บทที่สี่​ 2/2

หลังจากเลือกชุดที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว ก็ทำการวัดเสื้อผ้าเพื่อให้ชุดเข้ารูป และทางร้านก็ได้นัดวันมารับเสื้ออีกสามวัน

ระหว่างทางกลับบ้านดริสเซลล่าได้ร้องขอเลดี้เทรเมนว่าจะอยู่เที่ยวตลาดก่อนแล้วค่อยกลับ หล่อนจึงให้สะตุ้งสตางค์มาใช้คนละเล็กน้อย พอซื้อของกินได้สองสามอย่าง

“มาดูเครื่องประดับร้านนี้สิอนาสตาเซีย ดอกไม้สีแดงแซมขาว เป็นไง สวยไหม” เธอนำกิ๊ฟทาบผม

“อย่าบอกนะว่าจะใส่ไปงานเลี้ยงน้ำชาอะไรนั่น”

“ก็ใช่น่ะสิ แล้วจะให้ใส่ไปงานไหนล่ะ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าฉันจะต้องเด่นที่สุดในงานนี่น่ะ”

“ได้เด่นสมใจอยากแน่ ๆ เจ้าค่ะคุณพี่” ฉันประชดประชันแต่ดูเหมือนว่าเด็กน้อยผมแดงจะไม่เข้าใจ

“ดี คิดได้อย่างนี้ก็ดี เอาชิ้นนี้แหละ สุดยอด...แล้วเธอไม่ซื้อเหรอ ไร้เครื่องประดับอายคนในงานแย่เลย”

“น่าอายตรงไหน ชุดฉันรายละเอียดเยอะแล้ว ไม่เอาเพิ่มหรอก”

“ไม่ได้! เธอต้องซื้อ ให้สมกับเป็นน้องฉันหน่อย ถ้าไปตัวโล่ง ๆ แบบนี้ฉันอายคนอื่นแย่เวลาแนะนำว่าเธอคือน้องสาวแท้ ๆ”

ขนาดนั้นเชียว?

“อืม ๆ ซื้อก็ซื้อ” ฉันกวาดสายตามองรอบ ๆ ก่อนไปสะดุดกับสร้อยเส้นเล็กสีเงิน มีจี้เป็นดอกไม้สีแดง ฉันเอื้อมมือหยิบมันขึ้นมาพิจารณา

“อุ้ย เข้ากับสีชุดฉันเลย หรือจะเปลี่ยนมาเป็นสร้อยเส้นนี้ดี”

“หยุด! ห้ามแย่ง ไม่งั้นฉันจะไม่ซื้อ ไม่ใส่อะไรทั้งนั้น” ฉันรีบห้ามก่อนที่จะโดนแย่งไป

“ไม่แย่งก็ได้ งั้นไปรอร้านขนมตรงนั้นนะ” หล่อนชี้ไปทางด้านหลัง

ฉันพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนจะหันกลับมามองสร้อยในมือต่อ

“เส้นนี้แล้วกัน สดใสดี...เอาเส้นนี้ค่ะ”

“แม่หนูตาถึงมากเลยนะ เส้นนี้เพิ่งมาถึงสด ๆ ร้อน ๆ ดอกคาร์เนชั่นสีแดง หนูรู้ความหมายของมันไหมจ้ะ”

“ไม่ค่ะ แล้วมันหมายถึงอะไรเหรอคะ?”

“เป็นความหมายที่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเรากำลังแอบชอบเขาอยู่ยังไงล่ะจ้ะ แอบชอบใครก็ให้คนนั้น สมัยป้าสาว ๆ นะ ไม่อยากจะนึกเล้ยยย ผู้ชายนี่ต่อกันเป็นหางว่าว”

“เอ่อ....ราคาตามนี้เลยใช่ไหมคะ?”

“เดี๋ยวป้าลดให้หนูเป็นพิเศษจ้ะ มา มา มาฟังต่อ สมัยป้าสาว ๆ นะ....”

“ขอบคุณนะคะ นี่ค่ะ” ฉันรีบยื่นเงินตามจำนวนที่ลดราคายัดใส่มือคนขายก่อนที่ป้าแกจะพาย้อนอดีตไปไกลกว่านี้ เครื่องเริ่มติดถ้าฉันไม่รีบตัดมีหวังต้องอยู่ฟังจนตะวันลับฟ้าเป็นแน่

“อ่าว แม่หนูไปไหน ป้ายังเล่าไม่จบเลย เรื่องเพิ่งจะเริ่มเองนะ รับรองว่าฉากต่อไปสนุกแน่นอนแม่หนู”

“ขอบคุณค่ะ ไว้วันหลังหนูจะมาฟังใหม่นะคะ วันนี้ขอตัวค่ะ” ฉันกึ่งเดินกึ่งวิ่งให้ออกห่างจากร้านขายเครื่องประดับให้ไกลที่สุด

เห้อ…ป้าขาเม้าท์มอยมีทุกที่จริง ๆ ตามมาหลอกยันฝัน ก่อนหน้านี้ฉันไปเจอใครมานะ ถึงได้ฝันถึงป้าขาเม้าท์แบบนี้

“หนีอะไรมา หอบเหนื่อยเชียว” ดริสเซลล่าถาม ในมือถือขนมปังรูปปลา

“อุ้ย มีไทยากิด้วยเหรอ!”

“ไทยากงไทยากิอะไร นี่มันปังปลา”

“ปังปลาก็ปังปลา” ฉันไม่เถียง เอาแรงมาเลือกของกินดีกว่า ฉันดูเงินที่เหลือในมือ ได้สองชิ้นพอดี โชคดีที่ป้าขายสร้อยลดราคาให้

“เอาไส้ถั่วแดงสองค่ะ”

ฉันหนึ่งชิ้น เอลล่าอีกหนึ่งชิ้น เธอจะดีใจไหมนะ หวังว่าจะชอบกินเจ้านี่นะ

“ยิ้มอะไร แล้วทำไมถึงซื้อได้ตั้งสองชิ้น!”

“ยิ้มเพราะมีความสุข ส่วนที่ได้สองชิ้นเพราะว่าสร้อยฉันไม่แพงเท่ากิ๊ฟแดงแรงฤทธิ์ของเธอยังไงล่ะดริสเซลล่า!”

“ฉันเป็นพี่เธอนะ! มาเสียงดังใส่ได้ไง!”

“เธออายุเท่าไหร่กัน?”

“สิบสอง!”

ก็แค่สิบสองฉันนี่สิบห้าจะสิบหกแล้วย่ะ!

“ฉันสิบเอ็ด ห่างกันแค่ปีเดียวอย่ามาข่มหน่อยเลยดริสเซลล่า”

“พี่”

“วันไหนอารมณ์ดีจะเรียกพี่นะ ดริสเซลล่า…อ่อ ไม่ต้องร้องโวยวายด้วย แสบหู กลับบ้านดีกว่า เดี๋ยวไทยากิเย็นหมด”

ฉันทิ้งดริสเซลล่าที่กำลังจะอ้าปากร้องโวกเวกไว้คนเดียว

“นี่ รอด้วยสิ!”

และหล่อนก็วิ่งตามหลัง

“วันนี้พวกเราไม่ต้องออกไปไหนแล้วใช่เปล่า?”

“ใช่”

“ไม่มีเรียนด้วย?” ฉันถามอีก

“ใช่”

“ดี งั้นไปละ ไม่ต้องถามและไม่ต้องตามมานะ พี่อยากจะไปทำอะไรก็เชิญตามสบายเลย” ฉันรีบไล่

“เอลล่า ฉันกลับมาแล้ว เธออยู่ห้องใช่ไหม?”

“เอลลลลลล… ล่า” ขณะกำลังจะเร่งเสียงขึ้นก็ต้องรีบผ่อนเป็นเบา เมื่อเห็นว่าเธอกำลังนอนหลับปุ๋ย ฉันย่องเข้าไปหาเธออย่างเบาฝีเท้าที่สุดเท่าที่เคยทำมา

แน่ะ ไม่กินข้าวที่วางไว้เมื่อเช้าซะด้วย ไม่หิวรึยังไงหะ?

ดื้อจริง

ฉันเอื้อมมือไปเขี่ยปอยผมที่ปรกหน้าเหน็บเข้าข้างหู

“…อือ…”

อุ้ย ทำเธอตื่นไหมนะ ถ้าจะปลุกเธอขึ้นมากินไทยากิ เธอจะโมโหรึเปล่า?

“คุณ! ขอโทษค่ะ มีอะไรให้ฉันไปทำใช่ไหมคะ?” เมื่อเอลล่าลืมตาขึ้น เธอก็เบิกตากว้างไม่มีงัวเงีย ลุกพรวดจนคางฉันกระแทกเข้ากับศีรษะของเธอ

“อะโอ๊ย” ฉันร้องพร้อมเผยสีหน้าเจ็บปวด

“ขะขอโทษค่ะ มะไม่ได้ตั้งใจ ฉันขอโทษ” เธอทรุดตัวลงนั่ง ตัวสั่นเทา เสียงสั่นเครือ

“ใจเย็นก่อน ฉันไม่ได้จะว่าอะไร ฉันไม่เจ็บเลยเห็นไหม? ดูสิ เงยหน้าขึ้นมาดู”

ฉันช้อนคางเธอขึ้นและยิ้มหวาน ๆ

“เห็นไหม หืม? ไม่เจ็บ ไม่โกรธด้วย ดูสิ ถ้าโกรธจะยิ้มสวยแบบนี้เหรอ?”

“อึก อึก ฮืออออ”

คราวนี้ร้องหนักกว่าเดิม ฉันจะปลอบเด็กตรงหน้ายังไงดีนะ

“ถ้าไม่หยุดร้องจะโกรธจริงด้วย!”

ขู่เลยแล้วกัน.. เอ๊ะ ได้ผลด้วย

“….” เอลล่านั่งก้มหน้าเงียบมีเสียงสะอื้นลอดออกมาเล็กน้อย

“เท่านี้ก็สิ้นเรื่อง คราวนี้ลุกขึ้นมานั่งดี ๆ” ฉันจับเธอลุกขึ้นให้มานั่งบนเตียง

“แล้วทำไมข้าวเช้าไม่กิน ไม่หิวเหรอ คนอุตส่าห์เอามาให้ตอนร้อน ๆ ดูสิเย็นหมดแล้ว แต่ไม่เป็นไร นี่! ไทยากิ ซื้อมาฝาก ไม่รู้ว่าชอบกินอันนี้รึเปล่านะ”

ฉันยื่นไทยากิสอดไส้ถั่วแดงให้เธอ

“รับไปสิ มัวมองอะไรเล่า รีบกินตอนร้อน ๆ เดี๋ยวเย็นชืดจะหมดรสชาติ”

และฉันก็ยัดใส่มือเธอ

“นี่ถ้าไม่กินให้ดูตอนนี้ก็จะป้อนแล้วนะ ป้อนจริง ๆ นะ”

เอลล่าพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนลองงับคำเล็ก เมื่อได้ชิมคำแรก ก็มีคำที่สอง สาม สี่

“ค่อย ๆ กิน เร็วไปแล้ว เดี๋ยวติดคอ…”

“แค่ก แค่ก”

“นั่น ไม่ทันขาดคำ เอ้าน้ำ” ฉันคว้าขวดน้ำข้างเตียงยื่นให้เธอ

“ชอบใช่ไหม หรือหิวเนี่ย” ฉันบ่นกับตัวเอง แต่ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะโต้ตอบกลับ

“ชอบ อร่อยมากเลยค่ะ” เธอก้มหน้าพูด เหมือนรวบรวมความกล้าเพื่อพูดกับอานาสตาเซียผู้แสนชั่วร้าย

“พูดกับฉันได้สักทีนะ ชอบก็กินเยอะ ๆ เดี๋ยววันหน้าจะซื้อมาให้อีก” ฉันลูบหัวเธอเบา ๆ แสดงความอ่อนโยนให้เห็น

หวังว่าจะทำลายกำแพงที่ตั้งไว้สูงลิ่วได้นะ

“ขอบคุณนะคะ”

“นี่ เลิกพูดแบบเป็นทางการ พูดคุยสบาย ๆ น่ะ ตั้งแต่วันนี้ฉันจะเป็นทั้งเพื่อนแล้วก็พี่ ไม่ต้องกลัวหรือเกร็งฉันอีกแล้วได้ไหม?”

“….” เอลล่าเงียบไปสักครู่ สีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก แต่แล้วก็พยักหน้า ยิ้มแป้น

“ยิ้มแบบนี้บ่อย ๆ ด้วย น่ารัก”

“ค่ะ!” เธอตอบรับหนักแน่น เสียงแจ่ว

“ดีมากกกก แล้วชอบกินอะไรอีกนอกจากอันนี้?”

“ไม่รู้ค่ะ.. ไม่เคยกิน”

เดี๋ยวนะ เมื่อเช้าตอนออกไป ยัยสองแม่ลูกนั่นก็ล็อกกลอนจากด้านนอก

อย่าบอกนะว่า….

“เอลล่าเคยออกไปนอกบ้านรึเปล่า?”

“ค่ะ ออกค่ะ”

ฟู่! แล้วไป เผลอคิดว่าถูกขังตายที่นี่ซะอีก

“อ่าว แล้วทำไมถึงไม่เคยกินขนมพวกนี้ล่ะ?”

“เอลล่าไปแค่ตลาด ซื้อของมาทำกับข้าว แต่ก็นาน ๆ ที ซื้อครั้งหนึ่งก็ใช้ได้หลายเดือน อีกอย่างหลังบ้านก็มีแปลงผัก”

ออร์แกนิคซะด้วย

“งั้น.. พรุ่งนี้พวกเราไปข้างนอกกัน! ตกลงไหม?” ฉันเสนอ แต่เธอส่ายหน้า “อ่าว นึกว่าจะดีใจ” เสียงจ๋อยลงทันที

“ออกไปไม่ได้หรอกค่ะ เอลล่าออกไม่ได้” เธอเอ่ยเสียงเศร้า

“มีฉันอยู่ ออกได้แน่นอน รับประกัน เอาหัวเป็นประกันเลยเอ้า! เกี่ยวก้อยสัญญา” ฉันยื่นนิ้วก้อยออกไป “มองอะไรเล่า เกี่ยวก้อยแบบนี้ไง” และฉันก็เอานิ้วก้อยของตัวเองควงเกี่ยวกับเธอ

“ดึกแล้ว พักผ่อนเถอะ ฉันไม่กวนแล้ว พรุ่งนี้เจอกันนะเอลล่า” ฉันบอกลาและไม่ลืมที่จะขโมยหอมแก้มเป็นครั้งสุดท้าย

คิดแล้วก็น่าใจหาย

“เห้อ” ฉันถอนหายใจ นอนมองเพดานห้อง ดันไปสัญญาอะไรแบบนั้นเข้า รู้สึกผิดชะมัด

ช่างเถอะ ไม่รู้ด้วยแล้ว พักผ่อน เตรียมตัวตื่นไปรับกรรมที่ห้องสมุดต่อแล้วกัน

จากนั้นก็ผล็อยหลับไป

ฮอต

Comments

ฟิวแห่งแสงจันทรายามค่ำคืน☆

ฟิวแห่งแสงจันทรายามค่ำคืน☆

อัพอีก

2023-05-19

0

ทั้งหมด

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!