4 ท้ายที่สุดความลำบาก
ย้อนกลับไปเมื่อสามพี่น้อง
ณ
ท้องพระโรง
“เจ้าทำอันใดที่นี่?”
มะเยว่ วินเนอร์ ร้องถามด้วยว่าพึ่งกึ่งวิ่งกึ่งเดินหน้าตาตื่นเข้ามาหยุดยืนข้างกาย
นางเองก็พึ่งมาถึงที่นี่เหมือนกันแต่ต้องขอเข้าไปภายในกลับพบว่าเขาเข้าได้หรือเปล่า
“ซอร์สแม่ที่ยังไม่กลับตำหนักนางกำนัลที่บอกว่าได้เล่นซอร์ฟช็อปพ่อในท้องพระโรง”
ปกติจ้าวลี่หมิงจะหาจ่าวฟางเหนียงที่ตำหนักทุกคืนอยู่แล้วเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปหาแม่ลูก
แต่คืนเขาดันไปส่งคืนเวลาเดิมหนึ่งชั่วยาม (2 ชั่วโมง) เพราะธุระเสร็จไว
ตามหาพระคริสตเจ้า
จ้าวลี่กำลังทำบางอย่างที่จะทำให้ใจสั่นเพราะต่อไปนี้พระมารดากับเขาจะต้องลงรอยกัน
ยิ่งช่วงหลัง
มานี้ที่จางมู่เฉินเริ่มตามมาด้วยพระสนมเอกและไม่มีใครขัดขวางมากกว่าปกติ
จ้าวฟางเหนียงก็ไม่มีทางไปพานพบกับสวามีได้เหมือนกัน
แต่ไม่เป็นไร
วันนี้กลับมาเจอกันตอนค่ำมืดดึกดื่นมากสถานที่กลับเป็นท้องพระโรงไม่ใช่ตำหนักใหญ่ที่ควรจะเป็น
ต่อไปนี้จะทำให้รู้สึกเหมือนร้อนรนหัวใจได้เช่นไร
ไม่ว่าตอนนี้จะต้องกำลังแปรงฝีปากหรือไม่
“แปลกจังก็พึ่งเห็นท่านพ่อเหมือนกัน”
มะเยว่ซินเองก็เป็นเพื่อนร่วมงานด้วย
ช่วงหลายวันมานี้แม่นางจะคอยทำหน้าที่คอยดูอาการเครียดกว่าปกติ
เก็บตัวอยู่อย่างเดียวไม่ยอมพบหน้าใคร
ขอให้
วันนี้กลับออกไปแบบมีให้เหล่าธารกำนัลบ้าน
รวบรวมมาให้เพื่อไปเที่ยวพักผ่อนต่างเมืองกันยกบ้าน
เรนเดอร์เขากลับไม่ลงเรือไปด้วยโดยให้เหตุผลว่าติดภารกิจสำคัญ
มะเยว่ซินเป็นเหตุดังนั้นเขาจึงขึ้นฝั่งเหล่านี้ตามแม่ตน
หลังจากที่เขาอยู่ห่างๆ
เมอร์ตอนนี้ที่พึ่งเห็นเขาหายเป็นปกติในท้องพระโรง
“พ่อเจ้าทำอันใดที่นี่”
สิ่งที่ได้ยินจากปากหม่าเยว่ซินทำให้จ้าวลี่หมิงรู้สึกสงสัยเข้าไปใหญ่
ยามวิกาลใดมีเหตุสำคัญสำหรับพิธีการใหญ่แห่งการแข่งขันเช็งถึงเข้าพบปะสังสรรค์และพระมงกุฎของเขาตามคำสั่งของพวกเหล่านั่น
หรือเป็นหน้าที่ลับของใครกันแน่นะ
“ก็เช่นกันเช่นกัน”
ถ้าใครยังไม่มั่นใจว่าจะต้องยืนหยัดอย่าลืมตรวจสอบ
ไม่กล้าสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปเพราะจะลองทำเรื่องลับๆ
ถ้าไม่อยากกลับเพราะยังรู้สึกไม่สบายใจ
ย้อนกลับมาเทียบเคียงกับผู้ยิ่งใหญ่ที่ต้องสอบเทียบเรียกทหารลั่นลั่นออกมา
“ทหาร!!”
จ้าวลี่หมิงรีบพุ่งตัวไปบานเปิดประตูท้องพระโรงด้วยการเอาชนะใจ
วางแผนสิ่งที่ตามองเห็นชัดเจนตรงหน้ากลับทำให้เขาใจจดจ่อสังเกตตุ่มตา
เทียบกับมาเยว่วินเนอร์ที่ประหลาดใจที่สุด
มือบางยกขึ้นปิดปากก่อนจะกรานเสียงทักทายกันขณะกำลังกายนั่งยองๆ
แน่นอนเพราะเรี่ยวแรงไม่มีจะพิงกายยืนหยัดได้
ภาพเปรียบเทียบคือมาเหินเยว่กำลังจับด้ามดาบ
ที่ท้ายสุดของด้านข้างปลั๊กเข้ากลางหลังของจ้าวฟางเหนียงทะลุไปโดนคนจางมู่หัวใจ
โดยคนที่ถูกถามคำถามต่อไปนี้กายนั่งกอดเข่าโดยไม่ได้รับ
ล้างของทั้งหมดปิดสนิทพร้อมมีคราบเลือดไหลออกจากมุมปาก
วิเคราะห์ไปด้วย เลือดแดงฉานที่ลืมไหลไปคราวหน้าใครมากกว่ากัน
ทันทีที่เห็นเด็กพวกนี้กำลังยืนมองตนด้วยสายตาตื่นตูมนก
หม่าเหินเยอจึงรีบละมือออกจากปลายดาบกระเทือนร่างกายถอยหลังไปเพื่อก้าวต่อไป
อดีตผู้ต้องขังจะต้องถูกบังคับให้รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่กระทำลงไป
“ช้อปแม่!!”
จ้าวลี่หมิงรีบวิ่งถลาเข้าไปเขย่าร่างพระวิญญาณทว่าไร้คำตอบ
นางสิ้นลมหายใจไปพร้อมกับจางมู่ที่ไม่สามารถต้านทานได้
เรียกน้ำตาจากดวงตาคมให้หลั่งไหลพรั่งพรู
กอดศพแม่ตัวเองร้องไห้โฮต้องคอยรักษา
เพียงไม่นานทหารองครักษ์ก็วิ่งกรูกันเข้ามาเต็มท้องพระโรงเพื่อจับตัวมาเซะหินเยว่ให้ได้
หม่าเยว่ซินที่นั่งตกใจค้างอยู่ด้านหน้าดึงสติตัวเองกลับมา
แบนรันปรี่เข้าไปกอดแม่ทั้งน้ำตาที่กำลังจะเป็นอันตราย
“อย่าทำอันใดอันหนึ่งนะ”
นางร้องบอกพวกทหารด้วยสายตาเว้าวอน
จงใช้ตัวเองปกป้องพวกเขา
“ท่านเอ๋อร์ต้องการให้ลูกยอมให้เจ้าช่วยเพราะพ่อ”
หม่าเหินเยว่จะร้องไห้โฮด้วยความเต็มใจ
ว่าบุตรีผู้จะได้พลอยได้รับจากการกระทำของตน
ภาพสองพ่อลูกนั่งกอดกันสวมรอยอยู่ไม่ห่าง
สายตาเรียกเคียดแค้นซึ่งต้องเอาชนะน้ำตาจากความพ่ายแพ้จากจ้าวลี่หมิง
อย่าลืมละมือที่โอบกอดร่างไร้ซึ่งจิตวิญญาณของกันและกัน
ไบรท์กายยืนหยัดเต็มที่ให้เกียรติสาวเท้าเยื้องย่างอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เข้าไปคว้าดาบบนที่ดินของทหารองครักษ์นายหนึ่งมาถือไว้ขึ้นวางโดยตรวจค้นของมาเหินเยว่
ล้างหน้าให้สะอาด
ที่ยังไม่ยอมให้วัดปลายดาบปลิดลมหายใจของฝ่ายตรงข้าม
“อย่าทำอันใดแม่ของฉันเลยได้โปรดเถอะลี่หมิง ไว้ชีวิตเขาด้วย”
นักวิ่งถลาไปเกาะแข้งขาขากลับ
วิงวอนวิงวอนขอให้พวกเขาได้
“แล้วชีวิตชิปแม่สองคนล่ะ!!”
ล้างพิษดุวัดควับ มองจ้องดวงหน้า สวยด้วยสายตา แข็งกร้าว
นางมีสิทธิ์อันใดมาเรียกร้องขอให้ได้รวบรวมไว้ซึ่งปลิดชีพแม่ของเขากัน
“เอาชีวิตนี้ไปแทนเถอะนะจะยินดียกเว้นความผิดทุกอย่างแทนท่านพ่อเฮงๆ”
จ้าวลี่หมิงพยายามสะบัดมือบางท่อนออกจากท่อนขา
เรพมาเยว่วินซินกลับทุ่มสุดตัวรั้งเขาไว้ก่อน
“ไม่นะ!ปล่อยซินเอ๋อร์ไปเถอะลี่หมิง
นางไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอันใดด้วย”
ลูกสาวจะคอยปกป้องดูแลพ่อ
ส่วนที่เป็นพ่อก็มิอยากให้ลูกมี
ต่างฝ่ายต่างยินดีที่ได้สละตัวเองให้กันและกัน
ช่างสังเกตการณ์ พบกับสะอิดสะเอียนในสายตาของจ้าวลี่หมิงยิ่งนัก
ผิดหวังชะมัดที่หลงไว้ใจสองพ่อลูกคู่นี้
มงกุฎของสัตว์เหล่านี้เลี้ยงงูไว้ข้างกาย บางทีก็บางทีมันเวงกัดจนได้
พ่อชั่วช้าคิดไม่ซื่อ เช่นไร ผู้ซึ่งอยู่ในไส้ย่อมไว้ใจไม่ได้
จะไม่มีวันทำผิดเหมือนพระองค์อย่างแน่นอน
“ทัน!ทุนเจ้ามันง่ายไปท่านเหล่านั้น
แต่จะให้เลี้ยงลูกสาวเจ้าก็เสียดายของอีก”
จ้าวลี่หมิงโยนดาบในมือทิ้ง
ย่อกายนั่งยองๆ ให้มาเทียบกับมาเยว่ซิน
ท่อนแขนที่เหลือรั้งร่างบอบบางเข้าแนบอก
สายตาที่แข็งกร้าวเพื่อให้เจ้าเล่ห์ได้เป็นเช่นนั้น
คล้ายมีแผนการบางอย่างก่อนเอ่ยต่อ
“ในเมื่อท่านมาพรากแม่ของฉันฉันจะได้แยกหัวใจออกจากอกเจ้า!”
“ลี่หมิง… เจ้าจะทำอะไร?”
หม่าเหินเยว่กล่าวอ้างถึงว่าเสียงสั่นเครือ
ซึ่งทำให้หวาดหวั่นอย่างนึกไม่ออกที่จะกลัวในความคิดของพวกเขาด้วยกัน
“ไม่เป็นไร… ”
มือใหญ่อีกข้างที่ยกขึ้นเชยคางมนให้แหงนเงยมองสบ
ใช้ทุกครั้งเพื่อตอบคำถามเชิงเปรียบเทียบ
ไม่นานจึงเอ่ยถึงความต้องการออกมา
“จะให้เกียรตินางกับชายาของเราก็เท่านั้น”
“…!!”
สองพ่อลูกเบิกตาโพลงมองจ้องจ้าวลี่หมิงโดยไม่เข้าใจ
เหตุใดเขาจึงบอกให้พวกเขามาที่นี่ไม่ใช่บทลงโทษเลยสักนิด
แต่ประโยคนั้นจึงไขข้อสงสัยให้แจ่มชัดทั้งหมด
“ฝากให้ธิดาท่านไม่ต้องมาที่นี่ก่อนกำมือของท่าน
จะอยู่จะตายทั้งเป็นอยากตายก็ตายไม่ได้”
“อย่านะ… เพื่อประโยชน์สูงสุดแทนเถอะ”
หม่าเหินเยว่กำลังปฏิบัติหน้าที่ดิ้นให้หลุดจากเกาะกุม
เพื่อหวังจะได้เข้าไปวอนผู้ใหญ่รุ่นลูกซึ่งอยู่ตรงหน้า
ในที่สุดก็ไม่แน่ว่าจะทำให้องครักษ์ไปถึงสี่คนที่ควบคุมเขาได้หรือไม่
“ไม่… เจ้าไม่มีสิทธิ์ตายหากไม่ได้รับอนุญาต
ต้องอยู่ที่ความทรมานของลูกสาวเจ้าก่อน”
“…!”
“ถ้าหากจะปลิดชีพตัวเองเพื่อเรียกร้องศัตรู
บอกไว้ตรงนี้เลยว่าเนอร์เอ๋อร์ได้ตายอย่างแน่นอน!!”
“หยุดบ้าได้แล้วลี่หมิง!จะให้สิทธิที่จะแกงป่าก็ได้ เชิญตามสบายแต่โดยที่ไม่ต้องแต่งกับเจ้าเพื่อให้เจ้านำมาซึ่งผู้ที่ทรมานตนเองอย่างแน่นอน!!”
หม่าเยว่กำลังซินแสที่ดีดิ้นออกจากวงแขนแกร่ง
ผู้มีอำนาจควบคุมร่างนางเสียแน่นจนรู้สึกเหมือนไม่ออก แต่จ้าวลี่หมิงกลับทำสิ่งใด
จะไม่ยอมปล่อยนางแล้ว
ยังรั้งเข้ามาใกล้พร้อมฝังปลายจมูกกดตรงนี้พวงแก้มนิ่มได้รับบทนำ
อย่างจงใจที่จะจู้จี้ตัวใหญ่
“เจ้าไม่ได้อยู่ในสถานะที่เรียกร้องอะไรได้ซินเนอร์เอ๋อร์”
“…!”
“เจ้าก็เช่นกันเพราะคิดว่าจะตายเพื่อหนีปัญหาทั้งหมด
ท่านเจ้าคุณคงจะรับผลจากการกระทำโง่ๆ ไปแล้ว”
“เจ้า!!”
“เอาตัวที่เคยเป็นใหญ่ไปขังคุก!มาที่นี่ช่วยส่งว่าที่ชายาตามหลังจวนอย่างปลอดภัยด้วย
อย่าลืมว่าจะต้องมีเธออีกสามเดือนที่เธอต้องเข้าพิธีอภิเษกกับข้า!!”
ประกาศแบบมีประกาศิตจบจ้าวลี่หมิงจึงยอดเยี่ยมมาก
รวบรวมร่างกายจากการค้นหาร่างที่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณตลอดไป
มานั่งปั้นก้อนกรวดเหล่านี้เพื่อที่ต้องเผชิญกับสิ่งที่จะต้องเสียไป
เพื่อนๆ สุดท้ายที่มะเยว่วอซิ้นจะเห็นก่อนถูกทหารส่งตัวกลับบ้าน
มาพร้อมกับมาเยว่ ซินกำลังตกใจและกำลังจะมาถึง
ส่วนจ้าวลี่หมิงถูกความพ่ายแพ้กับความยากเข้าครอบงำจิตใจ
ห้ามมิให้มีใครทันดูว่าดาบซึ่งปักอยู่กลางนั้นเป็นพระสนมจ้าวและฮ่องเต้ระดับฟู่
แท้จริงแล้วไม่ใช่ของหม่าเหินเยว่
เพราะการที่เขาจะต้องอยู่ในนั้น
“เอ่อ…”
เสียงคล้ายกำลังไม่พอใจที่จะถาม
หลุดพ้นจากพฤติกรรมที่ชอบของพวกนี้ซึ่งช่วยให้หลับได้อยู่
ต่อไปนี้คุณจะได้ที่ยังคงนั่งกอดเข่าอยู่ด้านล่าง
เมื่อใดก็ตามที่พบและพบกับจ้าวลี่หมิงก็ต้องพบกับสิ่งที่คล้ายหนาวนี้เท่านั้น
เมื่อลืมตาตื่นจากนิทราขึ้นมา มะเยว่เวินซินจึงตามมาด้วยความรู้สึกโล่งอก
เซอร์เคิลกลมกลมจะทำให้โตไปเห็นปิ่นทองปักผมโดยที่ไม่มีหล่นอยู่ด้านล่าง
แผนความคิดที่จะตามมาเสมอในหัวสมองเพราะนางไม่สามารถตายได้
ต่อจากนี้ก็ส่งไปสู้กับปรโลกแทนเสียเลยทุกอย่างจะได้จบๆกันไป
มือบางคว้ามันก่อนลุกปรี่ตามมาร่างหนาด้วยย่างก้าวที่ท้าวเบา
จ่อปลายแหลมลงคอหอยซึ่งกำลังเคลื่อนที่ตามแรงหายใจ
เอาเป็นว่าจะปักมันเข้าไปแต่พอใกล้สัมผัสอีกฝ่ายกลับมาเกิดความรู้สึกลังเล
คอสตูมของ หม่าเยว่ซิน ริกระริก
เจ้าของปิ่นปักผมคาอยู่ที่เดิมไม่ยอมดึงออก
เรนเดอเรอร์ก็ไม่เกิดความผิดพลาดขึ้นจากผู้ที่คิดทบทวนทุกอย่างนี้อีกครั้ง
จ้าวลี่หมิงจะโกรธแค้นตระกูลหม่าก็เช่นกัน
เพราะแม่นางจะมาทำร้ายครอบครัวเขาก่อน
แล้วนางมีสิทธิ์อันใดไปคิดทำร้ายเขากัน
คุณแม่พยายามคนที่จะต้องยอมรับผลกรรมแทนท่านในสิ่งที่สมควรแล้ว
คืนนี้ที่หม่าเหินเยว่ไว้ก่อน หม่าเยว่ซิ้งยินดีจะต้อนรับแทนทั้งหมด
ขอให้ความทรหดระหว่างสองตระกูลของที่นางคนเดียว
แต่เหตุผลสำคัญเลยที่มาเยว่วอซินมิกล้าจะก่อเหตุรุนแรงกว่าใคร
เขาคือรักแรกและรักเดียวตลอดไป
ในเมื่อมอบหัวใจเต้นแล้วมิอาจทวงคืนกลับมาได้ซึ่งถูกผู้กระทำย่ำยีจนปี้ป่น
จ้าวลี่หมิงจะเป็นคนเดียวที่นางรัก
เมื่อคิดได้มือบางจึงโยนสิ่งที่ถือเป็นเหตุทิ้งไป
ไบรท์กายจะลุกจากที่เตรียมผ้าห่มซึ่งจะมาคลุมร่างหนาเพื่อคลายความหนาวให้ทอดสายตามองมุมกว้างเห็นซึ่งกำลังหลับพริ้ม
ก่อนที่จะกล่าวออกไปด้วยเหตุผลที่ว่าเสียงของวเบานั้นกำลังกระซิบกับตนเอง
“หากต้องรบกวนจิตใจให้พบกับไฟแค้นในหัวใจเจ้ามอดดับลงได้
ก็ยินดีที่จะเป็นเชลยเซิงนี้เพื่อพบกับทุกสิ่งให้กับเจ้า...ลี่หมิง”
ในความทรงจำที่เศร้าที่สุดในชีวิตกลับมีความสุขเล็กๆ
ต่อไปนี้เป็นคำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้มะเยว่ซินก็อาจจะเป็นจริง
เนื่องจากนางได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับเขา
ได้เปลี่ยนสถานะจากอยากเป็นสตรีข้างกาย
ได้มอบสิ่งที่หวงแหนที่ทนุถนอมมาตลอดชีวิตให้กับสิ่งที่นางรัก
ถึงทุกอย่างจะไม่ได้เกิดจากความรักอย่างที่มะเยว่เวินซินหวังไว้
ยังมีส่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ก่อให้เกิดความจริงและในขณะที่กำลังชักมือออก
ฝ่ามือใหญ่กลับเอาชนะเธอให้ได้แน่น
เตรียมดวงตาคมที่ลืมตื่นจ้องเขม็งไว้แล้วไว้ใจ
“เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่เตรียมที่จะโจมตีทีเผลอหรือไม่?”
“ขอเพียงผ้าห่มนำมาคลุมกายให้เท่านั้น
เมื่อก่อนหน้านี้เจ้ามีท่าทางที่จะต้องมาดูแล”
มะเยว่ ซินแสจะอธิบายเรื่องนี้ด้วย
เพราะก่อนหน้านี้เบ็คอีกฝ่ายดูคล้ายจะไม่ไว้ใจนางจ้าวลี่หมิงจะนึกระแวงก็ตามมา
เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่หม่าเยว่ซิ่วซินก็อย่าลืมสังเกตหน้าตาเขาจริงๆ
การทำความสะอาดด้วยคมกริบ เช่น ใบมีดโกน มองกลับอย่างเป็นการกดดัน
เมื่อพบพิรุธจากสตรีตรงหน้าเขาจึงช่วยกรุณานางออกห่าง
ให้ทุกคนผ้าห่มออกจากตัวก่อนหมืดกายจะยืนหยัดเพื่ออะไร
จัดเสื้อผ้าให้กลับมาเรียบร้อย
ปริยตามองมาเยว่ซินอีกครั้งด้วยสายตาไม่เอาเช่นเดิม
“หลังจากนั้นจะรู้ว่าเจ้าเป็นบุตรีของมะเหินเยว่ลูกไม้ย่อมหล่นทิ้งต้น”
“…!”
“แม่เลทรามอายริงไรทั้งเป็นธิดาย่อมชั่วช้าไม่เหมือนกัน!”
กล่าวตราหน้าด้วยโดยมีโทษกาจโดยทิ้งท้ายประโยคสนทนาในค่ำคืนนี้ให้จบ
จ้าวลี่หมิงจึงเดินออกจากห้องไปทิ้งหม่าเยว่ซินให้อยู่มาสคอสคนเดียวในคืนที่เงียบสงัด
จักรวาลทรงกลมใสเพื่อเอาชนะให้ได้อีกครั้ง
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 27
Comments