บทที่ 4
ห้องนอนกว้างขวางที่ไม่มีอะไรประดับประดาสะดุดตาสักอย่างเดียว ดูจืดชืดและสงบราวกับบรรยากาศในงานศพ พนันได้ว่าใครๆก็ต้องคิดว่าเจ้าของห้องเป็นพวกปลงตกจนสามารถจะออกบวชได้ แต่ดูเหมือนตอนนี้คนที่อยากจะออกบวชให้รู้แล้วรู้รอดน่าจะเป็นผมเสียมากกว่า
อยู่ในวังไม่มีอิสระฉันใด นอกวังก็เหมือนกัน...
"ลองใส่ตัวนี้ดูนะครับ" สไตลิสต์จำเป็นเอ่ย เขายื่นเสื้อผ้าในไม้แขวนสีครีมแขนยาวมาให้ผม แต่ผมไม่ได้สนใจ เพียงเหลือบตามองบนแล้วใช้หางตามองไปที่เตียง ส่งตาเขียวไปให้คนที่ง่วนอยู่กับภารกิจที่เตียงที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
อยากหายตัวได้ อยากหายตัวได้ ทำไมเรื่องราวมันกลับตาลปัตรแบบนี้
ปัง ปัง ปัง
เสียงปืนหลายนัดดึงความสนใจผมไปที่หน้าต่าง มองลอดออกไปด้านนอก แต่ก็เห็นเพียงแค่ท้องฟ้าเพราะห้องที่อยู่ อยู่ชั้นสอง
"เสียงปืน"
"พวกลูกน้องซ้อมยิงปืนกันน่ะครับ คุณไม่ต้องใส่ใจไปหรอกครับ"
ใส่ใจสิ ใส่ทั้งใจใส่ทั้งจานเลยแหละ อยากไปดูจะแย่ ทำไมผมต้องมาทนทำอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย
ผมเองก็อยากยิงปืนมากกว่ามายืนหมุนซ้ายหมุนขวาเปลี่ยนชุดไปมาเป็นตุ๊กตาบลายธ์อยู่ตรงนี้ 'วิน' รายนี้ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างกับเห็นว่ามันเป็นเรื่องสนุก แบบนี้ยิ่งทำให้ผมอารมณ์เสีย... เสียมากๆจนอยากจะเอาปืนมายิงแขนยิงขาคนเอาแต่ใจทิ้งเสียเลย
"คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ดูเหม่อๆ ท่าทางเหมือนหิวนะครับ"
หิวสิ หิวลูกปืน อยากไปเล่นกีฬายิงปืนจะแย่ แค่ไปดูก็ได้
"เปล่าๆ เราแค่ตกใจน่ะ จะว่าไปข้างนอกอากาศดีน่าไปเดิน..."
"วิน"
"ครับนาย"
เจ้ายักษ์ไร้มารยาทจริงๆ ปากก็พูดไปแต่มีกับสายตาหันมามองคนที่พูดด้วยซะที่ไหน เห็นทีจับอบรมมารยาทยังน้อยไปด้วยซ้ำ ความแตกต่างของชนชั้นสะท้อนออกมาตามมารยาทการวางตัวจริงๆ
"บอกคนของกู ใครยิงปืนทำให้เมียกูตกใจอีก กูจะหักมือมัน"
"ครับนาย"
หักมือ!
ผมลอบกลืนน้ำลาย วินรับคำสั่งแล้วก็รีบเดินออกไปจากห้องทันที เจ้ายักษ์นี่เป็นผู้มืออิทธิพลแบบไหนกันนะถึงได้ป่าเถื่อนเย้ยกฎหมายแบบนี้ ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ผมยังอยากเป็นรัชทายาทที่มีแขนขาอยู่ครบนะ
"ป่าเถื่อน" ผมจงใจพูดให้เจ้ายักษ์ได้ยิน
"หึหึ"
ผมต้องรีบๆทำให้เขาเตะโด่งผมออกไปก่อนที่อะไรจะเลยเถิดไปมากกว่านี้
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป...
ผมมองเสื้อผ้ากองหนึ่งที่ผ่านการทดลองสวมใส่ไม่ถึงอึดใจวางซ้อนเป็นภูเขาขนาดย่อม บนโซฟาสีดำ ข้างๆตัว และดูแล้วภูเขาลูกนี้จะยังขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆได้อีก
เจ้ายักษ์สั่งให้ลูกน้องในบ้านไปจัดหาเสื้อผ้าแบรนด์เนมมาวางกองให้ผมเลือก...ซะที่ไหน
เขาให้ผมลองชุดแล้วลองอีก เลือกเอาที่เจ้าตัวสบายใจทั้งนั้น
"ยังดีนะที่เสื้อผ้าของเรายังมีสีครีมเหลืองกับสีโทนอ่อนอื่นๆปนมาบ้าง ไม่งั้นคงคิดว่าแต่งไว้ทุกข์" ผมใช้มือยืดชายเสื้อตัวที่ใส่อยู่แล้วมองมันอย่างพิเคราะห์ ถือว่าตัวเองยังโชคดีอยู่บ้างจริงๆ แต่จะดีกว่านี้ถ้าผมได้เลือกด้วยตัวเอง
"ตัวนี้ไม่เอา ตัวนั้นไม่เอา อันโน้นก็ไม่เอา"
โว้ย!!! ไม่เอาอะไรสักอย่าง สรุปจะเป็นสามีหรือเป็นพ่อกันแน่...
ผมมองคนที่หยิบเสื้อผ้าบนเตียงแยกไปทางซ้ายทีขวาที น่าปวดหัว คนเอาแต่ใจดูตั้งใจมาก ทำอย่างกับว่าจะเลือกใส่เอง ผมมองภาพเจ้ายักษ์หยิบวางเสื้อผ้าไปมาด้วยความอนาถใจ ไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกอย่างไรที่เขาไม่ตกใจสักนิดที่ผมเป็นผู้ชาย แถมยังสนับสนุนราวกับเป็นพ่อทูนหัวผมแบบนี้อีก
"มีร้อยชุดคัดออกไปแล้วแปดสิบชุด แล้วจะขนมาเยอะแยะทำไมก็ไม่รู้ มันเหนื่อยนะ เดินเข้าเดินออก ถอดเข้าถอดออกเนี่ย"
ถ้าในตู้ไม่ได้มีแต่เสื้อผ้าผู้หญิง ต่อให้เอาคุณลำดวลมาบังคับ ผมก็ไม่ทำตามหรอก
"อุ๊บ..." ผมหันมามองคนที่ส่งชุดให้ผมแต่ก็ไม่วายเอามืออีกข้างปิดปากขำคิกคัก "ลองใส่ตัวนี้ดูนะครับ เจ้านายเลือกไว้ให้แล้วครับ"
.
.
.
อยากนอนจัง
ผ่านไปเป็นชั่วโมงจนตอนนี้ผมอยู่ในชุดสุดท้าย เป็นเสื้อไหมพรหมน่ารักๆ ไม่หนาไม่บางเกินไป ดูโอเวอร์ไซซ์กับกางเกงเหนือเข่าสีขาว จะว่าไป ตอนอยู่ในวังไม่เคยใส่เสื้อผ้าสบายๆแบบนี้เลย ถึงมองตัวเองในกระจกแล้วจะดูขัดตาหน่อยๆ มันก็สบายดี ที่สำคัญ ผมขี้เกียจจะเปลี่ยนแล้ว
แกร๊ก
เสียงลูกบิดประตูห้องน้ำเป็นสัญญาณให้เจ้ายักษ์หันมาทำหน้าที่กรรมการชูป้ายตัดสิน
"หมุนสิ"
"ไม่"
"จะหมุนตัวหรือว่า....จะทำอย่างอื่น" คนมองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ใช้นิ้วโป้งขวาปาดริมฝีปากล่างเป็นนัยว่า เขาเตรียมบทลงโทษให้เด็กดื้อเรียบร้อยแล้ว
ผมทำสีหน้างุ้ยปากแบะ แต่ก็ยอมหมุนตามที่เขาบอก
ไม่ได้กลัวหรอกนะ แค่ไม่อยากโดน...
ฟึ่บ
เจ้ายักษ์ยืนกอดอกมองผมที่ค่อยๆหมุนรอบตัวเองราวกับอยู่งานโรงเรียนอนุบาลหมีน้อย ตอนนี้ผู้ปกครองนักเรียนอนุบาลหมีน้อย กำลังไล่มองชุดตั้งแต่ท่อนบนถึงท่อนล่าง ก่อนกดหน้าเล็กน้อย
"อืม น่ารัก...ผ่าน" ฮวามาคว้าข้อมือผมเตรียมหยิบนาฬิกาเรือนหรูใส่ออกจากบ้าน "วินไปเตรียมรถ"
"ครับนายท่าน"
หา! ไปไหน ไม่ไป เหนื่อย จะนอน!
"เดี๋ยวนะ ไปไหน" ผมมองตามวินที่ออกไปเตรียมรถตามคำสั่ง
เจ้ายักษ์ไม่ตอบอะไรเอาแต่ยิ้มกรุ้มกริ่ม แต่ลางสังหรณ์ผมบอกว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
ไปก็โง่แล้ว.
"ไม่ไป"
ผมเกาะเกี่ยวกับเสาขอบเตียงยืนกรานว่าตัวเองจะไม่ออกจากห้อง ดูสิว่าถ้าผมกอดเสาอยู่แบบนี้ใครจะพาไปไหนได้..
ฟึ่บ
เจ้ายักษ์ช้อนร่างผมขึ้นอย่างง่ายดายอย่างกับตักเยลลี่ ผมที่หัวห้อยพาดอยู่บนบ่าแกร่งก็ใช้สองมือทุบแผ่นหลังคนไม่สะทกสะท้าน
"ปล่อย!!!"
.......
วิวเมืองหลวงที่สามารถมองได้จากมุมสูง กระจกใสที่ไม่มีแม้เศษฝุ่น เก้าอี้สีน้ำตาลแข็งแรงกับพนักเก้าอี้นุ่มให้ความรู้สึกลักชัวรี่แก่ผู้ใช้บริการ ร้านอาหารในตึกสูงที่หันไปก็มีแต่พวกพนักงานในชุดบริการยืนยิ้มกับลมกับอากาศตามมุมห้อง
ถ้าไม่มีพนักงานยืนอยู่ที่นี่ก็ไม่ต่างจากห้องร้างสำหรับผม เพราะไม่มีแขกโต๊ะอื่นเลยสักคน ปกติแล้วมารยาทการนั่งรออาหารเงียบๆ ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่ายโดยไม่ต้องอดทนอะไรมาก ยกเว้นวันนี้...
"จะไม่หอมแก้มพี่หน่อยเหรอ"
โรคจิต
"ไม่"
"จุ๊บแก้มล่ะ"
ตายักษ์โรคจิต หื่นกาม
"ไม่"
ผมนั่งคิ้วกระตุกมองเจ้าภาพขี้งกที่จ้องแต่จะทวงโน่นทวงนี้ด้วยใบหน้าเรียบเฉย สมองก็คิดหาวิธีที่จะทำให้เขารังเกียจ ไล่ผมไปให้พ้นโดยเร็ว
"พี่เหมาร้านพามาเดทเลยนะ"
ใครบอกว่าอยากมาล่ะ
เจ้ายักษ์เอียงคอเอนไปเท้าคางกับโต๊ะ ดูสบายๆผิดกับผมที่นั่งหลังตรงมือประสานที่ตักจากการถูกอบรมมารยาทมาเป็นอย่างดี ผมเปลี่ยนโฟกัสที่มองใบหน้ายียวน ไปที่ใบหูและวิวด้านหลังของเขาแทน
"เราไม่ได้บอกว่าอยากจะมาสักหน่อย"
"ฮ่าๆๆ"
คนหัวเราะร่วนลุกจากเก้าอี้หรูเดินมายืนข้างๆผม ผมจ้องเขม็ง ประกาศความดื้อให้เขารู้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป รอยยิ้มกรุ้มกริ่มกลายเป็นความเรียบเฉย สายตาที่จ้องหน้าผมตอนรุกเข้ามาใกล้ทีละนิด ทำให้ผมลอบกลืนน้ำลาย แต่ด้วยความทะนงตนก็ยังคงเก็บอาการไม่ลุกหนี
เขาจะทำอะไร พายบอกว่าเขาทำงานนอกกฎหมาย แต่คงไม่ใช่รับจ้างฆ่าคนใช่ไหม
จุ๊บ
!!!
ฉ่า~
คนฉวยโอกาสใช้ริมฝีปากแตะพวงแก้มของผมด้วยความเร็วแสงจนคนได้รับตั้งตัวไม่ทัน คนแตะแก้มขวาสีมะเขือเทศของตัวเองหลังจากที่ไม่รู้ว่าเขากลับไปนั่งที่ตอนไหน
"ทำอะไรอะ"
"ให้รางวัลตัวเอง" เขามองผมอย่างอารมณ์ดีราวกับตาเขียวปั๊ดที่ส่งให้ไปไม่ถึง ผมสะบัดหน้าเสไปมองวิวนอกกระจกทันที
เจ้ายักษ์โรคจิต เจ้ายักษ์ฉวยโอกาส เจ้าคนไม่มีมารยาท ถ้าจะทำเรื่องแบบนี้ต้องกลับไปทำกันที่บ้านสิ!
"ขออนุญาต เสิร์ฟค่ะ"
สเต็กที่ถูกปรุงมาเป็นอย่างดีถูกเสิร์ฟตรงหน้าผมกับฮวา น้ำดื่มใสสะอาดสองแก้วเสิร์ฟในแก้วไวน์แทนพวกแชมเปญ คนยิ่งหงุดหงิดยิ่งกระหายน้ำ ทำไมต้องมาเสิร์ฟน้ำนี่ตอนนี้ด้วยก็ไม่รู้
"นาย สลับแก้วกับเราไหม"
ผมมองน้ำใสๆในแก้วข้างจาน ก่อนจะหันไปมองคนที่ผมยื่นข้อเสนอ แย้มยิ้มส่งให้เขาเล็กน้อย
"ไม่เรียกตัวเองว่าหนูแล้วเหรอ...เหมือนเมื่อคืน" คนช่างแซวมองคนที่หุบยิ้มแทบไม่ทัน ทำท่าทางราวกับถ้ามีของอะไรสักอย่างในมือก็พร้อมจะปาใส่หัวเขาโดยไม่ต้องคิด เป็นเดทที่...น่าประทับใจมาก "ฮ่าๆ ล้อเล่นน่ะ ได้สิ"
แค่แก้วมาเสิร์ฟตรงหน้าผมก็ได้กลิ่นยาพิษสีใสโชยออกมาแล้ว ตอนอยู่ในวังหรือแม้แต่ที่อังกฤษก็มีคนที่อยากให้ผมตายใช้สารพัดวิธี เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ดังนั้น ยาพิษแก้วนี้ ให้คุณสามีดื่มแทนแล้วกันนะ
สัญญาจากใจว่าจะจัดงานศพให้อย่างสมเกียรติเลย
"หึ" ฮวายกยิ้มมองแก้วน้ำที่ถูกสับเปลี่ยน มือหนาจับโคนแก้วไวน์ยกขึ้นตั้งท่าจะดื่ม
"กรีนหมอบ!" สาดน้ำในแก้วลงพื้นข้างๆ
ผมแปลกใจที่เขารู้ว่าในแก้วนั้นมียาพิษ เพราะคนปกติไม่มีทางดูออกแน่ๆ เขาเป็นใครกันแน่
ปังๆๆๆๆๆ ปิ้วๆ เพล้ง!
พนักงานตัวปลอมหยิบปืนขึ้นมารัวใส่ผมกับฮวาจนข้าวของในร้านเสียหายกระจัดกระจาย ฮวารวบตัวผมไปหลบหลังโซฟาตัวยาวสีน้ำเงินเข้มใกล้ๆ เขาถอดเสื้อตัวนอกออกเหลือแต่เชิ้ตขาวเพื่อให้ง่ายต่อการขยับตัว ผมที่มองการกระทำนั้น สังเกตเห็นว่าที่หลังมือขวาของเขามีรอยสักบางอย่าง
"โอเคไหม" เขาถาม ผมพยักหน้า
ตุบ
เขาโอบไหล่ผมยิงสวนพวกมันพลางพาวิ่งไปที่ประตู แต่มีชายคนหนึ่งถีบยอดอกเขาจนหงายหลังไปนอนราบกับพื้น พอเขานอนนิ่งอยู่กับพื้นผมก็เห็นรอยสักนั้น ชัดเจน...
"งูคาบดอกกุหลาบ! ฮวาเป็น..."
ไม่อยากจะเชื่อ กลุ่มมาเฟียใหญ่ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในรัฐของเรา...คือผู้ชายคนนี้เหรอ แล้วผมที่เป็นรัชทายาท ผู้ที่จะได้ขึ้นครองบัลลังก์คนต่อไปกำลังมาทำอะไรที่นี่กับเขา
"กรีน หนีไป แค่ก..." ฮวาไอค่อกแค่ก ที่มุมปากมีเลือดไหลออกมา
ปัง!
ผมออกจากภวังค์ตั้งสติได้ก็ฉกปืนในมือเขาขึ้นมายิงแสกกลางหน้าผาก คนที่เหยียบย่างสามขุมเข้ามา
หนีบ้าอะไร ลุกไปก็ตายฟรี...
ปัง....ปัง...ปัง...
ผมชันเข่าหันไปเล็งศัตรูที่เหลือแบบทะลุหัวใจบ้าง ทะลุหน้าผากบ้าง คนละหนึ่งนัดจอด จนพวกนั้นหลบหลังโต๊ะตั้งหลัก
ผมพยุงฮวาที่ทำสีหน้าเหมือนเห็นปลาโลมาบินได้ให้ขึ้นมานั่งหลบดีๆ ฮวาที่เรียกสติตัวเองได้แล้ว แย่งปืนคนที่นอนตายใกล้ๆมา เราสองคนมองหน้ากันอย่างสื่อความหมาย ก่อนจะเปลี่ยนสถานะ จากเหยื่อ เป็น 'ผู้ล่า'
ปังๆๆๆๆๆๆ
ผมใช้ช่วงเวลาอิสระที่ไม่มีองครักษ์คอยตาม แอบเรียนทั้งวิชาต่อสู้ทุกศาสตร์ รวมถึงฝึกการใช้อาวุธทุกชนิด ตลอดช่วงเวลาที่อยู่อังกฤษ เสด็จพ่อบอกให้ไปเรียนอ่านตำรากฎหมายให้ขึ้นใจ ทำให้ดี เรียนให้เก่ง แต่ไม่ได้บอกว่านอกตำราห้ามทำเสียหน่อย ผมอาจจะเก่งเรื่องนอกตำรามากกว่าก็ได้
ที่รอดปลอดภัยจนอายุ 22 ปี ไม่ได้มีสกิลการหลบหลีกอย่างเดียวหรอกนะครับ จะบอกให้....
ปังๆๆๆๆๆ
GAME OVER : WIN!!
.......
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 8
Comments