บทที่สาม

ฉันยิ้มในขณะหลับตา ตอนนี้กำลังรอพบกับความเป็นจริงสักที เป็นการฝันที่สั้นแต่เหมือนยาวนานมาก ถ้าให้คาดคะเน ตอนนี้ฉันน่าจะนอนอยู่ในห้องพยาบาลของโรงเรียน โดยมีแสนดีนั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่ข้าง ๆ … น่าจะรอด่าตอนฉันตื่น อันนี้น่าจะเป็นไปได้มากกว่า

ฉันกวาดมือคลำไปรอบเตียง และมือก็ไปชนเข้ากับอีกมือหนึ่งเข้า

แสนดีมานั่งรอฉันฟื้นเลยเหรอเนี่ย ถึงปากจะหมาหน่อย ๆ แต่ก็แอบเป็นห่วงเพื่อนไม่เบา

ฉันกำมือหมับเข้าให้ ลุกขึ้นลืมตาหันไปด้านข้าง

“เซอร์ไพรส์!.........”

“โอ๊ย! เป็นบ้าอะไรของแก! แหกปากอะไรตั้งแต่เช้ามืด นี่มันวันหยุดนะ! ไม่มีเรียน! ไม่ต้องตื่นเช้า! อนาสตาเซีย!”

อ… นาส.. ตา.. เซีย…

นี่ฉันยังไม่ตื่นจากฝันอีกเหรอ! นี่มันอะไรกัน มันเกิดอะไรขึ้น

ฉันหยิกแขนตัวเองแรง ๆ “โอ๊ยเจ็บ! เจ็บ!”

บ้าน่ะ ไม่จริง ลองใหม่

“โอ๊ยยยยย! อั๊ก!” ฉันทำการทดลองหยิกตัวเองซ้ำเพื่อความแน่ใจ และสิ่งที่ทำให้แน่ใจที่สุดก็คือ… ถูกดริสเซลล่าถีบส่ง

ตอนนี้ฉันร่วงอยู่บนพื้น

“รำคาญ จะนอน!” หล่อนถีบฉัน เอาหมอนอุดหูตัวเองและล้มตัวลงตามเดิม

ฉันพยายามหาคำตอบโดยการหลับตา ลืมตา วนไปวนมาสิบกว่ารอบ แต่ทุกครั้งที่หลับตาและตื่นขึ้นมา ฉันก็ยังคงเป็นอนาสตาเซียอยู่เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป

“เราหลับลึกถึงขั้นนี้เลยเหรอโสน” ฉันนั่งห่อไหลขัดสมาธิถอนหายใจหลายเฮือก “บางทีเวลาในฝันอาจจะนานกว่าชีวิตจริง เล่นตามบทไปอีกสักวันจะเป็นไรไป”

เมื่อฉันคิดได้อย่างนั้นแล้ว จึงลุกขึ้นช้า ๆ ย่องออกจากห้องนอน เปิดและปิดประตูอย่างเบามือที่สุด เพราะกลัวจะโดนลูกถีบของยัยเด็กหัวแดง ตัวก็เล็กแต่แรงนี่มหาศาล ป่านนี้ฉันยังเจ็บก้นไม่หาย

“ไปหาเอลล่าดีกว่า เมื่อวานขโมยหอมแก้มแล้ว วันนี้ลองตรงนั้นดูบ้างดีกว่า กริ๊ดดด! คิดบ้าอะไรของแกเนี่ยนังโสน พรากผู้เยาว์ ไม่ดี ๆ หรือจะดี....”

ความคิดดี ๆ ในเรื่องชั่ว ๆ ผุดขึ้นเต็มหัวไปหมด แค่เมื่อวานก็เขินจะแย่อยู่แล้วนังโสน วันนี้จะลองที่ปากอีกเหรอ อุ๊ย! ฉันคิดอะไรออกไป

“บ้า บ้า บ้า”

ฉันเม้มปากหน้าแดงอยู่คนเดียว

เมื่อลงไปที่ห้องใต้ดินกลับไม่พบใคร ไหน ๆ ก็ลงมาแล้วจึงถือวิสาสะเดินสำรวจห้อง

ห้องจัดเป็นระเบียบเรียบร้อย ของทุกอย่างวางเป็นที่เป็นทาง ผ้าปูที่นอนตึงเปรี๊ยะ ผ้าห่มพับเรียบร้อย มุมแต่ละด้านเสมอกัน เสื้อผ้าแต่ละตัวก็เช่นกัน ไม่มีเบี้ยวสักองศา

“ไปไหนของเขาแต่เช้านะ”

ฉันบ่นไม่ทันไร เจ้าของห้องก็กลับเข้ามาพอดิบพอดี

“อ่าว มาแล้วเหรอ เมื่อคืนหลับสบายดีไหม?”

นี่ฉันถามอะไรโง่ ๆ ออกไป ห้องอับชื้นขนาดนี้ สบายดีก็บ้าแล้ว

“เอ่อคือ… สบายดีค่ะ” เธอก้มหน้างุดอย่างหวาดระแวง

“หลบตากันทำไมละ” หรือทำตัวไม่ถูกเพราะเรื่องเมื่อคืน ฉันจะยังไม่พูดถึงแล้วกัน ปล่อย ๆ ไปก่อน

“ไม่ต้องค่ะกับฉันก็ได้ ว่าแต่ตอนนี้เธออายุเท่าไหร่?”

“เก้า...ค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่ว

“บอกว่าไม่ต้องค่ะไง แล้วฉันล่ะอายุเท่าไหร่?”

“…..”

“ไม่ต้องสงสัย ตอบมา ฉันอายุเท่าไหร่?”

“สิบเอ็ด…ค่ะ”

เธอเก้าขวบ ส่วนฉันสิบเอ็ด ห่างกันสองปี จะว่าไปฉันอายุสิบเอ็ดก็ต้องเตรียมตัวมีครอบครัวตั้งแต่ตอนนี้เลยเหรอ!? จะบ้าตาย!

ที่ผ่านมาอนาสตาเซียต้องร้ายขนาดไหนนะถึงทำเด็กน้อยผู้แสนน่ารักคนนี้กลัวจนหัวหดได้แบบนี้

ต่อไปนี้ระหว่างที่กำลังท่องเที่ยวในฝันฉันจะเป็นพี่สาวที่แสนดีให้เอง!

“ก็บอกว่าไม่ต้องค่ะไง เราสองคนห่างกันสองปีเอง”

“ค่ะ”

“…….” เดี๋ยวแม่จับกดซะ จะได้เลิกมีหางเสียง “แล้วทำไมตื่นเช้าจัง ไปไหนมาเหรอ?”

“ทำความสะอาดครัว เตรียมอาหารเช้าค่ะ”

“อาหารเช้าเสร็จแล้ว งั้นไปกินด้วยกันปะ”

ฉันดึงมือเธอ แต่เธอฝืนไว้

“ทำไมล่ะ? ไปกินด้วยกัน เธอเป็นคนทำนี่ มากินพร้อมกันเถอะ”

เอลล่าส่ายหน้ารัว ๆ “ไม่ได้”

“อ่าว งั้นปรกติกินอยู่ไหน?”

“ต้องรอให้ทานกันเสร็จก่อน เอลล่าถึงได้ทาน” เธอหลุบตาลงต่ำและเหมือนอยากจะเอ่ยอะไรต่อ

“มีอะไรมากกว่านี้หรือเปล่า?”

“ปะ เปล่าค่ะ”

ดูก็รู้ว่าไม่จริง แต่ถ้าฉันถาม เธอคงไม่ยอมตอบแน่ ๆ

“ดริสเซลล่า! อนาสตาเซีย! ทานอาหารเช้าได้แล้ว จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน! อย่าให้ฉันต้องขึ้นไปตามถึงในห้องนะ!” เสียงตะโกนของเลดี้เทนเมนร้องดังทั่วบ้าน

อยากอยู่ตรงนี้ต่อจัง…แต่ดูจากน้ำเสียงของเลดี้เทรเมน ถ้าฉันไม่ขึ้นไปเตรียมกินข้าว มีหวังคอขาด

“ไปก่อนนะ” ฉันรีบวิ่งสปีดขึ้นข้างบนทันที “มาแล้วค่ะคุณแม่”

“พี่แกล่ะอยู่ไหน?”

“น่าจะอยู่ที่ห้องค่ะคุณแม่”

“แล้วทำไมไม่ตามพี่แกลงมาด้วย!” เธอบอกอย่างหัวเสีย

“งั้น…” จะไปตามให้ค่ะ ยังได้ทันจะพูดจบประโยค เลดี้เทรเมนก็ตะโกนเรียกดริสเซลล่าและตรงไปยังหน้าห้องนอนเสียก่อน

“ดริสเซลล่า! ดริสเซลล่า!”

“คะ ค่าาาาาา!”

“ขานรับแล้วก็รีบออกมา ดูน้องแกเป็นตัวอย่างสิ๊ ไม่รู้ลมอะไรหอบให้ตื่นเช้า แต่งตัวพร้อมรับประทานอาหารขนาดนี้”

เอ๊ะ? นี่หล่อนกำลังชมฉันใช่ไหม? ทำไมรู้สึกเหมือนโดนด่า

“รีบเร็วเข้า วันนี้ฉันต้องพาพวกแกไปลองเสื้อผ้า กว่าจะเสร็จคงทั้งวัน”

เมื่อดริสเซลล่านั่งประจำที่ ฉันก็เอี้ยวตัวไปหาเธอ

“นี่พี่ ไปลองเสื้อทำไมเหรอ” ฉันกระซิบ

“สมองเสื่อมแล้วเหรอไง อาทิตย์หน้ามีงานเลี้ยงน้ำชา ไม่ไปลองชุดตัดเสื้อแล้วจะเอาอะไรใส่ กว่าจะตัดแต่ชุดเสร็จ” หล่อนกระซิบกลับ

“แล้วงานเลี้ยงใคร”

“มารยาทบนโต๊ะอาหาร! จะคุยกันอีกนานไหมสองพี่น้อง!!”

ณ ตอนนี้ไม่ว่าพี่สาวหัวแดงของฉันจะทำอะไร ฉันก็ทำตามเธอทุกอย่าง ไม่ว่างนะเดิน นั่ง กิน หรือหยิบจับอะไรใดใด

“รีบกินเข้าล่ะ อีกประเดี๋ยวจะลงมา” เลดี้เทรเมนรวบช้อนส้อม ลุกขึ้นเดินขึ้นบนห้อง

ฉันนั่งมองหล่อนจนลับสายตา จึงกระโดดลงจากที่นั่ง เก็บจานชามไปไว้ในครัว เคลียร์เศษอาหารลงถัง ก่อนจะเปิดตู้เย็นและหยิบกล่องใบใสมาไว้ในมือ

“เข้าไปทำอะไรในครัวน่ะอนาสตาเซีย”

“ก็เห็นอยู่ว่ากำลังทำอะไร ถามแปลก ๆ กินเสร็จแล้วก็เอามาเก็บตรงนี้ด้วยล่ะ ฝากล้างจานด้วยก็จะดีมาก” หลังจากบอกเสร็จฉันจะรีบตักข้าวและกับใส่จานและวิ่งออกไป ปล่อยให้ดริสเซลล่านั่งมึนกับคำพูดของฉัน ก่อนจะมีเสียงตะคอกไล่หลัง

“พูดบ้าอะไรของแก! นั่นมันหน้าที่นังซิน!”

“นังเด็กหัวแดงเอ๊ย” ฉันบ่นงึมงำ ก่อนจะก้าวขาลงไปยังห้องใต้ดิน

“พี่ต้อง.....เอลล่า เอลล่าอยู่รึเปล่า?” ฉันแสร้งทำเป็นตะโกนถามเพื่อให้เจ้าของห้องรู้ว่าฉันกำลังลงไปหาเธอ

ตามคาด ไม่มีเสียงใดใดตอบกลับมา สรุปเธอกลัวหรือไม่กลัวกันแน่ ถ้าตามปรกติแล้ว กลัวก็ต้องขานตอบสิ

เมื่อฉันลงไปถึงก็พบว่าเธอกำลังขะมักเขม้นตั้งใจเย็บปักเสื้อของตัวเองอยู่

“ที่แท้ก็ไม่ได้ยินเสียงเรียกนี่เอง จะว่าไปน่ารักจัง”

ฉันวางจานข้าวไว้ตรงโต๊ะข้างเตียง จากนั้นจึงย่อตัวนั่งลง ก้มมองเอลล่าที่กำลังมีสมาธิกับสิ่งในมือ

เธอจะรู้ไหมนะว่าฉันอยู่ตรงนี้ ข้างหน้าเธอ

“สวยจัง”

เมื่อเสียงของฉันเปล่งออกไป คนตัวเล็กก็สะดุ้ง แหงนหน้าขึ้นมองก็ต้องสะดุ้งตกใจอีกครั้ง

“โอ๊ย” เธอร้องพร้อมกับปล่อยเข็มและผ้าในมือ

“อุ้ย ขอโทษ ตกใจเหรอ” ฉันรีบคว้ามือเธอมาดู และเอลล่ากำลังจะชักมือกลับ แต่ทว่าฉันรู้ทันเธอจึงดึงรั้งไว้

“ปะ เปล่าค่ะ”

“เปล่าอะไรกัน เห็นอยู่ว่าตกใจ ขอโทษน้าาาา ไม่ได้ตั้งใจ” และฉันไม่รอให้เธอเอ่ยปฏิเสธอะไรต่อทั้งนั้น “มาล้างแผลก่อน ตามฉันมา” ฉันลากเธอไปยังห้องน้ำ แต่ก็ต้องเบรกเมื่อเห็นสภาพห้องน้ำของห้องนี้ ล้างแผลที่นี่มีหวังติดเชื้อตายกันพอดี

ห้องน่ะสะอาดนะ แต่บรรยากาศมันชวนให้รู้สึกสกปรก

“ไปล้างห้องข้างบนดีกว่า” ฉันหันไปบอกกล่าว และฉุดเธอให้เดินตาม

“ไม่เอาหรอกค่ะ เดี๋ยวมีคนเห็น”

“ไม่มีหรอกน่า แป๊บเดียวเอง” ฉันเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง “เวลาเหลือเฟือ ถ้าช้ากว่านี้เกรงว่าจะไม่ทัน รีบเดินเข้ามาเถอะ อย่าได้กังวลอะไรเลย”

“....”

“มาเถอะน่า” ฉันดึงเอลล่าเข้ามา พร้อมปิดประตูลงกลอน “ปิดประตูแล้ว สบายใจได้แล้วนะ”

เอลล่าพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเกร็ง ๆ

“เอามือมานี่" ฉันเปิดก๊อกน้ำให้น้ำสะอาดไหลผ่านแผล ชำระล้างเลือด และบีบเลือดเสียออกให้เธอ “รออยู่ในนี้นะเอลล่า เดี๋ยวฉันจะไปเอากล่องยามาให้ ใส่ยาฆ่าเชื้อสักหน่อย”

“ไม่เอา! ไม่ใส่!” เธอตะคอก

เสียงตะคอกทำเอาฉันชะงักไปชั่วครู่ มีอารมณ์เกรี้ยวกราดกับเขาเหมือนกันแฮะ

“ขอโทษค่ะ” เธอก้มหน้าตัวสั่น เมื่อรู้ตัวว่าเมื่อครู่ทำอะไรลงไป

“ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” ฉันยกสองมือขึ้นจับต้นแขนเธอ ตบแขนเบา ๆ เชิงปลอบใจ “ใส่ยาหน่อย ฉันจะได้สบายใจว่าจะไม่เป็นอะไร นะ”

เธอไม่ตอบแต่ส่ายหัวรัว ๆ ไม่นานน้ำตาก็ร่วงแหมะลงพื้นเป็นสาย

“เอ่อ... ไม่ใส่ก็ไม่ใส่ งั้นล้างสบู่อีกสักรอบ โอเคนะ?” ฉันเอียงหน้ามองเอลล่าที่กำลังก้มร้องไห้ “ตามนั้นแล้วกัน เอามือมานี้”

เธอไม่ตอบแต่ยื่นมือให้แต่โดยดี

“อนาสตาเซีย! แกอยู่ไหน จะไปดูชุดไหมฮะ ฉันกับพี่แกรออยู่นานแล้วนะ!!” เสียงแสบแก้วหูแบบนี้เป็นใครที่ไหนไปไม่ได้

“ค่ะ ค่ะ มาแล้วค่ะ” ฉันตะโกนตอบ

“นี่ ข้าวเช้าฉันวางไว้ตรงโต๊ะข้างเตียงนะ อย่าลืมกินซะละ เข้าใจไหม?”

“....”

“ถามว่าเข้าใจรึเปล่า? ฉันไม่ใส่ยาพิษลงไปหรอกน่า เป็นเด็กดีเชื่อฟังพี่คนนี้ด้วยล่ะ ไปก่อนนะ” ฉันบอกลาเอลล่าและรีบวิ่งอย่างสุดกำลังไปยังหน้าบ้าน

“ต๊ายยยยยย! ทำอะไรทำไมช้าอย่างนี้! แล้วแกจะใส่ชุดนอนออกไปรึยังไงหา! ไปเปลี่ยน!!”

และก็ไม่พ้นโดนตะคอกจนหูชาอีกจนได้

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!