เหตุเกิดเมื่อกลายเป็นเลขา ( อ่านฟรี )
"หะ! พ่อว่ายังไงนะ” ฉันเปล่งเสียงที่เรียกว่าความดังนี้ยิ่งกว่ามลพิษทางเสียงที่เกินกำหนดและอันตรายต่อรูหูท่านผู้ฟังเป็นอย่างมาก
"พ่อจะให้แกไปช่วยทำงานที่บริษัทของเพื่อนพ่อ" พ่อของฉันพูดพร้อมทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้
"ไปช่วยทำไมต้องไปช่วยด้วยตอนนี้หนูก็ทำหน้าที่บริหารแทนพ่ออยู่แล้ว ถ้าหนูไปแล้วใครจะดูบริษัทแทนพ่อละคะ" ฉันพยายามแย้งหลังจากเราเถียงกันมาถึงสามสี่วันแล้ว
"เดี่ยวพ่อเข้าไปดูแลเอง แกก็ไปดูงานเสร็จกลับมาจะได้มาดูแลบริษัทต่อยังไงละ...ไปพัก ๆ ดูงานมั้งเถอะแกนะอายุปูนนี้ละยังไม่มีครอบครัวเป็นฝั่งเป็นฝาเอาแต่ทำงานงก ๆ อยู่ได้"
แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องนี้ตรงไหนคะคุณพ่อที่รักกกกก!!!! ಠ_ಠ
"เอ้า พ่อก็หนูไม่เจอคนที่ชอบนิ...เจอคนที่ใช่เดี่ยวมันก็ใช่เองแหละ"
"แล้วเมื่อไหร่แกจะเจอ...จนอายุแกเท่าไหร่แล้ว แกยังไม่เจอเลยไม่ใช่ว่าแกยังคิดถึงไอ้หนุ่มคนนั้นหรือไง"
"......" ฉันไม่กล้าตอบและได้แต่หลบตาของพ่อที่มองมาทางฉันอย่างจับผิด
"เห็นไหมละว่าแกยังไม่ลืมเขาตัดใจสะเถอะเขาแต่งงานใหม่ลืมแกไปหมดแล้วเหลือแต่แกเนี้ยแหละที่ยังจมปลักไม่เลิก"
"พ่ออ่า!!"
"ไม่ต้องเถียง!!! พรุ่งนี้เข้าไปที่บริษัทของเพื่อนพ่อเลยไปเรียนงานเป็นเลขาส่วนตัวให้กับลูกชายของเขา"
"หะ! ลูกชาย!!!"
"ใช่ เขาชื่อเจอาร์เป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่มีธุรกิจหลายร้อยล้านและเป็นที่จับตามองเขาเป็นลูกของเพื่อนพ่อเอง"
"แล้วให้หนูที่เป็นผู้บริหาร...ไปฝึกงานเป็นแค่เลขาเด็กน้อยงั้นหรอ" ไอ่เด็กโข่งหอยขมมม
"แกอย่าดูถูกเขาเชียวนะ...เขามีประสบการณ์มากมายที่แกยังไม่มีไปศึกษามาสะ แล้วเลิกเถียงกับฉันเรื่องนี้สักที" พ่อลุกขึ้นและเดินออกจากห้องทำงานของฉันไปอย่างไม่ตอบโต้อะไรใด ๆ กลับมา หน็อย! คุณพ่อนะพอลูกเถียงไม่ได้หน่อยละก็เอาใหญ่เลยนะหึ้ย ให้มันได้อย่างนี้สิอารมณ์เสียจริงๆ อารมณ์ไม่ดีอย่างดีต้องทำยังไงให้อารมณ์ดีขึ้นดีละเนี้ย
ก๊อกๆ (เสียงเคาะประตู)
"เข้ามาค่ะ"
"มีเอกสารให้เซ็นค่ะคุณโดโรธี" พี่น้ำหวานนั้นเองเลขาส่วนตัวของฉันเราสนิทกันตั้งแต่สมัยที่ฉันยังเด็กๆ พี่เขาทำงานที่นี้ตั้งแต่นานแล้วเราก็ค่อนข้างที่จะสนิทกันมากอยู่
"พี่คะ..พี่รู้จักคนที่ชื่อเจอาร์มั้งไหมคะ"
"เจอาร์หรอคะ...ที่เป็นนักธุรกิจหรอคะ"
"ใช่ค่ะ"
"รู้จักมาบ้างค่ะ เขาลงนิตยาสารหลายเล่มอยู่เหมือนกันนะคะเกี่ยวกับวัยรุ่นที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจหน้าตาดีเหมือนกันนะคะ"
"งั้นหรอคะ"
"ทำไมหรอคะ"
"อ่อ เปล่าค่ะ" จากนั้นพี่น้ำหวานก็เดินออกจากห้องไปทำไมฉันต้องไปทำหน้าที่เป็นเลขาของนายนั้นด้วยนะไม่เข้าใจเลยจริงๆ พ่อคิดอะไรของเขาอยู่นะ อีกไม่นานก็จะเลิกงานแล้วตรวจความเรียบร้อยของงานวันพรุ่งนี้ก่อนแล้วกันหลังจากที่ฉันได้ทำการตรวจงานจนเสร็จเรียบร้อยก็เลยเดินออกจาห้องมาเพื่อที่จะกลับบ้าน
"กลับแล้วหรอ" พี่น้ำหวานทักฉัน
"กลับแล้วค่ะ พี่ละคะ"
"พี่กำลังจะกลับแล้วเหมือนกันค่ะ"
"นั้นกลับบ้านดีๆ นะคะ"
"จ้า" จากนั้นฉันก็เดินออกมาจากตึกที่ทำงานและเดินตรงไปยังรถสุดหวงของฉันฉันตั้งหน้าเก็บเงินเดือนของตัวเองซื้อมาด้วยตัวเองเลยแหละ เป็นถึงผู้บริหารขนาดนี้ไม่ใช่ว่าไม่มีเงินเดือนนะจ้ะ เราเองก็มีเงินเดือนของเราไม่ไปยุ่งกับเงินกองกลางเหมือนกันระหว่างที่ฉันกำลังขับรถกลับบ้านอันแสนสุขของฉันใจเจ้าเอยดันนึกอยากกินร้านชาไข่มุกตรงหัวมุมตรงนี้ขึ้นมาได้เลยต้องมาเสียเวลาวนรถหาที่จอดรถไปอีก
ร้าน Tea cuppu
"รับอะไรดีคะ"
"เอาชานมโกโก้พุดดิ่งนมสดนะคะ" ฉันสั่ง
"รอสักครู่นะคะ" ฉันเดินเข้าไปในร้านเพราะว่าร้านนี้ไม่ได้มีดีแค่ชาไข่มุกเท่านั้น ทั้งของหวานทั้งอาหารเอยก็อร่อยทั้งนั้นเลย และแล้วฉันก็ไปสะดุดตาที่ทาร์ตไข่เข้าน่ากินจังเลย ('・ω・')
"ทาร์ตไข่นี้เพิ่งลองทำหรอคะพอดีมาทานบ่อยๆ ไม่เคยเห็นเลย"
"ใช่คะทางร้านเพิ่งลองค่ะ...ลองดูไหมคะกล่องสุดท้ายแล้วนะคะ" กล่องสุดท้ายแล้วด้วยอ่ายอมไม่ได้ต้องได้กินเท่านั้น
"นั้นรับหนึ่งกล่องค่ะ"
"ซื้อทาร์ตไข่หนึ่งกล่องครับ" ฉันหันไปทางปลายเสียงพอดีใครบังอาจมาแย่งขนมของฉันนี้ฉันเพิ่งจะได้ลองกินและฉันสั่งก่อนนะแต่ทว่าก็ต้องตกตะลึงเมื่อหันไปพบกับใครบางคน
"พีท"
"โดโรธี" ฉันหลบสายตาของเขาทันทีที่ เขามองหน้าของฉันเอาไงดีทาร์ตก็จะกิน คนก็จะหนีจะเลือกอะไรก่อนกินหรืออยู่ จะอยู่เพื่อกินหรือกินเพื่ออยู่
(ーー;)
"ลูกค้าตอนนี้เหลือเพียงกล่องเดียวค่ะ" พนักงานบอก
"นั้นให้เขาไปแล้วกันครับ"
"ไม่เป็นไรค่ะ...ถ้าเขาอยากได้ก็ให้เขาเอาไปเถอะค่ะ" ฉันพูดแล้วยิ้มให้เขาอย่างเยือกเย็นเป็นน้ำแข็งขั๋วโลกใต้ที่สุด ถึงแม้ในใจจะเจ็บจี๊ดซี๊ดซ๊าดเพียงใดก็ตาม ฉันเดินไปจ่ายเงินและรับชาไข่มุกมาและรีบเดินออกจากร้านอย่างว่องไวแต่ทว่าก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่ฉันน่าจะเดาออกว่าคือใครวิ่งตามมาด้วย และฉันเองก็พยายามสับขาหนีจนคนแถวนั้นหันมามองอย่างสนอกสนใจ
"เดี่ยว!" เขาวิ่งมาดักหน้าฉันนี้ไม่ใช่หนังอินเดียที่ต้องมาวิ่งวนหากันนะ ไม่อายเขาบ้างหรือไง
"มีอะไรอีก" ฉันถามเขาอย่างเย็นชา
"เธอนะ...หายไปไหนโทรไปก็ไม่ติดเปลี่ยนเบอร์ใหม่ติดต่อก็ไม่ได้"
"แล้วทำไมนายจะต้องมาอยากติดต่อฉันด้วย" ฉันพยายามเดินต่อแต่เขาเอาตัวของเขามาบังเอาไว้
"เพราะว่าฉัน..."
"พอเถอะอย่าให้มันยากไปมากกว่านี้เลยนะเรื่องมันก็ผ่านมานานละยังจะเอาอะไรอีก..แค่นี้ฉันว่ามันก็ยากมากพอแล้วสำหรับนายอาจจะไม่แต่สำหรับฉันมันยาก"
"ฉันขอโทษ"
ขอโทษหา พ*องงงงเธอหรืออออ
"นายขอโทษฉันมาเป็นร้อยเป็นพันครั้งแล้วนายรู้ตัวไหม.." เสียงของฉันเริ่มอู้อี้จมูกของฉันเริ่มตันตาของฉันมันเริ่มร้อนขึ้นมาน้ำตาของฉันมันเอ่อท่วมเบ้าตาของฉันอย่างไม่ได้ตั้งใจ
"ฉันแค่..."
"นายแค่ต้องออกไปจากตรงนี้แล้วหายไปจากชีวิตของฉันสะ" ฉันผลักเขาอกให้พ้นทางและเดินหน้าต่อโดยไม่หันหลังไปสนใจเขาน้ำตาเจ้ากรรมดันไหลออกมาไม่รู้ตัวฉันค่อยๆ เอามือปาดออก
"ถ้าฉันเลิกกับเขาเธอจะกลับมาไหม" ฉันหยุดเดินชะงักและหันกลับไปหาเขา
"ฉันไม่อยากได้นาย...ไม่ว่ายังไงก็ไม่อยากอยู่ใกล้นายอีก" ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะยังลืมเขาได้ไม่สนิทใจแต่ฉันก็ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากและฉันไม่อยากต้องกลับไปเป็นแบบนั้นอีกขอผ่านแล้วกันนะ ฉันคงทนเห็นตัวเองในสภาพเหมือนเมื่อหลายปีก่อนไม่ได้หรอก ฉันเดินมาจนถึงรถของฉันอย่างสะบักสะบอมเหมือนโดนคนต่อยมานี้มันบัดซบชัดๆ ชีวิตของฉัน ต้องไปดูงานเป็นเลขาให้เด็กน้อยไม่พอแถมยังต้องมาเจอแฟนเก่าอีกมีอะไรที่วินาศมากกว่านี้ไหมฉันนั่งตั้งสติตัวเองอยู่ในรถสักพักก่อนที่จะขับรถออกไปช้าๆ จนถึงบ้านของฉัน
Dorotie's house
"กลับมาแล้วค่ะ"
"กลับมาแล้วหรอยัยธี" เสียงของพ่อฉันนั้นเอง
"ค่ะ" ฉันนั่งลงที่โซฟาแล้ววางชาไข่มุกไว้บนโต๊ะหน้าทีวี
"เป็นอะไรทำหน้าเหมือนมีหมาเน่าตายหน้าบ้าน" นั้นปากหรอพ่อ -*-
"มันไม่ได้มาเน่าตายหน้าบ้านนะสิคะ..แต่มันมเน่าตายในชีวิตของหนูนี่สิ"
"นี่อย่าบอกฉันนะว่าแกไปเจอ.."
"...." ฉันไม่ตอบแต่พยักหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นคำตอบให้พ่อแทน
"เห้อ...ฉันอุสาตัดการติดต่อทุกอย่างแล้วแกก็ยังไปเจอมันได้"
"เราบังเอิญเจอกันไม่ได้ตั้งใจนค่ะพ่อ หนูไม่ได้อยากจะเจอหน้ามันสักหน่อย"
"ช่างมันเถอะลูก...เรื่องที่ผ่านมาแล้วให้มันผ่านไปเถอะนะเรามาเริ่มต้นเรื่องใหม่ๆ ชีวิตใหม่ๆ กันเถอะนะ"
"ค่ะพ่อ" ฉันซบไหล่ของพ่อฉัน เราสองคนทานข้าวเย็นด้วยกันและฉันก็อาบน้ำขึ้นห้องนอนของตัวเองเรียบร้อย ฉันกำลังอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสำหรับงานของตัวเองในวันพรุ่งนี้และเตรียมชุดสำหรับงานวันพรุ่งนี้เช้าให้เรียบร้อย หลังจากที่ฉันปิดไฟและมาทิ้งตัวลงนอนที่เตียง
'ผมขอโทษ...ผมรักเขาไปแล้ว'
คำพูดนี้มันยังดังก้องอยู่ในหัวของฉันจนถึงทุกวันนี้ ทำยังไงต้องทำยังไงถึงจะลืมเรื่องพวกนี้ไปให้หมดสะนะ
กริ๊งงงงงงงงง!!!! (เสียงนาฬิกาปลุก)
ฉันลุกขึ้นมาตอนเช้าเวลาหกโมงของทุกวันเพื่อเตรียมตัวที่จะไปทำงานในเช้าของทุกๆ วัน ฉันใช้เวลาในการอาบน้ำแต่งตัวเพียงไม่นานด้วยความที่เป็นคนตัวสูงใส่อะไรก็สวยไปหมดนั้นแหละ ชมตัวเองหน่อยเถอะนะ ^0^ ฉันเดินลงมาข้างล่างเพื่อทานอาหารเช้า
"พร้อมหรือยัง" พ่อฉันถามหลังจากที่ฉันนั่งลงที่โต๊ะกินข้าว
"พร้อมค่ะ..นานเท่าไหร่คะที่หนนูฝึก"
"ก็จนกว่าฉันจะอนุญาตให้แกกลับมา"
"อ้าว...แล้วยังงี่หนูจะรู้ไหมว่าต้องทำยังไง"
"ไม่ต้องทำยังไงหรอกทำงานของแกต่อไป...ไม่นานหรอก"
"อื้ม.." เราสองคนตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารเช้าอย่างรวดเร็วเพราะว่าเราทั้งสองต่างก็มีงานที่ต้องทำในตอนเช้าซึ่งวันนี้เป็นวันแรกที่ฉันจะต้องไปทำงานเป็นเลขาให้กับเขาลูกชายของเพื่อนพ่อคนนั้นที่ชื่อ เจอาร์ สินะ
ฉันเดินเข้ามาในบริษัทที่ไม่คุ้นเคย ที่ทำงานใหม่ของฉันอยู่ไม่ห่างจากที่ทำงานเดิมมากเท่าไหร่เนื่องจากเป็นหุ้นส่วนกันเลยจัดตั้งบริษัทที่อยู่ไม่ห่างจากกันมากสินะ
"สวัสดีค่ะมาหาใครคะ" พนักงานชั้นล่างถามฉันก่อนที่ฉันจะเดินขึ้นไปในส่วนของพนักงาน
"ฉันชื่อโดโรธี..ฉันมาติดต่อทำงานเป็นเลขาวันแรกค่ะ"
"อ่อ คุณโดโรธีเชิญทางนี้เลยค่ะ" จากนั้นพนักงานสาวสวยคนนั้นก็เดินพาฉันมาที่ห้องๆ หนึ่งที่เขียนแปะหน้าห้องว่า ห้องรับรองแขก
"ท่านคะ คุณโดโรธีมาแล้วค่ะ" พนักงานพูดหลังจากที่เปิดประตูเข้าไป ฉันเดินตามเข้าไปและพบกับคุณลุงเพื่อนของคุณพ่อและชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา เด็กมากและที่สำคัญคือหน้าตาดีมากฉันยิ้มให้เขาทั้งสองและนั่งลงข้างหน้าของพวกเขา
"สวัสดีค่ะโดโรธีค่ะ" ฉันสวัสดีและแนะนำตัว
"แหมะ ไม่ต้องทำเป็นทางการขนาดนั้นก็ได้หนูโดคนกันเอง"
"ค่ะ" ฉันยิ้มให้คุณลุง
"ยังไม่ได้ทำคความรู้จักกันสินะนี่คือเจอาร์ลูกชายของลุงเองยังไงก็ช่วยดูแลเป็นเลขาให้หน่อยแล้วกันนะ"
"ได้ค่ะ"
"พอดีหาเลขาดีๆ ที่เข้ากับเจ้านี้ไม่ได้เลย มีกี่คนๆ ก็ไม่เข้าทางอยู่ได้ไม่นานเลยวานหนูมาทำให้ก่อนและพอหาได้เดี่ยวหนูก็กลับไปทำงานที่เดิมต่อได้" คุณลุงอธิบายแหมะพ่อฉันก็โอเวอร์ไม่บอกกันสักคำ ต้องโดนด่าแบบนี้มันน่านัก
"ครับ ผมเจอาร์ยินดีที่ได้ทำงานด้วยครับ"
"ค่ะ เช่นกันค่ะ" จากนั้นพวกเราทั้งหมดก็เดินออกาจากห้องและเดินไปยังห้องทำงานของเขาโดยโต๊ะของฉันจะอยู่ข้างนอกหน้าห้องของเขานั้นเองสภาพโต๊ะดูดีมากเกินความจำเป็นจริงๆ นะ ฉันเดินไปนั่งลงที่โต๊ะวางข้าวของยังไม่ทันถึงโต๊ะเสียงอันแข็งกระด่างก็ดังขึ้น
"ชงกาแฟมาให้ผมด้วย"
"หะ...กาแฟ ヽ (o_o) ノ "
"ใช่ ใส่นมหวานน้อย"
"ใส่นมหวานน้อย..." ไม่ทันที่ฉันจะพูดจบเขาก็ดินเข้าห้องไปทันที อะไรเด็กนี่ทำตัวไม่น่ารักเหมือนหน้าตาเลยเดี่ยวจะเอามือตบหูให้น้ำในหูไม่เท่ากันจริง ๆ (◉Д◉) ฉันเดินไปยังที่ชงกาแฟซึ่งอยู่ข้างหลังของชั้นนี้ชั้นนี้จะเป็นชั้นผู้บริหารเลยจะไม่มีพนักงานคนอื่นตรงนี้จะมีแค่ห้องของคุณลุงและห้องของเขาและเลขาอย่างฉันเท่านั้น
"ไหน นมนะ.." ฉันกำลังมองหานมเพื่อเอามาใส่ในกาแฟของเขานั้นเองฉันหยิบๆ จับๆ ใส่ๆ ไปอย่างลวกๆ เพราะว่าก็ไม่รู้ว่าจะอร่อยถูกปากหรือเปล่าปกติก็ได้แค่เติมนิดๆ หน่อยๆ แต่ละคนก็ดื่มเข้มหวานไม่เท่ากันอย่าเรื่องมากเลยเหอะเงินขนาดนี้ไปซื้อกินวะ ฉันคิดในใจและยกแก้วกาแฟเข้าไปในห้องของเขา
"นี่ค่ะ กาแฟ" ฉันวางกาแฟลงบนโต๊ะของเขา
"อื้ม..." หื้มม...อื้มงั้นหรอนี่กะไม่ขอบคุณสักคำงั้นหรอ
"....."
"ยืนมองอะไรละออกไปสิ"
(▀ ̿Ĺ̯̿ ▀) ไอ่เด็กไม่มีมารยาทททท !!!!
"ค่ะๆ" เชี้ยไรวะเป็นบ้าปะเนี้นอากาศก็ไม่ร้อน ไม่แปลกที่จะไม่มีใครอยากทำงานให้ทำตัวแบบนี้ใครจะอยากทำงานให้ละขอบคุณสักคำก็ไม่มีผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ขี้ตูเอ๊ย!
ฉันเดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองเช็คคิวและตารางงานของเขาและปริ้นพิมพ์ลงเพื่อกันลืมและทำให้เรียบร้อย และง่ายต่อการทำงาน
"เอ๊ย! นี่มันคิววันนี้นิ" ฉันหยิบกระดาษขึ้นมาดูคิวตอนบ่ายหนึ่งครึ่งที่โรงแรมรอยัลเพรซ โรงแรมในเครือของพีทนิ....ทำไมโลกมันจะต้องกลมขนาดนี้พระเจ้าไม่เข้าข้างเอาสะเลยนะฉัน
ใจเย็นๆ โดโรธีอาจจะคนละคนไม่มีอะไรหรอกมั้งผู้บริหารมีตั้งหลายคนใจเย็นๆ พระเจ้าต้องเห็นใจเราแน่นอน T^T หวังว่านะ ฉันจัดการตั้งสติของตัวเองก่อนที่จะจัดเตรียมเอกสารในการคุยกับลูกค้าวันนี้และหลักฐานการพบลูกค้าของวันนี้ใส่แฟ้มให้เรียบร้อย ฉันเดินไปที่หน้าประตูและเคาะประตูห้องของเขา
ก๊อกๆ
"เข้ามา" เสียงของเขาตอบรับอนุญาตและฉันจึงเดินถือเอกสารต่างๆ เดินเข้าไป
"นี้เป็นรายการพบลูกค้าวันนี้ของคุณค่ะและนี้เป็นเนื้อหาการพบของลูกค้าของคุณค่ะ" ฉันวางแฟ้มทั้งหมดลงบนโต๊ะของเขาอย่างเป็นระเบียบ
"ผมเห็นละ...ทำงานเป็นระเบียบดียังไงก่อนถึงเวลานัดพบครึ่งชั่วโมงมาเตือนผมด้วย"
"ค่ะ" หลังจากนั้นฉันจึงยกเอกสารทั้งหมดกลับมาที่โต๊ะทำงานของฉันตอนนี้เพิ่งไม่กี่โมงเองและเราเองก็เคลียคิวงานของเขาเรียบร้อยแล้วด้วยอ่านหนังสือแทนแล้วกันนะระหว่างว่างๆ ฉันหยิบหนังสือออกมาจากกระเป๋าของฉันและเปิดอ่านต่ออย่างขมักเขม่นโดยไม่ลืมที่จะตั้งนาฬิกาเตือนเอาไว้กันลืม
ติ่ง ๆ ๆ ๆ (เสียงนาฬิกาเตือน)
ถึงเวลาแล้วสินะฉันลุกขึ้นไปเพื่อที่จะเตือนเขา
แกรก (เสียงเปิดประตู)
"เตรียมตัวพร้อมแล้วใช่ไหม"
"ค่ะ"
"เธอขับรถเป็นใช่ไหม"
"เป็นค่ะ" เขายื่นกุญแจรถมาให้ฉัน
"ขับให้ด้วย"
"ค่ะ...คะ" ฉันยืนอย่างงงๆ ก่อนที่จะต้องเดินตามเขาไปอย่างช่วยไม่ได้จนมาถึงที่รถของเขาแน่นอนว่าไม่ใช่รถราคาเบา ๆ แน่นอนฉันเดินเข้าไปนั่งฝั่งคนขับและวางเอกสารทั้งหมดไว้ที่เบาะหลังและเริ่มออกรถออกไปทันทีฉันดูสถานที่มาเรียบร้อยแล้วนั้นคือโรงแรมรอยัลเพรซที่ติดแม่น้ำสินะไกลพอตัวเหมือนกันนะเนี้ย
"เธอไปถูกหรอ"
"คะ...ค่ะไปถูกค่ะ"
"งั้นหรอก็ดี" อีตานี้น่าหงุดหงิดชะมัดปากก็เสียพูดจาไม่มีหางเสียงเอาสะเลยถึงแม้ว่าฉันจะมาเป็นแค่เลขาแต่ฉันก็อายุมากกว่าแล้วก็ประสบการณ์ชีวิตของฉันนะมากกว่าตั้งหลายเท่านะไอ่เด็กไก่ เดี่ยวก็แกล้งขับรถขึ้นฟุตบาตแม่งนิ
Royal Place Hotel
ฉันค่อยๆ จอดรถนานจอดรถอย่างระมัดระวังและลงจากรถไปพร้อมกับไอ้ชายที่หน้าบูดมาตลอดทางทำหน้าเหมือนไม่มีคนให้ข้าวกินยังงั้นแหละ (╯\=Д\=) ╯ เราทั้งสองคนเดินมาจนถึงประชาสัมพันธ์ของโรงแรมและให้บัตรนัดพบไปพยักงานเลยนำทางเราเข้าไปข้างในสำนักงานซึ้งอยู่ทางด้านบนของโรงแรมและเราทั้งสองก็ได้มานั่งรออยู่ในห้องที่ฉันคุ้ยเคยและคุ้นตานั้นคือห้องรับรองแขกฉันเคยมาที่นี้แต่ช่างเถอะฉันไม่อยากนึกถึงมัน...ภาวนาให้ไม่เจอเขาก็ดีแล้ว
ก๊อกๆ
เสียงประตูดังขึ้นไม่แน่ใจว่าระหว่างเสียงเคาะประตูกับเสียงหัวใจของฉันที่เต้นจนแทบจะกระเด็นออกมานี้อันไหนจะดังกว่ากันนะเนี้ยในระหว่างที่ฉันลุ้นอยู่นั้นเองประตูก็ค่อยๆ เปิดออกเหมือนสโลวโมชั่น
"สวัสดีครับคุณเจอาร์" เสียงของชายคนหนึ่งที่ฉันภาวนาว่าไม่อยากให้เป็นเขานั่นเอง
"สวัสดีครับคุณพีท" ฉันลุกขึ้นตามเจอาร์ที่ยืนขึ้นและจับมือกับพีทไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นเขาไม่มีส่งตัวแทนไปประชุมหรือไงนะ
"ฉัน...โดโรธีเลขาของเจอาร์ค่ะ" ฉันเงยหน้าขึ้นอย่างช่วยไม่ได้และเอื้อมมือไปจับมือกับเขา
"ไม่คิดเลยว่าจะเจอคุณที่นี้" เขาพูดพล่างยิ้มน้อยใส่ฉันเจอาร์หันมามองฉันแว่บนึงและก็ไม่ได้สนใจอะไรฉันได้แต่นั่งเงียบและให้เขาสองคนดีลงานกัน
"งั้นเอาเป็นว่าตกลงตามนี้นะครับคุณพีท"
"ครับ"
"...." ฉันซึ้งตอนนี้เอาแต่นั่งเงียบจดรายละเอียดของการพบปะลูกค้าอย่างละเอียดเพื่อเป็นข้อมูลไม่ให้ตกบกพร่องใดๆ
"ทำไมเอาแต่เงียบละครับเลขาของคุณ"
"ผมไม่ทราบครับ" เจอาร์ตอบอย่างไม่ใยดี เชอะใจคอนี้ไม่คิดจะอกปากช่วยกันบ้างเลยหรือยังไงย่ะ
"ฉันมาทำงานไม่ได้มามีธุระต้องคุยอะไรกับคุณนี่คะ"
"แต่ผมมี"
"งั้นก็ขอโทษด้วยแล้วกันนะครับเพราะตอนนี้เป็นเวลางานถ้าคุณอยากจุยกับเธอคงต้องเป็นเวลาอื่นไม่ใช่เวลานี้" เจอาร์พูดขึ้นมาทำให้บรรยากาศในห้องเงียบกริบเป็นป่าช้าที่รกร้างไปเลยทีเดียว
"งั้นหรอครับถ้าอย่างงั้นเดี่ยวผมขอเบอร์ติดต่อเลขาของคุณหน่อยจะได้ไหมครับ"
"นี่เป็นเวลางานนะคะ..เรื่องส่วนตัวของคุณขอให้ไปหาเอาที่อื่นเถอะนะคะ" ฉันพูดอย่างหมดความอดทนนี้ฉันกำลังทำงานอยู่นะทำไมเขาไม่คิดบ้าง
"ผมไม่อยากจะรู้มาก่อนเลยว่าคุณทำงานเป็นเลขาให้เขา"
"นั้นมันเรื่องของฉัน..ฉันจะเป็นแม่บ้านภารโรงพนักงานขับรถหรืออะไรก็ไม่เกี่ยวกับนาย"
"นั้นพวกเราขอตัวก่อนนะครับผมมาคุยแค่เรื่องงานไม่ได้มาเพื่อให้คนสองคนเคลียร์ปัญหากัน...กลับ" เขามองหน้าฉันอย่างเขม่งและพูดคำว่ากลับอย่างห้วนๆ แลดูน่ากลัวแปลกๆ เราทั้งสองคนเดินออกมาโดยไม่ได้พูดลาอะไรสักคำนี้หรอนักธุรกิจหลายล้านที่เขาว่าเก่งกันทำไมมารยาทสุดยอดแย่ขนาดนี้
"ถ้าคุณกำลังคิดว่าทำไมผมถึงมารยาทแย่กับลูกค้าคนนี้ละก็ผมว่าคุณคงเดาไม่อยาก"
"คะ.."
"เขาเสียมารยาทเขาควรจะคุยเรื่องงานไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของเขา..ผมไม่ชอบ" เขาทำท่าทางหงุดหงิดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดไปหงุดหงิดอะไรของเขา ไม่ได้ยุ่งเรื่องของเขาสักหน่อย อีตาบ้าแต่ที่เขาพูดก็ถูกนะ อื้มๆ เข้าใจได้
ฉันขับรถออกมาจากโรงแรมผีนรกนั้นโดยข้างในรถที่ก่อนหน้านี้เงียบอยู่แล้วทำให้ตอนนี้อึดอัดและเงียบหนักยิ่งกว่าเก่าะเอื้อมมือไปเปิดวิทยุก็ไม่ใช่รถของเราอีกฮือทำไมโลกถึงโหดร้ายกับคนสวยอย่างฉันขนาดนี้ T^T
"เดี่ยวผมจะกลับแลยไม่มีประชุมอะไรต่อแล้วใช่ไหม" เจอาร์ถามหลังจากที่ฉันวนรถมาจอดในตึกสำนักงานแล้ว
"ค่ะ..ไม่มีงานต่อแล้วค่ะ"
"งั้นคุณก็กลับเลยก็ได้ผมจะกลับแล้ว...ถ้าเกิดมีประชุมหรือใครติดต่อมาก็โทรมาหาผมนี้เบอร์ของผม" เขายื่นนามบัตรให้ฉัน ฉันเดินลงจากรถและขึ้นมาเอาของพร้อมจัดการงานอีกเล็กน้อยก่อนที่จะกลับบ้านพรุ่งนี้มีประชุมตอนสิบโมงตอนเย็นพรุ่งนี้มีทานข้าวกับลูกค้าที่นัดเอาไว้อีก
กริ้ง!!!!!
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะของฉันนั้นเองเป็นโทรศัพท์ของสำนักงานที่เป็นเบอร์หน้าห้องผู้บริหารใครโทรมาตอนนี้นะ
"สวัสดีค่ะโดโรธีพูดค่ะ"
(คุณโดโดรธี ค่ะดิฉันติดต่อมาจากสำนักงานข้างล่างนะคะ)
"ค่ะ"
(พอดีมีลูกค้าของคุณเจอาร์อ่ะค่ะต้องการเบอร์ของเลขาของคุณเจอาร์ค่ะ)
"อ่อได้ค่ะ096-000-0000 ค่ะ"
(ขอบคุณมากค่ะ)
"ยินดีค่ะ"
ฉันจัดการเก็บข้าวของและตารางการประชุมรายชื่อลูกค้าที่ต้องพบวันพรุ่งนี้ไปให้เรียบร้อยเย็นนี้แวะซื้อชาไข่มุกร้านเดิมดีไหมนะอยากกินจังเลยกินทุกวันขนาดนี้เขาไม่คิดจะให้กินฟงกินฟรีบ้างเลยหรือยังไงนะสงสัยจริงๆ มีเงินแล้วยังจะคิดเรื่องกินฟรีอีกนะเรารีบไปดีกว่าก่อนที่ร้านจะปิด ฉันขับรถมาจอดที่หน้าร้านชาไข่มุกโชคดีจังที่วันนี้มีที่จอดรถหน้าร้านเลยไม่ต้องเดินไกล
"สวัสดีค่ะวันนี้รับอะไรดีค่ะ"
"วันนี้เอาชามะลิพุดดิ่งนมสดค่ะ"
"รอสักครู่นะคะ"
"ค่ะ"
ฉันเดินไปนั่งรอที่โต๊ะเหมือนเดิมแล้วก็พบว่ามันยังมีทาร์ตไข่เหลืออยู่สองกล่อง
"พี่คะ..ทาร์ตไข่นี้มีคนซื้อหรือยังคะ"
"อ่อยังค่ะสนใจรับไหมคะ"
"เอาสองกล่องเลยค่ะ" ซื้อเก็บไว้ดีกว่าเผื่อวันพรุ่งนี้จะได้กินมีความสุขจังดีที่วันนี้ซื้อง่ายขายคล่องไม่มีแมลงวันมาก่อกวนจนถึงบ้านและฉันก็กลับมาท่านข้าวที่บ้าน
"อ้าว วันนี้พ่อยังไม่กลับบ้านหรอคะ" ฉันถามป้าแม่บ้านที่ทำงานที่บ้าน
"ค่ะเห็นคุณพ่อหนูบอกว่าจะไปงานเลี้ยงลูกค้าจะกลับมืดๆ ให้คุณหนูท่านข้าวก่อนได้เลยค่ะ"
"อื้ม...งั้นหรอ" ฉันเลยต้องกินข้าวคนเดียวอีกแล้วละสิเนี้ยหลังจากที่ฉันทานอาหารเย็นอย่างหว่าเหว่หัวใจแล้วฉันจึงขึ้นบ้านมาเพื่ออ่านหนังสือต่อนั้นเองฉันเป็นคนชอบอ่านหนังสือนะมันสนุกดี
[โทรศัพท์เข้ารับหน่อยจ้า!!!!!]
เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น
-090-000-0000-
เบอร์ใครนะ น่าจะเป็นลูกค้าที่ขอเบอร์ไปเมื่อเย็นสินะ
"สวัสดีค่ะ"
(นี่ผมเอง...จำได้หรือเปล่า)
"นี่นายอีกแล้วหรอ!"
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments