หลังจากที่จื่อลูไปแล้ว เจียเฟิ่งบอกให้สาวใช้พานางไปอาบน้ำ ก่อนจะให้มาคุยกันที่ห้องทำงาน ซื่อเหมี่ยวมองสำรวจจวนใหญ่นี่ ชีวิตเขาดีขึ้นมากจริงๆ นางเลยได้ถามสาวใช้ที่พานางมา สาวใช้บอกอย่างไม่ใส่ใจว่า คุณชายนั้นหลังจากเกิดเหตุ หมู่บ้านนี้ถูกยึดโดยฝ่ายศัตรู เพราะเมืองอยู่ติดชายแดน ทหารจากเมืองหลวงกลับไม่เข้ามาช่วย จนชาวบ้านโกรธแค้นฝ่าบาท เลยยื่นข้อเสนอ ส่งบุรุษของเมือนตนให้ทหารศัตรู และคุณชายได้ไปด้วยผ่านมาหนึ่งปีเมืองก็เป็นส่วนหนึ่งของแคว้นหวัง จนฝ่าบาทแคว้นลี่ที่ไม่ส่งคนมาช่วยเมืองนี้ก็กล่าวว่าเป็นเมืองทรยศหักหลังไปอยู่กับศัตรู แม้แคว้นลี่จะสาปแช่งเมืองนี้ยังไง แต่ชาวบ้านนั้นรู้ดีว่าตนนั้นทำถูก ส่วนใครที่ไม่เห็นด้วยนั้นก็ออกจากหมู่บ้านไป ส่วนคุณชายได้เข้าในค่ายทหารผ่านการซ้อมมา เลยเข้าตาท่านแม่ทัพได้เป็นที่ปรึกษา จนผ่านมาได้อีกหนึ่งปี แคว้นลี่นั้นเสียเปรียบอย่างหนัก จึงยื่นข้อเสนอ ทั้งสองแคว้นเลยเจรจาต่อรองกัน แปลเปลี่ยนเป็นพันธมิตรนับแต่นั้นก็ผ่านมาอีกหนึ่งปี คุณชายได้ตำแหน่งเป็นผู้นำหมู่บ้าน ค่อยดูแลแทนท่านแม่ทัพใหญ่ที่กลับเมืองหลวงไป และเติบโต มีผู้คนเอามาตั้งถิ่นฐาน ฝ่าบาทจึงตั้งให้เป็นเมืองอู่ไม่มีวันมานี้ ซื่อเหมี่ยวที่ได้ยินทำได้เพียงพยักหน้าเข้าใจ
สามปีนี้ มีเรื่องที่นางไม่รู้มากมาย แปลว่าตนข้ามจากแคว้นลี่ มายังแคว้นหวังแล้วงั้นหรือ แถมตนยังเชื่อตาเฒ่านั่นอีก ซื่อเหมี่ยวถอดหายใจกับตัวเอง ก่อนที่น้ำอาบนั้นเตรียมพร้อม นางไม่ให้บ่าวเข้าช่วย เพราะตนมิได้เป็นคุณหญิง หากได้คุยกันเจียเฟิ่งขอร้องให้นางอยู่กับลูกจะได้มั้ยนะ หญิงสาวอาบน้ำไม่นานก็ออกมา ชุดนั้นก็ไม่ได้หรูหราก่อนจะมีบ่าวผู้เฒ่านั้น รออยู่หน้าประตู นางเดินตามไปพร้อมกับสำรวจจวนไปด้วย นางไม่เคยเห็นจวนใหญ่เช่นนี้ ถึงดูเรียบง่ายแต่ก็หรูหราสบายตา ก่อนบ่าวผู้เฒ่าจะหยุดให้เข้าไปด้านใน พอเดินเข้ามานั้น เจียเฟิ่งที่นั่งเขียนเอกสารอยู่ก่อนเงยหน้าขึ้นมามอง สายตานิ่ง แต่นางสัมผัสได้เลยว่าเขาไม่ชอบตน นางนั่นทำอะไรกับท่านพี่ของข้ากัน ที่อยู่ด้วยกันมา พึ่งเคยเห็นแววตาแบบนี้ขอเขา นางพยายามกดอารมณ์เศร้าเอาไว้ นางต้องเข้มแข็ง ซื่อเหมี่ยวที่ยื่นอยู่จนเจียเฟิ่งต้องเอ่ยให้นั่ง และความเงียบได้ปกคลุมห้อง...
"เจ้ารับเงินแล้วก็ไปซะ"เขาโยนเงินมาให้นาง
"ท่านพี่..เอ่อ ท่านเจ้าเมืองเรื่องลูก.."นางตอนนี้จะเอ่ยแทนเขาว่าอะไร สถานะตอนนี้...
"เจ้าทำร้ายลูกข้ามาหลายปี หนีข้าไปยังไม่พอหริอ เจ้าเป็นแม่คน จิตใจทำด้วยอะไรกัน "เสียงมือที่กระแทกกับโต๊ะเสียงดัง ทำให้ซื่อเหมี่ยวสะดุดตาม จนนางเผลอบอกออกไป
"ข้าไม่เคยทำร้ายลูกเจ้าค่ะ"นางบอกแค่นั้น เพราะนางไม่ได้ทำจริงๆ หากบอกว่านางถูกสิงใครจะเชื่อ
"หึ อย่ามาโกหกข้า ซื่อเหมี่ยว!สาวรับใช้มารายงานข้า มีรอยขีดข่วนบนร่ายกายของจื่อลู ถ้าไม่เป็นเจ้าที่ทำ ใครจะทำกัน" ดวงตานั้นมีแต่ความโกรธ นางไม่คิดเลยว่าเขาที่เป็นคนเงียบ นิ่ง ไม่เคยโมโหนางแม้จะทำผิด พอมาวันนี้นางได้เห็นครั้งแรก ทำไมกันนะเรื่องทั้งหมดนี้นางไม่เคยทำ ซื่อเหมี่ยวกัดฟันตังเอง
"ท่านจะเชื่อคำพูดข้าหรือไม่ว่า ข้าจำเหตุการณ์เมื่อสามปีที่ผ่านมาไม่ได้ หากเป็นเรื่องที่เชื่อไม่ได้ แต่มันคือเรื่องจริงเจ้าค่ะ"นางเอ่ยความจริง แม้ไม่บอกเรื่องทั้งหมด นางที่ตอนแรกหลบตาเขา พอเงยหน้ามองบุรุษนั้นยิ้มเยาะ และไม่เชื่อนาง
"จะมาโกหกอะไรข้าอีกหรือ สามปีผ่านมาเจ้าก็กล่าวเช่นนี้กับข้า แล้วก็ขึ้นรถม้าไปกับผู้ชายนั้น โดยทิ้งข้าไว้ด้วนหลัง ทุกคำที่เจ้าเอ่ยออกมา มันอยู่ในใจข้ามาตลอด ความจนมันทำให้เจ้าเปลี่ยนไปซื่อเหมี่ยว พอข้าร่ำรวยเจ้าจะใช้แผนเดิมมาหลอกข้างั้นหรือ" ซื่อเหมี่ยวที่ได้ยินสิ่งที่เขาเอ่ย นางรู้เลยว่าเขาเจ็บปวดมากแค่ไหน ความไว้ใจที่เคยมีให้นาง ตอนนี้มันไม่เหลือ ถ้านางเป็นเขาก็คงทำไม่ต่างกัน นางกัดฟันแน่นก่อนจะทิ้งศักดิ์ศรีนั่งลงคุกเข่าบนพื้น แม้ถึงอย่างไรขอนางได้อยู่กับลูก นางเหลือเพียงสิ่งเดียวแล้ว
"ข้ารู้ว่าท่านโกรธเพียงใด แต่ข้ากล่าวความจริง"
"ไปซะ ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า"
"ไม่เจ้าค่ะ ข้าจะนั่งอยู่ตรงนี้ แม้ท่านพี่..ท่านเจ้าเมืองไม่ให้อภัยขอเพียงอนุญาตให้ข้าอยู่กับจื่อลู" นางเงยหน้าอดีตสามีที่ใบหน้าที่ยังเย็นชา ก็ยกยิ้มร้ายกาจขึ้นมา
"ได้สิซื่อเหมี่ยว หากเจ้าต้องการก็นั่งไป"เขาเอ่ยเช่นนั้นก่อนจะออกไป ปล่อยให้นางนั่งอยู่อย่างนั้น
"อย่าให้ใครเข้าไป"เจียเฟิ่งสั่งลูกน้องให้ยืนเฝ้า ก่อนจะเดินไป เขาจะไม่หลงกลนางอีก หลังจากตกน้ำในครานั้น นางก็เปลี่ยนไป แววตาที่เคยอ่อนโยน พูดน้อยสุภาพ แปลเปลี่ยนไปเป็นแข็งกระด้าง พอกลับจากงานก็ไม่เคยปรนนิบัติเขา นางขอนอนแยกห้องอีก คำพูดจาก็ห่างเหิน พอเกิดปัญหาเช่นนี้เจียเฟิ่งจึงได้ไปปรึกษากับสหาย และคนที่ได้มาคือภรรยาอาจมีชู้ เขาไม่เชื่อ เพราะแต่งกันมาหกเดือน นางไม่เคยออกไปไหน แม้ไม่จำเป็นพอบ้านเมืองเกิดสงครามก็เป็นดั่งที่สหายเคบบอก นางหนีไปกับชู้ในค่ำคืนที่เกิดความวุ่นวาย เขาเห็นภาพนั้นกับตา เขาวิ่งตามนางไป จับแขนนางไว้
'ปล่อยข้า..'
'ซื่อเหมี่ยวเจ้าจะไปไหน'
'เราไม่ได้รู้จักกัน อย่ามาแตะตัวข้า สกปรก คุณชายจินเกอไปกันเถอะเจ้าค่ะ ข้ากลัวเหลือเกิน'นางอ้อนบุรุษที่นางโอบกอด ก่อนผู้ชายคนนั้นจะมองมา สั่งให้ลูกน้องนั้นไล่เขาไป พอนึกขึ้นความเจ็บปวดนี้... เจียเฟิ่นเดินมาหยุดที่ห้องรับประทานอาหาร ตอนนี้จื่อลูกำลังรอ พอเห็นบิดาก็รีบลงไปหา
"ท่านแม่ละขอรับ"เด็กชายเรียกหามารดา เพราะได้ยินสาวรับใช้บอกว่าทั้งสองได้คุยกัน
"พวกเจ้า ออกไปให้หมด"เจียเฟิ่งเรียกบ่าวทั้งหมดออกไป เรื่องนี้ต้องพูดตรงๆ เพื่อภายหลังจะได้ไม่เกิดปัญหา"ลูกพ่อ เจ้าอยู่กับพ่อได้หรือไม่ สองคน.."
"ท่านแม่ด้วยไม่ได้หรือขอรับ ท่านแม่ทรมานมากนะขอรับ มีเพียงข้าค่อยช่วย"จื่อลูห่วงแม่มากเหลือเกิน จนเจียเฟิ่งนั้นคิดหนัก แต่ก็อยากให้ลูกตัดนางออกจากชีวิตเช่นกัน
"ข้ารู้ดีว่า เจ้าเป็นเด็กกตัญญู แต่บางทีการกตัญญูกับบุคคลที่ดีกับลูกด้วย จื่อเออร์ลูกลืมสตรีร้ายกาจคนนั้นได้หรือไม่"เจียเฟิ่งย่อกายให้เท่าบุตรชาย นำมือขึ้นมาลูบผมอีกฝ่าย พร้อมกล่าวด้วยเสียงจริงจัง
"ท่านแม่สัญญากับข้าแล้ว..."
เจียเฟิ่งเอ่ยตัดบททันที"พ่อบอกเจ้าว่าอย่างไร จงลืมนางเถอะ ต่อจากนี้จะมีแค่ข้ากับเจ้าสองคน" บุตรชายที่ได้ยินสิ่งท่านพ่อพูด ก็หน้าเศร้า ดวงตาของบิดานั้นน่ากลัว จนไม่กล้วเถียงกลับ จื่อลูในเวลานั้นก็คิดอะไรไว้ในใจคนเดียว
"ท่านพ่อกับท่านแม่ยังรักกันอยู่หรือไม่ขอรับ"เด็กน้อยเอ่ยออกไปอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะถึงนึกได้ว่าเอ่ยสิ่งใดไป"ข้าขออภัยขอรับ ข้าไม่ได้ตั้งใจพูดเช่นนั้น" เจียเฟิ่งไม่ตอบแต่อุ้มลูกไปนั่งทานข้าว
พอสองพ่อลูกได้ใช้เวลาร่วมอาหารเย็นกัน บุตรชายถูกพาไปเข้านอน ส่วนเจียเฟิ่งที่ไม่สามารถทำงานที่ห้องทำงาน ก็ให้บ่าวขนงานมาที่ห้อง เวลาพามานานมากจน ผู้เฒ่านั้นหมดความอดทนเอ่ยบอก นางยังนั่งคุกเข่าอยู่ แต่ใช่ว่าเขาจะสนใจ ส่งสายตาให้หัวหน้าบ่าวรับใช้อย่าเอ่ยถึงนาง จึงไม่พูดอะไรอีก
...
เสียงแมลงที่ดังทั่วจวน ในห้องนั้นไร้แสงเทียน มีเพียงความสว่างของไฟจากประตูด้านนอก ซื่อเหมี่ยวที่ตอนนี้เหงื่อตก แม้อากาศจะเย็น นางคุกเข่ามาหลายชั่วยาม ขาชาขยับไม่ได้ นางต้องอดทนทำให้ความพยายามของนางไปถึงอดีตสามีให้ได้ เวลานางนั้นเหลือน้อยเกินที่จะรอให้เขากลับมาเชื่อใจได้ แต่นางขอพยายามดูอีกหน่อย
"เร็วเข้า..พวกเจ้าคุณชายน้อย ท่านจะไปไหนขอรับ"เสียงฮือฮาด้านนอก ทำให้ซื่อเหมี่ยวนั้นสนใจ คุณชายน้อย...จื่อเอ๋อร์หรือ มีเงาผู้คนที่อยู่ตรงประตูผ่านไปมา จนตอนนี้ไม่มีใครเฝ้า แต่เสียงคนใช้ยังอยู่แปลว่าบุตรชายยังอยู่ใกล้ๆ เช่นกัน
"จื่อเอ๋อร์..ลูกแม่.."นางพยายามที่จะเรียกบุตรชายสุดเสียง"จื่อลู.."สุดเสียงสุดท้ายประตูก็เปิด เผยให้เห็นบุตรที่รีบวิ่งมากอดนาง "เจ้าจะไปไหน ทำไมต้องออกมาตอนดึกเช่นนี้เล่า"นางโอบกอดร่างเล็ก พร้อมลูบหลังเบาๆ ไม่นานบ่าวรับใช้ ก็วิ่งมาหยุดยื่นอยู่
"ท่านแม่....ฮึก อือ"เด็กน้อยร้องไห้"ท่านแม่นึกว่าท่านไปแล้วเสียอีก" นางมองข้าวของที่บุตรห่อมาเล็กๆ
"โอ้ๆ แม่มิได้ไปไหน หากแม่ไม่เรียกเจ้า คงวิ่งออกไปหาแม่ด้านนอกเป็นแน่"บุตรไม่ตอบ ร้องไห้อยู่ในอกมารดา ไม่นานร่างสูงก็เดินมาเห็นสองคนตรงหน้าที่กอดกันกลม
"เจ้าคิดจะหนีหรือ "เสียงดุดันที่ทำให้บุตรนั้นกลัว ก่อนจะผละจากมารดาเดินไปหาท่านพ่อ คงหนีไม่พ้นโดยตบตีเป็นแน่น ร่างเล็กนั้นเพียงอยากตามมารดาไปด้วยเท่านั้น ตนรู้ความเห็นแก่ตัวเช่นนี้ทำให้เรื่องวุ่ยวาย แต่เขาก็ไม่สามารถทิ้งมารดาได้
เจียเฟิ่งที่เห็นบุตรชายนั้นก้มหน้ายื่นตรงเหมือนกำลังรอให้ทำโทษ แต่เขาทำเพียงนมือมาลูบผมลูกชาย จนจื่อลูกแปลกใจ เงยหน้ามองใบหน้าที่ยกยิ้มให้
"อย่าทำเช่นนี้อีก เข้าใจหรือไม่"เจียเฟิ่งเอ่ยตักเตือนบุตรชาย เพียงวันเดียวก็มีเรื่องวุ่ยวายมากมาย ถ้าจะตัดนางออกก็ไม่ได้แล้ว
ซื่อเหมี่ยวที่เห็นว่าสองพ่อลูกนี่เข้ากันได้ไว ก่อนจะค่อยหลับตาลงช้าๆ นางไม่ไหวแล้ว พร้อมกับร่างที่กระทบกับพื้นสลบไป
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments