าวเสร็จ เราทั้งคู่ก็ออกมาเดินเล่นกันตามแพลนที่วางไว้ก่อนหน้านี้
โชคดีหน่อยที่ตรงบริเวณที่พวกผมเดินอยู่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านมากนัก
ส่วนใหญ่น่าจะกลับบ้านพักกันไปแล้ว
บลู
เดี๋ยวบลูอยู่เป็นเพื่อนก็ได้นะ
เรน
เรนก็ว่าจะกลับแล้วเหมือนกัน
เรน
เรนเช่ารถไฟฟ้าแบบ3ล้อมาน่ะ
เรน
แต่เรนคิดว่าถ้าเดินเท้ามาคงกินเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงแน่
ผมพูดขำๆ พลางคิดตามที่อีกคนพูดไปด้วย
ในขณะเดียวกัน สองขาก็ก้าวยาวๆเดินตามคนตรงหน้าไปด้วยความเร่งรีบ
ด้วยส่วนสูงที่แตกต่าง ทำให้ผมจำต้องเร่งฝีเท้าของตัวเองให้เร็วขึ้นมาหน่อย เพราะเดี๋ยวจะตามเรนไม่ทัน
เขาลืมรึเปล่าว่าตัวเองสูงแล้วเดินโคตรเร็วเลย
เสียงร้องเตือนที่ดังมาจากทางด้านหลังเรียกให้ผมหยุดชะงักฝีเท้าของตัวเองลง
ผมหันหลังกลับไปมองด้วยความสงสัย เพราะไม่รู้ว่าเสียงเตือนที่ว่านั้น เขากำลังพูดบอกผมหรือว่าบอกใคร
เพราะแถวนี้ก็ไม่ได้มีแค่ผมกับเรนอยู่กันสองคนซะด้วยสิ
เรนที่หยุดเดินเพราะเห็นว่าผมไม่ได้ตามหลังเขาไป รีบตะโกนบอกบางอย่างที่ผมยังไม่เข้าใจ
แต่ก่อนที่จะได้ถามให้รู้แน่ชัด ก็มีบางอย่างพุ่งเข้ามากระแทกที่กลางลำตัวผมอย่างแรง จนร่างทั้งร่างเซถอยหลังไปอย่างควบคุมไม่อยู่
ผมเสียการทรงตัวครับตอนนี้ และคาดว่ากำลังจะล้มอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ที่มันพีคกว่านั้นก็คือ..
ด้านหลังของผมมันดันเป็นแม่น้ำเนี่ยสิ!
นั่นคือสัมผัสแรกที่ผมรู้สึกได้
ความเย็นของน้ำไหลแทรกซึมเข้าสู่ผิวหนังอย่างรวดเร็ว และความรู้สึกต่อมาก็คือ....หนาวครับ นี่ดีนะที่ผมว่ายน้ำเป็น ไม่งั้นคงต้องลำบากให้คนอื่นมาช่วยอีกแรงแล้ว
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเรนที่ถามด้วยท่าทีร้อนรน สีหน้าของเขาแสดงออกมาชัดเจนเลยว่ากำลังเป็นห่วงผมจากใจจริง
ส่วนผมก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาแทนการพูดออกไป เพราะเมื่อกี้ก็สำลักน้ำไปซะเยอะ
ในตอนนั้นเองที่ความสงสัยเริ่มคลี่คลาย สายตาของผมเหลือบไปเห็นว่าข้างกายของเรนมีเด็กคนนึงยืนทำหน้าสำนึกผิดอยู่ด้วย
ใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นก้มลงหลบสายตาของผม ส่วนมือทั้งสองข้างก็กอบกุมกันเอาไว้ด้านหน้าราวกับกลัวความผิด
ผมไม่ตอบ แต่ยื่นมือขึ้นไปจับมือของเรนเอาไว้ ก่อนที่เขาจะช่วยดึงผมขึ้นไปอย่างง่ายดาย
👤 : ไอ้หนุ่ม เอ็งไม่เป็นอะไรนะ
👤 : ขอโทษจริงๆ ที่ไอ้ลูกชายตัวดีของฉันมันเล่นซนไปหน่อย
👤 : เตือนแล้วไม่ฟัง วิ่งเล่นจนได้เรื่อง
บลู
เป็นผมเองที่มายืนขวางทาง
บลู
เด็กคนนั้นไม่ผิดหรอกครับ
เรนส่ายหน้าอย่างเอือมระอาให้กับความใจดีของผม ส่วนผมทำอะไรน่ะหรอ?
ก็แค่ส่งยิ้มแห้งๆกลับไปให้เขาก็เท่านั้นแหละ
ทำไงได้ล่ะ ก็ผมไม่อยากให้เรื่องมันวุ่นวายไปมากกว่านี้นี่นา
แค่นี้ก็ตกเป็นเป้าสายตาจะแย่แล้ว ผมอึดอัดนะ ไม่ชอบสายตาที่คนพวกนั้นมองมาเลย
เรน
มาวันแรกก็เกิดเรื่องซะแล้ว
บลู
ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่
ท่าทางเหนื่อยใจของเรนไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองคิดนั้นผิดเลยสักนิด
จะอะไรซะอีก ก็นิสัยของผมเป็นแบบนี้อยู่แล้วนี่ครับ😅
ผมกลับมาถึงบ้านพักโดยปลอดภัย
ตลอดทางที่ขับรถกลับมา รู้สึกเหมือนร่างจะพังให้ได้เลย
ตอนกลางคืนแบบนี้อากาศจะเย็นลงจนผมรู้สึกได้ แล้วสภาพผมตอนนี้คือเปียกชุ่มไปด้วยน้ำที่ยังไม่แห้งดี
หยดน้ำยังคงตกกระทบลงบนพื้นหยดแล้วหยดเล่า
เล่นเอาซะผมรู้สึกเหนียวตัวจนอยากจะขึ้นไปอาบน้ำเร็วๆแล้วตอนนี้
แต่ในจังหวะที่เปิดประตูแล้วขากำลังจะก้าวเข้าไปในบ้านนั่นเอง
เสียงจากบุคคลที่ผมไม่คิดว่าจะเจอกันก็ดังขึ้นเรียกสติผมที่กำลังกระเจิงให้กลับคืนมาโดยฉับพลัน
บลู
ที่บอกว่าให้ออกไปนี่..
เพย์ตัน
สภาพแบบนั้นยังจะกล้าเข้ามาในบ้านอีก
ผมก้มลงมองตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาตาปริบๆ
ก็จริงอยู่ที่ตัวผมมันเปียก แต่ผมก็กำลังจะขึ้นไปอาบน้ำเพื่อเปลี่ยนชุดนี่ไง
เพย์ตัน
ถ้าจะเข้ามาก็ไปทำตัวเองให้แห้งก่อน
ผมนี่ไม่รู้จะพูดยังไงเลย ได้แต่ยืนค้างอยู่ตรงประตูหน้าบ้านอยู่อย่างนั้น
ส่วนคนที่พูดประโยคเมื่อสักครู่ก็นั่งจ้องหน้าผมอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นอย่างสบายใจเฉิบ
บลู
ผมต้องขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบนห้องนะครับ
เพย์ตัน
ฉันไม่อยากให้บ้านมันเลอะ
เพย์ตัน
ขี้เกียจทำความสะอาด
บลู
ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ
บลู
กว่าตัวผมจะแห้งก็คงอีกนานเลย
เพย์ตัน
ถ้างั้นนายก็ถอดเสื้อผ้ากองไว้หน้าบ้านนั่นแหละ
บลู
จะให้ผมแก้ผ้าเข้าบ้านหรอ
เพย์ตัน
นั่นแหละที่ฉันจะพูด
Comments