บทที่ 9
ดีนาตื่นตีห้าออกไปวิ่ง ทำลายสถิติตัวเองด้วยการวิ่ง 20 กิโลเป็นเช้าแรก ก่อนจะเข้าฟิตเนตและเริ่มหันซิทอัพแบบห้อยหัว และยกตัวขึ้นบนบาร์อีกสิบครั้ง และอ่านข้อความที่หมวดคิราส่งมา
‘เย็นนี้มาเจอกันหน่อยสิ จะคุยเรื่องงานนั้นแหละ’
พอสิบโมง เธอไปซ้อมยิงปืน ตกบ่ายก็เข้าต่อยมวยในยิมอย่างบ้าคลั่ง จนเหงื่อไหลโทรมกาย แสบคันหนังศีรษะเพราะเกลือแร่จากเหงื่อ หลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอจ้องมองตัวเองในกระจกสักพัก ไล่มือไปตามสั้นกุดเหมือนแมลงกัดแทะ…แล้วตัดสินใจโกนหัว
เมื่อคิรามาพบเธออีกที เขาก็จำแทบไม่ได้
“หนูพร้อมแล้วหมวด จะให้ทำไรต่อ”…เธอพูดขณะเรียนรู้การใช้อาวุธแบบต่างๆจากคลิปสื่อการเรียนการสอนในโรงเรียนตำรวจ
แต่เขามองเธอเหมือนยังลังเลอยู่
“คุณต้องไปเจอคนๆนึงกับผมก่อน”
…
สถานกักกันแห่งนั้นมีกำแพงสูงทะมึน อาคารภายในเป็นสีขาวล้วน ทรงโมเดิร์น และติดกระจกนิรภัยรอบด้าน
คิราส่งหนังสือให้เจ้าหน้าที่ตรวจ วางตรา ปลดอาวุธทั้งหมดวางรถถาด รอเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารที่เขาขอจากผู้บังคับบัญชากรมตำรวจ และต้องผ่านหลายชั้นกว่าจะเข้าไปได้
มีเจ้าหน้าที่นำทางเข้าไป ประตูกระจกบานสุดท้ายเลื่อนเปิด และมองผ่านลูกกรงเหล็กที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า เข้าไปเห็นแหล่งพำนักชั้นในสุด ของอาชญากรร้ายแรงระดับวีไอพี
“รอตรงนี้” เจ้าหน้าที่กล่าวเสียงเคร่งเครียด และเดินเข้าไปพาใครบางคนออกมา
คิรานั่งรอตรงโซฟาที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ ในห้องกระจก ที่มีกล้องวงจรปิดส่องรอบด้าน
เสียงประตูอัตโนมัติปลดล็อค ใครบางคนเดินเข้ามา…พร้อมกุญแจมือที่เจ้าหน้าที่เพิ่งใส่ให้ที่หน้าห้อง
คิรามองเจ้าหน้าที่เหมือนขอให้ช่วยปลดกุญแจมือให้ เจ้าหน้าที่เดินเข้ามา แต่เธอหันไปปฏิเสธ
เธอยิ้มให้พอเป็นพิธี เดินมานั่งลงตรงหน้าเขาทั้งกุญแจมือ และเริ่มธุระอย่างไม่ให้เสียเวลา
“คราวนี้ มีอะไรอยากคุยกับชั้นหรือคะ”
คิราพยายามควบคุมสีหน้าไม่ให้แสดงความหวั่นเกรง แม้จะรู้สึกเหมือนแทบหยุดหายใจทุกครั้งที่ได้ยินเสียงนี้
“ครับ ดอกเตอร์สิรี ผมขอโทษที่มีเรื่องมาปรึกษาอีกแล้ว”
…
เวฬานั่งดูประวัติเด็กสาวคนนั้นจากมือถือ ขณะที่เกลินนั่งคุกเข่าอยู่ข้างล่าง และเคลื่อนหัวตัวเองเข้าออกตรงหว่างขา
“คุณว่าเด็กคนนี้เป็นไง”
เกลินคลายกล้ามเนื้อปาก ยกแขนขึ้นเช็ด และมองดูในจอมือถือเขา
“ยังเด็กอยู่เลยนะคะ”
“เขาก็อายุพอๆกับคุณ” เขากดหัวเธอลงไปอีก
เวฬาตามส่องดูโปรไฟล์เฟซบุคส์เด็กผู้หญิงพวกนั้นมาหลายวันแล้ว อ่านสเตตัสของเธอ อ่านข้อความที่เธอโพสไว้ไล่ตั้งแต่โพสล่าสุดไปจนถึงโพสแรกสุด
“เหมือนจะต่อต้านสังคม แต่อ่อนไหวง่าย ชอบเรียกร้องความสนใจด้วยการแสดงคำพูดก้าวร้าว แต่ก็รู้สึกผิดต่อสิ่งที่โพสไปเร็วมาก แต่ไม่ลบ เหมือนไม่อยากยอมรับว่ารู้สึกผิด ก็เลยเปลี่ยนประเด็นด้วยการบ่นเรื่องข่าวสังคม ข่าวดารา พูดเรื่องการเมืองทั้งที่ไม่ได้สนใจ”
เขาเงียบไปพักใหญ่…
“เหมือนจะกล้าโชว์ แต่ก็ไม่มั่นใจในรูปร่างตัวเอง”
เธอหยุด… ช้อนตามองค้อนอย่างไม่พอใจ “นี่ดูอะไรอยู่คะ!”
เขาเปลี่ยนเรื่องโดยเร็ว
“…ขึ้นๆลงๆอยู่ระหว่างการอยากจะเป็นคนสู้คน กับยอมตกเป็นเบี้ยล่างคนอื่น คาดหวังสูงกับผู้ชายที่คบด้วย จุกจิกกับความรัก แต่ไ่ม่เคยสมหวัง ไม่เล่นกีฬา ไม่มีงานอดิเรก ไม่สนใจศาสนา เคยหมกมุ่นแต่กับการดูดวง…แต่หลังๆไม่สนใจอีกแล้ว ระยะหลังสุด แชร์แต่คำคมแนวให้กำลังใจจากเพจไลฟ์โค้ชต่างๆ”
เขาดูไม่มีอารมณ์เลย เกลินเริ่มเหนื่อยและถอดใจ เธอถอนตัวออกมามองหน้าเขา
“เธอเริ่มเงียบไม่โพสอะไรตั้งแต่วันนั้น”
“วันไหนคะ”
“ตั้งแต่วันที่ผู้ชายคนนั้นได้รับการปล่อยตัว”
“แต่หนูเช็คไอจีเพื่อนเธอ เพื่อนเธอโพสรูปไปเที่ยวผับด้วยกัน ดูหน้าตาเฮฮาปกติเลยนะคะ”
เกลินหยิบมือถือของเธอเปิดให้เขาดูข้อมูลที่เธอหามาบ้าง
“นี่เพื่อนสนิทเค้าเหรอ” เขาเห็นว่ามีรูปที่ถ่ายคู่กันเยอะมาก
“น่าจะใช่ค่ะ แต่เป็นเพื่อนที่สนิทเฉพาะตอนจะไปปาร์ตี้ด้วยกัน”
เวฬาหรี่ตามองอย่างแหลมคม “เค้าไปผับด้วยกันบ่อยแค่ไหน”
“เกือบทุกวันเลยค่ะ มะรืนไป เมื่อวานไป วันนี้ก็เห็นโพสภาพกินหมูกะทะด้วยที่ร้านแถวๆหน้าผับที่ไปประจำ คาดว่าคืนนี้ก็ไปต่อที่ผับเหมือนเดิม”
เวฬาจ้องมองตาของเด็กสาวในรูป ใช้นิ้วเลื่อนซูมภาพช้าๆ เหมือนเสือที่ค่อยๆเคลื่อนใกล้เหยื่อที่กำลังกินน้ำ
“ผมว่า ผู้หญิงคนนี้ …ใกล้แตกสลายแล้ว”
“หนูก็ใกล้เหมือนกันค่ะ” เกลินลุกขึ้นยืนและเบนต้นขาออก …เธอเหมือนกลีบกุหลาบฉ่ำละอองน้ำ หลังฝนตกหมาด
เขาดึงร่างเธอมาแนบชิดริมฝีปาก ตวัดลิ้นแล่บปราบเหมือนอสรพิษ มือขยำเค้นสะโพกเธอ ถึงเวลาต้องทำหน้าที่ของตัวเองอย่างจำใจ
…
“แฉะไปหมดเลย” นิดาบ่นเมื่อเท้าย่ำลงบนโคลนดินแดง ขณะทำภารกิจเยี่ยมบ้านผู้รับบำบัดที่เคยดูแล
เกลินประคองนิดา ก้มลงใช้ผ้าเปียกชดรองเท้าให้ นิดายิ้มมองเธอเอ็นดู
“คุณนิดาหรือเปล่าคะ สวัสดีค่ะ” แม่ของเด็กสาวรีบกุลีกุจอออกมาต้อนรับ “เชิญเลยค่ะ น้องดาวรออยู่ในบ้าน”
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในทาวเฮ้าส์สองชั้น คับแคบ และทึบอับ ลัดเลาะตามกล่องสินค้าออนไลน์ที่สุมอยู่เต็มหน้าบ้าน เพื่อเขาไปพบเด็กสาวที่นั่งรออยู่ภายใน …สีหน้าของเธอดูหวั่นๆกลัวเมื่อเห็นนิดาเดินเข้ามา
‘เป็นธรรมดาที่เคสจะไม่ค่อยอยากคุยกับเรา’
เกลินนึกถึงคำพูดที่นิดาเคยสอนไว้
‘เพราะเจอเราทีไร ก็ต้องทนพูดเรื่องในอดีตที่อยากลืมทุกครั้ง บางทีเค้าเห็นหน้าเรา เหมือนเห็นหน้าคนที่เคยทำร้ายเค้ากลับมาเลยล่ะ’
แต่วันนี้ต่างออกไป เพราะมีเกลินมาด้วย เกลินยกมืดทัดหูดูเขินๆเมื่อเห็นเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน
เมื่อเด็กสาวคนนั้นเห็นเกลิน สีหน้าเธอก็คลายความตึงเครียด และเปลี่ยนเป็นดีใจ
เหยื่อมีสัญชาตญาณที่ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง ผู้อ่อนแอกว่าจะพ่ายแพ้หากไม่รวมตัวกัน หากมีหนึ่งไม่หนีก็ตาย หากมีสองโอกาสรอดสูงขึ้น หากมีสามความกล้าก็เพิ่ม ถ้าเหยื่อมีจำนวนมากพอ พวกเขาจะเปลี่ยนเป็นฝ่ายล่า
“เป็นไงบ้างคะ ช่วงนี้ เห็นคุณแม่บอกว่าหนูดรอปเรียนมาเทอมนึงแล้ว” นิดาเริ่ม
เด็กสาวสบตาแม่ แม่ที่ทำเป็นจัดของอยู่ใกล้ๆ สะดุ้ง แล้วรีบเดินออกจากห้องไป
“ทำไมถึงดรอปเรียนล่ะคะ เรียนไม่ไหวเหรอ”
“สอบตกวิชาเดิมสองรอบค่ะ ก็เลยเหนื่อย”
“แต่ยังไม่ถึงกับถอดใจใช่ไหมคะ”
เด็กสาวไม่ยอมตอบ..
“จะกลับไปเรียนเทอมหน้าไหมคะ หรืออยากย้ายไปเรียนคณะอื่น ที่เหมาะกับความถนัดมากกว่า”
เธอเงียบ… เธอไม่มีวี่แววว่าอยากเรียนต่อ ไม่คิดถึงอนาคตอีกแล้ว
“แล้วมีแพลนจะทำอะไรในช่วงเวลาที่หลุดเรียนบ้างคะ”
“ว่าจะทำงานเก็บเงินก่อนค่ะ”
“เก็บเงินไปทำอะไรคะ”
“เก็บเงินหาค่าตั๋วเครื่องบินแล้วจะไปทำงานต่างประเทศค่ะ”
เธออยากหนีไปที่ที่ไม่มีคนรู้จัก
“อยากไปประเทศไหนคะ”
“อยากไปเมกา ไม่ก็ออสเตรเลีย หรือนิวซีแลนด์”
เธอพูดด้วยแววตาแห้งผาก…เหมือนเธอก็รู้ว่ามันคงเป็นไปได้ยาก ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจของทางบ้าน
“ช่วงนี้ได้ติดต่อเพื่อนๆมั่งไหมคะ”
“หนูไม่เลยค่ะ แต่แม่น่าจะยังคุยๆกับแม่คนอื่นอยู่บ้าง”
“น้องบิวเป็นไงบ้าง ได้คุยกันบ้างไหม”
“เค้าบอกบิวเป็นโรคซึมเศร้า รักษาตัวอยู่ค่ะ”
“แต่ดาวยังดูแข็งแกร่งอยู่เลย ภูมิใจในตัวเองไหมคะ” นิดายื่นมือไปบีบมือเด็กสาวเป็นเขิงให้กำลังใจ
เธอยิ้มตอบ…
เกลินนั่งจดบันทึกอยู่ตลอดเวลาขณะนิดากับเด็กสาวคุยกัน
“ยังฝันร้ายอยู่ไหมคะ”
“มีเป็นบางวันค่ะ”
คนที่สิ้นหวังจะฝันมากขึ้น สมองหลั่งน้ำตาออกเป็นความฝัน หลั่งของเหลวจากการเสพย์สังวาสออกทางฝัน หลั่งเลือดจากบาดแผลทางจิตออกในฝัน แม้แต่ฝันร้ายก็ยังกลายเป็นเรื่องที่ดี ฝันไม่ได้เป็นลางบอกเหตุ แต่เป็นการซักซ้อมในสภาวการณ์จำลอง ก่อนลงสนามจริง
“ฝันว่าอะไรคะ”
เธอดูลังเลที่จะพูด
“ฝันว่า…”
เด็กสาวหันมามองหน้าเกลิน ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ก่อนจะหันไปตอบนิดา
"หนูได้ฆ่ามัน!"
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 11
Comments
ฟิวแห่งแสงจันทรายามค่ำคืน☆
อัพ..
2023-06-01
0