แต่ที่กำลังตามสืบอยู่เนี่ยไม่ใช่เรื่องของนางเองสาวนะ พอดีเรื่องนั้นมันยังไม่มีจังหวะ
แต่เนี่ยข่าวใหม่ เขาว่ากันว่าดาราหนุ่มใหญ่ที่กำลังถูกฉันจับตามองอยู่เนี่ย ชอบลวนลามพนักงานเด็กสาววัยกรุบกริบที่อ่อนต่อโลก จะได้ไม่กล้าหือ
แต่ฉันสงสัยอยู่อย่างว่าทำไมถึงไม่มีข่าวประจานหลุดออกมาเลยสักราย เหยื่อของนายคนนี้ไม่ออกมาแฉบ้างเหรอ มันต้องมีสักคนแหละที่กล้า แต่นี่กลับไม่มีเลยสักคนเดียว
อุ้ย เป้าหมายเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่นแล้ว
เมื่อเขาคนนั้นกำลังจะเดินเข้าไปยังที่นั่ง แขนของเขาก็เข้าไปเฉียดหน้าอกน้องพนักงาน จนเด็กเสิร์ฟสะดุ้งและถอยเท้าออกห่างเล็กน้อยก่อนจะทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
โอโห้เล่นแบบนี้จะจะตากลางร้านเลยเหรอเนี่ย ว่าแล้วฉันก็ตั้งกล้องเล็งโฟกัสทันที นิ้วโป้งเตรียมพร้อมไว้ที่ปุ่มกดถ่าย ฉันว่าต้องไม่ได้มีครั้งเดียว จะได้เตรียมรัวหลาย ๆ ช็อต เก็บสะสมเป็นหลักฐานพอมีเยอะ ๆ ก็จะได้ดิ้นไม่หลุด
ฉันยืนรอให้เหตุการณ์มันเกิดขึ้นอีกรอบ แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย จนกระทั่งเขาเช็กบิล
ดาราหนุ่มคนนั้นก้มตัวเก็บกระเป๋าตังที่แกล้งเขี่ยลงพื้นเมื่อครู่ และมือค่อยหยิบ…กระจกขึ้นมาส่อง!?
ฉันหรี่ตามองหน้าจอมือถือก่อนเอามันออกและใช้สายตามองไปข้างหน้าแทน
โธ่! มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังขัดขวางการทำงานของฉัน ขยับออกไปนิดสิ ฉันเปลี่ยนตำแหน่งส่องไม่ได้เสียด้วย เดี๋ยวเป้าหมายจะรู้ตัว ตรงจุดที่ฉันยืนมันเป็นมุมอับและมองได้กว้างซะด้วย
โอ๊ย ยัยผู้หญิงชุดจั้มสูทมายืนส่องกระจกอะไรตรงนี้
ไม่นานเธอก็เดินออกจากรัศมีกล้องไป แต่เขาคนนั้นหายไปแล้ว หายไปไหนวะ
ฉันรีบสาวเท้าตรงไปยังบริเวณร้าน กวาดตามองพลางแกล้งยกโทรศัพท์มือถือขึ้นแนบหูเหมือนกับว่ากำลังโทรตามเพื่อน
โคร่ม!
ฉันรีบหันไปตามเสียงที่มาจากด้านข้างของลำตัว ก็เห็นกระเป๋าตกอยู่ที่พื้น ข้าวของกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นพร้อมกับเจ้าของกระเป๋านั่งจับกบอยู่ข้างของของตัวเอง
เจ้าของกระเป๋าไม่ใช่ใครที่ไหน ยัยชุดจั้มสูทเมื่อกี้นั่นเอง
ฉันมองเธอก่อนที่หางตาจะพลันเหลือบไปเห็นเป้าหมายที่ฉันกำลังตามอยู่ แต่คนดีอย่างฉันคงต้องช่วยผู้หญิงคนนี้ก่อน
“เป็นไรไหมคะ ฉันช่วย” ฉันยืนมือให้เธอแต่ทว่ากลับถูกปัดออก เธอปฏิเสธความหวังดีของฉันซะงั้น
“สกปรก! ชนฉันแล้วไม่ขอโทษอีกเหรอ นิสัยไม่ดีเลยคนสมัยนี้” เธอรีบดันตัวเองลุกขึ้นก่อนที่จะอายคนอื่นไปมากกว่านี้
“โอ๊ย ว๊ายยยย” เธอร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อเท้าสัมผัสกับพื้นจากนั้นร่างเธอก็เอนไปทางข้างหน้า ฉันรีบคว้าเอวเธอไว้ก่อนที่เธอจะล้มลงอีกครั้ง
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ” ฉันถามซ้ำอีกรอบก่อนบอกถึงความบริสุทธิ์ของตัวเองให้อีกฝ่ายฟัง “เอ่อแต่ว่าฉันไม่ได้เป็นคนชนนะคะ คุณเข้าใจผิดแล้ว”
เธอล้มเองแล้วมากล่าวหาฉันว่าเป็นคนชน
“อี๋สกปรก ปล่อยนะปล่อย”
“คะ?”
เป็นอะไรของเขา ว่าแต่ทำไมฉันรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นเสียงผู้หญิงคนนี้จัง
“มือเธอน่ะสกปรก ปล่อย!”
ปล่อยก็ปล่อย ว่าแล้วฉันก็ทำตามที่เธอบอกโดยการปล่อยมือที่กำลังพยุงเธอออก
โคร่ม! “โอ๊ยใครบอกให้ปล่อย”
เสียงตวาดแว๊ดดังขึ้นทะลุแก้วหูของฉัน
ตกลงจะให้ปล่อยหรือไม่ให้ปล่อย
“ก็คุณเป็นคนบอกฉันเอง” ฉันตอบออกไปพลางก้มมองเธอที่ล้มคะมำอยู่ตรงหน้า
“ก็ไม่ใช่ปล่อยแบบนี้ไหม!” เธอนิ่วหน้าจ้องฉันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
สรุปฉันเป็นคนผิดเหรอเนี่ย
“ฉันว่าคุณลุกขึ้นก่อนเถอะ คนมองทั้งห้างแล้ว”
ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาเริ่มหันมามองว่าเกิดอะไรขึ้น บางคนก็ซุบซิบกันก่อนจะยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูป
เธอยื่นมือมาตรงหน้าฉัน
“ดึงขึ้นสิ ยืนมองอะไรอยู่เล่า ช่วยฉันหน่อย เธอเป็นคนผิดนะ”
ฉันถอนหายใจก่อนพยุงเธอไปนั่งม้านั่งทรงกลมที่ตั้งอยู่กลางทางเดิน
“โอ๊ย”
เธอโอดโอยเดินกะเผลก
“คุณนั่งพักตรงนี้ก่อนแล้วกันค่ะ เดี๋ยวฉันไปเก็บของคุณให้”
จากนั้นฉันจึงก้มเก็บของของเธอที่กระจัดกระจายไปทั่วก่อนจะนำมันมาให้เธอ
เธอคว้าไปจากมือฉันก่อนจะคุ้ยบางอย่าง
“งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”
เฮ้อ สุดท้ายวันนี้ฉันก็ไม่ได้อะไรนอกจากมีเรื่องกับผู้หญิงคนนี้
“เดี๋ยวอย่าเพิ่งไป”
เธอคว้ามือฉันไว้ ฉันจึงจำเป็นต้องหันกลับไป
“มีอะไรรึเปล่าคะ”
“อย่าเพิ่งไปจนกว่าฉันจะเช็กจนแน่ใจแล้วว่าเธอไม่ได้ขโมยของฉันไป” ว่าจบเธอก็คุ้ยกระเป๋าของเธอต่อ โดยที่อีกมือยังคงจับฉันไว้
สงสัยกลัวฉันจะหนี
“ฉันอุตส่าห์ช่วยคุณนะ แล้วจะมากล่าวหากันแบบนี้ได้ยังไง”
“ช่วยเหรอ? แกล้งชนแล้วทำมาเป็นช่วยเหลือเพื่อปล้นฉันมากกว่า เป็นแก๊งตกทองหรือเปล่าก็ไม่รู้”
เอาเข้าไป! ฉันกลายเป็นโจรตกทองไปซะแล้ว
ช่างเถอะยังไงวันนี้งานก็ล่มไปแล้ว จะเสียเวลาตรงนี้อีกหน่อยก็คงไม่เป็นไร
ฉันยืนสักพักเมื่อเห็นว่ามันเริ่มนาน จึงเปลี่ยนเป็นนั่งลงข้าง ๆ เธอ
เธอหันหน้ามองฉันพลางขยับตัวออกห่าง แต่ก็ยังคงจับมือฉันไว้แน่น
“คุณไม่ต้องระแวงฉันหรอก แค่เมื่อยเลยนั่งน่ะ แล้วมือน่ะเลิกจับได้แล้ว หาของมือเดียวมันจะเสร็จตอนไหน”
“ถ้าเธอหนีล่ะ”
“ไม่หนีหรอก จะเอาเบอร์โทร เลขที่บ้านไว้เลยมะ” ฉันประชดออกไป
“เอา!”
ฉันนั่งอ้าปากมองเธอ ฉันแค่ประชดเล่นไม่นึกว่าเธอจะจริงจังขนาดนี้
“ไหนบอกจะให้ เอามาสิ เร็ว” เธอกระดิกนิ้ว
“เอาจริงเหรอ”
“จริง เอามาสิ ลีลาอยู่นั่น หรือเป็นโจรจริง ๆ เป็นโจรจริงใช่ไหม” เธอเบิกตาก่อนจะอ้าปากทำท่าเหมือนจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ
“เอามือถือคุณมา เดี๋ยวเมมให้” ฉันรีบพูดตัดก่อนที่เธอจะร้องออกไป ดูท่าแล้วน่าจะร้องออกไปจริง ๆ
เธอยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้ฉัน เมื่อเมมเบอร์ตัวเองเสร็จจึงส่งคืน
“ใบข้าวผู้ปิดทองหลังพระ?” เธออ่านชื่อที่ฉันเมมให้
“ช่างกล้า มันต้องแบบนี้” จากนั้นเธอก็ลบและพิมพ์บางอย่างแทน แต่เมื่อฉันจะชะโงกดูเธอก็ซ่อนมันไม่ให้ฉันอ่านเห็น
“แล้วคุณชื่ออะไรคะ”
ฉันถามเธอ ในเมื่อเธอรู้ชื่อของฉันแล้ว ฉันก็ควรจะรู้ชื่อของเธอเหมือนกัน
เมื่อฉันถามออกไป เธอทำหน้าเหวอใส่
“ไม่รู้จักฉันจริง ๆ เหรอ”
“ไม่ค่ะ”
“ไปอยู่หลุมไหนมาฮะ ที่บ้านไม่รู้จักทีวีเหรอ แต่สมัยนี่เน็ตก็เข้าถึงทุกพื้นที่แล้วนะ ให้ตายสิ! ไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าฉันเป็นใคร”
“เอ้า คุณยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร แล้วทำไมฉันต้องรู้”
“โอ๊ย บ้านเธออยู่หลังเขาแน่ ๆ”
“แล้วสรุปของหายไหมคะ” ฉันตัดบท ตอนนี้อยากกลับบ้านไปนอนเต็มทีแล้ว
“ไม่มียังหาของที่เธอขโมยไปไม่มี ถ้ามีเมื่อไหร่โทรจิกแน่นอน ไม่ต้องห่วง”
“งั้นมือค่ะ” ฉันชี้ไปที่มือของตัวเอง
“ก็ไม่ได้อยากจับหรอก แค่มันจำเป็น” เธอรีบปล่อยออกแล้วก็หยิบบางอย่างขึ้นมาบีบใส่จนเกือบล้นมือ
“เจลล้างมือ? ทำไมใช้เยอะอย่างนั้นล่ะคะ”
“ฆ่าเชื้อสิ จับเชื้อโรคมาก็ต้องทำให้มันสะอาด”
เอ๊ะ! นี่หลอกด่าฉันหนิ
“งั้นขอตัวก่อนนะคะ”
เธอเหลือบมองฉันพลางยกไหล่และยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาบางคน
ทีแรกฉันก็กะว่าจะนั่งเป็นเพื่อนเธออยู่หรอก เห็นว่าเจ็บขา แต่ทำกันถึงขนาดนี้ คงไม่เป็นอะไรง่าย ๆ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 29
Comments