ตอนที่ 4

โรงพยาบาล

"แค่ก ๆ โอ๊ะ!!" ทันทีที่เจ้าชายรู้สึกตัวและกระแอมไอเพราะรู้สึกคอแห้ง แต่ก็ต้องรีบยกมือขึ้นมากุมที่หน้าท้องของตนบริเวณที่มีบาดแผลจากการถูกแทงจากไอ้สารเลวสามคนนั้น แต่ทันทีที่ตนรู้สึกตัวมันไม่ได้รู้สึกเจ็บที่ร่างกายของตนแต่มันเจ็บแปลบเข้ามาถึงหัวใจ "ขาขา!! เจ้าคุณ!!"

และเร็วปานความคิด ด้วยความเป็นห่วงพี่ชายตัวเล็กของตนกับน้องชายหัวแก้วหัวแหวนก็รีบยันตัวลุกขึ้นจากเตียงผู้ป่วยทันที แต่ก็ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อย่างที่ใจคิด เพราะบาดแผลที่หน้าท้องมันเจ็บจนน้ำตาเล็ด จึงทำได้แค่ล้มตัวลงไปนอนอย่างเดิม

การกระทำของเด็กดื้ออยู่ในสายตาของเจ้าสมุทรทั้งหมด แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร ยืนดูความดื้อของน้องชายของตนอยู่นิ่ง ๆ ถ้าถามว่าเป็นห่วงเจ้าชายกับเจ้าคุณมากแค่ไหน ตอบได้เลยว่าเป็นห่วงทั้งสองคนเท่า ๆ กัน แต่ตอนนี้ตนอยากจะสั่งสอนไอ้น้องชายจอมอวดดีซะมากกว่า บทเรียนในครั้งนี้ น่าจะสอนอะไรน้องชายจอมดื้อของตนได้ไม่น้อย

"ฮ...เฮียสมุทร" และเหมือนเจ้าชายจะสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่มันถูกส่งมาทางสายตาของพี่ชายของตนที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่ข้าง ๆ เตียงผู้ป่วย เห็นแค่นั้นก็ทำเอาคนที่ชอบทำตัวทะเล้นกะล่อนอย่างเจ้าชายหน้าถอดสีจนแทบจะไม่มีสีเลือด

เจ้าสมุทรยังคงยืนหน้านิ่ง แต่มือก็ส่งแก้วน้ำให้เจ้าชาย เพราะรู้ว่าเจ้าชายน่าจะคอแห้ง เพราะนี่ก็เกือบจะเข้าวันที่สองแล้วที่เจ้าชายไม่ได้สติ เจ้าชายก้มดูดน้ำจากหลอดดูดน้ำที่เจ้าสมุทรส่งให้เพียงเล็กน้อย

"ขอบคุณครับ" ก่อนจะยกมือขึ้นพนมเป็นพุ่ม "ขอโทษครับที่ก่อเรื่อง แล้วยังเป็นต้นเหตุให้ขาขากับเจ้าคุณต้องมาเจ็บตัวเพราะเขา แล้วยังจะทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วงอีก ขอโทษครับเฮีย"

"อืม" ก็อยากจะโกรธอยู่หรอก แต่โกรธแล้วมันไม่ได้อะไรไง ถ้าคุยกันดี ๆ หรือสั่งสอนกันดี ๆ ตนก็เชื่อว่าน้องชายของตนก็ไม่ได้ดื้อจนไม่ฟังใคร และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ น้องชายทั้งสามคนของตนไม่ได้เป็นคนก่อเรื่อง เพราะคนที่กระทำความผิดคือไอ้สารเลวสามตัวนั้น

"ขาขากับเจ้าคุณเป็นไงบ้างครับ"

"ทุกคนปลอดภัยดี ตอนนี้เจ้าคุณนอนพักอยู่ที่ห้องข้าง ๆ นี่แหละ เฮียนายคอยดูแลอยู่"

"แล้วขาขาล่ะครับ ขาขาก็ถูกทำร้ายเหมือนกัน"

"เจ้าขาไม่ได้เป็นอะไรมาก บาดแผลที่แขนเย็บแค่สี่ห้าเข็มเอง" แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่คนฟังอย่างเจ้าชายที่รู้ดีว่าเจ้าสมุทรแอบแฝงคำประชดประชันอยู่ในคำพูดนั้นด้วย

"ขอโทษครับ ต่อไปนี้เขาจะไม่ทำอะไรเกินตัวอีกแล้วครับ แต่เขาทนเห็นคนที่อ่อนแอกว่าถูกทำร้ายไม่ได้จริง ๆ ถ้าวันนั้นเขาไม่เข้าไปช่วย เด็กผู้ชายคนนั้นอาจจะถูกพวกมันล่วงเกิน และอาจจะเป็นอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตก็ได้นะครับ"

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ระหว่างที่ตนกับเจ้าคุณกำลังจะทำธุระส่วนตัว ก็ได้ยินเสียงของเด็กผู้ชายร้องขอความช่วยเหลือดังออกมาจากห้องน้ำที่อยู่ด้านในสุด และยังได้ยินเสียงของผู้ชายอีกสามคนที่อยู่ในห้องนั้น ไม่ต้องเห็นกับตาก็พอจะเดาได้ว่าเด็กคนนั้นกำลังตกอยู่ในอันตราย ตนกับเจ้าคุณจึงเดินไปเคาะประตูห้องน้ำเรียก เพื่อที่จะได้ช่วยเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากเงื้อมมือของคนเลว ๆ พวกนั้น

พวกมันเปิดประตูออกมาด้วยความหงุดหงิดที่ตนกับเจ้าคุณขัดขวางเวลาสนุกของพวกมัน เมื่อประจันหน้ากันต่างก็ไม่รอช้าพุ่งตัวใส่กันไม่ยั้ง แต่เพราะเจ้าคุณยังเด็กเกินไปจึงตกเป็นเป้าหมายของพวกมัน นั่นจึงทำให้ตนต้องรีบเอาตัวเข้าไปขวางทางมีดและมือเท้าของพวกมันที่ประเคนเข้ามาที่ตนและเจ้าคุณไม่ยั้ง แต่โชคดีที่แม่บ้านทำความสะอาดห้องน้ำเข้ามาพอดี ตนกับเจ้าคุณจึงอาศัยจังหวะนั้นเข้าไปหลบอยู่ในห้องน้ำคนละห้อง แม้ว่าพวกมันจะตามเข้ามาในห้องน้ำเพื่อที่จะทำร้ายตนกับเจ้าคุณอีกไม่ได้ แต่สภาพของตนกับเจ้าคุณก็อาการสาหัสพอสมควร

"เฮียรู้ว่าน้องชายของเฮียเป็นคนจิตใจดี แต่คราวหน้าคราวหลังก็ไม่ควรทำอะไรวู่วามแบบนี้ ถ้าเจ้าขาเข้าไปช่วยไม่ทันจะทำยังไง และที่สำคัญ ถ้าเจ้าขาพลาดพลั้งถูกพวกมันทำร้ายมากกว่าแค่มีบาดแผล เจ้าชายคิดว่าพวกเราทุกคนจะเสียใจมากแค่ไหน เฮียรู้ว่าเจ้าขาเก่ง แต่ถ้าพวกมันมีปืนล่ะ รู้ใช่มั้ยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่แค่เจ้าขาเท่านั้นที่จะเป็นอันตราย เจ้าชายกับเจ้าคุณก็คงมีสภาพไม่ต่างกัน" แม้จะรู้ว่านี่มันไม่ใช่เวลาที่จะมาตอกย้ำในสิ่งที่น้องชายทำผิดพลาด แต่ถ้าไม่ปรามตอนนี้ ต่อไปน้องชายของตนอาจจะก่อเรื่องที่มันมีผลที่ตามมาแย่กว่านี้ก็ได้

"เขา.. เขาขอโทษ เขาสัญญาว่าจะไม่ทำแบบวันนั้นอีกแล้ว เขา..." เจ้าชายเอ่ยขอโทษเจ้าสมุทรด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือพร้อมกับพนมมือไหว้ขอโทษพี่ชายอย่างคนสำนึกผิด แม้ว่าจะมีน้ำตาไหลอาบสองพวงแก้ม แต่กลับไม่มีเสียงสะอื้นหลุดรอดออกมาให้ได้ยิน

ตนไม่ได้รู้สึกโกรธที่เฮียเจ้าสมุทรว่ากล่าวตน แต่ตนโกรธที่ตัวเองสร้างเรื่องไว้ใหญ่ขนาดนี้โดยที่ไม่ได้คำนึงผลที่จะตามมา

เมื่อเห็นเจ้าชายน้ำตาไหลอาบสองพวงแก้มก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้เจ้าชายอย่างอ่อนโยน ก่อนจะยกขึ้นมาลูบที่กลุ่มผมนุ่มของเจ้าชายเพื่อปลอบ

"คนเก่งของเฮียจะมาร้องไห้กับเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้วได้ยังไง ในเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว เราก็ต้องยอมรับผลที่มันจะตามมาให้ได้ คิดซะว่านี่คือบทเรียนบทหนึ่ง อย่าเอาแต่โทษว่าเป็นความผิดของตน เพราะทุกคนไม่ได้คิดแบบนั้น เฮียขอชื่นชมที่เจ้าชายของเฮียเป็นเด็กที่กล้าหาญ แต่คราวหน้าต้องไตร่ตรองให้มากกว่านี้เข้าใจมั้ยครับ"

"เข้าใจครับ" แม้ว่าภายในใจจะยังคิดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็อย่างที่เฮียสมุทรสอน เราต้องยอมรับมันให้ได้ เมื่อคิดได้แบบนี้ก็อดที่จะส่งยิ้มกว้างจนตาหยีให้กับพี่ชายหน้านิ่งหนึ่งที และก็ได้มะเหงกมาหนึ่งทีเป็นการตอบแทน

แววตาที่เจ้าสมุทรมองเจ้าชายมันเต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย ตนไม่เคยรักใครมากกว่าหรือน้อยกว่า บอกได้เลยว่ารักเท่ากันทุกคน แต่ความห่วงใยที่มี มันอาจจะไม่เท่ากัน อาจจะเป็นเพราะเจ้าขาดูตัวบางร่างเล็กกว่าทุกคนในบรรดาพี่น้องร่วมตระกูล แล้วไหนจะความน่ารักน่าเอ็นดูอย่างกับเจ้าหญิงนั่นอีก ทุกคนจึงเป็นห่วงเจ้าขามากกว่า

"หนูขาทำไมไม่นั่งรถเข็นล่ะค่ะ เดินมาก ๆ แผลอาจจะสะเทือนจนอักเสบก็ได้นะคะ" ดาวเหนือเริ่มโวยวาย เพราะเจ้าหญิงตัวน้อยของตนปฏิเสธที่จะนั่งรถเข็นผู้ป่วย และเลือกที่จะเดินมายังห้องฉุกเฉินเพื่อมาทำแผลด้วยตนเอง

"หนูไม่ได้เป็นไรมากซะหน่อย เดินแค่นี้ไม่ทำให้แผลอักเสบหรอกค่ะ" นอกจากจะไม่ยอมนั่งรถเข็น เจ้าขายังเดินควงแขนดาวเหนือเอาไว้แน่น ประหนึ่งว่าแผลที่แขนเป็นแค่แผลถลอกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

"แต่ดี๊กลัวว่าหนูจะเจ็บ ถ้าหนูรู้สึกเจ็บที่แผล หนูขาต้องรีบบอกดี๊เลยนะคะ"

"รับทราบค่ะ" นอกจากจะตอบรับคำพูดของดาวเหนือด้วยรอยยิ้มแล้ว ยังเขย่งปลายเท้าเพื่อจุ๊บที่แก้มของดาวเหนือเพื่อออดอ้อนผู้เป็นพ่ออย่างดาวเหนือให้ใจละลาย จนดาวเหนืออดไม่ได้ที่จะฟัดที่แก้มนุ่มนิ่มของเจ้าหญิงตัวน้อยด้วยความเอ็นดู

น่านฟ้าที่เดินตามดาวเหนือกับเจ้าขาไม่ห่างก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาให้กับสองพ่อลูกที่เอาแต่ออดอ้อนกันไปมา โดยไม่ได้สนใจสายตาของผู้คนที่มองมาแม้แต่นิดเดียว แต่ก็นะการกระทำของสองพ่อลูกมันเป็นภาพชินตาของใครหลาย ๆ คนไปแล้ว เพราะเวลาที่ออกงานสังคม เจ้าขาจะถูกห้อมล้อมไปด้วยเหล่าองครักษ์ หัวหน้าองครักษ์ก็คงไม่พ้นดาวเหนือหรือไม่ก็ทะเลและลิ่วล้อซ้ายและขาก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่ออกงานสังคมมักจะมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ สาวน้อยสาวใหญ่เข้ามาเพื่อสานสัมพันธ์กับเจ้าขาไม่หยุดหย่อน และแน่นอนว่าเจ้าชายกับเจ้าคุณไม่ยอมเปิดโอกาสให้คนพวกนั้นได้เข้าใกล้เจ้าขาเกินสองเมตร

"สวัสดีครับคุณดาวเหนือ คุณหนูเจ้าขา สวัสดีครับคุณน่านฟ้า" หมอต้นไม้ที่เดินสวนกับบุคคลทั้งสามก็เอ่ยคำทักทายผู้นำตระกูลวัชรสกุลกิจและเจ้าหญิงตัวน้อยด้วยนำเสียงอ่อนน้อมถ่อมตน

ดาวเหนือกับน่านฟ้าต่างพยักหน้ารับไหว้คุณหมอตรงด้วยเช่นกัน

"สวัสดีครับคุณหมอ" เจ้าขาเอ่ยทักทายคนที่โตกว่าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มพร้อมกับยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อมไม่ต่างกัน

"เห็นน้องชายของผมบอกว่าคุณหนูได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน ไม่ทราบว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ"

"ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกครับ แผลเล็กนิดเดียวเองครับ" เสียงเจื้อยแจ้วของเจ้าขาทำเอาดาวเหนืออดที่จะบีบแก้มนุ่มนิ่มให้หายมันเขี้ยวไม่ได้ เย็บตั้งสี่หาเข็ม พูดมาได้ยังไงว่าแผลเล็กนิดเดียว

"น้องชายคุณหมอ? ใช่ทิวไผ่หรือเปล่า" ดาวเหนือเอ่ยถามหมอหนุ่มรุ่นลูกตรงหน้าด้วยความสงสัย ตนไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่ทิวไผ่ยังไม่ตาย เพราะตนกับทะเลให้คนไปสืบและรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ที่แปลกใจคือเด็กที่ชื่อทิวไผ่กลับมาที่นี่แล้วอย่างนั้นเหรอ ถ้ากลับมาที่นี่แล้วจริง ๆ คนที่อยู่กับเจ้าขาในคืนนั้นก็คงจะเป็นเด็กทิวไผ่สินะ

"ครับ ทิวไผ่กลับมาแล้ว กลับมาได้จะสองวันแล้วครับ"

"ฝากบอกเขาด้วย ฉันและครอบครัวอยากนัดเจอเขาสักครั้ง อยากขอบคุณเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสิบปีที่แล้ว และฉันหวังว่าเขาจะไม่ปฏิเสธคำร้องขอจากฉันหรอกนะ" แม้จะเป็นคำพูดที่แสนจะธรรมดาและน้ำเสียงของผู้พูดก็ไม่ได้เข้มอะไรมากมาย แต่ก็ทำให้คนฟังอย่างหมอต้นไม้ถึงกับเสียวสันหลังไม่ใช่น้อย แม้ว่ามันจะไม่ใช่ประโยคคำสั่ง แต่เมื่อมันออกมาจากปากของดาวเหนือ มันไม่ได้ต่างอะไรจากประโยคคำสั่งเลยสักนิด

ในสมองของหมอต้นไม้ประมวลผลกับคำพูดของคนตรงหน้าและมีคำจำกัดความได้คำเดียว น่ากลัวชิบหาย

"ครับ ผมจะบอกเขาให้"

"ถ้าเขาสะดวกวันไหน ก็ติดต่อผ่านคนของฉันมาได้เลย ส่วนเรื่องสถานที่นัดพบก็แล้วแต่ทางเธอจะสะดวก ฉันขอแค่ได้ขอบคุณเขาด้วยตัวฉันเองก็พอ"

"ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ" เมื่อเดินแยกออกมาจากผู้ที่มีอำนาจสูงสุดของตระกูลวัชรสกุลกิจ หมอต้นไม้รีบหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงและต่อสายหาน้องชายสุดที่รักของตนทันที

ที่ต้องรีบร้อนโทรหาทิวไผ่ขนาดนี้ก็เพราะตนไม่อยากมีปัญหากับบุคคลที่ตนสนทนาด้วยเมื่อครู่ ตอนนั้นหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น ป๊ากับแม่ของตนก็ปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือจากตระกูลวัชรสกุลกิจไปแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าครั้งนี้ปฏิเสธอีก ตนกลัวว่ามันอาจจะกลายเป็นเรื่องผิดใจกันระหว่างสองตระกูลก็เป็นได้ และแน่นอนว่าทิวไผ่คงไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นอย่างแน่นอน

หรือบางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดี ที่ไอ้น้องชายตัวดีจะได้พบกับคุณหนูตัวน้อยของมัน แม้ว่าวันนั้นผู้นำตระกูลอย่างดาวเหนืออาจจะไม่ได้พาคุณหนูเจ้าขาไปด้วย แต่มันก็อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่มันจะเข้าหาคุณหนูตัวน้อยของมันได้ง่ายขึ้น

[ มีอะไร โทรมาทำไม หรือว่าว่างมาก เลยมีเวลาโทรหากู ]

"ผีเจาะปากมาให้พูดหรือไง พูดกับพี่ชายสุดที่รักให้มันเพราะ ๆ เหมือนที่พูดกับคุณหนูบ้างไม่ได้หรือไง" หมอต้นไม้อดไม่ได้ที่จะพูดประชดประชันไอ้น้องชายตัวดี ให้มันได้หัวเสีย จนได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะอยู่ในลำคอ

[ เพราะว่ามึงไม่ได้น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนกับคุณหนูไง ]

"เออ ๆ เรื่องนี้ยอมรับ ขนาดเป็นแผลที่ต้นแขน เย็บตั้งสี่ห้าเข็มยังเดินหัวเราะร่วนเหมือนไม่ได้เจ็บอะไรมากมาย เมื่อสิบปีที่แล้วน่ารักยังไง ตอนนี้ก็ยังน่ารัก..."

[ มึงไม่มีสิทธิ์มาชมคุณหนูของกู กูหวง แล้วเมื่อกี้มึงว่าไงนะ มึงเจอคุณหนูที่โรงพยาบาลงั้นเหรอ คุณหนูอยู่กับใครวะ กู...เหี้ยเอ๊ย!! กูอยากไปเยี่ยมคุณหนูชิบหาย มึงช่วยให้กูได้เจอกับคุณหนูอีกสักครั้งได้มั้ยวะ ]

"แกจะอยากเจอคุณหนูไปทำไม" แม้ว่าจะไม่ได้เห็นหน้าของทิวไผ่ แต่ตนก็พอจะนึกภาพออก หน้าของมันคงจะเลิ่กลั่ก และคิ้วเข้ม ๆ นั่นก็คงจะขมวดเข้าหากันจนเป็นปม

[ มึงไม่ต้องอยากรู้สักเรื่องได้มั้ยวะ ]

"ถ้าไม่บอกก็ไม่ช่วย" เอาสิยิ่งรู้ว่ามันกำลังหัวเสีย ตนก็ยิ่งอยากแกล้งและไล่ต้อนจนกว่ามันจะจนมุม

[ ก็...ก็คืนนั้นคุณหนูอยากรู้เรื่องที่กูหายหน้าไปตั้งสิบปี แล้วกูก็บอกว่าเอาไว้มีโอกาสจะเล่าให้คุณหนูฟังไง ]

"แค่นั้น?"

[ เออ แค่นั้น ทีนี้มึงจะช่วยกูได้หรือยัง ] แม้จะเริ่มหงุดหงิดที่ถูกซักถามจนน่ารำคาญ แต่ก็ไม่มีทางเลือกไง ยังไงก็ต้องใช้ความเป็นหมอของมันให้เป็นประโยชน์ โทษฐานที่มันร่วมมือกับป๊าและแม่ส่งตนไปอยู่ที่อังกฤษนานตั้งสิบปี

"หึ เรียกฉันว่าพี่หมอก่อนสิ แล้วพี่ชายที่แสนดีคนนี้จะช่วยเหลือน้องชายสุดที่รักทุกเรื่อง ไม่เกี่ยงว่าเรื่องนั้นจะเสี่ยงต่อการถูกคนของตระกูลวัชรสกุลกิจอุ้มไปฆ่าก็ตาม"

[ ฝันไปเถอะ ใครจะไปพูดคำอุบาทแบบนั้น]

"ไม่เรียกก็ไม่เป็นไร แต่คุณหนูกำลังจะเดินไปทางลานจอดรถแล้ว เอ..หรือว่าคุณหนูจะกลับอเมริกาพร้อมกับพี่ชายของเขากันนะ หรือว่า..."

[ ไอ้เหี้ยพี่หมอ พอใจหรือยัง ] สุดท้ายก็ต้องฝืนใจเรียกมันว่าพี่จนได้

"เรียกให้มันเพราะ ๆ กว่านี้ไม่ได้หรือไง คุณหนูกำลังจะขึ้นรถ.."

[ พี่หมอ!! พอใจมึงหรือยัง ] แม้ว่าจะเป็นเสียงที่ตะคอกออกมาอย่างคนที่กำลังหงุดหงิดจนถึงขีดสุด แต่คนฟังอย่างหมอต้นไม้กลับยกยิ้มที่มุมปากอย่างชอบใจ

"อืม ก็พอฟังได้" ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงของคนอารมณ์ดี และก็อารมณ์ดีมากซะด้วย เชื่อเถอะว่าไอ้น้องชายที่อยู่ปลายสายคงอยากจะเอากำปั้นกระแทกหน้าของตนเต็มที่แล้ว

[ อย่ากวนตีน มึงรีบไปขอร้องคุณหนูให้อยู่รอกูก่อน กูกำลังจะไป..]

"ไม่ต้องมาแล้ว เขาขับรถออกไปแล้ว"

[ ไอ้เหี้ยหมอ มึงจงใจแกล้งกูใช่มั้ย ได้เลย มึงรออยู่ที่นั่นนะ กูจะไปกระทืบมึงเดี๋ยวนี้แหละ ]

"ไอ้หมาทิว ใจเย็น ๆ แล้วก็ตั้งใจฟัง ฉันจะพูดแค่ครั้งเดียว คุณดาวเหนือเขาอยากเจอแก เขาและครอบครัวอยากขอบคุณแก ถ้าแกอยากเจอเขาก็ติดต่อผ่านคนของเขาได้เลย ส่วนเรื่องวัน เวลา และสถานที่ เขาตามใจแก เอาที่แกสะดวก ที่นี้จะมากระทืบหมอผู้น่าสงสารอย่างกระผมอีกมั้ยครับ"

เกิดปรากฏการณ์เดดแอร์ขึ้นมาทันที เพราะไอ้คนปากดีเมื่อสักครู่เงียบหายไปทั้ง ๆ ที่สายก็ยังไม่ได้ตัด แต่ทุกอย่างกลับเงียบสนิทไปเกือบสองนาที

[ มึงว่าอะไรนะ กู.. กูฟังไม่ทัน ] ไม่ใช่ว่าตนฟังไม่ทัน แต่ไม่คิดว่าคำขอของตนมันจะส่งผลไวทันตาขนาดนี้ แค่ต้องการพบคุณหนูตัวน้อยอีกสักครั้ง ทำไมมันจะต้องกลับกลายมาเป็นเจอกับครอบครัวของคุณหนู แค่คิดก็ขนหัวลุก แม้ว่าตอนนี้อากาศจะถ่ายเทสะดวกแต่ทำไมมันกลับรู้สึกอึดอัดไปหมด อึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก

"แกตั้งสติได้เมื่อไหร่แล้วค่อยโทรมา ฉันไม่ได้ว่างมานั่งคุยกับแกทั้งวันหรอกนะ แต่ถ้ายอมเรียกพี่หมออีกสักครั้ง ฉันอาจจะช่วยแกเรื่องวันนัดกับสถานที่ให้แกก็ได้" เมื่อกวนประสาทปลายสายได้สำเร็จ หมอต้นไม้ก็รีบตัดสายทิ้งทันที ปล่อยให้ทิวไผ่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดอยู่เพียงผู้เดียว

ไม่ใช่ว่าตนไม่อยากช่วยเรื่องน้องชายกับคุณหนูเจ้าขา แต่ก็อย่างที่เห็น ถ้ามันไม่กล้าเข้าไปในถ้ำเสือ มันจะได้ลูกเสือที่แสนจะน่ารักอย่างคุณหนูได้ยังไง

ทางเดียวที่จะได้ครอบครองหัวใจของคุณหนูของตระกูลวัชรสกุลกิจ

คือต้องทำตัวให้คู่ควรและเหมาะสมกับคุณหนูเท่านั้น

ถ้ายังไม่รู้จักลุกขึ้นมาสู้

สุดท้ายก็คงเป็นได้แค่หมาที่แหงนมองนางฟ้าเท่านั้นแหละ

บริษัทท้องทะเลซีฟู้ดส์

แกร๊ก!!

"สวัสดีค่ะแด๊ดดี๊ มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมต้องทำหน้าดุแบบนั้นด้วยล่ะคะ หนู.. หนูไม่ได้ดื้อสักหน่อย"

ทันทีที่เลขาแจ้งว่าเจ้าขามาทำงาน ทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังเจ็บอยู่ ทะเลไม่รอช้ารีบเดินมาหาเด็กดื้อที่ห้องทำงานทันที และก็เป็นจริงอย่างที่เลขาพูดทุกอย่าง แม้ว่าเจ้าตัวจะส่งยิ้มหวานให้ตนและพูดจาออดอ้อนอย่างที่เจ้าตัวชอบทำ ยังไงวันนี้ก็จะไม่มีคำว่าใจอ่อน ยังไงเด็กดื้อก็ต้องกลับไปนอนพักจนกว่าแผลจะหายดี

"หนูดื้อเกินไปแล้วนะคะ ไหนเราตกลงกันแล้วไงคะ กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวแด๊ดดี๊ไปส่ง"

แกร๊ก!!

"ดี๊ขา แด๊ดดี๊กำลังจะดุหนูค่ะ แด๊ดดี๊ดุว่าหนูดื้อค่ะ" กว่าจะอ้อนวอนร้องขอให้ดี๊ดาวเหนืออนุญาตให้ตนมาทำงานได้ก็ต้องใช้มารยาความน่ารักหมดไปตั้งหลายบท แล้วจะให้ยอมแพ้แล้วกลับบ้านง่าย ๆ ได้ยังไง ยังไงก็ไม่กลับ เพราะยังมีเรื่องที่ตนจะต้องจัดการกับการทำงานที่ไม่โปร่งใสของพนักงานบางคนนั่นอีก

"แกมีอะไรก็ไปทำ เดี๋ยวฉันดูแลหนูขาเอง" ดาวเหนือพูดเสียงเรียบก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามกับเจ้าขา

"พี่เหนือก็เห็นว่าหนูขายังไม่หายดี พี่เหนือยอมให้หนูขามาทำงานได้ยังไงครับ ผมว่าพี่เหนือพาหนูขากลับไปพักที่บ้านดีกว่า ส่วนเรื่องงานเดี๋ยวผม..."

"แด๊ดดี๊ขา หนูไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย แผลก็ไม่ได้อักเสบ อีกแค่ไม่กี่วันก็ตัดไหมได้แล้ว แด๊ดดี๊อนุญาตให้หนูทำงานเถอะนะคะ นะคะคนเก่งของหนู" ไม่ได้ออดอ้อนแต่น้ำเสียง แต่เจ้าขายังส่งยิ้มหวานให้กับผู้เป็นพ่อของตนจนตาหยี

ดูเด็กดื้อของตนพูดเข้าสิ เพิ่งจะเย็บแผลไปเมื่อวันก่อน บอกว่าอีกแค่ไม่กี่วันก็จะตัดไหมได้แล้ว เชื่อในความดื้อของเด็กคนนี้จริง ๆ

"แกกลับไปทำงานของแกเถอะ อย่าเสียเวลามายืนเถียงกับเจ้าหญิงตัวน้อยของฉันเลย มันเสียเวลาเปล่า ๆ แกก็รู้ว่าเถียงยังไงแกก็ไม่มีวันชนะ เพราะถ้าเถียงชนะ ฉันคงไม่ต้องมานั่งเฝ้าแบบนี้หรอก" ไม่มีวันชนะจริง ๆ เจ้าขาก็คือเจ้าขาไอ้เรื่องความดื้อต้องยกให้เป็นที่หนึ่ง แต่ความน่ารักน่าเอ็นดูก็มาเป็นที่หนึ่งเหมือนกัน

"เฮ่อ!!" ก็คงทำได้แค่ถอนหายใจออกมาแบบหนัก ๆ จะเอาอะไรมาชนะ แพ้ตั้งแต่เจ้าขาลืมตาดูโลกแล้วล่ะมั้ง "ดื้อ!! ดื้อที่สุด"

ฝ่ามือใหญ่บีบที่แก้มป่อง ๆ ของเจ้าขาด้วยความมันเขี้ยวระคนเอ็นดู

"หื่อ!! แก้มหนูยืดติดมือแด๊ดดี๊ไปแล้วมั้งคะ" พูดจบก็หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ ที่ตนสามารถดื้อกับผู้เป็นพ่อทั้งสองคนได้สำเร็จ ผิดกับดี๊ดาวเหนือกับแด๊ดดี๊ทะเลที่เอาแต่ทำหน้าบูด เพราะไม่สามารถบังคับเจ้าหญิงของตนให้กลับไปนอนพักที่บ้านได้อย่างที่ตนต้องการ

"ถ้าหนูเจ็บแผลหรือว่ารู้สึกไม่สบาย หนูต้องรีบให้ดี๊ดาวเหนือพาหนูไปให้คุณหมอตรวจเลยรู้มั้ยคะ" ฝ่ามือหนาลูบที่กลุ่มผมของเจ้าขาอย่างอ่อนโยน

"รับทราบค่ะ ถ้าหนูเจ็บแผล หนูจะรีบบอกดี๊ให้ดี๊พาหนูกลับบ้านทันทีเลยค่ะ" พูดจบก็ส่งยิ้มหวานให้ทะเลกับดาวเหนือไปอีกรอบ แต่คนที่ถูกส่งรอยยิ้มมาให้ทำได้แค่ส่ายหน้าไปมาให้กับความดื้อของเจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูล

"แกรู้เรื่องที่พนักงานบางคนทุจริตแล้วใช่มั้ย"

"ครับ ผมกำลังรวบรวมหลักฐานอยู่ครับ" ทะเลตอบ

"พรุ่งนี้เช้า หนูขอเข้าร่วมประชุมด้วยได้มั้ยคะ"

"หนูรู้อะไรมาคะ บอกแด๊ดดี๊ได้มั้ย"

"ความลับค่ะ พรุ่งนี้หนูกับดี๊จะเป็นคนบอกกับทุกคนในที่ประชุมเองค่ะ" ความจริงมันก็ไม่ใช่ความลับอะไรหรอก แต่ที่ไม่ยอมบอกกับแด๊ดดี๊ทะเลก็เพราะไม่อยากให้แด๊ดดี๊ทะเลทำโทษคนพวกนั้นด้วยวิธีที่ตระกูลวัชรสกุลกิจทำเสมอมา ไม่ใช่ว่าตนจะไม่รู้ว่าที่ผ่านมาคนที่มันคิดคดทรยศต่อครอบครัวของตน จุดจบมันเป็นยังไง แต่ตนคิดว่าเรื่องนี้ปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของตำรวจจะดีกว่า เพราะมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หลายคน ถ้าอยู่ดี ๆ คนกลุ่มนี้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ใครรู้เข้าอาจจะไม่เป็นผลดีต่อตระกูลวัชรสกุลกิจสักเท่าไหร่

"โอเคค่ะ ถ้าหนูยืนยันว่าจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แด๊ดดี๊ก็จะไม่ยุ่ง แต่ถ้ามีอะไรให้แด๊ดดี๊ช่วย หนูขาบอกแด๊ดดี๊ได้เลยนะคะ"

"รับทราบค่ะ"

"แด๊ดดี๊ขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะคะ"

"ค่ะ ตั้งใจทำงานนะคะ"

"ค่ะ"

ฟอดดด

ก่อนจะออกไปทำงานก็อดไม่ได้ที่จะฟัดที่พวงแก้มของเจ้าหญิงตัวน้อยไปอีกฟอดใหญ่ ทำไมถึงได้ดื้อแบบนี้น้า ดื้อเหมือนคนเลี้ยงไม่มีผิดเพี้ยนกันเลยสักนิด

"หนูจะจัดการเรื่องนี้ยังไงคะ แล้วรู้ตัวคนที่มันกล้าทุจริตบริษัทของเราได้ยังไง" ดาวเหนือที่ถูกเจ้าหญิงของตนพูดจาพาดพิงเมื่อสักครู่ก็อดไม่ได้ที่จะซักถามที่มาที่ไปของเรื่องนี้ เพราะตนไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ตามที่เจ้าขาแอบอ้างเลยสักนิด

ฝ่ามือนุ่มนิ่มวางบนมือของดาวเหนือเบา ๆ ปากบางฉีกยิ้มกว้างกว่าทุกครั้ง

"ขอโทษนะคะที่ต้องพูดไปแบบนั้น แต่หนูไม่ได้โกหกแด๊ดดี๊นะคะ หนูกำลังจะเล่าให้ดี๊ฟังอยู่นี่ไง อย่าโกรธหนูเลยนะคะ" หน้าหงอย ๆ กับปากคว่ำ ๆ ก็มา

"จริง ๆ สิน้า!!" ฝ่ามือหยาบกร้านลูบที่กลุ่มผมของเจ้าขาด้วยความเอ็นดู "เล่ามาทุกเรื่องเลยนะคะ ถ้าดี๊รู้ทีหลังว่าหนูปิดบังอะไรไว้ ดี๊จะ..."

"ดี๊จะทำอะไรเหรอคะ" ถามออกไปด้วยน้ำเสียงหงอย ๆ พร้อมกับทำตาปริบ ๆ เพื่อขอความเห็นใจจากผู้นำของตระกูล

"ดี๊จะทำอะไรได้ล่ะคะ หื้ม?" ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความันเขี้ยว แต่ก็อย่างที่บอก เจ้าขาฉลาดเกินไป ฉลาดจนเกินตัว ฉลาดจนดูน่ากลัวเลยก็ว่าได้ เพราะบางครั้งเจ้าขาก็มักจะทำอะไรที่เกินความคาดหมาย แต่ทุกอย่างที่เจ้าขาทำ ตนเชื่อว่าเจ้าขาคิดมาเป็นอย่างดีแล้ว และมันไม่เคยผิดพลาดเลยสักครั้ง

"ขอบคุณค่ะ" ปากบางยกยิ้มจนเห็นไรฟันขาว

"จะเล่าได้หรือยังคะ ดี๊รอฟังอยู่นะคะ"

"หื่อ!! หนูก็กำลังจะเล่าอยู่นี่ไงคะ ใจร้อนไปได้"

"ดี๊ใจร้อนก็เพราะหนูชอบทำอะไรที่มันเสี่ยงอันตรายไงคะ"

"ขอโทษค่ะ"

แม้ว่าในใจอยากจะจัดการเรื่องนี้เพียงลำพัง และไม่อยากให้ดี๊ดาวเหนือเข้ามามีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ก็เพราะกลัวว่าดี๊ดาวเหนืออาจจะจัดการคนพวกนั้นเหมือนกับแด๊ดดี๊ทะเล แต่อย่างน้อยตนก็คิดว่าตนสามารถใช้ความน่ารักน่าเอ็นดู ออดอ้อนดี๊ดาวเหนือให้ปล่อยคนพวกนั้นให้ได้รับผลกรรมทางกฎหมายได้ไม่ยาก

กริ๊งงงง

[คุณดาวเหนือคะ คุณทิวไผ่มาขอพบค่ะ ตอนนี้รออยู่ที่ห้องรับรองค่ะ]

"ทิวไผ่มาหาฉันด้วยตัวเองเลยงั้นเหรอ"

[ค่ะ คุณดาวเหนือจะลงไปพบ..]

"บอกเขาว่ารอสักครู่ เดี๋ยวฉันลงไป"

[ค่ะ]

"หนูขอลงไปด้วยได้มั้ยคะ หนูอยากขอบคุณเขาแล้วก็อยากรู้เรื่องหลังจากที่เกิดเรื่องในวันนั้นด้วยค่ะ"

ดาวเหนือคิดชั่งใจอยู่ชั่วครู่ เพราะไม่อยากให้เจ้าหญิงของตนต้องรับรู้และกังวลกับเรื่องที่ผ่านมาแล้ว แต่ในทางกลับกัน ยังไงเจ้าขาก็ต้องรู้ความจริงเข้าสักวัน จะช้าหรือเร็วก็ต้องรู้อยู่ดี

"ก็ได้ค่ะ แต่เรื่องทุกอย่างมันผ่านมานานมากแล้ว หนูขาอย่าเก็บเอามาคิดให้เป็นกังวลเลยนะคะ"

"ค่ะ หนูแค่อยากรู้ว่าหลังจากเกิดเรื่องคืนนั้นคุณทิวไผ่เป็นอย่างไรบ้าง ไปอยู่ที่ไหนมา และหนูก็อยากขอบคุณเขาที่เขาช่วยแด๊ดดี๊เอาไว้ตั้งสองครั้ง แล้วคืนนั้นที่เกิดเรื่องขึ้นกับหนูเขายังอยู่เป็นเพื่อนหนูอีก หนูอยากขอบคุณเขาจริง ๆ ค่ะ"

"ดี๊เข้าใจแล้วค่ะ เดี๋ยวเราเดินไปหาทะเล ให้ทะเลลงไปกับเราด้วยดีมั้ยคะ ดี๊คิดว่าทะเลก็คงอยากขอบคุณเขาด้วยตัวเองเหมือนกัน"

"ดีค่ะ" ปากบางยกยิ้มจนตาหยี ก่อนจะคว้าข้อมือของดี๊ดาวเหนือมาจับเอาไว้และสอดแขนเล็ก ๆ เพื่อควงแขนของผู้เป็นพ่อเอาไว้แน่นแล้วพากันเดินออกไปด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม

แกร็ก !!

"จะไปไหนกันเหรอครับ" ยังไม่ทันจะได้ก้าวเท้าออกพ้นประตูห้อง เจ้านายกับเจ้าสมุทรก็เปิดประตูและยืนขวางหน้าเอาไว้ซะก่อน

"หนูกับดี๊กำลังจะลงไปพบคุณทิวไผ่ค่ะ"

"ทิวไผ่?" เจ้านายทวนคำพูดของเจ้าขาด้วยความสงสัย ไม่ได้สงสัยเรื่องที่ทิวไผ่ยังไม่ตายเพราะตนกับเจ้าสมุทรรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่สงสัยว่าทำไมอยู่ดี ๆ ทิวไผ่ถึงได้มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่

"ดี๊เป็นคนนัดเขาเอง ดี๊แค่อยากขอบคุณเขา ที่เขาเคยช่วยชีวิตทะเลเอาไว้" ดาวเหนือพูดเสียงเรียบ และมองหน้าเจ้าลูกชายตัวโตทั้งสองคนด้วยแววตานิ่งเรียบเช่นกัน

"เขาอยู่ที่ไหนเหรอครับ ผมสองคนจะลงไปพบเขาด้วย เพื่อเป็นการยืนยันว่าพวกเราอยากขอบคุณเขาด้วยความจริงใจ" เจ้าสมุทรที่ยืนหน้านิ่งไม่ต่างจากดาวเหนือก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไม่ต่างกัน

แต่กลับเป็นดาวเหนือเสียเองที่ยกยิ้มที่มุมปากอย่างชอบใจ

"เหอะ จะลงไปขอบคุณเขาหรือว่าจะลงไปกดดันเขากันแน่ ฉันรู้นะว่าแกสองคนหวงน้องมากแค่ไหน"

"ห..หวงอะไรกันเล่า!! หนูกับคุณทิวไผ่เราไม่เคยคุยกัน ไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัว วันนี้หนูก็แค่จะไปขอบคุณเขาเฉย ๆ เถอะ" คนที่ถูกพาดพิงรีบพูดแก้ต่างให้ตัวเอง แต่ยิ่งพูดพวงแก้มทั้งสองข้างกลับขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด

"เฮียรู้ว่าหนูขาแค่จะไปขอบคุณเขา แต่ทำไมหนูต้องหน้าแดงด้วยล่ะคะ" ยิ่งเห็นอาการประหม่าของเจ้าหญิงของตระกูล เจ้านายจึงเลือกที่จะถามออกไปตรง ๆ เพราะตนไม่เคยเห็นเจ้าขามีอาการประหม่าแบบนี้มาก่อน

ผิดกับเจ้าสมุทรที่ยืนดูใบหน้าของเจ้าขาด้วยแววตาเรียบนิ่ง แต่เชื่อเถอะว่าในใจไม่ได้นิ่งเหมือนสีหน้าและแววตา แต่มันกำลังจะเกิดมรสุมในอีกไม่ช้า

"หื่อ!! ก็เฮีย ๆ เล่นจ้องจะจับผิดหนู หนูก็ทำตัวไม่ถูกไง!!" พูดจบก็รีบซุกใบหน้าเข้าไปซบที่แผ่นอกกว้างของดี๊ดาวเหนือทันที "ดี๊ขา เฮีย ๆ แกล้งหนูอีกแล้วค่ะ"

"แกสองคนเลิกแกล้งน้องสักที" สุดท้ายก็ต้องเอ่ยปรามไอ้เจ้าลูกชายตัวโตทั้งสองของตน

"ไปพร้อมเฮีย" ไม่พูดเปล่า แต่แขนแข็งแรงที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเจ้าสมุทรก็คว้ารวบเอวของเจ้าขาเข้ามากอดเอาไว้แทนดี๊ดาวเหนือ

"เฮีย!! หนูตกในหมด" คนที่ถูกดึงเข้ามากอดอย่างไม่ทันตั้งตัวแผดเสียงโวยวายใส่คนพี่จนเสียงหลง

"ตกใจอะไรคะ หื้ม?" จากแววตาที่เรียบนิ่งเมื่อครู่ อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนปลายจมูกโด่งจะฝังลงที่กลุ่มผมนุ่มและสูดความหอมเข้าปอดไปฟอดใหญ่

"พอ ๆ เลิกเล่นกันได้แล้ว ป่านนี้แขกของฉันนั่งรอนานจนกลับไปแล้วมั้ง"

"เรารีบลงไปหาเขากันดีกว่า ปล่อยให้แขกรอนาน ๆ มันเสียมารยาทนะคะ" พูดจบก็สอดแขนเข้าไปควงแขนพี่ชายตัวโต ๆ ทั้งสองคนเอาไว้

เจ้านายหันไปสบตาเจ้าสมุทรเล็กน้อย เอาเป็นว่ารู้กันแค่สองคน ก่อนจะเดินโอบเอวเจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลวัชรสกุลกิจเดินไปยังลิฟท์เพื่อจะลงไปหาแขกคนสำคัญที่พวกตนคิดว่าหลังจากนี้คงต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ และถ้าเป็นจริงอย่างที่พวกตนคิดเอาไว้ งานนี้คงต้องคนแพ้ และแน่นอนว่าคนแพ้ไม่ใช่ตนอย่างแน่นอน

ใครที่มันกล้าเข้ามายุ่งกับเจ้าหญิงของตระกูลวัชรสกุลกิล

มันต้องผ่านองครักษ์อย่างเจ้านายและเจ้าสมุทรไปให้ได้ซะก่อน

อย่าถอดใจก่อนก็แล้วกัน

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!