บทที่ 5
ขบวนรถม้าเดินทางไปไหว้พระของเยี่ยฮูหยิน ออกเดินทางแต่เช้าตรู่ผ้าม่านหน้าต่างรถม้าถูกเปิดออกฝั่งที่องครักษ์หนุ่มรูปงามขี่ม้าขนาบข้าง เยี่ยฮูหยินที่ยื่นหน้าออกมามองชายหนุ่ม ต่างยิ้มกรุ้มกริ่มชอบใจ
"คนอะไรรูปงามจริง ๆ เลย ถ้าเทียบกับจางจุยมิ่งอะไรนั่นแล้วคนนึงราวกับเทพบุ๋น อีกคนราวกับเทพบู๊ หากคน ๆ นี้มีไฝที่หน้าอกซ้ายก็คงจะดี"
หญิงชราคิดในใจพลางยิ้มออกมาจนเห็นฟันดำ เฉินฮ่าวหนานหันมามองได้แต่โค้งศีรษะคำนับนับครั้งไม่ถ้วนเพราะนางไม่ละสายตาไปจากเขาเลย
"ฮูหยินผู้เฒ่าผลไม้เจ้าค่ะ"
เสี่ยวเจินยื่นส้มที่ปลอกแล้วให้กับหญิงชรานางอ้าปากรับโดยไม่เลื่อนตัวขยับไปไหนเอาแต่จ้องมองชายหนุ่มรูปงามเบื้องหน้า
ขบวนรถม้าไปไหว้พระมาหยุดพักที่โรงเตี๊ยมแห่งนึง มีคนกลุ่มนึงจ้องมองการแต่งกายของเยี่ยฮูหยินและมองดูทรัพย์สินมีค่าที่สวมใส่ก็พากันพยักหน้าส่งสัญญาณกัน
"นี่ เฉินห้าวหนานปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่แล้วหรือ"
เยี่ยฮูหยินนั่งจ้องหน้าเฉินห้าวหนานเอามือค้ำคางมองจ้องตาไม่กระพริบ
"ปีนี้ข้าอายุ 23 แล้วขอรับฮูหยิน"
เสียงที่ทุ้มนุ่มทำเอาเยี่ยฮูหยินยิ้มออกมาจนตาหยี
"แล้วเจ้าแต่งงานหรือยัง หรือมีคู่หมั้นหมายหรือไม่"
เขาส่ายหน้าแทนคำตอบพลางจิบชาแล้วทำหน้านิ่งราวกับหุ่นเช่นเดิม
"ถ้าไม่ติดว่าเหมือนท่อนไม้ เขาอาจะเป็นหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งในใต้หล้าแล้วก็ได้"
หญิงสาวในร่างหญิงชราได้แต่คิดในใจ เมื่อพักและทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขบวนรถม้าก็เดินทางต่อจนออกนอกเมืองไปและเดินทางเข้าไปในเขตหุบเขา ทันใดนั้นก็มีกลุ่มโจรชุดดำปิดบังหน้าตา ถือกระบี่มาขวางทาง
เฉินฮ่าวหนานลงจากม้า รีบออกมาปกป้องรถม้า เขายื่นกระบี่มาขวาง
"ถอยไปถ้าพวกเจ้าไม่อยากตาย"
"คนที่จะตายน่ะคือพวกเจ้า พวกเรามากันกี่คนเจ้าแค่คนเดียวจะรับมือพวกเราไหวหรือ"
เสียงโจรหัวเราะเยาะเย้ยเฉินฮ่าวหนาน จนกระทั่งชายหนุ่มใช้นิ้วหัวแม่มือเปิดฝักกระบี่ลอยไปซัดที่อกโจรผู้หนึ่งจนกระเด็น
"แย่แล้วฮูหยินผู้เฒ่าเหมือนจะมีโจรเลยเจ้าค่ะ ทำยังไงกันดีเจ้าคะ"
เสี่ยวเจินสีหน้าตกใจ หวาดกลัวระคนกันไปหมด
"โจรงั้นเหรอ" หญิงชราโผล่หน้าออกไปก็เจอเฉินฮ่าวหนานกำลังต่อสู้กับพวกโจรนั้น สิบคนกำลังรุมคนเดียว
"ย่าห์!!! พวกโจรไร้ยางอาย สิบรุมคนเดียวได้ยังไงกัน"
หญิงชรา เปิดผ้าม่านกั้นออก กำลังจะเดินออกจากรถม้า ปรากฎว่าม้าตกใจเพราะการต่อสู้กันทำให้รถม้ากระชากเยี่ยฮูหยินเสียหลัก หงายหลังตกจากรถม้า ศีรษะกระแทกพื้นเสียชีวิตทันที
"เฮ้อ!!! ข้าหาวิธีการตายไม่ให้ทรมานตั้งหลายวัน สุดท้ายพอข้าจะตายก็ตายดื้อ ๆ เช่นนี้เลยหรือ"
วิญญาณผีสาวยืนมองร่างไร้วิญญาณของเยี่ยฮูหยินก่อนร่างนั้นจะเหี่ยวเน่าไปในทันทีตามระยะเวลาของการตายจริง
จวนสกุลเยี่ย
เสียงร้องไห้ปริ่มใจจะขาดอีกครั้งของมหาเศรษฐีสกุลเยี่ย เมื่อมารดาวัยชราที่เพิ่งฟื้นขึ้นมามีชีวิตได้เพียงสิบวันก็เสียชีวิตอีกครั้งด้วยอุบัติเหตุ เฉินฮ่าวหนานลาออกจากการเป็นองครักษ์ทันทีทั้งที่มหาเศรษฐีทั้งสองไม่ได้กล่าวโทษเขาเลย แต่เพียงเพราะเขารู้สึกบกพร่องต่อหน้าที่และไร้ความสามารถ
ศพของเยี่ยฮูหยินถูกเก็บเอาไว้ถึงห้าวันเพราะต่างคิดว่าอาจจะมีโอกาสอีกครั้งที่มารดาของตนจะฟื้นคืนชีวิตแต่ก็ไร้วี่แวว
"ท่านพี่ศพท่านแม่เน่าหมดขนาดนี้คงไม่ฟื้นแล้วล่ะ ทำพิธีศพกันเถอะนะ"
เมื่อตกลงกันได้ดังนั้นศพของฮูหยินผู้เฒ่าก็ได้จัดพิธีศพตามธรรมเนียมเรียบร้อย
จวนนายอำเภอ
"ท่านพ่อในเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเสียชีวิตไปแล้วเช่นนั้นข้าก็ไม่ต้องแต่งแล้วใช่หรือไม่"
เจ๋อจุยมิ่งสีหน้าและน้ำเสียงดีอกดีใจ ที่ไม่ต้องฝืนแต่งงานกับหญิงชรา
"แต่นายน้อย เพราะฮุหยินผู้เฒ่าเสียชีวิตตอนนี้อาจารย์ที่จะมาสอนท่านก็ยกเลิกกันหมดเงินหนึ่งแสนตำลึงด้วย"
นายอำเภอเจ๋อนั่งถอนหายใจ กลุ้มใจเรื่องอาจารย์ที่จะมาสอนเจ๋อจุยมิ่งเพราะไม่รู้จะหาใครที่อาสามาสั่งสอนเขาได้
"ท่านพ่ออย่ากังวลเลย ข้ามีสหายที่พอช่วยได้ อย่างไรข้าก็ต้องสอบนายอำเภอให้ได้แน่นอน"
เจ๋อจางหมิ่นนั่งถอนหายใจราวกับวิญญาณออกจากร่างเพราะไม่เคยเชื่อใจเจ๋อจุยมิ่งเลย
วิญญาณหญิงสาวล่องลอยไปมาเพราะยังไม่มีร่างที่สามารถเข้าไปเกิดใหม่ได้ นางจึงวนเวียนไปมาแถวลำธารนอกเมือง
ดึกคืนนั้นหญิงสาวคนหนึ่งเดินถือผ้ามาซักผ้าที่ริมฝั่ง เพราะตอนกลางวันต้องไปรับจ้างเสริฟอาหารที่หอดอกบัววสันต์กลางคืนนางจึงมีเวลามาจัดการเรื่องส่วนตัว ขณะกำลังซักผ้านั้นก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์สามคนเดินเข้ามาหมายจะขืนใจนาง แต่นางต่อสู้และขัดขืนจนสุดชีวิตและถูกสังหารตายในที่สุด เพราะกลัวความผิดกลุ่มชายสามคนนั้นได้ห่อศพของนางใส่ม้วนเสื่อจะเอาไปทิ้งที่แม่น้ำใหญ่ ดวงวิญญาณของหญิงสาวมองเห็นทุกอย่าง แต่เพราะนางยังไม่สิ้นใจดวงวิญญาณจึงไม่สามารถเข้าร่างได้ นางจึงตามชายทั้งสามคนไปเรื่อย ๆ เพราะคิดว่าหากเข้าร่างได้นางจะตามสั่งสอนพวกนี้ให้เข็ดหลาบ
จางจุยมิ่งขณะกำลังเดินกลับเจ้าจากไปหาหลิวซิ่วเหวินมาเจอพวกกลุ่มชายสามคนกำลังแบกหามอะไรกันอยู่ ก็ยืนมอง
"ใช่แล้ว เจ๋อจุยมิ่งพวกนี้เป็นคนร้าย เจ้าจะเป็นนายอำเภอเจ้าต้องฉลาดรอบรู้ ถามเลย ถามสิ"
เจ๋อจุยมิ่งเดินผ่านชายทั้งสามคนนั้นไปโดยไม่สนใจ
"โอ๊ย!! เจ้านี่มันโง่หรือซื่อบื้อกันเนี่ยสงสัยหน่อยสิ ช่วยชีวิตคนเป็นกุศลนะ"
ดวงวิญญาณเหลือจะอดกับเจ๋อจุยมิ่ง ทันใดนั้นเจ๋อจุยมิ่งก็หยุดเดินหันมาเรียกชายคนร้ายทั้งสามคนนั้น
"เดี๋ยวก่อนพวกเจ้า"
ชายทั้งสามคนที่ช่วยกันหามร่างหญิงสาวคนนั้นหยุดชะงักกระทันหัน
เจ๋อจุยมิ่งเดินมาขวางทาง ชายคนนึงดึงมีดสั้นออกมาแนบตัวไว้เตรียมพร้อมจะสังหารเขา
"มีป้ายหยกตกอยู่ตรงนั้นใช่ของพวกท่านหรือไม่"
เจ๋อจุยมิ่งยื่นป้ายหยกให้ดู แต่พวกเขาทั้งสามส่ายหน้า ชายหนุ่มจึงยิ้มออกมา
"อ่อ ถ้าเช่นนั้น ข้าไม่รบกวนพวกท่านแล้ว"
เจ๋อจุยมิ่งเดินจากไปโดยไม่สนใจจะหันกลับมาอีกเลยจนลับตา
"เจ๋อจุยมิ่ง เจ้านี่มันช่างโง่เง่ายิ่งนัก"
เสียงบ่นจากดวงวิญญาณของหญิงสาวก่อนจู่ ๆ ดวงวิญญาณของนางจะถูกลากกระชากไปยังที่แห่งนึง
ร่างของหญิงสาวผู้โชคร้ายถูกพาไปโยนทิ้งกลางแม่น้ำไหลเชี่ยว และเสียชีวิตจากการจมน้ำ ดวงวิญญาณดวงใหม่จึงเข้าสิงสถิตย์ทันที เพราะเป็นเงือกก่อนหน้านั้นนางมีจิตวิญาณของเงือกอยู่จึงสามารถหายใจใต้น้ำอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่นานนางก็โผล่พ้นน้ำขึ้นมาเนื้อตัวเปียกโชก หญิงสาวนั่งกอดตัวเองสั่นงก ๆ และเพราะไม่รู้ว่าแม่นางผู้นี้เป็นใคร นางจึงตัดสินใจไปที่จวนสกุลเยี่ย
เสียงเคาะประตูหน้าจวนสกุลเยี่ยยามดึก บ่าวที่เฝ้ายามอยู่ก็เดินออกมาเปิดประตูให้ ก็พบหยิงสาวแรกรุ่นเนื้อตัวเปียกปอนร่างกายสะบักสะบอม
"แม่นาง เจ้ามีธุระอันใดกันหรือ ดึกดื่นป่านนี้แล้ว"
บ่าวคนนึงถามขึ้นมา
"เจ้าชื่อเยี่ยฝูใช่หรือไม่ มารดากับบิดาของเจ้าพาเจ้ามาขายให้จวนสกุลเยี่ยตั้งแต่อายุสองขวบ"
หญิงสาวพูดจบพลางยกมือปิดปากตนเองด้วยความตกใจ นางได้ความทรงจำของเยี่ยฮูหยินมาด้วยหลังจากที่นางเสียชีวิตไปจริง ๆ
"เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน เจ้าเป็นญาติข้าหรือ"
บ่าวคนนั้นรีบถามอย่างรวดเร็วด้วยความสงสัย
"ป่าวแต่ข้าคือคนที่รับซื้อเจ้าเอง เยี่ยฮูหยิน ไปตามลูกชายข้าทั้งสองคนออกมาพบข้าด้วย บอกว่าแม่ของพวกเขากลับมาแล้ว"
"นายท่าน นายท่าน ตื่นเร็วขอรับมีเรื่องด่วนขอรับ"
บ่าวคนนั้นรีบเดินมาปลุกเยี่ยเสี่ยวหยวน
"อะไรของพวกเจ้ากันดึกดื่นขนาดนี้ ข้าเพิ่งจะเผาแม่ข้าไปเพิ่งจะได้นอนเร็วก็มาเรียกกันอยู่ได้"
เยี่ยเสี่ยวหยวนตื่นมาเปิดประตูแบบสะลึมสะลือ
"น่..น่...นายท่าน ฮ่...ฮ่...ฮูหยินผู้เฒ่า กลับมาแล้วขอรับ"
บ่าวรายงานด้วยอาการพูดตะกุกตะกักเพราะตื่นเต้น เยี่ยเสี่ยวหยวนจากที่ง่วงนอนพอได้ยินเรื่องรายงานก็ตาเบิกโพลงพลันตาสว่างขึ้นมาทันที
"ไหน ๆ ๆ ๆ ท่านแม่ข้ากลับมาแล้วจริง ๆ งั้นหรือ"
เยี่ยเสี่ยวหยวนกับเยี่ยเสี่ยวเปาวิ่งหน้าตาตื่นมาที่ห้องรับรองแขก ก็มาเจอหญิงสาวคนนึงเนื้อตัวเปียกปอนผมเผ้ากระเซอะกระเซิง
"ไหนท่านแม่ของข้า"
เยี่ยเสี่ยวเปาเอ่ยถามเพราะเขาเห็นแค่สตรีที่ดูเหมือนสาวใช้คนนึงเท่านั้น
บ่าวคนนั้นชี้ไปที่หญิงสาวคนนั้น
"หยวนเออร์เป่าเออร์ นี่ข้าเอง แม่ของพวกเจ้า"
หญิงสาวยิ้มออกมาพลางอ้าแขน ชายเจ้าของบ้านทั้งสองคนต่างร้องออกมาพร้อมกัน
"หา!! เจ้าจะบ้าหรือ หลอกอะไรไม่หลอกมาหลอกว่าเป็นแม่ของพวกข้านี่นะ พานางออกไป"
"ข้าเป็นแม่ของพวกเจ้าจริง ๆ ข้าเกิดอุบัติเหตุพลัดตกจากรถม้าหัวฟาดพื้นตายตอนกำลังจะไปไหว้พระ"
"เรื่องนั้นใคร ๆ ก็รู้ เรื่องแค่นี้คิดจะมาหลอกพวกเรางั้นหรือ"
"ข้าฟื้นขึ้นมาแล้วตามหาชายหนุ่มที่มีไฝหน้าอกซ้ายเพื่อแต่งงานแก้เคล็ด"
"เรื่องนี้ก็ประกาศไปทั่วเมืองใคร ๆ ก็รู้"
"เยี่ยเสี่ยวเปา เจ้าขโมยเงินแม่หนึ่งหมื่นตำลึงเพื่อไปใช้หนี้พนันของเจ้าใช่หรือไม่ ส่วนเจ้าเยี่ยเสี่ยวหยวน ตอนเด็กเจ้าเป็นเด็กอ่อนแอสามวันดีสี่วันไข้ตอนพวกเรายากจนแม่ต้องแบกเจ้าขึ้นหลังวิ่งจากเขาตอนฝนตกเพื่อพาเจ้าไปหาหมอรักษาไข้รากสาด ตอนพวกเจ้าทั้งคู่ยังเด็กแม่ต้องแบกพวกเจ้าคนนึงใส่หลังอีกคนยืนตากแดดอยู่ข้าง ๆ ข้า เพื่อขายผักที่เก็บมาในป่าหาเงินเพื่อซื้อข้าวสารมากรอกหม้อ แม่ตัดสินใจแต่งงานกับเศรษฐีแก่เพราะอยากให้พวกเจ้าทั้งสองได้มีชีวิตที่ดี แม่จึงได้เริ่มทำการค้าส่งพวกเจ้าเข้าเรียนที่สำนักศึกษาเดียวกับอาจารย์ฮ่องเต้ พวกเจ้าจำได้หรือไม่ วันที่พวกเจ้าทะเลาะกันจนเสี่ยวเปาขาหัก แม่คนนี้ที่เป็นคนแบกพวกเจ้าไปกินข้าว อาบน้ำ ล้างก้นให้น่ะ แม่จำพวกเจ้าได้ทุกอย่างแต่พวกเจ้าจำแม่ผู้ให้กำเนิดคนนี้ไม่ได้หรือ"
หญิงสาวน้ำตาไหลออกมาเพราะความทรงจำของหญิงชราที่นางอาศัยร่างก่อนหน้านี้พรั่งพรูออกมาถึงความลำบากในการสู้ชีวิตเพียงลำพัง
ชายวัยกลางคนทั้งสองได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ต่างตาแดงก่ำและร้องไห้น้ำตาไหลออกมาทั้งคู่
"ท่านแม่ ท่านแม่ของลูกจริง ๆ ด้วย ท่านแม่ของข้าท่านกลับมาแล้ว"
สามคนแม่ลูกกอดกันกลมพลางร้องไห้ลั่นจวน บ่าวที่ยืนอยู่ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว
หลังจากให้บ่าวจัดหาชุดมาให้มารดาในร่างใหม่เปลี่ยน ให้บ่าวไพร่ดูแลประทินโฉม หญิงที่ดูยากไร้ก็กลายเป็นหญิงงามหน้าตาสะสวยขึ้นมาทันที
สองมหาเศรษฐีต่างจ้องมองมารดาอย่างดีอกดีใจพร้อมทั้งกำชับบ่าวที่ชื่อฝูให้เก็บเป็นความลับ
"ท่านแม่ ร่างใหม่ของท่านนี่ช่างงามยิ่งนัก เลือกได้ถูกต้องมาก พวกเราเองก็โสดทั้งคู่ อยากมีลูกก็มีไม่ได้ ตอนนั้นท่านเลี้ยงพวกข้ามา ต่อไปนี้พวกเราจะเลี้ยงดูท่านราวกับลูกสาวของพวกเราเอง"
ทั้งสามคนแม่ลูกยิ้มออกมาแล้วต่างหัวเราะลั่นวิ่งล้อมวงกันหมุนไปมาอย่างมีความสุข
"แต่ว่าก่อนอื่น เจ้าช่วยข้าเรื่องหนึ่งก่อนไปสืบมาที แม่นางน้อยผู้นี้ชื่อเสียงอันใด ข้าพบนางถูกชายสามคนทำร้ายที่ริมลำธารแล้วพาศพนางไปทิ้งกลางแม่น้ำก่อนข้าจะเข้าร่างนาง นางน่าสงสารข้าต้องจัดการเจ้าพวกคนถ่อยสามคนนั้น ออ แล้วเมื่อคืนเจ้าโง่เจ๋อจุยมิ่งนั่นเดินผ่านพวกคนถ่อยนั่นไปเฉยทั้งที่อุ้มร่างของนางอยู่ ไปหาว่านางมีญาติหรือไม่ถ้ามีจงรับมาเป็นบ่าวที่เรือนของพวกเราซะ"
หญิงสาวสั่งการบุตรชายทั้งสองเรียบร้อยแล้ว ก็อารมณ์ดีขึ้นมา พลางยืนส่องจ้องมองตนเองในกระจกพึงพอใจกับใบหน้านี้ที่สุดตั้งแต่เข้าร่างมาทั้งหมด
"แม่นางน้อย ข้าต้องขอบคุณเจ้ามาก ข้าไม่ได้อยากให้เจ้าตายนะ แต่เจ้าโง่นั่นดันไม่ฉุกใจสักนิด เฮ้อ ถ้าเป็นคนที่เป็นประกาศิตรักของข้าจริง ข้าต้องรีบทำให้สำเร็จก่อนสี่สิบเก้าวัน โง่ขนาดนั้น ปล่อยให้แต่งงานกับคนอื่นดีแล้วส่วนข้าจะได้...."
หญิงสาวคิดในใจพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม แต่นางก็กลับไม่เห็นคนผู้นั้นเลย
"นี่ หยวนเออร์เปาเออร์องครักษ์ของข้าเล่า ทำไมข้าถึงไม่เห็นเขาเลย"
นางมองหาเฉินฮ่าวหนานแต่กลับไม่พบเลย
"คือว่าองครักษ์เฉินขอลาออกเพราะรู้สึกผิดที่ปกป้องท่านแม่ไม่ได้"
"หา!!! ไม่ได้นะ นั่นคืออาหารตา เอ้ย!! ไม่ใช่คือว่า ข้ารู้สึกอุ่นใจหากมีองครักษ์เจ้าไปตามเขากลับมาให้ข้าเร็วเข้า"
"ท่านเยี่ยอยากให้ข้ากลับไปเป็นองครักษ์ให้หลานสาวงั้นหรือ แต่ว่าข้า..."
ชายหนุ่มทำท่าจะปฏิเสธ แต่เยี่ยเสี่ยวหยวนขอร้องจนกระทั่งเขาใจอ่อนยอมกลับไปทำงานให้อีกครั้ง
"อย่าคิดมากเลยท่านองครักษ์ ขอแค่ดูแลหลานสาวคนนี้ของข้าให้เหมือนปกป้องท่านแม่ของพวกข้าก็พอ"
เยี่ยเสี่ยวหยวนยิ้มออกมา ก่อนจะเดินทางออกจากบ้านเดินทางไปพร้อมเฉินฮ่าวหนาน
ขณะเดียวกันเยี่ยเสี่ยวเปาก็ออกตามสืบจนรู้ว่าสตรีเมื่อคืนชื่อกัวไต้เจินเป็นหญิงกำพร้าอาศัยอยู่กับยายตาพิการคนหนึ่งนางเป็นเด็กกตัญญูขยัน
"ท่านยายท่านอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว ท่านรู้จักท่านแม่ของข้าหรือไม่"
"เยี่ยฮูหยินงั้นหรือ ข้ารู้จักสิ ก่อนที่ข้าจะตาบอด นางคอยช่วยเหลือทำโรงทานแจกจ่ายให้คนยากจนมาตลอดข้ากับหลานไปต่อคิวรอรับของแจกจ่ายอยู่ตลอด"
หญิงชราเล่าเรื่องของเยี่ยฮูหยินไปยิ้มไป เยี่ยเสี่ยวเปาน้ำตาซึมออกมา
"คือว่าที่ข้ามาวันนี้เพราะหลานสาวของท่านยายเคยช่วยเหลือท่านแม่ของข้าไว้ ก่อนท่านแม่ข้าจะตายได้เขียนจดหมายให้รับเลี้ยงกัวไต้เจิน ตอนนี้นางอยู่ที่จวนเราแล้ว เราเลยมารับท่านยายไปอยู่กับพวกเราด้วย"
"สรุปข้าชื่อกัวไต้เจินอายุสิบเก้าปี กลางวันไปทำงานรับจ้างในโรงครัวของหอดอกบัววสันต์สินะ ทำดีมากเสี่ยวเปาของข้า ถ้าเช่นนั้นข้าจะออกไปข้างนอกกับเสี่ยวเจินซื้อของสักหน่อย เจ้าจอเสี่ยวหยวนไปนะ"
หญิงสาววิ่งออกจากจวนสกุลเยี่ยอย่างร่าเริงอารมณ์ดี เดินดูของในตลาด เป็นหญิงสาวรูปงามแถมได้บางสิ่งบางอย่างติดมาจากทั้งเจ็ดร่างที่อาศัยมาทั้งหมด
"เสี่ยวเจินเจ้าดูนี่สิสวยหรือไม่"
กัวไต้เจินกำลังลองปิ่นปักผม ในร้านเครื่องประดับ หลิวซิ่วเหวินที่เป็นเจ้าของร้านก็เดินเข้ามาดูกิจการพลันสายตาก็ไปสะดุดกับกัวไต้เจินที่กำลังยืนเลือกปิ่นอยู่
"สวยมากเจ้าค่ะคุณหนู"
เสี่ยวเจินมองดูแล้วเห็นว่าเหมาะ กัวไต้เจินก็ยิ้มกำปิ่นแน่นแล้วเดินมาจะจ่ายเงิน
"ข้าเอาอันนี้ ราคาเท่าไหร่งั้นหรือ"
กัวไต้เจินถามชายที่ยืนอยู่ที่คิดเงิน
"ปิ่นอันนี้ของแม่นางมีผู้จ่ายเงินให้แล้ว....เชิญแม่นางเอากลับไปได้เลย"
ชายคนขายยิ้มออกมา หญิงสาวทำหน้างง เสี่ยวเจินยิ้มออกมา
"คงมีนายท่านสักคนชื่นชมความงามของคุณหนูและเห็นว่าจะซื้อปิ่นนี้เลยชิงจ่ายเงินก่อนแน่ ๆ เลยเจ้าค่ะ"
นางมองปิ่นในมือแล้วคืนให้กับคนขาย
"เช่นนั้นข้าไม่เอาแล้ว ผู้ใดซื้อให้ก็ควรเป็นคนมอบให้ข้าเอง ข้าไม่ชอบคนทำตัวมีลับลมคมใน ไปกันเถอะเสี่ยวเจิน"
พูดจบนางก็เดินออกไป หลิวซิ่วเหวินที่ซ่อนตัวอยู่ด้านในได้ยินทุกอย่าง เขาเดินออกมายื่นมือไปหยิบปิ่นพลางยิ้ม ปกติเขามอบของขวัญให้สตรีมีแต่ผู้พึงพอใจและตาลุกวาว นี่เป็นครั้งแรกที่ไม่รับแถมให้เขาเป็นคนมอบให้นางเองกับมือ เขากำปิ่นในมือแน่นก่อนจะเดินออกจากร้านไป
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 5
Comments