"คุณหนูไปมีเรื่องกับพวกใครมาเหรอครับ"
หลังจากที่เจ้าขาทำแผลเสร็จก็เดินกลับมานั่งที่หน้าห้องผ่าตัดเหมือนเดิม จากที่นั่งเงียบกันอยู่นาน ทิวไผ่จึงเอ่ยถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ เพราะตอนนี้เจ้าขาเริ่มมีอาการกระสับกระส่ายนั่งไม่ติด เพราะเป็นห่วงน้องชายทั้งสองของตนที่ยังคงอยู่ในห้องผ่าตัด
"หนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาเป็นใคร ตอนที่หนูเข้าไปช่วยน้องชายสองคนในห้องน้ำ พวกเขาก็มีสภาพที่ไม่สู้ดีสักเท่าไหร่ หนูเลยรีบพาเขาสองคนมาที่นี่" เจ้าขาเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
"คุณหนูโทรบอกคุณดาวเหนือกับคุณทะเลหรือยังครับ"
"หนูโทรไปบอกดี๊แล้วค่ะ ดี๊กับมี๊กำลังมาค่ะ"
"อ่อ.. ครับ แต่ระยะทางจากบ้านของคุณหนูกับที่นี่ก็ไกลกันพอสมควร วันนี้เป็นวันศุกร์ด้วย ผมว่ารถน่าจะติด กว่าจะมาถึงก็คงอีกสักพักใหญ่ ๆ แหละครับ" แต่ยังไม่ทันที่สมองจะได้ประมวลผลอะไรต่อ เมื่อกี้คุณหนูพูดกับตนว่า ค่ะ ค่ะงั้นเหรอ โอ๊ย!! หัวใจมันกระตุกจนแทบจะล้นออกมานอกหน้าอก ทำไมถึงได้น่ารักแบบนี้นะ น่ารักจนใจเจ็บไปหมด
"พี่ทิวไผ่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ...เอ่อครับ" เมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าตนไม่ควรพูดจาคะขากับคนตรงหน้า เจ้าขาจึงรีบแก้คำลงท้ายเป็นครับทันที
"คุณหนูไม่ต้องเกร็งหรอกครับ พูดคะขาเหมือนเดิมก็ได้ครับ ผมว่ามันเหมาะกับคุณหนูมากกว่าคำว่าครับน่ะครับ"
เมื่อเห็นอาการประหม่าของเจ้าขา ทิวไผ่จึงรีบพูดเพื่อเสริมความมั่นใจให้กับเจ้าหญิงตัวน้อยของตนทันที ใครจะมองยังไงตนไม่รู้ แต่สำหรับตนแล้ว เจ้าขาเปรียบเสมือนเจ้าหญิงที่สูงศักดิ์ ที่ตนทำได้แค่ชะเง้อมอง และได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่งตนอาจจะมีวาสนาได้ครอบครอง แต่แค่คิดถึงองครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิง ตนก็แทบจะยกธงชาวยอมแพ้ในทันที
"พี่ทิวไผ่มารอใครเหรอคะ อื้อ.. ขอโทษค่ะ เมื่อกี้พี่ทิวไผ่เพิ่งจะบอกกับหนูว่ามารอคุณหมอต้นไม้ หนูขอโทษนะคะที่จำไม่ได้" เจ้าขารีบพูดขอโทษคนตรงหน้าก่อนจะส่งยิ้มหวานแก้เก้อให้คนตรงหน้าจนตาหยี
รอยยิ้มนั้นทำเอาคนมองอย่างทิวไผ่หัวใจเต้นโครมครามไม่ได้พัก ตั้งแต่เจอคุณหนูจนถึงตอนนี้ หัวใจของทิวไผ่ทำงานหนักมาก ๆ ทำไมถึงได้ขยันทำตัวน่ารักแบบนี้นะ
"ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจว่าตอนนี้คุณหนูเป็นห่วงน้องชายของคุณหนูมาก ๆ แต่เชื่อผมเถอะครับ เขาจะต้องปลอดภัย ต้นไม้มันเก่ง มันช่วยน้องชายของคุณหนูได้อยู่แล้วครับ"
"หนูก็ขอให้เป็นแบบนั้น" แม้จะไม่มีเสียงสะอื้นไห้ แต่ทิวไผ่ก็จับสังเกตุได้ว่าความรู้สึกของเจ้าขาตอนนี้มันวูบโหวงและสั่นไหวแค่ไหน แต่เจ้าหญิงตัวน้อยกลับเก็บซ่อนมันเอาไว้ซะจนแทบจะจับพิรุธไม่เห็น ถ้าไม่ได้ใส่ใจจริง ๆ จะไม่มีทางรู้เลยว่าคนตรงหน้าพยายามเข้มแข็งมากแค่ไหน
ยิ่งเห็นเจ้าขาพยายามเข้มแข็งมากแค่ไหน ตนก็อยากจะโอบกอดเพื่อปลอบประโลมให้คุณหนูตัวน้อยของตนได้รู้สึกผ่อนคลายมากเท่านั้น แต่ก็ทำได้แค่คิด เพราะถ้าตนทำอะไรลุ่มล่ามแบบนั้น บอกได้คำเดียวเลยว่าตาย ตายแบบไม่มีทางฟื้นขึ้นมาอีกเป็นแน่
"หนูขา!!" ดาวเหนือที่วิ่งเข้ามาด้วยท่าทางรีบร้อนไม่รอช้าคว้าตัวคุณหนูตัวน้อยเข้าไปกอดเอาไว้ในอกทันที "หนูขาเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ บอกดี๊สิคะ"
ว่าพลางสำรวจร่างกายของเจ้าขาที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดด้วยท่าทางตื่นตระหนก
"หนูถูกปลายมีดนิดหน่อยค่ะ แต่หนูไปทำแผลมาแล้วนะคะ เย็บแค่สี่ห้าเข็มเองค่ะ"
"หนูว่าอะไรนะ!! เย็บตั้งสี่ห้าเข็ม!! หนูจะบอกว่าไม่เป็นไรได้ยังไง" ดาวเหนือที่รู้ว่าเจ้าหญิงตัวน้อยของตนเป็นแผลจนต้องเย็บถึงสี่ห้าเข็มก็แทบจะหมดแรงล้มฮวบไปที่พื้น แววตาที่มองใบหน้าของเจ้าหญิงของตนวูบไหวไปด้วยคราบน้ำตา
"ดี๊ขา หนูขอโทษค่ะ หนูขอโทษที่ดูแลตัวเองกับน้อง ๆ ไม่ดี หนูขอโทษ" มือเรียวยกขึ้นพนมเป็นพุ่มก่อนที่จะกราบลงที่หว่างอกของดาวเหนืออย่างคนรู้สึกผิด
"ไม่เป็นไรนะคะคนดี หนูไม่ได้ผิด ไอ้คนที่มันทำร้ายหนูกับน้อง ๆ ต่างหากล่ะที่ผิด" ฝ่ามือหยาบกร้านลูบที่แผ่นหลังของเจ้าขาอย่างอ่อนโยน ผิดกับแววตาที่มันแข็งกร้าวจนดูน่ากลัว
ทิวไผ่ที่เห็นว่าคนในตระกูลวัชรสกุลกิจรวมไปถึงเหล่าลูกน้องของดาวเหนือยืนครอบคุมเต็มพื้นที่หน้าห้องผ่าตัด ตนจึงปลีกตัวออกมายืนอยู่อีกฟากหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นห่วงคุณหนูตัวน้อย แต่ตอนนี้เธออยู่กับผู้นำตระกูลที่น่าเกรงขามอย่างดาวเหนือ คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วล่ะ
"ดี๊ขา เจ้าชายกับเจ้าคุณ ฮึก เจ้าชายกับเจ้าคุณยังอยู่ในห้องผ่าตัด เขา ฮึก เขาสองคน..." ความอ่อนแอที่ตนพยายามซุกซ่อนเอาไว้ แต่ตอนนี้มันเก็บซ่อนเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว มันกลัวไปหมด กลัวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกลัวมาก่อน
"ชู่วว.. หนูขาของดี๊ไม่ต้องคิดมากนะคะ ยังไงสองคนนั้นก็ต้องปลอดภัย เชื่อดี๊นะคะคนดี" แค่เห็นร่างกายของยอดดวงใจมีบาดแผล ตนก็โมโหจนแทบคลั่ง แต่นี่เจ้าขาต้องมาร้องไห้จนตัวสั่นสะท้าน หัวใจของดาวเหนือแทบแตกสลาย เป็นเวลาเกือบสิบปีแล้วที่ตนไม่เคยเห็นเจ้าขาร้องไห้ แล้วไอ้สารเลวพวกนั้นเป็นใคร กล้าดียังไงมาทำให้ยอดดวงใจของตนต้องมีบาดแผลแล้วยังจะต้องมาร้องไห้จนตัวโยนแบบนี้อีก บอกเลยว่าโทษของพวกมันไม่ต่างจากนักโทษชั้นเลว และแน่นอนว่าผู้สำเร็จโทษจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากตน
ปลายจมูกโด่งกดหอมที่กลุ่มผมนุ่มอย่างอ่อนโยน ฝ่ามือหยาบเช็ดน้ำตาที่พวงแก้มเนียนอย่างเบามือ แขนอีกข้างก็กอดรั้งเอวคอดเอาไว้ในแน่น
"ดี๊มาคนเดียวเหรอคะ" เจ้าขาที่พอตั้งสติได้ก็เริ่มถามหาคนอื่น ๆ เพราะมันน่าแปลก เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมดี๊ดาวเหนือถึงมาที่นี่แค่คนเดียว แม้จะมีลูกน้องติดสอยห้อยตามมาอีกเกือบสิบคน แต่แด๊ดดี๊ มามี๊ แล้วก็มี๊น่านฟ้า ทำไมไม่มากับดี๊ดาวเหนือด้วย
"ปลายฟ้ากับน่านฟ้ากำลังตามมาค่ะ ส่วนทะเลไปทำธุระให้ดี๊ค่ะ แต่เดี๋ยวก็คงจะตามมา"
"แด๊ดดี๊ไปทำธุระเหรอคะ" เจ้าขาก็คือเจ้าขา ไม่มีทางที่จะรู้ไม่ทันคำพูดของดี๊ดาวเหนือ และคาดว่าธุระที่ดี๊ดาวเหนือให้แด๊ดดี๊ไปทำก็คงไม่พ้นเรื่องของคนที่ทำร้ายตนกับพวกน้อง ๆ ในห้องน้ำ
ฟอดดด
"หนูขาไม่เชื่อดี๊เหรอคะ หื้ม?" ปลายจมูกโด่งฟัดที่พวงแก้มเนียนของเจ้าหญิงตัวน้อยด้วยความมันเขี้ยวระคนเอ็นดู ทั้งฉลาด ทั้งเก่ง แบบนี้สิถึงได้รู้ทันดาวเหนือไปเสียทุกเรื่อง
"หื่อ!! ดี๊ให้แด๊ดดี๊ไปจัดการเรื่องที่น้อง ๆ ถูกทำร้ายใช่มั้ยคะ ดี๊อย่าเพิ่งทำอะไรพวกเขานะคะ เพราะหนูยังไม่รู้ว่าต้นสายปลายเหตุมันมาจากอะไร เผื่อเจ้าแสบจะไปหาเรื่องพวกเขาก่อน เราจะได้ไม่กลายเป็นคนผิดที่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ไงคะ"
ไม่ใช่ว่าตนจะไม่รู้จักนิสัยน้องชายตัวแสบของตน แต่มันก็อดคิดไม่ได้อยู่ดี เจ้าชายอายุสิบแปด กำลังเป็นหนุ่มครึกคะนองและเลือดร้อน ส่วนเจ้าคุณอายุสิบห้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถอดแบบเจ้าชายมาอย่างกับคนคนเดียวกัน แล้วที่ตนยังคาใจก็คือบุคคลที่ยังอยู่ในห้องน้ำห้องที่สาม อะไรคือเขายังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ที่เขายังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเพราะสามคนนั้น หรือเพราะเจ้าแสบน้องชายของตนกันแน่ ที่ตนคิดแบบนี้ก็เพราะบางทีเจ้าน้องชายตัวแสบก็แอบดื้อเงียบ ๆ แต่ก็ไม่เคยสร้างเรื่องที่มันใหญ่โตเท่าวันนี้ เพราะที่ผ่านมาอย่างมากก็แค่มีเรื่องชกต่อยตามประสาวัยรุ่น แต่ครั้งนี้มันหนักหนาจริง ๆ ถ้ารอดปลอดภัยออกมาได้ ตนคงต้องกำราบอย่างจริงจังซะแล้วล่ะ
"เรื่องที่หนูสงสัย หาคำตอบได้ไม่ยากหรอกค่ะ เดี๋ยวก็รู้ว่าใครเป็นคนสร้างเรื่อง แต่ความผิดของพวกมันมีแน่นอนค่ะ มันผิดที่ทำให้หนูขากับลูกชายทั้งสองคนของดี๊ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ ดี๊อภัยให้พวกมันไม่ได้หรอกค่ะ" ดาวเหนือพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ริมฝีปากหยักยกยิ้มให้นางฟ้าตัวน้อยอย่างอ่อนโยน แต่แววตากลับแข็งกร้าววาวโรจน์ไปด้วยความโกรธแค้น เหมือนกับว่ากำลังมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ในดวงตาของดาวเหนือก็ไม่ปาน
เรียวแขนเล็กโอบกอดเอวสอบของดี๊ดาวเหนืออย่างออดอ้อน พวงแก้มเนียนถูไถที่แผ่นอกของดี๊ดาวเหนือเหมือนลูกแมวตัวน้อยกำลังออดอ้อนเจ้าของของมัน ปากบางฉีกยิ้มพิมพ์ใจให้ดาวเหนือจนตาหยี และแน่นอนว่าการกระทำของเจ้าหญิงตัวน้อยมันมีผลต่อจิตใจของดี๊ดาวเหนือไม่ใช่น้อย เพราะทันทีที่ลูกแมวมันเอาหัวถูไถที่อกของตน ดาวเหนือก็อดไม่ได้ที่จะฝังจมูกหอมที่กลุ่มผมนุ่มไปฟอดใหญ่
แพ้ลูกอ้อนให้กลับเจ้าหญิงตัวน้อยอีกแล้วสิน้า!!
"ดี๊อย่าเพิ่งลงโทษพวกเขาได้มั้ยคะ หนูอยากฟังความจริงจากปากของเจ้าสองแสบเสียก่อน หนูไม่อยากฟังความข้างเดียวค่ะ" ว่าพลางฉีกยิ้มพิมพ์ใจให้ดี๊ดาวเหนือได้ใจอ่อนยวบอีกครั้ง
"ทำไมหนูขาของดี๊น่ารักแบบนี้ล่ะคะ ทั้ง ๆ ที่พวกมันทำให้หนูเจ็บ หนูยังจะร้องขอชีวิตของพวกมันเอาไว้อีก ดื้อจริง ๆ เลย!!" ปากก็ว่าเด็กดื้อ แต่ปลายจมูกโด่งก็กดหอมแก้มดื้อ ๆ ของเจ้าหญิงตัวน้อยไปอีกฟอดใหญ่ แล้วมีเหรอที่เด็กดื้อจะยอมแพ้ นอกจากจะออดอ้อนให้ดี๊ดาวเหนือใจอ่อนได้แล้ว ยังหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ ก่อนจะจุ๊บที่แก้มสากของดี๊ดาวเหนือเพื่อขอบคุณที่ยอมใจอ่อนและทำตามคำขอร้องของตน
อีกฟากหนึ่ง ทิวไผ่ที่ยืนดูการกระทำของสองพ่อลูก ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตามไปด้วย ไม่ว่าสถานการณ์ตรงหน้าจะเลวร้ายมากแค่ไหน แต่คุณหนูตัวน้อยก็สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ตรงนั้นให้กลับมาดีขึ้นได้ไม่ยาก เพียงแค่คุณหนูยิ้ม ทุกอย่างมันก็ดูผ่อนคลายไปหมด
ขนาดดาวเหนือที่ใครต่อใครบอกว่าโหดเหี้ยมนักโหดเหี้ยมหนา กลับยืนโอบกอดคุณหนูตัวน้อยอย่างอ่อนโยน แววตาและน้ำเสียงที่พูดคุยกับคุณหนูเจ้าขาก็อ่อนโยนจนแทบจะเป็นเสียงสองเสียงสามเลยก็ว่าได้
เมื่อคิดมาได้ถึงตรงนี้ก็รู้สึกหน่วง ๆ อย่างบอกไม่ถูก ความฝันที่จะได้ดูแลเจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลวัชรสกุลกิจคงเป็นได้แค่ความฝันสินะ เพราะดูท่าแล้ว ตนคงจะผ่านด่านองครักษ์ผู้พิทักษ์องค์หญิงตัวน้อยไปได้ยากเสียเหลือเกิน คิดได้แค่นั้น ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
แกร๊ก!!
"คุณหมอ!! ลูกชายของผมเป็นไงบ้างครับ เขาปลอดภัยดีใช่มั้ยครับ" ทันทีที่คุณหมอเดินออกมาพ้นประตูห้องผ่าตัด ดาวเหนือไม่รอช้ารีบถามไถ่อาการลูกชายทั้งสองของตนทันที แต่อ้อมแขนยังคงกกกอดเจ้าขาเอาไว้ในอกไม่ยอมปล่อย เพราะเกรงว่าถ้าคำตอบที่คุณหมอตอบออกมาตรงกันข้ามกับสิ่งที่ตนคิดเอาไว้ ตนจะได้กอดปลอบเจ้าขาได้ทันท่วงที
"ครับ เขาสองคนปลอดภัยแล้วครับ เดี๋ยวหมอจะให้เจ้าหน้าที่ย้ายคนไข้ไปยังห้องพักผู้ป่วยนะครับ" ต้นไม้รู้สึกตกใจเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าญาติคนไข้ที่มารออยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดจะเป็นดาวเหนือ ภาพของชายวัยกลางคนที่นั่งคุกเข่าอยู่หน้าห้องไอซียูเมื่อสิบปีที่แล้วฉายซ้ำเข้ามาในความคิดของหมอต้นไม้อีกครั้งแต่ครั้งนี้ดีกว่าครั้งนั้นก็ตรงที่เด็กน้อยที่ตนช่วยเอาไว้ปลอดภัยดีทั้งคู่ ความรู้สึกมันจึงแตกต่างจากครั้งที่แล้วอย่างลิบลับ
"ขอบคุณนะครับคุณหมอ ขอบคุณที่ช่วยน้องชายของผมจนพวกเขาปลอดภัย" มือน้อย ๆ ยกขึ้นพนมก่อนจะก้มศีรษะเล็กน้อยเพื่อขอบคุณคุณหมอตรงหน้า
"ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว หมอขอตัวก่อนนะครับ" เมื่อตนทำหน้าที่ของตนเสร็จสิ้นแล้ว ก็เดินแยกออกมาทางเจ้าน้องชายตัวดีของตนทันที ไอ้น้องชายที่ว่าก็เอาแต่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างกับคนเสียสติ ไม่รู้จะยิ้มอะไรนักหนา ผิดกับตอนแรกที่มาถึงโรงพยาบาลราวฟ้ากับเหว สงสัยว่าเรื่องนี้จะต้องถึงหูป๊ากับแม่ซะแล้ว อย่างน้อยถ้าไม่รีบเตรียมเงินค่าสินสอด ก็คงต้องรีบเตรียมหลุมฝังศพเอาไว้ให้มัน เพราะดูท่างานนี้คงจะจบไปในทิศทางที่สองซะมากกว่าจะได้เตรียมเงินค่าสินสอด
เพราะคนที่มันหมายปอง ไม่ใช่แค่ดอกฟ้าแต่เป็นนางฟ้าที่หมาอย่างมันทำได้แค่มอง
คฤหาสน์วัชรสกุลกิจ
"อ๊ะ!!...อึ๋ย!!..เจ็บชะมัด" เจ้าขาร้องเสียงหลงเมื่อเผลอพลิกตัวนอนทับแขนข้างที่มีแผล
"เจ็บมากมั้ยคะ"
"เฮีย...เฮียนายมาได้ไงคะ" ทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคย เจ้าขารีบลืมตาตื่นขึ้นมามองคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ตนด้วยท่าทีที่ตื่นตระหนก
ฟอดดด
"มอร์นิ่งค่ะ" เจ้านายฟัดที่แก้มของเจ้าขาด้วยความเอ็นดู
"ตื่นแล้วก็ลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาสิ จะได้กินข้าวกินยา"
"เฮีย...เฮียสมุทร" เมื่อได้ยินน้ำเสียงราบเรียบที่เป็นเอกลักษณ์ของอีกคน เจ้าขารีบหันมาตามเสียงทันที เจ้าสมุทรนั่งเอนหลังพิงที่หัวเตียง ฝ่ามือหนาลูบที่กลุ่มผมนุ่มอย่างอ่อนโยน "สวัสดีค่ะเฮียนาย สวัสดีค่ะเฮียสมุทร"
มือน้อย ๆ ยกขึ้นไหว้พี่ชายทั้งสอง พร้อมกับส่งยิ้มหวานจนตาหยีอย่างที่เจ้าตัวชอบทำ
ฟอดด
เจ้าสมุทรอดไม่ได้ที่จะก้มฟัดที่พวงแก้มของเจ้าขาด้วยความมันเขี้ยว
"เจ็บมากมั้ยคะ" เจ้าสมุทรเอ่ยถามเจ้าขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง แม้ว่าภายในใจจะลุกโชนด้วยไฟแห่งความโกรธแค้นก็ตาม ยอมรับเลยว่าตอนที่รู้ว่าน้อง ๆ ของตนถูกทำร้าย ตนกับเจ้านายร้อนใจจนแทบคลั่ง และรีบนั่งเครื่องบินส่วนตัวมาที่นี่ทันที
"ไม่เจ็บแล้วค่ะ" ไม่ใช่ว่าไม่เจ็บ แต่ไม่อยากทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วงไปมากกว่านี้ต่างหาก แค่เห็นพี่ชายทั้งสองของตนมานอนขนาบข้างทั้งซ้ายและขวา ตนก็รู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว
"ไม่เจ็บ หรือไม่อยากทำให้ทุกคนเป็นห่วง" เจ้าสมุทรที่รู้ทันความคิดของเจ้าขาก็เอ่ยถามเสียงเรียบ เพราะทุกคนต่างก็รู้กันดีว่าเจ้าหญิงที่พวกตนเฝ้าถนอมกันมาตั้งแต่เล็กเป็นคนยังไง นิสัยแบบไหน แล้วก็ดื้อได้ใคร
"ขอ...ขอโทษค่ะที่ดูแลสองแสบไม่ดี จนเกิดเรื่องขึ้น และก็ขอโทษที่ดูแลตัวเองไม่ดี จนทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วง" มือเรียวยกขึ้นพนมเป็นพุ่มก่อนจะหันไปไหว้ขอโทษพี่ชายทั้งสองของตนด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่าตนรู้สึกผิดจริง ๆ
เจ้าสมุทรเมื่อเห็นหน้าหงอย ๆ ของเจ้าขาก็ใจอ่อนยวบ จึงรีบคว้าตัวเจ้าขามานั่งที่ตักของตน และกอดปลอบขวัญเจ้าขาอย่างอ่อนโยน
"ขอโทษที่ดุ เฮียกับเฮียนายเป็นห่วงหนูขามากเลยรู้มั้ย แค่รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับหนู เฮียกับเฮียนายก็รีบมาหาทันทีเลย เพราะกลัวว่าเด็กดื้อของเฮียจะพลั้งมือฆ่าใครตายไปซะก่อน"
"หื่อ!! ... หนูไม่ได้ฆ่าใครตายสักหน่อย ก็แค่ป้องกันตัวเฉย ๆ เถอะ" คนถูกแซวบึนปากคว่ำ แก้มทั้งสองข้างอมลมเอาไว้จนแก้มป่อง
ฟอดดด
เจ้าสมุทรอดไม่ได้ที่จะฟัดที่แก้มป่อง ๆ ของเจ้าขาด้วยความมันเขี้ยวไปอีกหลายฟอดใหญ่
"ไม่ตาย แต่ก็สาหัส ไอ้คนที่ถูกเตะ สองคนนั้นป่านนี้ยังไม่ฟื้นเลย ส่วนอีกคนเห็นตำรวจบอกว่าถึงขั้นเสียสติพูดจาให้การณ์อะไรไม่รู้เรื่องเลย ต้องส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจิตเวช" เจ้าสมุทรรีบสาธยายอาการของไอ้สวะสามคนนั้นให้เจ้าหญิงตัวน้อยของตนฟังทันที
"พวกเขาเจ็บหนักขนาดนั้นเลยเหรอคะ หนู.. หนูไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายพวกเขาให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น คุณตำรวจจะแจ้งข้อหาพยายามฆ่าหรือเปล่าคะ แต่...แต่หนูสาบานได้ หนูไม่ได้ตั้งใจ หนู.."
เมื่อเห็นหน้าหงอย ๆ ระคนตื่นตระหนกของเจ้าขา เจ้าสมุทรก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขำกับท่าทางตื่น ๆ ของเจ้าขา
"จ้าว หยุดแกล้งน้องได้แล้วน่า" เจ้านายรีบพูดปรามเจ้าสมุทรที่พยายามกลั้นเสียงหัวเราะของตนจนตัวสั่น
"หื่อ!! เฮียแกล้งหนูเหรอ" พอรู้ว่าตัวเองถูกพี่ชายสุดที่รักกลั่นแกล้งก็นั่งกอดอกและอมลมเข้าปากจนกระพุ้งแก้มทั้งสองข้างป่องขึ้น
ฟอดดด
"ขอโทษค่ะ แต่ความจริงอาการของพวกมันก็ไม่ได้ต่างจากที่เฮียพูดสักเท่าไหร่ แต่ไม่ได้เกิดจากฝีเท้าของหนูหรอกนะ แต่เกิดจากฝีเท้าของเฮียนายต่างหาก"
"ฮะ...เฮียนายทำอะไรพวกเขาคะ"
"จ้าวก็พูดเกินไป เฮียก็แค่สั่งสอนพวกมันนิด ๆ หน่อย ๆ ก็แค่นั้นเองค่ะ" เจ้านายที่ถูกพาดพิงก็รีบอธิบายให้เจ้าขาฟังทันที เพราะไม่อยากให้เจ้าขารู้สึกไม่สบายใจ แต่ถ้าให้พูดกันตรง ๆ สภาพของไอ้สวะสามตัวนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากคนตาย เพราะทั้งแขนและขาหักจนใช้การไม่ได้ ต้องอยู่อย่างทุกทรมานไปชั่วชีวิต
"แค่สั่งสอนจริง ๆ เหรอคะ" เจ้าขาหันไปมองหน้าเจ้านายเพื่อจับพิรุธ ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เจ้านายพูด แต่ก็อดที่จะระแวงไม่ได้ แม้ว่าภายนอกเจ้านายจะดูเหมือนเป็นคนใจดี ไม่ค่อยใช้อารมณ์และกำลังเหมือนกับเจ้าสมุทร แต่เวลาโกรธขึ้นมา ความน่ากลัวไม่ได้ต่างจากเจ้าสมุทรเลยสักนิด
หรือจะพูดให้ถูก ตระกูลวัชรสกุลกิจไม่มีใครไม่น่ากลัวเลยต่างหาก
"หนูขาไม่เชื่อเฮียเหรอคะ ในสายตาของหนูขา เฮียดูโหดร้ายมากขนาดนั้นเลยเหรอ หนูขาถึงได้คิดว่าเฮียจะทำเรื่องโหดร้ายแบบนั้น" เจ้านายทำทีเหมือนกำลังน้อยอกน้อยใจเจ้าหญิงตัวน้อยของตน แต่สีหน้าและแววตามันกลับตรงกันข้ามทุกอย่าง แล้วริมฝีปากหยักที่ยกยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรนั่นอีก ใครเชื่อที่เจ้านายพูดก็บ้าแล้ว
"หนู...เฮ่อ!!" สุดท้ายก็ทำได้แค่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ อุตส่าห์ร้องขอชีวิตของพวกเขาให้รอดพ้นมาจากเงื้อมมือของมัจจุราชอย่างดี๊ดาวเหนือมาได้ แต่สุดท้ายก็ต้องมามีจุดจบที่เฮียทั้งสองของตน "หนูไปอาบน้ำดีกว่า ไม่รู้ว่าป่านนี้เจ้าสองแสบจะเป็นไงบ้าง"
"ใครอนุญาตให้อาบน้ำ แผลที่แขนหายดีแล้วหรือไง" ก่อนที่เจ้าขาจะได้ลุกออกจากตักของเจ้าสมุทร แขนแข็งแรงที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก็กอดเข้าที่เอว รั้งให้เจ้าขานั่งลงที่ตักของตนอย่างเดิม
"แต่หนูอยากไปหาสองแสบนี่คะ ให้หนูไปหาน้องเถอะนะคะ"
"นั่งอยู่กับเฮียสมุทรก่อนนะคะ เดี๋ยวเฮียเข้าไปหยิบกะละมังน้ำแล้วก็แปรงสีฟันมาให้ แปรงฟันเสร็จเดี๋ยวเฮียเช็ดตัวให้นะคะ" เจ้านายเอ่ยบอกกับเจ้าขาก่อนจะรีบเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ไม่นานก็เดินออกมาพร้อมกับกะละมังน้ำ ผ้าขนหนูผืนเล็กและแปรงสีฟัน
"ต...แต่หนูโตแล้วนะ ฮ...เฮียจะดูหนูโป๊ได้ยังไง" แขนเล็ก ๆ รีบยกขึ้นกอดที่อกของตนเอาไว้ทันที
"เพ้อเจ้ออะไร เมื่อคืนนี้ก็เช็ดตัวให้ทั้งคืน ไม่เห็นจะโวยวายอะไรเลย แล้วเฮียกับเฮียนายก็เห็นของหนูมาตั้งแต่หนูเกิด จะมาอายอะไรตอนนี้" เจ้าสมุทรพูดเสียงเรียบ แต่คนฟังอย่างเจ้าขากลับหน้าร้อนผ่าวจนใบหน้าที่เคยขาวเนียนขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ
"หึ จ้าวเลิกแกล้งน้องสักที ดูสิหน้าแดงอย่างกับคนป่วย" ปากก็พูดว่าเจ้าสมุทรที่พูดจาเย้าแหย่เจ้าขาจนเขินอาย แต่ตนก็ยกยิ้มที่มุมปากอย่างชอบใจไม่แพ้กัน
"หื่อ!! เฮีย ๆ หยุดแกล้งหนูเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าไม่หยุดหนูจะฟ้องดี๊จริง ๆ ด้วย" แม้จะแผดเสียงใส่เจ้านายกับเจ้าสมุทรที่ชอบแกล้งให้ตนหัวเสีย แต่ตนก็รู้ดีว่าที่ทั้งสองเฮียพูดมามันก็คือเรื่องจริง เพราะตั้งแต่เล็กจนโต นอกจากดี๊ดาวเหนือกับมี๊น่านฟ้า ก็มีเฮียเจ้านายกับเฮียเจ้าสมุทรนี่แหละที่คอยดูแลประคบประงมตนไม่เคยห่าง แต่หลังจากที่ตนมาอยู่ที่ไทยเมื่อสิบปีที่แล้ว และประกอบกับเฮียทั้งสองมีครอบครัวเป็นฝั่งเป็นฝา และตนก็เริ่มโตขึ้น สองเฮียก็ไม่เคยอาบน้ำหรือทำอะไรที่มันไม่เหมาะสมอีกเลย แล้วอยู่ ๆ จะให้มาแก้ผ้าให้สองเฮียเช็ดตัวให้ ใครจะยอมกันล่ะ ตอนนี้ตนอายุยี่สิบห้าแล้วนะไม่ใช่ห้าขวบ
แกร๊ก!!
"แกล้งอะไรน้องอีก เสียงดังไปถึงชั้นล่างเลย" น่านฟ้าที่เดินเข้ามาในห้องเอ่ยถามลูกชายของตนเสียงเรียบ เพราะคิดว่าเจ้านายกับเจ้าสมุทรจะต้องแกล้งเจ้าขาจนหัวเสียอย่างแน่นอน และก็เป็นอย่างที่คิด เพราะตอนนี้ใบหน้าของเจ้าขาขึ้นสีแดงระเรื่อ และถ้าตนคิดไม่ผิดจากที่เห็นกะละมังน้ำกับผ้าขนหนูผืนเล็กในมือของเจ้านาย ก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
"มี๊ขา เฮีย ๆ จะดูหนูโป๊ค่ะ" พูดพร้อมกับส่งสายตาออดอ้อนให้กับมี๊น่านฟ้า
"ใครจะไปอยากดู เห็นตั้งแต่เกิดแล้วเถอะ" เจ้าสมุทรพูดเสียงเรียบตามแบบฉบับของตน แต่ก็ยังไม่วายยักคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเพื่อกวนประสาทคนให้อ้อมกอดให้หัวเสียเล่น ๆ
"เฮีย!!" นอกจากจะอายจนแก้มแทบสุกแล้ว เจ้าสมุทรยังกวนประสาทให้เจ้าขาได้อมลมเข้าปากจนกระพุ้งแก้มทั้งสองข้างป่องมากขึ้นไปอีก
"กล้าขึ้นเสียงกับเฮียเหรอ หื้ม!!"
"ขอโทษค่ะ ก็เฮีย...เฮียแกล้งหนูก่อน" เจ้าขาก็คือเจ้าขา พอถูกเจ้าสมุทรดุ ก็จะเอ่ยคำว่าขอโทษ พร้อมกับเอนตัวพิงแผ่นอกของเจ้าสมุทรอย่างคนสำนึกผิด และมันก็ใช้ได้ผลเสมอ
ฟอดดด!!
"เฮียก็แค่แกล้งเล่นเฉย ๆ เฮียเห็นหนูเครียด ๆ ก็เลยอยากให้หนูทิ้งเรื่องเครียด ๆ พวกนั้นไปบ้าง เฮียกับเฮียนายรักและก็เป็นห่วงหนูมากนะคะ" ฝ่ามือใหญ่ลูบที่แผ่นหลังของเจ้าขาอย่างอ่อนโยน
"เดี๋ยวมี๊เช็ดตัวให้น้องเอง ส่วนเราสองคนลงไปรอข้างล่างก่อน จะได้ไปโรงพยาบาลพร้อมกัน" น่านฟ้าว่าพลางหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาจากมือของเจ้านาย
"เฮียลงไปรอข้างล่างนะคะ" แต่ก่อนที่จะเดินออกไป จมูกโด่งของเจ้านายก็ฟัดเข้าที่แก้มป่อง ๆ ของเจ้าขาไปอีกฟอดใหญ่
"รีบลงไปนะคะ เฮียจะรอทานข้าวพร้อมกับหนู" ฝ่ามือหนาอุ้มคนบนตักให้นั่งลงบนที่นอนนุ่มก่อนจะฝังจมูกลงที่พวงแก้มของเจ้าขาไปอีกฟอดใหญ่เช่นกัน
เมื่อเจ้านายกับเจ้าสมุทรเดินออกไปจากห้อง น่านฟ้าจึงไม่รอช้ารีบเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เจ้าขาทันที เมื่อเช็ดตัวให้เจ้าขาเสร็จก็รีบเดินเข้าไปหยิบเสื้อผ้าและสวมใส่ให้เจ้าหญิงตัวน้อยของวัชรสกุลกิจอย่างเบามือ ก่อนจะพากันเดินลงบันไดมายังชั้นล่างและเดินตรงดิ่งไปยังห้องครัวทันที
ทางด้านของทิวไผ่
"วันนี้ไม่ไปโรงพยาบาลเหรอ" ทิวไผ่เอ่ยถามหมอต้นไม้ด้วยความสงสัย เพราะปกติสายป่านนี้มันต้องไปโรงพยาบาลเพื่อคอยดูแลคนไข้ที่มันรักแล้วสิ
"ไอ้ที่ถามเพราะว่าสงสัย หรือว่าอยากไปด้วยกันแน่" หมอต้นไม้ถามกลับด้วยท่าทางกวน ๆ
"กูก็แค่สงสัยไง เพราะปกติคนบ้างานอย่างมึงไม่เคยอยู่ติดบ้านสักวัน"
"หึ" หมอต้นไม้ร้องหึอยู่ในลำคอก่อนจะจ้องใบหน้าของไอ้น้องชายตัวดีอย่างจับพิรุธ
"มองอะไร มองเพื่อจะตอกย้ำความขี้เหร่ของตัวเองรึไง" ก็รู้แหละว่ามันมองเพราะต้องการจะจับผิดตน แต่มีเหรอที่คนอย่างทิวไผ่จะยอมรับง่าย ๆ ว่าในใจลึก ๆ ตนอยากจะติดสอยห้อยตามมันไปโรงพยาบาลใจแทบขาด
"อยากไปดูอาการของคุณหนูเจ้าขาก็พูดมาเถอะ แต่เสียใจด้วยนะ คุณหนูไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาล เห็นหมอกริชบอกว่าพี่ชายของคุณหนูมารับกลับไปนอนพักที่บ้านตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว"
"ก็...มึงว่าไงนะ!! พี่ชายของคุณหนูมาที่นี่งั้นเหรอ แล้ว...แล้วเขาจะพาคุณหนูกลับเมกาเลยรึเปล่า เหี้ยเอ๊ย!! กูเพิ่งจะได้เจอกับคุณหนูแค่คั้งเดียวเองนะเว่ย!! กู...กูต้องทำไงวะถึงจะได้เจอกับคุณหนูอีกสักครั้ง" เมื่อรู้ว่าพี่ชายของคุณหนูเจ้าขามาที่ไทย ทิวไผ่ก็เกิดอาการร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด
ตนอุตส่าห์กลับมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อที่จะได้เจอคุณหนูตัวน้อยของตน แต่พี่ชายของคุณหนูกลับจะพาคุณหนูหนีตนไปอยู่ที่อื่นเนี่ยนะ
ไม่มีทาง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตนจะไม่มีวันยอมให้คุณหนูหนีไปไหนอีกแล้ว ไม่ได้เจอกันตั้งสิบปี มันก็ทรมานมากเกินพอแล้ว นับจากนี้เป็นต้นไป คงจะมีแค่ความตายเท่านั้นแหละที่จะพรากคุณหนูไปจากตนได้
หมอต้นไม้ที่เห็นสีหน้าของไอ้น้องชายตัวดีที่ตอนนี้ลุกลี้ลุกลนจนนั่งไม่ติดก็หลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ จนคนที่กำลังหัวเสียถึงกลับมองหน้าพี่ชายของตนอย่างเอาเรื่อง
"แกเป็นอะไรของแก หรือว่า...แกแอบชอบคุณหนูเจ้าขาใช่มั้ย!!"
"...."
ทิวไผ่ที่กำลังร้อนใจเรื่องที่พี่ชายสุดโหดของคุณหนูเจ้าขามาหาคุณหนูที่ไทย แต่เมื่อถูกหมอต้นไม้พูดแทงใจดำ ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงอาการเลิ่กลั่กออกมายิ่งกว่าเดิม
"อ่า... เข้าใจแล้ว แกแอบชอบคุณหนูเจ้าขาจริง ๆ ด้วย ฉันก็เอะใจตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ตอนที่คุณหนูถูกยิงเมื่อสิบปีที่แล้ว ทำไมแกถึงได้ดูร้อนรนกับอาการของคุณหนูมากขนาดนั้น แล้วยังจะบังคับให้ฉันดูแลคุณหนูเป็นเคสพิเศษอีก เพราะแกแอบชอบคุณหนูเจ้าขามาตั้งนานแล้วนี่เอง"
"พ...พูดบ้าอะไรของมึง" แม้จะพยายามเฉไฉไม่ยอมรับในสิ่งที่หมอต้นไม้พูด แต่ก็ไม่กล้าสบตาผู้เป็นพี่ชายของตน
"ทำไม? ฉันพูดอะไรผิดงั้นเหรอ" เมื่อเห็นอาการประหม่าของทิวไผ่ หมอต้นไม้ก็อดไม่ได้ที่จะไล่ต้อนคนปากแข็งให้จนมุม
"ถ้ามึงว่างมากน่ะนะ ก็ไปโรงพยาบาลโน่น ไม่ต้องเสือกมายุ่งเรื่องของกู"
"ก็ไม่ได้อยากยุ่ง แค่จะเตือนด้วยความเป็นห่วง"
"ห่วง? มีอะไรให้น่าเป็นห่วง กูไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย"
"แกก็รู้ว่าคุณหนูไม่ใช่แค่ดอกฟ้า แต่เธอคือนางฟ้า และเป็นนางฟ้าที่หมาผิวไผ่อย่างแกทำได้แค่แหงนมองเท่านั้นแหละ เพราะเหล่าองครักษ์ผู้พิทักษ์นางฟ้าคงจะไม่ยอมให้หมาอย่างแกได้เข้าใกล้นางฟ้าของตระกูลวัชรสกุลกิจง่าย ๆ หรอก"
คำพูดของหมอต้นไม้เหมือนเข็มนับพันเล่มที่ทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจของทิวไผ่พร้อม ๆ กัน มันเจ็บ เจ็บเหมือนจะขาดใจ ก็รู้ว่าตนเป็นได้แค่หมา
แต่หมาตัวนี้แหละจะคอยปกป้องและดูแลเจ้าหญิงตัวน้อยด้วยความซื่อสัตย์
ถึงจะเป็นแค่หมา...
แต่ตนก็จะเป็นหมาตัวโปรดของคุณหนูเจ้าขาให้ได้
คุณหนูเจ้าขาของหมาทิวไผ่
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 9
Comments