ปลดตรวนไร้ใจ ถักทอใยวาสนารัก

ปลดตรวนไร้ใจ ถักทอใยวาสนารัก

ตอนที่ 1 ลาก่อนชีวิตนิรันดร์ที่แสนน่าเบื่อของข้า

ดาราจักรหลิงคุน

ดาราจักรแห่งนี้เป็นหนึ่งในหมู่มวลดาราจักรจำนวนมากมายหลายแสนล้านดาราจักรที่กระจายกันอยู่ภายในเอกภพอันกว้างใหญ่ไพศาลจนไม่อาจทราบขอบเขตที่แน่ชัดได้นี้ ดาราจักรหลิงคุนแห่งนี้เป็นดาราจักรขนาดเล็กที่มีดวงดวงอยู่ภายในขอบเขตแรงโน้มถ่วงเพียงสิบห้าล้านดวงเท่านั้น นอกจากนี้ดาราจักรหลิงคุนนี้ยังโคจรรอบดาราจักรทางช้างเผือกที่มีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่าตัวอีกด้วย และภายในดาราจักรแห่งนี้เองก็มีดวงดาวที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่หรือจะเรียกสั้นๆ อีกได้อย่างหนึ่งว่า "ดาวโลก" เช่นเดียวกับดาราจักรทางช้างเผือก ซึ่งดาราจักรแห่งนี้มีดาวโลกจำนวนมากถึงหนึ่งร้อยแปดดวง และดาวโลกเหล่านี้ก็ยังมีลักษณะของสิ่งมีชีวิตและภูมิศาสตร์ที่ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก อีกทั้งระหว่างดาวโลกทั้งหนึ่งร้อยแปดดวงนี้ยังมีเส้นทางมิติลับที่เทพชะตาของแต่ละโลกร่วมมือกันสร้างขึ้นเพื่อเชื่อมโยงกันไว้อีกด้วย

โลกเทียนคุน

โลกเทียนคุนเป็นหนึ่งในหนึ่งร้อยแปดดาวโลกที่อยู่ในดาราจักรหลิงคุน ตอนนี้โลกเทียนคุนแห่งนี้ได้เกิดความเดือดร้อนและสับสนวุ่นวายไปทั่วทุกหย่อมหญ้า เพราะมีภัยพิบัติต่างๆ เกิดขึ้นและถาโถมกันมาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นลมพายุ สายฟ้ากระหน่ำฟาดปฐพี แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด คลื่นทะเลยักษ์ และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วทั้งโลกใบนี้นั้นมีสาเหตุมาจากสงครามระหว่างเทพและมารที่ร้ายแรงมากจนส่งผลกระทบโดยตรงต่อดินแดนต่างๆ

ศึกระหว่างสองเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ของโลกเทียนคุนครั้งนี้ได้ยืดเยื้อมานานกว่าเจ็ดวันเวลาสวรรค์แล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างก็สูญเสียกำลังทหารไปในสนามรบมากกว่าสามในห้าส่วนของกองทัพแต่กลับไม่มีฝ่ายใดยอมถอยทัพออกจากสนามรบเลยแม้แต่ก้าวเดียว และผู้นำทัพของทั้งสองฝ่ายยังคงสั่งให้ทหารที่เหลืออยู่ของตนโจมฝ่ายตรงข้ามอย่างบ้าคลั่งต่อไปเช่นเดิม

ณ ใจกลางของสนามรบ ได้เกิดพื้นที่ว่างเป็งวงกลมขนาดใหญ่ที่มีรัศมีมากกว่าร้อยจั้ง อันเกิดจากแรงกดดันของพลังปราณอันแข็งแกร่งจนน่าหวาดหวั่นของราชามารและเทพสงคราม ทั้งสองต่างทุ่มพลังสุดตัวและใช้อุบายเล่ห์เหลี่ยมทั้งหมดของตนต่อสู้กันอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้เว้นช่วงให้อีกฝ่ายมีเวลาพักหายใจเลยแม้แต่น้อย

สงครามที่ดุเดือดนี้ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งการสู้รบได้ดำเนินมาถึงวันที่สิบเวลาสวรรค์ “เจ๋อซีจ้านเสิน” หรือ "เทพสงครามไป๋หลี่ซีเยว่” สตรีเหล็กแห่งกองทัพสวรรค์สามารถเอาชนะราชามารและใช้กระบี่คู่กายของนางตรึงร่างของเขาไว้ได้ในที่สุด หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้เผชิญหน้ากันกลางสนามรบและต่อสู้กันต่อเนื่องนานถึงสามวันสามคืน

เมื่อการต่อสู้ของราชามารและเทพสงครามได้ยุติลงพลังกดดันหนักหน่วงใจกลางสนามรบก็คลายลงด้วยเช่นกัน ในตอนนี้ร่างสูงใหญ่ของราชามารนั้นได้มีกระบี่สีทองของเทพสงครามคนงามเสียบคาไว้บนหน้าอกและยังตรงกับตำแหน่งหัวใจของเขาอีกด้วย หากเป็นมนุษย์ธรรมดานั้นจะต้องตายไปทันทีแน่นอน โลหิตสีม่วงไหลทะลักออกจากบาดแผลไม่หยุดอาบชโลมไปทั่วชุดเกราะทมิฬของเขา ดวงตาสีม่วงเข้มมีประกายความเคียดแค้นวาบผ่านจับจ้องไปยังใบหน้างดงามล่มสวรรค์ที่บัดนี้ได้ซีดเซียวจนไร้สีเลือดของเจ๋อซีจ้านเสิน

"หึๆ จ้านเสิน อึก.. แม้ว่าวันนี้ข้าจะตายด้วยกระบี่ในมือของเจ้าแต่อีกไม่นานหรอกเผ่ามารก็จะมีราชาคนใหม่มาแทนที่ข้าอยู่ดี เขาจะต้องทำลายสวรรค์เพื่อแก้แค้นให้เผ่ามารได้แน่นอน น่าเสียดายที่ข้าไม่มีโอกาสได้เห็นสวรรค์พังพินาศด้วยตาของข้าเอง อัก.. จ้านเสิน !! เจ้าจงจำเอาไว้แม้ว่าข้าจะตายไปแต่บันทึกชะตากรรมของเจ้าที่ถูกร่างแยกของข้าลิขิตใหม่และปิดผนึกไปเมื่อแปดหมื่นปีก่อนมันจะยังคงอยู่และมีผลต่อเจ้าไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ฮ่าๆๆ"

"หึ เจ้าแน่ใจจริงๆ หรือว่ามันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง หากข้าหลุดพ้นจากวัฏสงสารทุกอย่างที่เจ้าทำไปก็นับว่าสูญเปล่าแล้ว ม่อซูหวางจงตายไปซะ !!"

ฉึก !!

ฟึบ !! ฟู่ !!!

เจ๋อซีจ้านเสินได้แทงกระบี่ในมือของนางลึกเข้าไปในร่างของราชามารจนทะลุออกไปด้านหลัง ก่อนที่นางจะเค้นพลังปราณทั้งหมดออกมาเผาผลาญทำลายร่างกายและดวงจิตของราชามารจนสูญสิ้นไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวของจิตวิญญาณ

ถึงแม้ว่าในท้ายที่สุดแล้วเจ๋อซีจ้านเสินจะสามารถสังหารราชามารได้แต่นางเองก็ได้รับบาดเจ็บภายในไปไม่น้อยเชนกัน อาการบาดเจ็บที่นางได้รับจากการต่อสู้กับราชามารในครั้งนี้นั้นสาหัสมากเสียจนทำให้นางใช้พลังได้เพียงสองในสิบส่วนเท่านั้น และนางไม่อาจฝืนใช้พลังเกินขีดจำกัดนี้ได้จนกว่าจะรักษาตัวให้หายดี เจ๋อซีจ้านเสินในตอนนี้นั้นเจ็บปวดเพราะอวัยวะภายในบอบช้ำมากเสียจนจวนเจียนจะหมดสติ แต่นางก็ยังคงกัดฟันฝืนหยัดยืนไม่แสดงอาการเจ็บปวดใดๆ ออกมาและตวัดกระบี่ในมือสังหารทหารมารต่อไปอย่างไม่ลดละ

เมื่อกองทัพมารสูญเสียผู้นำไปก็ทำให้กองทัพมารเสียขวัญแตกกระบวนจนไม่เป็นหนึ่งเดียวกันทำให้ประสิทธิภาพในการรบลดลงเป็นอย่างมาก เหตุการณ์นี้ทำให้กองทัพสวรรค์เกิดความฮึกเหิมขึ้นจนบุกเต็มกำลังครั้งสุดท้าย ทั้งยังสร้างค่ายกลกักขังมารและแปรกระบวนทัพรูปแบบต่างๆ เพื่อล้อมสังหารทหารกองทัพมาร จนในที่สุดกองทัพสวรรค์ก็สามารถขับไล่และบบบังคับให้กองทัพมารเปิดม่านประตูดินแดนมารแล้วล่าถอยกลับไปยังดินแดนของตนได้สำเร็จ และแล้วสงครามระหว่างเทพและมารที่ยาวนานและสร้างความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์สงครามสองเผ่าพันธุ์นี้ก็ได้ยุติลงด้วยชัยชนะของกองทัพสวรรค์

“ทหารสวรรค์ทั้งหมดจงฟัง ตอนนี้สงครามได้ยุติลงแล้ว เราจะถอยทัพออกจากสนามรบแล้วเดินทางไปยังที่ราบฝั่งทิศตะวันออกที่อยู่ห่างจากที่นี่ไปราวสิบลี้ แล้วเราจะตั้งค่ายพักกันที่นั่นชั่วคราวประมาณสามชั่วยาม หลังจากนั้นเราจะจัดกระบวนทัพอีกครั้งและออกเดินทางกลับดินแดนสวรรค์ ในระหว่างนี้พวกเจ้าจงพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูกำลังให้กลับคืนมามากให้ที่สุด ส่วนใครที่ได้รับบาดเจ็บก็ทำแผลให้เรียบร้อย เพราะเมื่อเรากลับไปถึงดินแดนสวรรค์แล้วพวกเจ้าอาจจะไม่ได้พักมากเท่าที่ควร ที่นั่นยังมีภาระงานฟื้นฟูดินแดนต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามครั้งนี้รอให้พวกเจ้าไปทำอยู่ เอาล่ะ เคลื่อนทัพออกเดินทางได้! เซี่ยอันผู่เจ้าตามข้ามา”

หลังจากที่กองทัพมารถอยกลับไปดินแดนของตนได้ราวหนึ่งเค่อเสียงเรียบเฉยของสตรีหนึ่งเดียวในกองทัพสวรรค์ก็ดังขึ้นเอ่ยสั่งการกองทัพผ่านพลังปราณให้ได้ยินกันอย่างทั่วถึง ก่อนจะเอ่ยเรียกลูกน้องคนสนิทให้ติดตามนางเข้าไปในป่าทึบที่อยู่ใกล้ๆ กับสนามรบ

"ท่านแม่ทัพอาการบาดเจ็บของท่าน... เอ่อ... ใบหน้าของท่านซีดมาก ข้าว่าท่านแม่ทัพน่าจะหยุดพักแล้วเดินลมปราณฟื้นฟูร่างกายสักนิดก่อนก็ดีนะขอรับ" เซี่ยอันผู่ที่เดินตามหลังเจ๋อซีจ้านเสินมานั้นเอ่ยบอกกับนางอย่างห่วงๆ เพราะเขาเห็นว่าใบหน้าของนางนั้นซีดเซียวมากจนน่าตกใจ แล้วเขาก็ยังสัมผัสได้ถึงความแปรปรวนของลมปราณของนางอีกด้วย

"ไม่ล่ะ มันเป็นเพียงอาการบาดเจ็บภายในเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรงอะไรต่อข้านักหรอก" เจ๋อซีจ้านเสินบอกปัดความหวังดีของลูกน้องคนสนิท ทั้งยังมุ่งหน้าเดินเข้าไปในป่าต่อไปเรื่อยๆ

“เราจะไปไหนกันหรือขอรับท่านแม่ทัพ” เซี่ยอันผู่ถามขึ้นในขณะที่เขาได้เดินตามเจ๋อซีจ้านเสินเข้ามาในป่าแห่งนี้มาระยะหนึ่งแล้วแต่ก็ยังไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางที่เจ๋อซีจ้านเสินต้องการจะไปนั้นคือที่ใด

“เมื่อไปถึงเจ้าก็จะรู้เอง” เจ๋อซีจ้านเสินเอ่ยบอกกับลูกน้องคนสนิทด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งและเดินลัดเลาะเข้าไปในป่าลึกขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งสองเดินเข้าไปในป่าแห่งนี้ต่อไปอีกราวสองเค่อก็ได้หยุดเดิน เมื่อหนทางข้างหน้านั้นมีม่านพลังขนาดใหญ่ปิดกั้นเส้นทางที่แบ่งแยกอยู่ระหว่างสองดินแดนคือดินแดนสวรรค์และดินแดนมาร

“ม่านประตูทางเข้าดินแดนมาร ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่านอกจากม่านประตูที่พวกกองทัพมารเปิดขึ้นในสนามรบเพื่อถอยกลับเข้าไปแล้วยังมีม่านประตูอยู่ที่นี่อีกที่หนึ่งด้วย ท่านแม่ทัพทราบตั้งแต่เมื่อไรหรือขอรับว่าที่นี่มีม่านประตูทางเข้าดินแดนมารอยู่ด้วย” เซี่ยอันผู่มองไปยังม่านพลังที่อยู่ไม่ไกลจากทั้งสอง แล้วหันมามองเจ๋อซีจ้านเสิน เขาเอ่ยถามนางด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อย เพราะตั้งแต่เคลื่อนพลสู่สนามรบท่านแม่ทัพใหญ่ก็อยู่ในสนามรบตลอดและไม่เคยเอ่ยถึงม่านประตูที่ถูกซ่อนอยู่ในป่าแห่งนี้เลยสักคำ

“อันผู่.. เจ้าติดตามข้ามานานแค่ไหนแล้วหรือ” เจ๋อซีจ้านเสินไม่ได้ตอบคำถามของเซี่ยอันผู่แต่กลับถามคำถามกับไปเขาแทน

เซี่ยอันผู่ได้ยินคำถามนี้ก็ถึงกับชะงักไปครู่หนึ่งเพราะเขาไม่ได้คาดคิดว่าเจ๋อซีจ้านเสินจะถามในสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันนี้เลย ก่อนจะเอ่ยตอบกลับเจ๋อซีจ้านเสินไปว่า.. “ข้าน้อยติดตามท่านแม่ทัพมาแปดหมื่นปีแล้วขอรับ”

“นั่นสินะ แปดหมื่นปีแล้วจะว่านานก็นาน จะว่าไม่นานก็ไม่นาน เฮ้อ.. อันผู่ข้าฝากเจ้าเอาของในกล่องนี้ไปให้คืนตี้จวินแทนข้าที เจ้าต้องดูแลรักษาของในกล่องนี้ให้ดี อย่าให้ของในกล่องนี้ถูกทำลายหรือถูกขโมยก่อนจะถึงมือตี้จวินเสียล่ะ ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะถูกตี้จวินลงโทษหนักมากแน่ๆ” เจ๋อซีจ้านเสินพูดกับตัวเองเสียงแผ่วก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางหยิบเอากล่องไม้ขนาดเท่าฝ่ามือของนางออกมาจากแหวนมิติแล้วยื่นให้เซี่ยอันผู่เพื่อให้เขาเอาไปคืนตี้จวินแทนนาง พร้อมกับกำชับเขาด้วยสีหน้าจริงจังให้เขาดูแลของในกล่องนี้ให้ดี

“ทะ.. ท่าน.. ท่านแม่ทัพจะให้ข้า อะ.. เอา.. ของในกล่องนี้ไปคืนตี้จวินจริงๆ หรือขอรับ” เมื่อเซี่ยอันผู่รับกล่องมาแล้วเขาก็ได้เปิดกล่องออกเพื่อดูว่าของในกล่องนี้คืออะไรถึงได้ทำให้ท่านแม่ทัพนายของตนกำชับด้วยสีหน้าจริงจังเช่นนั้น แต่หลังจากที่เขาได้เห็นของที่วางอยู่ในนั้นแล้วเขาก็ถึงกับตกตะลึงจนอ้าปากค้างทั้งยังมองเจ๋อซีจ้านเสินด้วยแววตาสับสน ก่อนจะเอ่ยถามเจ๋อซีจ้านเสินอีกครั้งเพื่อความแน่ใจด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

“เรื่องแบบนี้ข้าจะเอามาล้อเล่นกับเจ้าได้อย่างไรกัน อันที่จริงเจ้าเองก็น่าจะรู้ว่าข้าตั้งใจคืนสิ่งนี้ให้กับตี้จวินมาหลายครั้งแล้วแต่มันก็ไม่เคยสำเร็จ จนมาครั้งนี้ข้าต้องต่อรองกับตี้จวินไว้ว่าถ้าหากในสงครามครั้งนี้ข้าสังหารและทำลายดวงจิตของราชามารได้เขาจะต้องยอมรับของในกล่องนี้คืน และถ้าหากข้าเดาไว้ไม่ผิดคนที่จะขึ้นมารับตำแหน่งนี้ต่อจากข้าคงจะเป็นเจ้า จากนี้ไปข้าคงต้องขอฝากกองทัพสวรรค์ไว้ที่เจ้าแล้วล่ะว่าที่เทพสงครามเซี่ยอันผู่ ดูแลพวกพี่น้องในกองทัพแทนข้าด้วย” เจ๋อซีจ้านเสินเอ่ยขณะมองป้ายประจำตำแหน่งและป้ายคำสั่งทหารสวรรค์ที่วางอยู่ในกล่องนั้นด้วยสายตาผ่อนคลายและมีประกายแห่งความสุขวาบผ่าน เพราะในที่สุดนางก็สามารถปลดเกษียณตนเองจากตำแหน่งนี้ได้เสียที พร้อมกับฝากฝังกองทัพสวรรค์ให้ลูกน้องคนสนิทได้ดูแลแทน

“หากเป็นไปตามที่ท่านแม่ทัพกล่าวจริง ข้าน้อยเซี่ยอันผู่ก็พร้อมที่จะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดขอรับท่านแม่ทัพ” เซี่ยอันผู่รับคำอย่างหนักแน่น แม้ว่าในใจของเขาจะรู้สึกไม่ยินดีเลยสักนิด ทั้งยังรู้สึกใจหายที่เจ๋อซีจ้านเสินขอคืนตำแหน่งได้สำเร็จแล้ว

“ดีมาก! เอาล่ะในเมื่อข้าฝากฝังทุกอย่างกับเจ้าไว้หมดแล้วเช่นเจ้าถอยไปได้แล้วล่ะ ถึงเวลาที่ข้าจะต้องลงมือทำขั้นตอนสุดท้ายในแผนการรบครั้งนี้ของข้าเสียที” สิ้นเสียงของเจ๋อซีจ้านเสินร่างของเซี่ยอันผู่ก็ถูกพลังปราณของนางผลักออกไปไกลราวสิบจั้ง พร้อมกับมีกำแพงปราณปรากฏขึ้นขวางเขาไว้ไม่ให้ย้อนกลับไปที่ม่านประตูทางเข้าดินแดนมารอีก

ตู้ม! ตู้ม!

เสียงพลังปราณที่เซี่ยอันผู่ปล่อยออกมาเพื่อโจมตีทำลายกำแพงปราณซ้ำไปซ้ำมา แต่ก็ไม่อาจสร้างรอยร้าวให้กำแพงปราณนี้ได้เลยแม้แต่น้อย

"ท่านแม่ทัพปล่อยให้ข้ากลับไปที่นั่นเดี๋ยวนี้นะขอรับ ท่านจะสร้างกำแพงปราณขวางข้าไว้แบบนี้ไม่ได้ ท่านแม่ทัพ !! ท่านห้ามทำอะไรบ้าๆ เช่นนั้นเด็ดขาด !! ท่านแม่ทัพได้โปรดหยุดเดี๋ยวนี้ ท่านแม่ทัพหยุดเดี๋ยวนี้ !!" เซี่ยอันผู่พยายามทำลายกำแพงปราณอย่างบ้าคลั่งและคอยมองเจ๋อซีจ้านเสินอยู่ตลอดนั้น พอเขาสังเกตเห็นว่านางกำลังรวบรวมพลังปราณเพื่อลงมือทำอะไรบางอย่างกับม่านประตูดินแดนมาร เขาจึงตะโกนบอกให้นางหยุดการกระทำนั้นทันที เพราะเขารู้แล้วว่าสิ่งที่นางกำลังจะทำต่อจากนี้นั้นเป็นอันตรายต่อตัวนางมากเพียงใด แต่เหมือนกับว่านางจะไม่ได้ยินเสียงของเขาเลยสักนิด

ด้านเจ๋อซีจ้านเสิน หลังจากที่ผลักลูกน้องคนสนิทออกไปและฝืนใช้พลังเกินขีดจำกัดสร้างกำแพงปราณขัดขวางเขาไว้แล้วนั้น นางก็ได้ตัดสินใจลงมือทำตามสิ่งที่นางได้วางแผนเอาไว้อย่างรอบคอบมานานแล้วทันที นางจมอยู่ในห้วงสมาธิตัดขาดการรับรู้จากสิ่งรอบข้างไปจนสิ้นจนไม่อาจรับรู้ได้ถึงเสียงตะโกนห้ามของลูกน้องคนสนิทเลยแม้แต่นิดเดียว นางพยายามฝืนขีดจำกัดของร่างกายรวบรวมพลังปราณที่มีอยู่ทั้งหมดดึงเอาแก่นวิญญาณเทพที่สะสมพลังมานานกว่าสองแสนปีที่อยู่ในห้วงจิตวิญญาณของตนออกมา แล้วหลอมละลายแก่นวิญญาณเทพด้วยพลังปราณเพื่อให้ง่ายต่อการชักนำวาดขึ้นรูปเป็นวงเวทย์ผนึกมารขนาดใหญ่ ปิดกั้นม่านประตูทางเข้าออกทั้งหมดของดินแดนมารกับโลกภายนอก และเพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ใดสามารถทำลายผนึกนี้หลังจากที่พลังของเสื่อมลงไปตามกาลเวลาเหมือนผนึกอันก่อนๆ ของอดีตเทพสองครามได้อีก นางจึงใช้กระบี่ทลายสวรรค์ที่เป็นกระบี่คู่กายกรีดฝ่ามือของตนแล้วปักกระบี่คู่กายเล่มนั้นลงกับพื้นดิน จากนั้นก็ใช้พลังจิตชักนำควบคุมโลหิตแล้วเขียนเป็นอักขระเทพสังหารที่นางเป็นผู้คิดค้นขึ้นวางครอบทับลงบนผนึกไปอีกสองชั้น

ครื้น !!

ตุบ !!

"หึๆ ในที่สุดข้าก็ทำมันสำเร็จแล้ว อึก.."

หลังจากหนึ่งชั่วยามผ่านไปในที่สุดเจ๋อซีจ้านเสินก็ได้ผนึกม่านประตูทางเข้าดินแดนมารทั้งหมดเสร็จสิ้น นางแย้มยิ้มออกมาอย่างยินดีที่ตนได้ทำตามแผนที่วางเอาไว้สำเร็จแล้ว ก่อนจะทรุดเข่าลงกับพื้นอย่างไร้เรียวแรงพร้อมกับกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง และหลังจากนั้นเพียงจิบชาเดียวร่างที่อ่อนแรงและซีดเซียวจากการบาดเจ็บภายในอีกทั้งยังสูญเสียโลหิตและแก่นวิญญาณเทพของเจ๋อซีจ้านเสินก็ค่อยๆ สลายหายไปทีละนิดๆ

“โลกแห่งนี้กลับมาสงบสุขและสมดุลแล้ว หมดหน้าที่ของข้าเสียที หึๆ น่าเสียดายที่ข้ายังไม่มีโอกาสได้ผูกวาสนากับใครเลยคน อ่า.. ลาก่อนชีวิตนิรันดร์ที่แสนน่าเบื่อของข้า” เจ๋อซีจ้านเสินเอ่ยออกมาและหัวเราะในลำคอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ก่อนที่นางจะหลับตาลงไม่อาจรับรู้อะไรได้อีกแล้ว

​​​แต่ทันใดนั้นก็มีตะเกียงรูปทรงประหลาดปรากฏขึ้นเหนือร่างของเจ๋อซีจ้านเสินที่บางส่วนได้สลายหายไปแล้ว เพียงชั่วพริบตาตะเกียงรูปทรงประหลาดดวงนั้นก็ส่องแสงสว่างสีทองออกมาสาดส่องไปทั่งทั้งร่างที่เหลืออยู่ของเจ๋อซีจ้านเสิน เพียงสามลมหายใจตะเกียงรูปทรงประหลาดนั้นก็ได้หายไปพร้อมๆ กับร่างของเจ๋อซีจ้านเสิน อีกทั้งกระบี่ของนางที่ปักอยู่บนพื้นก็ได้หายไปเช่นเดียวกัน

ตุบ!!!!

ร่างของเซี่ยอันผู่ทิ้งตัวลงคุกเข่ากับพื้น หลังจากที่เขาฝ่ากำแพงปราณไม่สำเร็จ และทำได้เพียงเฝ้ามองดูเจ๋อซีจ้านเสินสละแก่นวิญญาณเทพจนกระทั่งร่างของนางได้สลายหายไปต่อหน้าต่อตาของเขา

“มะ..ไม่จริง ทะ..ท่านแม่ทัพ หะ..หายไปแล้ว ท่านแม่ทัพหายไปแล้วจริงๆ” เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งดวงตาของเขาแดงก่ำมองไปยังบริเวณที่เคยมีเจ๋อซีจ้านเสินยืนอยู่ด้วยความเศร้าโศก ร่ำไห้ออกมาเงียบๆ พลางหวนนึกถึงประโยคหนึ่งที่เขาเคยได้ยินเจ๋อซีจ้านเสินพึมพำกับตนเองก่อนที่จะก้าวเข้าสู่สนามรบแห่งนี้

"เฮ้อ ชีวิตนิรันดร์นี้น่าเบื่อจริงๆ ถ้าสักวันหนึ่งข้าจะต้องตาย ข้าก็เลือกที่จะตายหลังจากที่รบชนะ แต่ช่างน่าเสียดายที่เรื่องราวเมื่อแปดหมื่นปีก่อนได้ทำให้ชีวิตอันยาวนานของข้าไม่อาจผูกวาสนากับใครได้อีก"

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!