Legend of ozsonia

Legend of ozsonia

บทที่ 1 - 1 ปฐมบทเวทีสีชาด

มันต้องมีใครสักคนบ้างแหละ..........ที่สงสัยว่าตัวเองเกิดมา เพื่ออะไร?

แล้วซามิเอง..........ก็เป็นคนประเภทที่ขี้สงสัยซะด้วย.........

แล้วไอด้วยความขี้สงสัยนั้นแหละ..........ซามิก็เลยลองไปถามคนอื่นๆดู........แต่ซามิไม่ได้ไปถามใครมั่วๆซั่วๆน่ะ! เดี๋ยวเขาจะหาว่าซามิเป็นคนพูดจาไม่ดี!...........ก็...นะ!  ซามิได้ไปถามหลายๆคนมา แล้วก็ได้เรียนรู้มุมมองของพวกเขามาด้วยล่ะ!

อย่างนักเขียนภาพที่อาศัยอยู่แถวชาญเมือง เขาก็ตอบเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ของเขาให้ซามิฟังมาว่า  เขาอยู่....ก็เพื่อความฝัน! ที่เขาจะกลายเป็นนักศีลปินผู้ยิ่งใหญ่!'  หนูก็เลยลองถามลึกไปถึงเหตุผลของเขาว่าทำไมถึงอยากเป็นศีลปินขนาดนั้นดู........รู้ไหม? ท่านอาจารย์  เขายังต้องมานั่งคิดเลยอ่ะ? แสดงว่าความฝันของเขา เกิดมาจากความประทับใจแน่ๆเลยล่ะ...........ทำไมหนูถึงคิดอย่างงี้เรอะ.....ก็คงจะประมาณว่า  เขาได้ไปพบกับศีลปินที่ประสบความสำเร็จไปแล้ว  เมื่อได้มอง และไตรตรองผลงานของศีลปินท่านนั้น ก็ได้เกิดความหลงไหลในศีลปะชิ้นนั้น  จนเขาอยากเป็นแบบคนๆนั้น จึงได้กำเนิดความฝันที่เขาต้องการจะเป็น ศีลปินผู้ยิ่งใหญ่ อย่างที่พี่เขาบอกหนูมายังไงละ

แล้วพี่สาวร้านขายของชำในหมู่บ้าน  เขาเองก็ตอบหนูมาว่าเขามีชีวิตอยู่  เพื่อพ่อแม่  พี่สาวเขายังบอกกับหนูอีกว่า ที่พี่เขามีแบบทุกวันนี้ได้เป็นเพราะพ่อแม่  ในตอนแรก...หนูก็ไม่ค่อยเข้าใจพี่สาวเขานะ  ทำไมการตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่  ถึงได้กลายเป็นความใฝ่ฝันของพี่เขา  จนหนูได้มารู้ว่า พ่อแม่ของพี่เขาเสียไปตั้งแต่พี่เขายังเป็นวัยรุ่นแบบไม่ทันได้ตั้งตัว  แล้วตัวของพี่เขาในสมัยนั้น ก็ยังเป็นคนดื้อรั้น  ไม่ค่อยชอบฟังพ่อแม่  ทำตัวเกเร จนพี่เขาได้เสียพวกท่านไป  พี่เขาก็เริ่มคิดได้  ก็เริ่มเสียใจในเรื่องที่เขาไม่มีโอกาสได้ทำแล้ว 

แล้วหนูก็ลองไปถามความเห็นของคนรวยๆมาบ้างแล้ว...........และเขาคนนั้นก็บอกกับหนูมาว่า  เขาแค่ต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ไปทั้งอย่างงั้น โดยที่ไม่ต้องไปเบียดเบียนใคร  หนูก็งงนะ! ก็เลยถามเขากลับไปว่าความฝันของเขาคือการไม่เบียดเบียนใครเรอะ??  แล้วลุงเขาก็ตอบหนูกลับมาว่า  ความฝันของผู้คน ไม่ได้มีเพียงแค่ว่าอยากจะเป็นอะไร  แต่ความฝันของผู้คนส่วนใหญ่ อยากจะทำอะไรบางอย่างในชีวิตนี้ต่างหาก!  

"?????????????"

หนูมีคำตอบของคำถามนั้นรึยัง.........งั้นรึ?

อืม.......

ก็ยังนะ

แต่ว่าไม่ช้าหรือเร็ว............ หนูก็ต้องหาคำตอบนั้นเจอแน่นอน

แต่ถ้าพูดถึงความตั้งใจละก็!  หนูก็มีนะ!........อะไรกันท่านอาจารย์! ก็หนูอยากให้มิกะกลับมามีร่างกายอีกครั้งไง!

ถ้าวันข้างหน้า! หนูได้มีความฝันเป็นชิ้นเป็นอันเกิดขึ้นมา...........แล้วถ้าการทิ้งความฝันนั้น ช่วยให้ มิกะ กลับมาเป็นอย่างที่ควรจะเป็นได้ละก็........

หนูก็จะทำมัน!

_____________________________

เรเจน ออฟ ออซโซเนีย 

เนื้อเรื่อง:Mew Beautiful world

ภาพประกอบ:Mew Beautiful world

_____________________________

ณ ดินแดนแถบชายแดนไลอาร์ค

เวลา 17:12 น.

08/XX/XXXX เม.ศ.  (เมธิย์นันมาศักราช)

-บนรถม้าที่กำลังแล่น-

"ซามิ....หนูกำลังมองหาอะไรอยู่หรอ...?  น้าเห็นหนูเอาแต่นั่งมองข้างนอกมาสักพักแล้วนะ...?"หญิงสาวทรงโต เส้นผมสีดำมัดทวิลเทล นัยตาสีแดงกร่ำราวกับมณี กำลังจับจ้องมองมาที่ตัวของเด็กสาวผมยาวสีดำ สวมชุดเดรสสีม่วง นัยตาสีแดงกร่ำเฉกเช่นเดียวกันกับเธอ  ที่ในตอนนี้ เด็กสาวคนดังกล่าว กำลังยื่นใบหน้าของเธอ มองดูสิ่งแวดล้อมต่างๆผ่านหน้าต่างของรถม้า อย่างตื่นตาตื่นใจ

"ก็........หนูรู้สึกตื่นเต้นนิดๆหน่อยๆอ่ะคะ.........อาจจะเพราะหนูแทบจะไม่เคยเดินทางออกห่างจากบริเวณหมู่บ้านเลยก็ได้..... แถมนี้ก็เป็นครั้งแรกด้วย  ที่หนูได้มากับ 'น้าริน'  อีก........ก็เลยตื่นเต้นยังไงๆก็ไม่รู้......."เด็กสาวยังคงเฝ้ามองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเธอที่ผ่านไปด้วยความเร็วของรถม้าอย่างไม่ลดละด้วยสีหน้าที่ดูมีชีวิตชีวา

".........น่าเสียดาย.....น้าน่าจะบังคับแม่ของหนูให้มาร่วมงานด้วยก็น่าจะดีนะ เพราะเจ้านายของน้าเขาอยากให้แม่ของหนูมาร่วมงานหมั้นของ 'ริส' บ้าง......"หญิงสาวผมทวิลเทลก้มลงไปอ่านสมุดบันทึกที่อยู่ในมือของเธอต่อด้วยสีหน้าเหนื่อยใจเล็กน้อย

"แม่หนูเขาไม่ชอบพวกงานเลี้ยงที่มีคนเยอะๆมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี้คะ.............น้าริน!  คุณริสที่น้าพูดถึง เขาเป็นคนรู้จักกับแม่เหรอ?.....ถึงได้มีบัตรเชิญมาร่วมงานแบบนี้ด้วย?...........ถ้างั้น...?......ทำไมแม่ไม่เคยเล่าให้หนูฟังเลย?"เด็กสาวหันหน้าไปสนทนากับน้าสาวของตนที่กำลังก้มอ่านสมุดในมืออยู่

"นั้นซินะ........แม่หนูคงไม่อยากจะเล่าเรื่องของ \`ริส\` ให้หนูฟังหรอก เพราะสองคนนี้  มองหน้ากันไม่ติดมานานแล้ว............ และ \`ริส\` เองเธอก็เป็นหนึ่งใน แม่มด ​​​​​​ ที่มีชื่อเสียงมากด้วย  ถ้าคอยเอาแต่ติดต่อกับ วิเรีย บ่อยๆ มันจะวุ่นวายเอา"

"แม่มด? หมายถึง เทพตกสวรรค์ เหรอคะ?"

"เห๋..........มันก็ไม่เชิงหรอก.........มีเพียงแค่ที่นี่เท่านั้นแหละ  ที่เวลาเทวดานางฟ้าที่ถูกเนรเทศให้มาอยู่บน พื้นโลก  จะถูกเรียกว่า 'แม่มด' 'พ่อมด' แทน 'เทพตกสวรรค์' กันทั้งนั้น   แล้วริสเองสมัยที่ยังเป็นเทพอยู่  ก็ได้สั่งสมคุณงามความดี  ความชอบ  เอาไว้เยอะ  พอถูกเนรเทศลงมาอยู่พื้นโลก ก็ได้รับการต้อนรับที่ดีจากเหล่าราชาจากอาณาจักรต่างๆ  และจากนั้นเธอก็คอยเอาแต่ช่วยเหลือผู้คนมาโดยตลอด  จนได้รับขนานนามมาจากผู้คนเหล่านั้นว่า \`แม่มดแห่งความอ่อนเยาว์\`"หญิงสาวผมทวิลเทลยังคงก้มอ่านสิ่งที่อยู่ในมือต่อไป ในขณะที่กำลังพูดคุยกับหลานสาวของตน

"ออ! ถ้าเป็นชื่อนั้น หนูพอจะรู้จักนะ!! ท่านอาจารย์เคยเล่าเรื่องของเธอให้หนูฟังอยู่!"เด็กสาวลงมานั่งที่เก้าอี้อย่างรวดเร็วพร้อมกับจ้องมองไปที่น้าสาวของตนทันที

"อาจารย์???"น้าสาวหันมาสบตาไปที่หลานสาวของตัวเอง ทันทีที่หลานของเธอกล่าวถึงอาจารย์ปริศนาที่เธอไม่รู้จักขึ้นมา

"คือ......เมื่อปีก่อนหนูหลงทางในป่าตอนที่คนในหมู่บ้านพากันไปเก็บเห็ดค่ะ แล้วหนูก็บังเอิญไปเจอท่านอาจารย์กำลังชักว่าวอยู่ที่หน้าผาโดยบังเอิญน่ะ! เขาสอนหนูเรื่องการเขียนการอ่านให้หนูด้วยนะ"

"ด..ดดเดี๋ยวๆๆเมื่อกี้หนูบอกว่าอะไรนะ?"น้าสาวถึงกับชะงักทันที เมื่อได้ยินคำพูดอะไรแปลกๆจากหลานสาวตนเอง

"ก็ท่านอาจารย์ชักว่าวไงคะ?? ว่าวที่มันลอยอยู่บนฟ้าสูงๆอ่ะคะ ไม่ใช่ว่าวแบบที่น้ารินคิดน๊าา~"เด็กสาวชุดเดรสสีม่วงใช้มือของเธอป้องปากเอาไว้ พร้อมๆกับส่งสายตาที่ดูมีเล่ห์นัยออกมา

"ง..งั้นเรอะ..แหะๆ...!~....ว่าแต่.....ทดสอบแรงลม......แล้วอาจารย์ของหนูจะทดสอบแรงของลมไปเพื่ออะไรหรอจ้ะ?"น้าสาวแสดงสีหน้าที่เหมือนจะเขินๆพร้อมๆกับท่าทีที่โล้งอกสุดๆ

"คือ...ท่านอาจารย์บอกกับหนูว่าเขาต้องการทำอุปกรณ์บางอย่างที่ต้องอาศัยแรงลมมากๆในการใช้งาน เขาเลยออกมาทดสอบแรงของลมที่หน้าผาในหลายๆที่เพื่อหาที่ติดตั้งอุปกรณ์ที่ว่าค่ะ"เด็กสาวทำท่าครุ่นคิดนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  พร้อมๆกับอธิบายให้น้าสาวของเธอฟัง

"แต่ใช้ว่าวเนี่ยนะ.......? แล้วอาจารย์ของหนูพี่ว่าเป็นนักประดิษฐ์เหรอ?"น้าสาวถามกลับ

"ไม่ใช่ค่ะ อาจารย์เขาบอกกับหนูว่าเขาเป็น \`หมอผี\`"

เมื่อเด็กสาวพูดจบ น้าสาวของเธอเงียบไปสักพัก พร้อมกับแสดงท่าทีคิดอะไรบางอย่างในหัวอยู่คนเดียว

"ท...ทำไมหรอค่ะ?"เด็กสาวเห็นท่าทีแบบนั้นของน้าสาวของตนจึงถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

"เปล่าหรอกจ๊ะ น้าแค่สงสัยว่าแถวๆหมู่บ้านของหนูมันมีอะไรสะกิดใจให้พวก เนโครแมนเซอร์........แต่.....ก็คงไม่มีอะไรแย่ๆหรอก เนอะ?"น้าสาวยิ้มกลับมา

"เนโคร?....แมนเซ๊อร์?" เด็กสาวพูดขึ้นมาพร้อมกับแสดงสีหน้าที่งุนงงเล็กน้อย

"เนโครแมนเซอร์ มีความหมายคล้ายๆกันกับหมอผีนั้นแหละ แต่เรียกเนโครจะดูเป็นทางการกว่า และก็ดูดีกว่าแค่นั้นเอง"น้าสาวอธิบายให้หลานสาวของตนฟัง

"ออ...ค่ะ"

"แล้วอาจารย์คนนั้นได้ทำอะไรไม่ดีๆกับหนูรึเปล่า? อย่างเจาะรูฟักทองแล้วให้หนูเอามือสอดเข้าไป หรือไม่ก็ให้หนูช่วยปอกกล้วยตรงระหว่างขาให้เขาน่ะ?"หญิงสาวผมทวิลเทลถามขึ้นมาพร้อมกับจดจ่อรอฟังคำตอบจากหลานสาวของตน

"แหม่......น้ารินคะ อันนั้นจากประสบการณ์ตรงของน้าใช่ไหมคะ..?"เด็กสาวพูดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม

"เอ๊ะแฮม!! น้าก็แค่กลัวว่าจะมีคนมาทำอะไรไม่ดีๆ ให้หนูต้องแปดเปื้อนก็เท่านั้นเอง"น้าสาวตอบกลับไป

"สบายใจได้คะ น้าริน ท่านอาจารย์เขาเป็นคนที่ดีคนหนึ่งเลย แบบ........ไว้ใจได้เลยละ!"เด็กสาวชุดเดรสสีม่วงแสดงความเห็นเพื่อยืนยันความปลอดโปร่งให้กับอาจารย์ของเธอเอง

"เห๋......."น้าสาวได้ยินดังนั้น นางก็สบายใจ พร้อมๆกับหันหน้าของเธอไปจับจ้องที่หุ่นเชิดไม้ที่มีใบหน้าคล้ายคลึ่งกับหลานสาวของตนเอง สวมชุดเดรสสีแดงเข้มขนาดตัวเท่าเด็กจริง ที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ตรงกันข้ามกับตัวของเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน

"แล้ว มิกะ เองได้ไปด้วยกับพี่สาวรึเปล่าจ๊ะ?"น้าสาวกล่าวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เป็นกันเองกับหุ่นเชิดไม้ดังกล่าว

"............"ไม่มีการโต้ตอบใดๆจากหุ่นเชิดไม้กลับมา

"ต้องขอโทษแทนมิกะด้วยนะคะน้าริน เมื่อวานมิกะดีใจมากที่จะได้มาเที่ยวงานแบบนี้ มิกะเลยลองชุดที่น้ารินให้มาแทบทั้งคืนเลย สภาพก็อย่างที่น้าเห็นแหละค่ะ"เด็กสาวผมสีดำสวมชุดเดรสสีม่วงพูดตอบกลับมาแทน ก่อนที่จะใช้มือข้างขวาของตนไปประคบที่ฝ่ามือของหุ่นเชิดที่อยู่ข้างๆตนอย่างอ่อนโยนพร้อมๆกับส่งยิ้มอ่อนๆให้กับหุ่นเชิดตัวนั้นราวกับว่าสิ่งนั้นมีชีวิตอยู่จริงๆ

"อืม......การที่มีร่างกายแบบนั้นมัน ใช้มานาเยอะนี้เนอะ การฟื้นมานาก็ช้ากว่าด้วย เพราะไม่มีร่างกาย(?)...........พอถึงที่งานแล้ว น้าจะเติมมานาให้กับมิกะเองนะ"หญิงสาวผมทวิลเทลสีดำส่งยิ้มให้กับเด็กทั้งสองคนจึงค่อยหันไปอ่านสมุดที่อยู่ในมือของตนเองอีกครั้ง

เด็กสาวชุดเดรสสีม่วงหันหน้าไปมองที่นอกหน้าต่างอีกครั้ง ในขณะที่มือขวาของเธอยังกุมมือของหุ่นเชิดที่กำลังนั่งนิ่งๆอยู่ข้างกายของเธอทั้งอย่างงั้น

"น้ารินถามมิกะว่าได้ไปหาอาจารย์พร้อมๆกับหนูใช่ไหม เมื่อกี้นี้??"เด็กสาวชุดเดรสสีม่วงพูดถามขึ้นมาในขณะที่เธอกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้า

"อืม......แล้วมิกะจังได้ไปกับหนูไหม?"น้าสาวถามขึ้นมา แต่นางก็ยังคงอ่านสิ่งที่อยู่ในสมุดไปพร้อมๆกัน

"ไปด้วยกันกับหนูแหละ  แต่หุ่นของมิกะมันดูแลยากใช่ไหมล่ะ?   หนูเลยให้มิกะมาสิงอยู่ที่ตัวหนูแทน วันนั้นที่หนูหลงทางก็ได้มิกะนี้แหละ ไปคุยกับเจ้าป่าเจ้าเขาที่นั้นให้เปิดทางจนหนูมาเจอกับอาจารย์บนผานั้นน่ะ.........แต่มันก็ประหลาดมากเลยนะน้าริน คนในหมู่บ้านถ้ามิกะไม่ได้อยู่ในหุ่นเชิดก็ไม่มีใครเลยที่มองเห็นมิกะ แต่กับอาจารย์มองมาที่พวกหนูครั้งแรก ก็พูดทักพวกหนูทั้ง 2 คนเฉยเลย........"เด็กสาวสวมชุดเดรสสีม่วงกล่าวถึงการผจญภัยในป่าของตนให้กับน้าสาวที่กำลังอ่านสิ่งที่อยู่ในมือของเธอฟัง 

"เห๋....ก็เขาเป็นเนโครแมนเซอร์นี่....."น้าสาวขานกลับมา

"แล้วอาจารย์เขาทำกับข้าวอร่อยม๊ากๆด้วยนะน้าริน!! ตอนนั้นหนูกำลังหิวพอดี อาจารย์เขาเลยแบ่งกบย่างเกลือ กับน้ำกลิ่นเหม็นๆแรงๆที่เรียกว่าปลาร้าให้หนูกับมิกะกินด้วยล่ะ~♥"เด็กสาวแสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมาเมื่อนึกย้อนไปยังรสชาติอาหารที่ยังติดปากอยู่เลย

"ห๊ะ!?..."น้าสาวถึงกับหันไปมองหลานสาวของตัวเองทันที

"ตอนแรกหนูก็ไม่กล้ากินแหละ.....พอเนื้อกบมันไหลเข้าปากหนูไป ก็อยากที่จะกินมันอีก........แล้วน้ำปลาร้า ตอนแรกมันดูเหมือนว่าจะกินไม่ได้ แต่พอได้ชิมแล้ว ลืมรสชาติไม่ลงเลยจริงๆ ไหนแมงป่องเสียบไม้ หางกิ้งก่าย่างไฟ โอ้ย~มีแต่ของอร่อยๆทั้งนั้น ไหนจะน้ำจิ้มสูตรเด็ดที่เรียกว่า 'ซีฟู้ด' อีก หนูไปขอสูตรมาจากท่านอาจารย์มาแล้วล่ะ วัตถุดิบหาไม่ยาก ไว้น้าว่างๆหนูจะทำให้น้ารินกินนะ! "เด็กสาวจ้องมองไปที่น้าสาวของตนด้วยสายตาที่เปล่งประกาย

"เห้อๆๆๆน้ำปลาร้าอะไรนั้น น้าไม่รู้จักหรอกนะ ถ...ถ้าหนูกับมิกะมีความสุขในการกินมันก็ดีไปจ๊ะ......."น้าสาวแสดงสีหน้าเหนื่อยใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อเมนูพิศดารต่างๆจากปากของหลานสาวตัวเอง

"จากนั้นเขาก็พาหนูไปที่บ้านของเขา พร้อมๆกับบอกทางกลับหมู่บ้านให้หนูด้วย หนูเลยมาหาเขาได้ทุกๆวัน เพราะมันไม่ไกลมาก จากหมู่บ้านมาที่บ้านของเขาเลย"

"หืม........ หนูออกไปเที่ยวเล่นบ้านเขาบ่อยๆมันจะไม่เป็นการรบกวนเขาเหรอ??"น้ารินหันมาจ้องมองที่เด็กสาวสวมชุดเดรสสีม่วง

"ไม่หรอกค่ะ อาจารย์แกก็เบื่อๆแหละคะ ไม่ตกปลาแข่งกับพวกพี่ๆในหมู่บ้านก็มาทดสอบอะไรของเขาในป่าน่ะคะ แล้วเวลาเล่นบอร์ดเกมกับอาจารย์เขานี้สนุกมากๆด้วย"เด็กสาวหันหน้าไปมองข้างทางที่อยู่ช่องหน้าต่างต่อ

"บอร์ดเกม?"

"อืม! อาจารย์เขา เรียกพี่ๆ กุ้งแห้ง ออกมาเล่นด้วยกันหลายๆคน สนุกมากๆเลยล่ะ มิกะก็ดูจะชอบมากๆ เห็นท่านอาจารย์บอกว่ามันจะช่วยเพิ่มทักษะในการเรียนรู้ให้พวกหนูได้ด้วย!"เด็กสาวหันกลับมาจ้องมองที่น้าสาวของตนต่อ

"พี่ๆกุ้งแห้ง?"น้าสาวทวนคำพูดบางอย่างที่เด็กสาวชุดเดรสสีม่วงเล่าให้ฟัง

"ก็ โครงกระดูกมนุษย์ ยังไงละคะน้าริน.....แล้วที่หนูเรียกพวกเขาว่า พี่กุ้งแห้ง ก็เผื่อไปข้างนอกกับพวกพี่เขา จะได้ไม่หลุดปากเรียกชื่อของพวกพี่ๆออกมา ท่านอาจารย์บอกมาว่า หมอผี เป็นที่รังเกลียดของคนในสังคม ..."เด็กสาวชุดเดรสสีม่วงเล่าให้น้าฟังด้วยรอยยิ้ม แต่หารู้ไม่ว่าเรื่องที่เธอพูดออกมาเมื่อครู่น่ากลัวขนาดไหน

"....เหอะๆ....แต่......วิธีสอนทักษะด้วยความสนุกหรอ? เป็นแนวคิดที่แปลกดีนะ"น้าสาวเมินเรื่องของพี่กุ้งแห้งที่หลานสาวของตนกล่าวมาทิ้งไปทั้งยวงเลย 

"หืม.........น้าไม่เคยเล่นเหรอ?"เด็กสาวตั้งคำถามทันทีเมื่อเห็นน้าสาวของตนทำท่าทางเหมือนไม่เคยรู้จักสิ่งที่เรียกว่า'บอร์ดเกม'

"ไม่เคยเล่นหรอกจ้ะ แล้วน้าก็ไม่รู้ด้วยว่าบอร์ดเกมมันเป็นยังไง น้าไม่มั่นใจว่าพวกชาวเมืองธรรมดาๆเขามีเล่นกันรึเปล่า เพราะสมัยตอนน้าเป็นเด็ก ตอนนั้น มันยังอยู่ในช่วงสงครามอยู่ พอน้าโตก็สมัครเข้าไปเป็นทหารเลย"น้าสาวอธิบายเหตุผลให้เด็กสาวฟัง

"อย่างงั้นเองหรอคะ....."

"จากที่ฟังๆมา อาจารย์ที่หนูว่ามา ค่อนข้างว่างน่าดู........และก็ฟังดูมีความรู้พอตัว.......แต่.....ทำไมคนพันธ์นั้นถึงไปอยู่ในป่าที่ห่างไกลเมืองใหญ่ๆกัน ทำไมไม่ทำงานพวกรับราชการในวัง ถ้าทำอย่างงั้นก็อยู่สุขสบายในวังไปแล้ว"น้าสาวแสดงท่าทีสงสัยออกมา

"ออ!! ถ้าเป็นเรื่องนั้นอาจารย์เขาเคยเล่าให้หนูฟังค่ะ! อาจารย์บอกกับหนูว่าเขาขี้เกียจมารับฟังปัญหาของอาณาจักร ไม่วายต้องช่วยงานหนักๆของพวกพระราชาอีก หนักกว่าก็มาช่วยแก้ปัญหาให้กับประชาชนที่ร้องขอแต่ความช่วยเหลือโดยไม่รู้จักแก้ปัญหาเอง ทำอะไรไม่ถูกใจก็ด่าๆ ปวดกระบานกับเรื่องทั้งภายนอก ภายในอีก อาณาจักรข้างเคียงก็คอยจะก่อสงคราม ไม่ว่าจะรูปแบบการเมือง หรือการแก่นแย่งผลประโยชน์จากการค้า"

"โห๊.....งานง่ายๆแค่นั้น......อาจารย์หนูก็แค่ขี้เกียจไม่ใช่เรอะนั้น....."น้าสาวพูดขึ้นลอยๆ

"น้ารินอย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้งซิคะ....(\=∆\=) มันอาจจะง่ายอย่างที่น้าบอกถ้าน้าทำมันเอง แต่สำหรับคนอื่นๆมันอาจจะยากก็ได้ "เด็กสาวพูดขึ้นพร้อมกับจ้องไปที่น้าสาวของตน

"มันก็ถูกอย่างที่หนูพูดแหละ! งั้นน้าถามหนูหน่อยละกัน อาจารย์ของหนูพูดถึงริสยังไงบ้างเรอะ? เมื่อกี้เห็นหนูบอกว่าได้ยินชื่อของเธอมาจากอาจารย์"น้าสาวถามกลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม

"อืม! ท่านอาจารย์บอกกับหนูว่า 'แม่มดแห่งความเยาว์วัย' นั้นเก่งกาจในเรื่องของการทำนายอนาคตของคนอื่น แต่เธอไม่รู้จักมองอนาคตของตัวเองเอาซะเลย"เด็กสาวเล่าเรื่องที่ได้ยินจากอาจารย์ของตนขึ้นมา

"...อุ๊ป......."น้าสาวหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะพยายามกลับไปฟังสิ่งที่หลานสาวของตนพูดออกมา

"มีใบหน้า น้ำเสียง และร่างกายเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง...........เธอมักจะถูกเชิญไปทำนายอนาคตตามอาณาจักรต่างๆบ่อยครั้ง"

"ก็นะ"น้าสาวพูดแทรกขึ้นมา

"เธอได้ใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุแลกพลังความมืดโดยใช้ขาทั้งสองข้างของเธอเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน เพื่อนำพลังไปมอบให้แก่อัศวินคนหนึ่ง ที่เดินทางมาไกลเพื่อขอพลังไป......"

"นี้อาจารย์ของหนูรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน!?!!!!!"

น้าสาวขึ้นเสียงด้วยอารมณ์ที่ตกใจทำให้หลานสาวของตนที่กำลังเล่าต่างหยุดชะงักไปทันที

"ข...ขอโทษทีนะ ที่น้าพูดเสียงดังไป...."น้าสาวหันมาขอโทษหลานสาวของตน พร้อมๆกับสงบสติอารมณ์ไปด้วยเล็กน้อย

"ม....ไม่เป็นไรค่ะ งั้นก็เป็นเรื่องจริงซิคะ หนูก็สงสัยอยู่ว่าทำไมมันไม่เหมือนกับที่หนูได้ยินจากกองคาราวารในหมู่บ้านเลย หนูเคยไปถามแม่แล้ว แม่ก็ไม่ยอมเล่าให้หนูฟังด้วน"เด็กสาวพูดออกมา

น้าสาวจ้องมองไปที่หลานสาวของตนพร้อมๆกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างในหัวของเธออยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เธอจะตัดสินใจอะไรบ้างอย่างได้

"ไหนๆก็ไหนๆล่ะ น้าขอพูดตรงๆเลยก็แล้วกัน น้าคิดไว้ว่าจะรับหนูเข้ากองทัพของเจ้านายน้ามาฝึกงานเป็นอัศวินฝึกหัดตอนหนูมีอายุครบ 11 ปี............ยัดเข้ากลมอัศวินฝึกหัดโดนการใช้เส้น(??)..........และหนูก็เป็นคนวงในด้วย.........ถ้าน้าจะเล่าเรื่องของริสให้หนูฟัง ก็คงจะไม่เสียหายหรอก.....เนอะ?.  แต่หนูต้องสัญญากับน้าก่อนนะ!........ว่าหนูจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเด็ดขาด ถ้าไม่จำเป็น"น้าสาวส่งรอยยิ้มให้กับหลานสาวของตนก่อนที่จะใช้มือขวาของตน ลูบไปที่ศีรษะของหลานสาวอย่างอ่อนโยน

"อืม!?!"เด็กสาวขานตอบตกลงพร้อมกับพยักหน้าไปด้วย

"อืม.........เรื่องมันก็เป็นแบบที่หนูได้ยินมาจากอาจารย์ของหนูนั้นแหละ  มีอัศวินแห่งอาณาจักรออซโซเนียคนหนึ่ง เขาต้องการพลังที่จะไปใช้ในการช่วยเจ้าหญิงของเขาที่ถูกลักพาตัวไป  เขาจนปัญญา ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี....ก็ได้เดินทางมาหา ริส เพื่อมาขอพลังไปใช้ในการตามหาเจ้าหญิงของเขา.......ริส ที่เป็นคนใจอ่อนอยู่ทุนเดิมอยู่แล้ว แถมคนๆนั้นก็ยิ่งรู้จักดี และก็แอบมีใจให้อัศวินคนนั้นด้วย......ริส.....เธอเลยตัดสินใจ มอบพลังที่แกร่งทัดเทียมพอๆกับ มอเดร็ด ไปให้เขา  และนั้นก็กลายมาเป็นเหตุโศกนาฏกรรม ที่มีผู้คนล้มตายไปเกือบ 40 ล้านคน"

"................"เด็กสาวชุดเดรสสีม่วง นั่งฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้น อย่างตั้งอกตั้งใจ

"แล้วทางเบื้องบนตัดสินใจที่จะปิดเรื่องที่ริสให้พลังกับอัศวินคนนั้นเป็นความลับ ก็เลยปล่อยข่าวปลอมออกไปว่า ริส ได้เป็นหนึ่งในคนที่หยุดยั้งอสูรสาวกของซาตานที่หลุดออกมาจากนรกอย่างสุดกำลัง จนท้ายสุดก็พลาดท่า ขาพิการในการต่อสู้แทน ส่วนสาเหตุที่ต้องปล่อยข่าวออกมาแบบนี้ ก็เพื่อรักษาชื่อเสียงของตัวริสเอาไว้"น้าสาวอธิบายให้หลานสาวฟัง

"รักษาชื่อเสียง?? แสดงว่าเขาเรียกร้องให้เบื้องบนทำแบบนั้นให้??"เด็กสาวสวมเดรสสีม่วงถามกลับไป

"ริส ไม่ได้เรียกร้องอะไรหรอก นิสัยของเธอ เมื่อเธอทำอะไรที่มันร้ายแรง หรือผิดพลาด เธอก็มักจะแก้ไขเรื่องนั้นด้วยตัวคนเดียว ต่อให้เจ็บปวดมากแค่ไหน ต่อให้สูญเสียคนสำคัญไปมากเพียงใด เธอก็ยังคงอดทน อดกลั้น ไม่ยอมใช้พลังของตนไปแก้ไข....."

"แก้ไข???"หลานสาวถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

"หนูรู้จักกฎพื้นฐานของวิชาเล่นแร่แปรธาตุรึเปล่า?"น้าสาวถามกลับมา

"ค่ะ อาจารย์อธิบายหลักการทำงานให้หนูฟังแล้ว..........ออ....หนูสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง"หลานสาวพูดขึ้น

"อะไรเหรอ?"

"คุณ ริส เขาเป็นแม่มดไม่ใช่หรอคะ?? มันไม่มีคาถาที่มันดีกว่า วิชาเล่นแร่แปรธาตุเลยหรอ???"

"คาถาเวทย์มนต์ แต่เดิม มันก็คือก้อนมานาที่ไหลรวมกันเป็นก้อนพลังเวทย์ ที่สามารถแสดงอัตลักษณ์ออกมาเป็นรูปธรรม นามเจตจำนงของผู้ร่าย นึกภาพเป็นเปลวเพลิง เวทย์ที่ร่ายออกมาก็จะกลายเป็นเปลวเพลิง นึกภาพเป็นสายน้ำ เวทย์ที่ร่ายออกมาก็จะกลายเป็นสายน้ำ เป็นพลังที่ถูกสร้างขึ้นมาควบคู่กับจิตนาการของสิ่งมีชีวิตอย่างแท้จริง และนี้ก็เป็นเหตุผล ที่เวทย์มนต์คาถา ไม่สามารถทำได้เหมือนกับวิชาเล่นแร่แปรธาตุ"น้าสาวยังคงอธิบายต่อไป

".............."เด็กสาวตัวน้อย ก็ยังคงนั่งฟังเรื่องราวต่างๆจากน้าสาวของเธอ อย่างตั้งใจ

"มานา มันเป็นสสารพิเศษไร้รูปร่างใช่ไหมล่ะ? ถึงจะมองไม่เห็น แต่สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของมันได้...........แล้วมานานี่แหละ.....มันยังเป็นทั้งเชื้อเพลิงให้กับคาถาเวทย์ส่วนใหญ่ด้วย..........แล้วก็ยังมีคนบางกลุ่มแปรรูปมานาเหล่านี้  ไปสร้างเป็นสิ่งของให้ออกมาจับต้องได้ชั่วคราว ต่างจากวิชาเล่นแร่แปรธาตุ ที่มีไว้แลกเปลี่ยนโดยเฉพาะ..............."น้าสาวอธิบายให้เด็กสวมชุดเดรสสีม่วงฟังด้วยท่าทีที่จริงจัง

"เคยเป็นเทพด้วยซินะคะ วิชาเวทย์ก็ดูท่าจะไม่ได้ชำนาญ เลยหันมาใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุแทน....."หลานสาวพูดขึ้นมา

"ผิดแล้วๆ  ตอนสมัยน้าเรียนอยู่ที่โรงเรียนบนเกาะลอยฟ้า  เขายังมีหลักสูตรสอนการฝึกใช้มานา ควบคู่กับการเรียนฝึกจิตอยู่เลย แล้วริสเองก็เป็นคนที่มีมานาเยอะมากๆคนหนึ่งด้วย  แค่นี่ มันก็การันตีได้แล้ว ว่าวิชาเวทย์มันใช้ไม่ได้"

".................แล้วทำไมต้องเป็น ขา ทั้งสองข้างแหละค่ะ? ดูยังไงๆมันก็ไม่มีค่าพอที่จะแลกเปลี่ยนเป็นพลังได้เลย"เด็กสาวแสดงสีหน้าที่งุนงงออกมา

"........."น้าสาวจ้องมองไปยังใบหน้าของหลานสาวของตนที่แสดงสีหน้างุนงงต่อหน้าของเธอ

"มีอะไรติดหน้าหนูอยู่หรอค่ะ?"เด็กสาวเห็นน้าสาวของตนจ้องมาที่ใบหน้าของเธออย่างไม่ลดละ เธอจึงใช้มือลูปไปที่ใบหน้าเพื่อตรวจดูว่ามีอะไรติดอยู่รึเปล่า

"มะ! ไม่มีอะไรหรอก!"น้าสาวส่งยิ้มให้หลานสาวของเธอก่อนที่เธอจะใช้มือขวาลูปไปที่ศีรษะของหลานสาวของตนอย่างอ่อนโยน

"น้าขี้เกียจเล่าน่ะ นึกย้อนกลับไป ก็มีแต่จะปวดสมองเปล่าๆ เอาไว้มีอารมณ์ค่อยเล่าให้ฟังใหม่"น้าสาวลุกขึ้นไปนั่งตรงกลางระหว่างหลานสาวทั้งสองของตนพร้อมๆกับพูดตอบกลับอย่างอ่อนโยน

"โถ่.......หนูก็สงสัยนี่.....อาจารย์ก็ไม่ยอมเล่าเรื่องตรงนี้ให้หนูฟังด้วย"หลานสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

"หืม......"จู่ๆก็มีเสียงจากหุ่นเชิดไม้ที่ตอนนี้ใบหน้าของหุ่นเชิดนั้นกำลังพิงอยู่ที่หน้าอกก้อนโตของน้าสาวอย่างนุ่มนวน

"มิกะ ตื่นแล้วเหรอ?"น้าสาวส่งยิ้มให้กับหลานสาวของเธอ

"อ่า~~....ถึงแล้ว..เหรอ..ค.คะ?..หนูไม่น่าลองชุดจนดึกเลย....."เสียงที่เปล่งออกมาจากหุ่นเชิดไม้ แสดงให้เห็นว่านางนั้นอ่อนเพลียขนาดไหน

"ยังจ๊ะ! แต่ก็ใกล้จะถึงแล้วล่ะ ไว้ถึงที่ห้องพักน้าจะให้มานากับหนูเองล่ะกัน"น้าสาวส่งยิ้มให้กับหุ่นเชิดไม้ก่อนที่จะหันไปจ้องมองที่หลานสาวอีกคนของตน

"จะว่าไปหนูจะได้เจอ คุณมอเดร็ด กับคุณวีนัส ที่งานรึเปล่าค่ะ!?!"หลานสาวอีกคนแสดงท่าทีที่ตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด

"......."น้าสาวเงียบไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับมาแต่เธอค่อยๆโอบกอดหลานสาวของเธอทั้งสองคนอย่างนุ่นนวล

"ทำไมหนูถึงรู้จัก วีนัส ล่ะหืม?"น้าสาวถามออกไป

"ก็อาจารย์เล่าเรื่องของพวกเขาให้หนูฟังด้วยนี่ค่ะ เรื่องของคุณมอเดร็ด แล้วแม่ก็ยังบอกอีกว่า ทั้ง 2 คนเป็นผู้มีพระคุณของแม่ด้วย "เด็กสาวพูดขึ้นมา

"วิเรีย บอกมาเรอะ..."น้าสาวค่อยๆปล่อยมือจากตัวของหลายสาวของตนก่อนที่จะลุกไปนั่งยังที่เดิมอย่างยิ้มแย้ม

"มาอยู่แล้วล่ะ ทั้ง 2 คนเลย"น้าสาวเอ่ยขึ้นมา ทำให้เด็กสาวชุดเดรสสีม่วงดวงตาลุกว้าวทันที

"ใกล้ถึงสวนแห่งเอน่าแล้ว ริน! เจ้าควรจะเตรียมความพร้อมได้แล้ว!"

จู่ๆก็มีเสียงจากคนควบม้าที่กำลังลากรถม้าคันนี้ ยิ่งทำให้เด็กสาวที่กำลังตื่นเต้น ดีใจขึ้นไปอีก

"เอาล่ะ! เราใกล้ถึงงานแล้ว ถ้าหนูเห็นศพคนตายเดินเสิฟน้ำอยู่ให้ทำใจให้สงบนะ"หญิงสาวผมทวิลเทลสีดำพุ่งเข้ามาจับแก้มของเด็กสาวอย่างรวดเร็วก่อนที่จะส่งยิ้มให้

"หือ!? ศพ!? เดินเสิฟน้ำ??"หุ่นเชิดไม้แสดงสีหน้าที่ตื่นตัวออกมาได้อย่างชัดเจนจนน้าสาวกับพี่สาวของเธอที่มองอยู่นั้นอดขำไปตามๆกัน

"น่าๆเดี่ยวพวกหนูก็ชินไปเองแหละ"น้าสาวผละออกจากเด็กสาวไปนั่งกับที่ของตนเหมือนเดิมอีกครั้งอย่างสบายอารมณ์ ก่อนที่เธอจะหยิบสัมภาระต่างๆเก็บไว้ ทิ้งไว้ให้หลานสาวทั้งสองของตนคุยกันด้วยความตื่นเต้น

_____________________________

เกร็ดความรู้

เนโครแมนเซอร์ หรือ หมอผี - คือศาสตร์ของ แม่มด แขนงหนึ่ง ที่เล่นเกี่ยว​กับความตาย เนโครแมนเซอร์ ยังมีสายแยกย่อย เจาะลึกเข้าไปอีก 20 กว่าสาย ที่ยากจะแบ่งได้ จุดเด่นหลักก็คือการอัญเชิญคนที่ตาย ให้กลับมาในรูปแบบต่างๆตามความต้องการของผู้ใช้ ในฐานะบริวาร เป็นสายอาชีพที่มีความต้องการสูง เนโครแมนเซอร์เก่งๆ จะสร้างความได้เปรียบทางการทหาร เกษตรกรรม และการเมือง ให้กับอาณาจักรนั้นอย่างก้าวกระโดด

วิชาเล่นแร่แปรธาตุ - วิชาที่สามารถเปลี่ยนเหล็กให้กลายเป็นทองคำแท้ได้ โดยหลักการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม ทั้งนี้ วิชานี้ ก็ยังเป็นวิชาที่ยากจะหยั่งถึง แม้ว่าจะทำความเข้าใจมันมาแล้วก็ตาม

เกาะลอยฟ้า เป็นเกาะที่ลอยตัวเหนือพื้นดินโดยมี แร่ธีรนิล(ที-ระ-นิน) แร่พิเศษที่เมื่อตัวแร่สัมผัสกับออกซิเจนโดยตรง ตัวแร่ก็จะแสดงปฎิกิริยลอยตัว   แถมยังมีคุณสมบัติหักเหรังสีความร้อนได้ สามารถไว้ใช้ต่อกรกับ ปืนพลาสม่า หรืออาวุธประเภทลำแสงที่นิยมใช้ภายในอวกาศได้ปัจจุบันในเรื่อง เหลือเกาะลอยฟ้าเพียงไม่กี่เกาะเท่านั้น เป็นผลพวงมาจากสงครามในอดีต และการขุดแร่ธีรนิล ที่ฝังอยู่ตามชั้นหินไปขาย 

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!